เสียงดัง “ปัง” ดังออกมา! ฝ่ามือที่เหมือนจะธรรมดากลับสามารถทะลุผ่านลำแสงสีแดงนั้นไปได้ แล้วกระแทกลงไปบนฝ่ามือยักษ์นั้นอย่างแรง
ฝ่ามือใหญ่ยักษ์สีแดงที่ใหญ่กว่าฝ่ามือของหานลี่นับสิบเท่านั้น จู่ๆ ก็ถูกพลังที่มองไม่เห็นไม่อาจต้านทานได้ทะลุทะลวงผ่านเข้ามา หลังจากที่เกิดอาการสั่นสะเทือนขึ้นมา แล้วจึงกลายเป็นผุยผงไปโดยที่ไม่มีเสียงใดออกมา
ใบหน้าของหุ่นเชิดตัวยักษ์ใหญ่นั้นไร้ซึ่งความรู้สึกใด ลำแสงสีแดงบนกายจู่ๆ ก็ปะทุออกมาในทันใด สัตว์อสูรกระทิงและเสือมากมายปรากฏออกมา หลังจากที่ส่งเสียงคำรามออกมา ก็พากันกระโจนเข้าใส่หานลี่
ในเวลานั้น ดวงตาของหานลี่เปล่งประกายออกมา แล้วจู่ๆ ก็อ้าปากขึ้นมา ลำแสงดาบสีฟ้าก็พุ่งออกมา เพียงแค่แวบเดียว ก็ไปปรากฏอยู่ตรงหน้าของหุ่นเชิดในทันที โอบรอบกายอันใหญ่โตของมันเอาไว้ “ตูมตูม” ดังออกมา ลำแสงวิญญาณของหุ่นเชิดผลึกมารกะพริบสั่นไหว ไม่อาจต้านทานจากการถูกตัดจากช่วงเอวทิ้งจนกลายเป็นสองส่วนได้ จากนั้นก็พลิกตัวแล้วล้มลงไป
ส่วนสัตว์อสูรที่เพิ่งจะโผล่ออกมาจากกายของมันนั้น ต่างก็พากันส่งเสียงครวญคราง แล้วทั้งหมดก็กลายเป็นควันสีน้ำเงินหายตัวไปทันที
แต่ทว่าในนาทีถัดมา ร่างของหุ่นเชิดที่ถูกแยกออกเป็นสองส่วนแล้วนั้น ถูกผลึกสีแดงบนพื้นดินโอบล้อมเอาไว้แล้วเปล่งเปลวไฟสีแดงออกมา ส่วนที่ตัดขาดออกจากกันเกิดลำแสงสีแดงส่องออกมา แล้วก็พ่นเส้นใยผลึกหนาทึบออกมา ดึงพวกมันเข้าด้วยกันอย่างกะทันหัน
ร่างทั้งสองส่วนของหุ่นเชิดเชื่อมต่อเข้าด้วยกันอีกครั้ง หลังจากรอยแผลตรงผิวกายวาบอยู่สองสามครั้ง ก็ผสานเข้าด้วยกันเหมือนดั่งในตอนต้น
แต่ว่าเมื่อหานลี่เห็นสถานการณ์นี้เข้าแล้ว ไม่พูดพล่ามทำเพลง ก็กดฝ่ามือลงไปกลางอากาศอีกครั้ง
“ตูม” เสียงดังลั่นออกมา!
มือสีทองขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ปรากฏขึ้นกลางอากาศเหนือหุ่นเชิด แล้วตบลงมาด้วยนิ้วมือทั้งห้า
หุ่นเชิดขนาดยักษ์รู้สึกได้ถึงกายที่จมลงไปอย่างกะทันหัน ตามมาด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลที่กดทับลงมาโดยไร้ความปราณี
ทั่วทั้งกายของหุ่นเชิดเกิดร่องรอยสีขาวขึ้นมา แล้วกลายเป็นลำแสงสีแดงที่ระเบิดออกมา
ในขณะที่เกิดการระเบิดออกมานั้น กำปั้นสีทองก็พุ่งออกมาจากเศษซากเหล่านั้น หลังจากสั่นไหวแล้ว ก็เหมือนราวกับว่าจะวิ่งหนีไป
หานลี่ดูเหมือนว่าพอจะคาดเดาได้มาก่อนหน้านี้แล้ว สูดเอาอากาศเย็นเข้าไป นิ้วมือทั้งห้าที่แต่เดิมยื่นออกมาแล้วนั้นก็เก็บกลับเข้าสู่ความว่างเปล่าดังเดิม
เสียง “สวบ” ดังขึ้นมา!
