บทที่ 33 ขี้โม้
“แม่คะ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม พวกเขาไม่ได้ทำอะไรแม่ใช่ไหม?” เย่ชิงหยู่รีบเข้าไปประคองมารดาของเธอทันที
จางเจียวเจียวดูเหมือนว่าได้ที่พึ่งพิงในทันที น้ำตาของเธอไหลออกมาอย่างหักห้ามไม่ได้
เธอพยักหน้ารับเล็กน้อย “ฉันไม่เป็นไร”
เมื่อเห็นน้ำตาที่ร่วงรินของจางเจียวเจียว เย่ชิงหยู่เจ็บปวดใจเข้าไปใหญ่ เธอมองไปที่หวงยู่หัวอย่างเค้นเอาคำตอบ “จะทำอะไร? คุณแม่ของฉันทำอะไร? ทำไมพวกคุณถึงได้ฉีกหน้าเธอแบบนี้?”
สำหรับการใช้ชีวิต เธอสามารถอดทนต่อตระกูลจางได้ แต่ตอนนี้ เธอไม่สามารถทนให้คนอื่นมารังแกมารดาของเธอได้
ในสถานการณ์แบบนี้ แค่ดูก็รู้แล้วว่านายอ้วนฉุหูกางฝ่ายตรงข้ามนี่รังแกจางเจียวเจียว
หวงยู่หัวไม่พอใจ พลันกล่าว “อย่าพูดแบบนี้กับผม ถามแม่คุณก่อนว่าทำอะไรลงไป!”
เย่ชิงหยู่จับจ้องทีท่าที่โอหังของหวงยู่หัว พยักหน้ารัว “เถ้าแก่หวง เมื่อก่อนแม่ของฉันก็ถือว่าเป็นลูกค้าประจำของคุณ หลังจากที่ครอบครัวเราเกิดเรื่องขึ้น คุณก็ดูหมิ่นแม่ของฉัน รังแกแม่ของฉันใช่ไหม?”
หวงยู่หัวตอกกลับอย่างหัวเสีย “เธอหมายความว่ายังไง? ฉันรังแกคนอื่นยังไง? เด็กยังเธอมาถึงก็ชี้หน้าด่ากราด เธอเป็นใครกัน? ไม่รู้แก่ใจหรือไง? ลองถามแม่เธอดู ว่าหยกชิ้นนี้มันยังไงกัน?”
เย่ชิงหยู่จ้องมองไปที่หยกชิ้นนั้น นั่นเป็นของที่ฟางเหยียนให้ไว้กับแม่ของเธอไม่ใช่หรือไง?
เธอกล่าวถามอย่างไม่เข้าใจ “แม่คะ นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
ฟางเหยียนจำมรกตนั่นได้ทันที เป็นหยกชิ้นที่เขาให้กับจางเจียวเจียว
จางเจียวเจียวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กับเย่ชิงหยู่ฟัง เมื่อได้รับรู้เรื่องทั้งหมด เย่ชิงหยู่เองก็อึ้งไป
ร้อยล้าน! หากหยกชิ้นนี้มีมูลค่ากว่าร้อยล้านจริงๆ ฟางเหยียนไม่มีเงินขนาดนั้นจริงๆ
แต่ เธอไม่เชื่อว่าฟางเหยียนจะทำเรื่องแบบนั้นได้ ไม่มีทางที่เขาจะขโมยมา
“ฟางเหยียน นี่มันอะไรกัน?” เย่ชิงหยู่จับจ้องฟางเหยียน
เมื่อหวงยู่หัวเห็นร่างจองฟางเหยียน เขาหัวเราะออกมา “เกิดอะไรขึ้น ยังต้องอธิบายอีกหรือ? แกเป็นขโมยมาแน่ๆ ใช่ไหม?”
ฟางเหยียนไม่ได้ตอบคำถามของหวงยู่หัว เขาหันไปมองเย่ชิงหยู่และจางเจียวเจียว
จางเจียวเจียวกล่าวด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “ฟางเหยียน ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีเงิน แต่ก็ไม่เห็นต้องขโมยเลย หยกราคาตั้งร้อยล้าน แกขโมยมาจริงๆ ใช่ไหม?”
