ภายใต้ความร้อนใจของหญิงสาว เสียงผิวปากดังขึ้น ปากบางเผยอออก พ่นหมอกลำแสงออกมาห่อหุ้มพัดที่อยู่ตรงหน้า
แต่หมอกโลหิตยังไม่ทันจมหายเข้าไปในพัด พัดหยกพลันเปล่งแสงสีโลหิตสว่างวาบ เสียงปริแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ดังขึ้น พลันกลายเป็นชิ้นๆ แล้วสลายหายไป
ยามนี้เปลวเพลิงสีเงินที่อยู่ฝั่งตรงข้ามพลันกลืนกินเปลวเพลิงสีโลหิตไปจนเกลี้ยง
ชั่วขณะนั้นหญิงสาวที่อยู่ในลำแสงสีโลหิตก็เผยสีหน้าตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวออกมา
พัดโลหิตไม่ใช่สมบัติธรรมดาๆ เปลวเพลิงสีโลหิตที่ปล่อยออกมาความจริงแล้วก็เป็นเปลวเพลิงหยินที่โหดเ**้ยมชนิดหนึ่ง โดยปกติแล้วหากโดนแค่นิดเดียว เกรงว่าต่อให้มีสมบัติวิเศษป้องกันตัว ก็ยังถูกพลังหยินกัดกินวรยุทธ์ไปอยู่ดี เป็นเพราะเริ่มกำเริบจากด้านใน ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ยากจะป้องกัน
ปกติแล้วเมื่อสตรีผู้นี้ปล่อยเปลวเพลิงออกมา ก็จะราบรื่นไปเสียทุกครั้ง
แต่เปลวเพลิงสีโลหิตยังไม่ทันเข้าใกล้หานลี่ คาดไม่ถึงว่าจะถูกอีกฝ่ายปล่อยเปลวเพลิงประหลาดอีกชนิดออกมา กลืนกินไปจนเกลี้ยง จึงทำให้นางตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ในเวลาเดียวกันนั้นเป็นเพราะสมบัติชิ้นนี้เชื่อมโยงกับจิตใจ ลำแสงสีโลหิตบนผิวของนางจึงสั่นเทาอย่างหนัก ทนไม่ไหวกระอักโลหิตบริสุทธิ์ออกมา ทำให้หน้าซีดขาวมากขึ้นไปสามส่วน
ทว่านางกลับไม่กล้าหละหลวมเลยสักนิด เพราะวิหคเพลิงสีเงินฝั่งตรงข้ามเก็บปีกสีเงินที่สยายออกเต็มท้องฟ้าไปแล้ว และกำลังพุ่งเข้ามาด้วยท่าทีดุดัน
หญิงสาวสวมชุดชาววังสีโลหิตเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก ขมวดคิ้วดำขลับ ฉับพลันนั้นก็ตบไปที่เอวบางของตนเอง
เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น ลำแสงสีโลหิตกลุ่มหนึ่งบินออกมา หลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง กลับกลายเป็นน้ำเต้าสีแดงโลหิตขนาดเท่าฝ่ามือ
นี่คือสมบัติวิเศษที่นางใช้พึ่งพาอาศัยอีกชิ้นหนึ่ง
เห็นเพียงปากบริกรรมคาถา ปากน้ำเต้าเปิดออก พ่นลำแสงสีโลหิตออกมาจากด้านใน
หลังจากเสียง “ซู่” ดังขึ้น สิ่งที่ดูเหมือนน้ำตกโลหิตพลันไหลทะลักออกมา จากนั้นพลันกลายเป็นคลื่นยักษ์โลหิต แล้วม้วนวนไปทางวิหคเงินฝั่งตรงข้าม
กลิ่นคาวโลหิตโชยมาปะทะจมูก ในเวลาเดียวกันด้านในมีไอสีดำแฝงอยู่ แผ่กลิ่นอายเย็นเยียบออกมา
เมื่อวิหคเพลิงกลืนวิญญาณเห็นวารีโลหิตกลับรู้สึกหวาดกลัวไปหลายส่วน ไม่ได้ใช้ร่างกายรับคลื่นยักษ์สีโลหิตไปตรงๆ แต่อ้าปากออกพ่นหมอกลำแสงสีขาวนวลออกมา