กลุ่มลำแสงสีทองก็ถูกพลังบางอย่างห่อหุ้มเอาไว้ หลังจากที่เกิดการสั่นสะเทือนแล้ว ก็ถูกหานลี่เรียกกลับคืนจากอากาศลงบนฝ่ามือของเขา
หานลี่มองลงมา และเห็นเป็นลูกบอลทองคำที่มีตัวอักษรโบราณงดงามอยู่ทั่วพื้นผิว
ลูกบอลในมือเขานั้นเบาบางไร้น้ำหนัก ราวกับว่าด้านในของมันนั้นว่างเปล่า
“แตกต่างจากหุ่นเชิดธรรมดาจริงๆ ด้วย ความลึกลับคงจะอยู่ในสิ่งนี้ทั้งหมดแล้ว” หานลี่โยนลูกบอลทองคำในมืออยู่สองครั้ง ใบหน้าฉายประกายความสนใจออกมา
อิ๋นเย่ว์ที่อยู่ด้านข้างเมื่อเห็นฉากนี้เข้า มุมปากแต้มไปด้วยยิ้มเจื่อนออกมา
นางถึงแม้จะรู้ว่าหลังจากที่หานลี่สำเร็จจนถึงขั้นมหายานแล้ว พลังและความแข็งแกร่งจึงไม่ใช่สิ่งที่สามารถจินตนาการได้ แต่ว่าตั้งแต่ต้นก็ไม่มีมาตรฐานใดที่สามารถเปรียบเทียบได้ ดังนั้นนางจึงไม่อาจมองเห็นได้ว่าหานลี่นั้นแข็งแกร่งเพียงใด
แต่จากความทรงพลังของเจ้าหุ่นเชิดขนาดยักษ์นี้ นางจึงถามตนเองว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้อย่างแน่นอน เมื่ออยู่ต่อหน้าของหานลี่ยกมือยกเท้าขึ้นก็ถูกกำจัดแล้ว
และก็ทำให้อิ๋นเย่ว์ในที่สุดก็เข้าใจถึงช่องว่างระหว่างหานลี่นั้นมีมากถึงเพียงใด ในใจอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกขึ้นมาไม่ได้
และในตอนที่อิ๋นเย่ว์แอบถอนหายใจออกมานั้น เปลวไฟสีเงินเล็กๆ ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งท่ามกลางความว่างเปล่า แล้วรวมตัวกันในทันใด
เสียงอู้อี้ดังขึ้น!
วิหคเพลิงสีเงินเองก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
แต่ทว่าในครั้งนี้ หานลี่ไม่ได้ผลักวิหคเพลิงให้ก้าวต่อไปข้างหน้า แต่ว่าเก็บลูกปัดทองคำมายังภายในฝ่ามือ พลังจิตกวาดไปรอบๆ ทั้งสี่ทิศ แล้วแสดงท่าทางออกมาด้วยมือข้างหนึ่งโดยไม่แสดงสีหน้าออกมา
“ปัง” ดังออกมา!