ฟางเหยียนวางมือลงบนหัวไหล่ของจางเจียวเจียว พร้อมกล่าวอย่างหนักแน่น “น้าจาง เชื่อผม หยกชิ้นนี้ไม่ได้ขโมยมา ท่านวางใจเถอะ คนที่คิดที่จะรังแกท่าน ผมจะทำให้มันคุกเข่าต่อหน้าท่าน”
ฟางเหยียนเน้นหนัก ที่คำสุดท้าย
เมื่อหวงยู่หัวได้ยิน สีหน้าเขาเปลี่ยนไป เขาอยู่ที่จินโจวมาหลายสิบปี ไม่เคยมีใครกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าเขามาก่อน
คุกเข่า ต่อให้เป็นตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในจินโจวอย่างตระกูลเซียวเอง ก็ยังไม่กล้าสั่งให้เขาคุกเข่า
เพราะงั้นเขาจึงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “แกเป็นใครกัน ปากดีนัก!”
ฟางเหยียนหันไปทางหวงยู่หัว กล่าวถาม “แกแน่ใจนะว่าหยกชิ้นนี้เป็นขิ้นที่แกทำหายไป? เถ้าแก่หวง!”
หวงยู่หัวถลึงตาโตใส่ฟางเหยียน กล่าวอย่างไม่พอใจ “ไม่อย่างนั้น หยกชิ้นนี้แกซื้อมาจากที่ไหนล่ะ?”
ฟางเหยียนถอนหายใจ “เพื่อนคนหนึ่งให้ผมมา เพื่อนคนนี้ของผมคุณเองก็น่าจะรู้จัก หลิวเหอฉางเถ้าแก่ร้านหยกตี้เซิ่งหยวน!”
เมื่อได้ยินชื่อของหลิวเหอฉาง สีหน้าของหวงยู่หัวเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ในเมืองจินโจว ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าร้านหยกตี้เซิ่งหยวนของหลิวเหอฉางนั้นใหญ่ที่สุด และราคาสูงที่สุด
หลิวเหอฉางมีทรัพย์สินมูลค่ากว่าหลายพันล้าน หวงยู่หัวไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา
หากจะบอกว่าหลิวเหอฉางเป็นเพื่อนของฟางเหยียน ให้ตายหวงยู่หัวก็ไม่เชื่อ
“หืม? งั้นเหรอ? หลิวเหอฉางให้แกมาหรือ?” หวงยู่หัวแสดงสีหน้าเยาะเย้ยราวกับจับโกหกได้
ในเวลานี้เอง คุณนายหวงกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่ “คุณนายเย่ ลูกเขยของพี่ขี้โม้เก่งจังเลยนะ ระดับเถ้าแก่หลิวจะรู้จักลูกเขยของพี่รึเปล่านะ? ฉันว่าพี่บอกให้เขารับสารภาพมาแต่โดยดีเถอะ!”
หลิวเหอฉางมีชื่อเสียงมากในจินโจว ของในร้านเขาต่างก็มีระดับทั้งนั้น อย่างน้อยๆ ก็หลายสิบล้านขึ้น
จางเจียวเจียวหัวใจเย็นวูบ นายฟางเหยียนนี่ใช้ไม่ได้การ
เขาเพิ่งออกมาจากกลมทหาร ไม่มีอำนาจอะไร จะไปรู้จักกับหลิวเหอฉางได้ยังไงกัน?
ต่อให้รู้จัก หลิวเหอฉางจิงๆ แต่หลิวเหอฉางจะให้ของที่มีมูลค่าขนาดนี้กับเขาได้ยังไง!
ไม่เพียงแค่จางเจียวเจียว แม้แต่เย่ชิงหยู่เองก็ไม่เชื่อ!
ฟางเหยียนกล่าวอย่างนิ่งเฉย “ไม่ผิดหรอก หลิวเหอฉางเป็นคนให้ผม ยังมีอีก ที่ผมต้องบอกคุณ ของชิ้นนี้ร้อยล้านซื้อไม่ได้หรอกนะ นี่เป็นของที่หลิวเหอฉางเก็บสะสมไม่ขาย มีมูลค่าห้าร้อยล้าน”
เมื่อห้าร้อยล้านหลุดออกมา ดึงดูดความเคลื่อนไหวของคนรอบข้างอยู่ไม่น้อย
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” หวงยู่หัวระเบิดหัวเราะออกมา “พ่อหนุ่ม ในเมื่อแกขี้โม้ต่อฉันหวงยู่หัว ฉันก็คงไม่แหกหน้าคุณไม่ได้ ฉันพอมีความสัมพันธ์กับหลิวเหอฉางอยู่บ้าง ในเมื่อแกบอกว่าเขาให้แกมา ถ้างั้นฉันจะเรียกเขามาเดี๋ยวนี้”
จบคำ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา ติดต่อหาหลิวเหอฉาง
“แกยอมรับตอนนี้ ยังทันนะ!” หวงยู่หัวกล่าวเตือน
ฟางเหยียนหัวเราะออกมา “เชิญ!”