เมื่อหมอกสีขาวและวารีโลหิตปะทะกันกลางอากาศ ก็ตัดสลับพัวพันกัน คาดไม่ถึงว่าจะเปล่งเสียงประหลาดๆ อย่าง “ฟู่ๆ” ออกมา วารีโลหิตส่วนหนึ่งกลายเป็นไอน้ำสีขาวแล้วสลายตัวไป
หมอกสีขาวคือสิ่งที่สร้างขึ้นจากเพลิงเที่ยงแท้สีทองดำ เป็นเพราะเป็นสัตว์หยางบริสุทธิ์ ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับวารีโลหิตธาตุหยิน จึงเป็นธาตุที่เป็นปฏิปักษ์กัน
ปากของวิหคสีเงินพ่นหมอกสีขาวออกมาไม่หยุด ส่วนวารีโลหิตที่น้ำเต้าสีโลหิตปล่อยออกมาก็ทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง
หมอกสีขาวทำให้ระลอกคลื่นโลหิตระเหยไปจนเกลี้ยง หรือว่าวารีโลหิตทำให้หมอกสีขาวสลายหายไปจนเกลี้ยง ดูเหมือนจะต้องดูว่าระหว่างน้ำเต้าโลหิตและวิหคเพลิงสีเงิน ใครจะยืนหยัดได้นานกว่ากัน
ระหว่างทั้งสองจึงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน
ทว่าสายตาของหานลี่แค่กวาดไปบนใบหน้าของหญิงสาวทีกระตุ้นน้ำเต้าโลหิตไม่หยุด ทันใดนั้นก็ละออก แล้วมองไปยังชนต่างเผ่าผมสีเขียวและชายชราแซ่เยี่ยนแวบหนึ่ง สุดท้ายแววตาก็ฉายแววเย็นชา แล้วตกอยู่บนเรือนร่างของชนต่างเผ่าผมสีเขียว
แม้ว่าสามคนนี้จะมีพลังยุทธ์อยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นสุดยอด แต่เห็นได้ชัดว่ากลิ่นอายของชายชราแซ่เยี่ยนอ่อนแอที่สุด หญิงสาวสวมชุดชาววังสีโลหิตแข็งแกร่งที่สุด และพลังยุทธ์ของคนผู้นี้ก็อยู่ตรงกลาง
ขอแค่สังหารคนผู้นี้ได้ก่อน คิดดูแล้วการร่วมมือของทั้งสามก็จะล้มเหลวแล้ว
เมื่อขบคิดเช่นนี้ หานลี่พลันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง แผ่นหลังมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ปีกขนนกสีแวววาวคู่หนึ่งปรากฏออกมา ในเวลาเดียวกันบนร่างก็มีลำแสงสีทองสว่างวาบ เกราะเกล็ดสีทองปรากฏออกมา
สยายปีกคู่นี้ คนก็กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวสายหนึ่งแล้วสลายหายไป
ในเวลาเดียวกันดอกบัวสีเขียวใต้ฝ่าเท้าของหานลี่แต่เดิมก็กลายเป็นลำแสงสีเขียวร้อยสายพุ่งออกไป และแยกออกเป็นสองกลุ่มพุ่งไปหาชายชราและหญิงสาวในลำแสงสีโลหิต
ชายชราและหญิงสาวเห็นกระบี่ลำแสงเหล่านี้ เป็นลำแสงสีเขียวมรกต ไม่ทันได้มาอยู่ตรงหน้า เสียงไอกระบี่ที่แหวกผ่านอากาศก็ดังขึ้น หน้าพลันเปลี่ยนสีไป
ร่างของชายชราแซ่เยี่ยนพลันหมุนติ้วๆ จานอาคมสีเงินบินออกมาจากเรือนร่าง พลิ้วไหวแล้วกลายเป็นสิบกว่าใบ ต้านทานกระบี่ลำแสงสีเขียวที่บินเข้ามาเอาไว้ด้วยลำแสงสีเงินระยิบระยับ