วิหคเพลิงสีเงินส่งเสียงร้องดังชัดเจนออกมา ร่างกายของมันทันใดนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้น
และในทันใดนั้น สัตว์ยักษ์ตัวใหญ่มหึมามากกว่าร้อยจั้งก็ปรากฏขึ้นใจกลางทะเลเพลิง
เปลวเพลิงรอบๆ ถูกวิหคเพลิงควบคุมเอาไว้ แล้วค่อยๆ กลายเป็นพื้นที่โล่งกว้างขนาดใหญ่
“รับไว้”
แต่หานลี่ไม่ได้หยุดมือลง แต่กลับใช้นิ้วมือเจาะลงไปยังวิหคยักษ์สีเงินในความว่างเปล่า ปากก็เอ่ยเสียงต่ำออกมา
เสียง “ตูม” ดังกึกก้องออกมา ปีกทั้งสองของวิหคเพลิงจู่ๆ ก็กระพือขึ้น อักษรโบราณนับไม่ถ้วนพุ่งกระจายออกมาจากด้านใน ขณะเดียวกันแรงดูดมหาศาลก็พุ่งออกไปทั่วทุกทิศ
ทันทีที่เปลวไฟสีแดงสัมผัสเข้ากับพื้นผิวของวิหคเพลิง ก็ผสานเข้ากับมันอย่างเงียบๆ
และในทุกครั้งที่ดูดเปลวไปเข้าไปนั้น กายของวิหคเพลิงก็ขยายใหญ่ขึ้นอีก
เวลาเพียงแค่จิบชาถ้วยหนึ่ง ทะเลเพลิงทั่วทุกทิศก็ถูกดูดจนว่างเปล่า ในที่สุดบริเวณรอบๆ ก็ปรากฏขึ้นมาในที่สุด
อิ๋นเย่ว์กวาดตามองไปทั่วทั้งสี่ทิศ นางอดไม่ได้ที่จะรู้ประหลาดใจอย่างที่สุด
พบว่าพวกเขากำลังอยู่ในพื้นที่สูงกว้างหลายพันลี้ พื้นผิวถูกปกคลุมไปด้วยผลึกสีแดง
ทั่วทั้งสี่ทิศรอบแท่นสูงแห่งนี้กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต และภายในนั้นเต็มไปด้วยหลุมลึกน้อยใหญ่ไม่รู้จบ
และภายในหลุมเหล่านี้ เต็มไปด้วยลำแสงวิญญาณต่างๆ เปล่งประกายออกมา ด้านในเต็มไปด้วยหุ่นเชิดผลึกมารสูงต่ำมากมาย
หุ่นเชิดเหล่านี้สวมชุดเกราะห้าสี ในมือเองถืออาวุธที่ความยาวต่างกันไป หรือบางตัวก็แบกอาวุธวิเศษแปลกประหลาดเอาไว้ ถึงกระทั่งมีบางตัวที่มีรูปลักษณ์เป็นหุ่นเชิดสัตว์อสูรน่าหวาดกลัว
เมื่อมองไปจากที่ไกลๆ แล้ว หุ่นเชิดเหล่านี้เต็มไปด้วยไอชั่วร้ายพุ่งออกมา หลังจากที่มองด้วยสายตาอยู่หลายรอบแล้ว เหมือนว่าจะมีจำนวนมากถึงนับแสนตัว
หานลี่ขมวดคิ้วขึ้น กวาดสายตามองไปอย่างรวดเร็ว ตรวจสอบดูสถานการณ์ของหุ่นเชิดเหล่านี้จนพอประมาณแล้ว
หุ่นเชิดเหล่านี้ดูแล้วส่วนใหญ่ฝีมือไม่แย่นัก ส่วนใหญ่ของพวกมันมีพลังอยู่ในขั้นของหลอมรวม ระดับเทพแปลงนั้นก็มีมากถึงหนึ่งในสิบของพวกมัน
แต่ว่าที่ดึงดูสายตาของคนได้เป็นอย่าดีนั้น กลับเป็นหุ่นเชิดนับสิบที่มีรูปลักษณ์คล้ายคลึงกับหุ่นเชิดขนาดยักษ์ที่เพิ่งจะถูกทำลายลงไปก่อนหน้านี้
ถึงแม้ว่าเจ้าหุ่นเชิดผลึกมารนับสิบตัวเหล่านี้จะยังไม่ใกล้เคียงกับขั้นหลอมรวม แต่ความแข็งแกร่งของพวกมันก็อยู่ในระดับต้นและระดับกลาง
พลังอันแข็งแกร่งถึงเพียงนี้หากว่าทั้งหมดถูกนำออกมายังโลกภายนอกแล้วนั้น เกรงว่าคงจะเพียงพอให้กองกำลังน้อยใหญ่ได้ตกตะลึงกัน