จางเจียวเจียวร้อนใจ “ฟางเหยียน แกอย่า…”
“ไม่เป็นไร! ผมจัดการเอง” ฟางเหยียส่งสายตาที่เชื่อมั่นให้กับเย่ชิงหยู่และจางเจียวเจียว
เย่ชิงหยู่เองก็ไม่รู้ว่าฟางเหยียนขี้โม้อยู่หรือไม่
หวงยู่หัวไม่พอใจ “ได้ แกหาเรื่องใส่ตัวเองนะ”
ไม่นาน ปลายสายก็ได้รับโทรศัพท์
“เถ้าแก่หลิว นี่ผมเอง เสี่ยวหวงแห่งวี่ผิ่นเซวียน”
“ครับครับ ใช่ครับ พอใช้ดี ดีที่เถ้าแก่หลิวให้คำแนะนำ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ขอบคุณครับพี่ ของคุณครับสำหรับคำชื่นชม”
“ใช่สิ ผมมีเรื่องที่ต้องขอให้ท่านช่วยสักหน่อย ท่านจะสะดวกแวะมาสักหน่อยหรือไม่?”
“ได้ครับได้ครับ รบกวนท่านแล้วนะครับ”
เมื่อได้ยินบทสนทนาของเถ้าแก่หวงและหลิวเหอฉาง เย่ชิงหยู่ตัวเย็นวาบ ยังต้องพูดอีกเหรอ ความสัมพันธ์ของพวกเราต้องดีมากแน่ๆ นายฟางเหยียนนี่ ทำไมต้องได้เป็นแบบนี้อยู่เรื่อย
คุณนายหวงและคุณนายหยางกอดอกอยู่อีกด้าน ด้วยทีท่าสูงส่งไม่แยแส พวกเธออยากจะรู้ว่าหากหลิวเหอฉางมาถึงแล้ว จะแหกหน้าลูกเขยของจางเจียวเจียวยังไง
หลังจากที่หวงยู่หัวตัดสายทิ้ง เขาส่งสายตาดูหมิ่นไปที่ฟางเหยียน “ไอ้หนู อีกประเดี๋ยวแกจะไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะขอโทษ”
ฟางเหยียนไม่ยอมอ่อนข้อ “อีกประเดี๋ยว แกจะต้องคุกเข่านำหยกชิ้นนี้คืนให้กับแม่ยายของผมด้วยสองมือ”
หวงยู่หัวหัวเราะเสียงดัง คนคนนี้ตลกสิ้นดี
“ฟางเหยียน นายรู้จักเถ้าแก่หลิวจริงๆ ใช่ไหม?” เย่ชิงหยู่ปริปากถามอย่างอดไม่ได้
ฟางเหยียนพยักหน้ารับ ก่อนที่จะส่ายหน้า “ก็ไม่นับว่ารู้จักหรอก เพียงแค่เขาให้ของขวัญกับผมเท่านั้น เขาบอกว่ารู้จักผม แต่ตอนนี้ผมจังนึกไม่ออกเลยว่าเขาเป็นใคร”
เมื่อได้ยินประโยคของฟางเหยียน เย่ชิงหยู่นิ่งอึ้ง กะพริบตาปริบ “พูดแบบนี้ ตกลงรู้จักหรือไม่รู้จักกันแน่?”
“เขารู้จักผม คุณจะกลัวอะไรกัน?!” ฟาฃเหยียนปลอบใจ
ไม่นาน หลิวเหอฉาง ก็ขับรถเข้ามา ด้วยเบนท์ลีย์ที่มีมูลค่ากว่า50ล้าน
เมื่อเห็นรถถูดจอดสนิท หวงยู่หัวลากร่างที่อ้วนฉุเดินเข้าไป ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “เถ้าแก่หลิว ในที่สุดก็มาถึงสักที”