“ที่แท้บรรพชนศักดิ์สิทธิ์ชีหลิงท่านนี้ เป็นถึงปรมาจารย์ผู้สร้างหุ่นเชิดผลึกมารเหล่านี้ นี้ชั่งเป็นความโชคดีที่ไม่คาดคิดมาก่อนเสียจริง” หานลี่ใช้มือข้างหนึ่งลูบไล้คางของขา มุมปากเผยรอยยิ้มเอ่ยออกมา
“พี่หาน ท่านวางแผนจะจัดการกับหุ่นเชิดพวกนี้อย่างไรดี!” อิ๋นเย่ว์เองที่เบิกตากว้างจ้องตะลึงเงียบอยู่นาน เมื่อได้ฟังคำของหานลี่ในที่สุดก็ได้สติขึ้นมา หลังจากที่หายใจเข้าลึกๆ แล้วจึงเอ่ยถามออกมาด้วยความร้อนรนอยู่บ้าง
“จัดการอย่างไร แน่นอนว่าจะต้องนำพวกมันไปทั้งหมด หรือว่าจะเก็บเอาไว้ให้พวกเผ่ามารในภายหลังอย่างนั้นหรือ?” หานลี่เอ่ยออกมาอย่างไม่ลังเล
“ดี ถ้าเช่นนั้นเย่ว์เอ๋อร์เองก็จะช่วยรวบรวมพวกมันไว้ด้วยกัน” อิ๋นเย่ว์เอ่ยออกมาด้วยน้ำสียงที่ตื่นเต้น
และแน่นอนว่าหานลี่ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่เห็นด้วย หัวเราะเบาๆ ออกมาแล้วผงกหัวตอบรับ
อิ๋นเย่ว์ไม่เอ่ยอันใดออกมาอีกก็ขยับกาย ลอยขึ้นไปกลางอากาศ วาดข้อมือขึ้น กำไลเก็บของล้ำค่า กลายเป็นลูกบอลหลากสีแล้วพุ่งทยานออกไป พุ่งไปยังทิศทางหนึ่งที่เต็มไปด้วยหุ่นเชิด
ส่วนรอยยิ้มของหานลี่ยังคงไม่เปลี่ยนไป แต่หลังจากที่แขนเสื้อของเขาสะบัดออกไป ก็ปรากฏเป็นวงแหวนหลากหลายสีพุ่งออกมาเช่นกัน ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า กระจายออกไปในหลากหลายทิศทาง
เห็นเพียงแค่กำไลเก็บของล้ำค่าหมุนวนรอบๆ สีต่างๆ ล่องลอยออกมาจากพวกมัน
ด้านล่างนั้นเป็นหุ่นเชิดผลึกมารที่ถูกลำแสงพัดพาไป แล้วค่อยๆ หายไปจากหลุมอย่างไร้ร่องรอย
หุ่นเชิดที่นี้ถึงแม้ว่าจะมีจำนวนมากจนน่าตกใจ แต่ว่าเมื่อทั้งสองคนร่วมมือกัน หุ่นเชิดทั้งหมดก็ถูกเก็บรวบรวมไปอย่างรวดเร็ว
แต่ทว่าในตอนที่กำลังรวบรวมเจ้าหุ่นเชิดนับสิบที่อยู่ในขั้นหลอมรวมนั้น ผิวกายของหุ่นเชิดผลึกมารเหล่านี้ก็เกิดเปล่งประกายแสงออกมา แล้วก็ดูเหมือนว่าจะต่อต้านจากการดูดซับสำแสงวิญญาณของกำไลเก็บของล้ำค่า
อิ๋นเย่ว์เมื่อพบเข้าสถานการณ์ ปากก็ส่งเสียง “หืม” ออกมาเบาๆ แต่ว่าแทนที่จะโมโห นางกลับรู้สึกยินดีขึ้นมา เพียงแค่สะบัดนิ้วมือทั้งสิบออกไป ขณะนั้นเคล็ดวิชามากมายก็พุ่งออกมา พริบตาเดียวก็หายเขาไปในกายของหุ่นเชิดระดับสูงเหล่านั้น
หลังจากที่หุ่นเชิดร่างยักษ์ใหญ่เหล่านี้สั่นไหวเล็กน้อย จึงล้มเลิกที่จะต้านทานอีกต่อไป แล้วจึงถูกเก็บรวบรวมไว้ในวงแหวนเช่นเดียวกัน
และเมื่อหุ่นเชิดตัวสุดท้ายหายไปจากหลุมในพริบตาเดียว ทั่วทั้งแท่นยักษ์นั้นก็ส่งเสียงคำรามออกมา แล้วก็จมลึกลงไปในพื้นดินด้วยตัวของมันเอง
อิ๋นเย่ว์เมื่อเห็นเช่นนี้เข้า ไม่กล้าที่จะชักช้าอีกต่อไปจึงรีบลอยกลับไปยังแท่นสูงเมื่อครู่นั้น
สีหน้าของหานลี่ดูแปลกๆ ไป และเมื่อเขายกมือขึ้นนั้น ก็ทำให้วิหคเพลิงขนาดยักษ์กระจายตัวไปในอากาศ จากนั้นก็ยืนนิ่งสองมือไพล่หลังไม่ขยับเขยื้อน
ในขณะที่เสียงคำรามดังอยู่นั้น แท่นยักษ์นั้นก็เหมือนว่าจะจมลึกลงไปในพื้นดินมากกว่าร้อยจั้ง ตามมาด้วยเสียงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงแล้วจึงหยุดลง
และในเวลานี้นั้น หานลี่และอิ๋นเย่ว์ต่างก็มองตรงไปในทิศทางเดียวกัน
ฝั่งตรงข้ามเป็นกำแพงหินสีเทาขาว ประตูหินสีฟ้าไม่สะดุดตาปรากฏอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ
“ไปกันเถอะ ข้าไม่รู้สึกถึงว่าด้านในมีกลไกอะไรเคลื่อนไหวอยู่ ดูเหมือนว่าที่นี่คงจะเป็นสถานที่แอบซ่อนสมบัติจริงๆ ของบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ชีหลิง” หานลี่จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา
อิ๋นเย่ว์พยักหน้าตอบรับ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในประตูนั้นทันที
กระทั่งพวกเขาอยู่ห่างจากประตูบานนั้นไม่กี่จั้ง หานลี่ก็ยกมือขึ้นไปกดลงกลางอากาศ
ประตูหินก็ถูกผลักออกด้วยพลังมหาศาล เปิดเข้าไปด้านในอย่างเงียบๆ
หลังประตูสว่างไสว และเหมือนกับว่าจะพบเข้ากับห้องโถงขนาดใหญ่ ด้านในมีแท่นหินสูงยาว ด้านบนเต็มไปด้วยสิ่งของต่างๆ วางเอาไว้
แววตาของหานลี่เต็มไปด้วยความยินดี แล้วนำอิ๋นเย่ว์เดินเข้าไปด้านในประตูอย่างไม่ลังเล
เมื่อถึงยังห้องโถงใหญ่ สายตาของหานลี่กวาดมองซ้ายขวา ถึงได้มองเห็นภายในได้อย่างชัดเจนจริงๆ
พบว่าบนแท่นหินสูงนั้น วางกล่องหยกน้อยใหญ่เอาไว้ หรือไม่ก็วางของต่างๆ เอาไว้โดยตรง
สมบัติล้ำค่าเหล่านี้ แต่ละชิ้นพากันส่องแสงพร่างพราว ทำให้ผู้คนไม่กล้าที่จะมองโดยตรง หรือไม่ก็มีรูปทรงแปลกตาทรุดโทรม ดูไม่เป็นที่สะดุดตา
และจากที่พวกมันแผ่ไอออกมา ดูเหมือนว่าสิ่งของเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะเป็นสมบัติล้ำค่าที่ผู้คนในโลกภายนอกพากันคลั่งไคล้
แต่ทว่า หานลี่เพียงแค่กวาดสายตามองไปอย่างคร่าวๆ เท่านั้น สายตาของเขาก็ถูกดึงดูดเข้าด้วยแท่นหินที่สูงกว่าอันอื่นสามแท่นดึงดูดไว้
บนแท่นหินงดงามสามแท่นนี้ วางสิ่งของแตกต่างกันอยู่สามอย่างไว้
หอกโบราณสีฟ้า น้ำเต้าสีเหลืองอ่อน แล้วก็เรือเหาะสีดำที่ความยาวไม่เกินครึ่งไม้บรรทัด
จากจิตสัมผัสของหานลี่แล้วหลังจากที่มองไปยังสมบัติล้ำค่าสามชิ้นนี้ ใบหน้าของเขาอดไม่ได้ที่จะเผยความสั่นคลอนออกมา
ดวงตาคู่สวยของอิ๋นเย่ว์เองก็วาบไหว และก็ถูกดึงดูดจากสมบัติล้ำค่าทั้งสามชิ้นนี้เช่นเดียวกัน แววตาฉายแววความอยากรู้ออกมา