หญิงสาวสวมชุดชาววังสีโลหิตอ้าปากออก พ่นเส้นไหมสีโลหิตออกมา กลายเป็นเข็มบางๆ สีแดงโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วน
เสียง “เกร๊ง” ดังขึ้น เข็มบางๆ ตัดสลับกันไปมากับกระบี่ลำแสงอีกระลอกหนึ่ง เมื่อทั้งสองปะทะกัน ก็ระเบิดออกเป็นดวงลำแสง
เช่นนั้นแม้ว่าหญิงสาวผู้นี้ชายชราแซ่เยี่ยนจะต้านทานกระบี่ลำแสงสีเขียวเอาไว้ได้ชั่วคราว แต่ก็ไม่อาจไม่สนใจสิ่งอื่นได้อีก
ชนต่างเผ่าผมสีเขียวเห็นหานลี่หายลับไป ก็รู้สึกใจไม่ดี ทันใดนั้นมือหนึ่งพลันร่ายอาคม หัวไหล่สั่นเทา ลำแสงสีเหลืองพลันเปล่งแสงเจิดจ้า ขวานทองแดงสีเหลืองด้ามหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏออกมา
แทบจะในเวลาเดียวกันเหนือศีรษะของเขาพลันมีเสียงฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ดังขึ้น สายฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบ เงาร่างคนสีเขียวปรากฏออกมา ฝ่ามือสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหยกข้างหนึ่งยื่นออกมาจากแขนเสื้อ และตบลงไปกลางอากาศ
เปลวลำแสงห้าสีทะลักออกมาจากปลายนิ้ว เปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วพริบตาก็ผนึกตัวรวมกันกลายเป็นมือยักษ์ห้าสี ตบลงมาอย่างแรง
และในเวลาเดียวกันนั้นเตานภาสูญที่เปล่งแสงเจิดจ้าอยู่ไกลออกไปก็เปล่งเสียงอึกทึกขึ้น เส้นไหมสีเขียวพุ่งออกมา แต่เมื่อบินออกมาจากปากเตา ก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ชนต่างเผ่าเรือนผมสีเขียวระมัดระวังตัวอยู่ตั้งนานแล้ว เมื่อหานลี่ปรากฏตัว ก็ถูกจิตสัมผัสของเขากวาดมา เห็นมือยักษ์ห้าสีตบลงมา จึงกระตุ้นขวานทองแดงสีเหลืองที่เพิ่งสำแดงออกมาอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
ชั่วขณะนั้นขวานยักษ์พลันสั่นเทา แล้วระเบิดลำแสงสีเหลืองที่เจิดจ้าจนแสบตาออกมา กลายเป็นสายรุ้งสีเหลืองสายหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสับลงมาที่มือยักษ์
ขวานทองแดงด้ามนี้เป็นสมบัติวิเศษที่ชนต่างเผ่าผมสีเขียวได้มาจากซากปรักหักพัง ไม่เพียงจะแหลมคมมาก และยิ่งไปกว่านั้นยังเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาทำลายล้างโดยเฉพาะ หากเจอกับเคล็ดวิชาทมิฬแปลงกายธรรมดาๆ สับลงไปครั้งหนึ่งก็สำเร็จแตกออกในทันที
แต่มือยักษ์ห้าสีข้างนี้เป็นสิ่งที่หานลี่ใช้เปลวเพลิงลำแสงห้าสีผนึกขึ้น จะเทียบกับเคล็ดวิชาทมิฬธรรมดาได้อย่างไร
สายรุ้งสีเหลืองสับลงมา แค่ทำให้เปลวเพลิงบนผิวของมือใหญ่พลิ้วไหว ถึงได้แหวกผิวของมันออก แล้วสั่นเทาแต่ก็ไม่อาจปริแตกได้
ส่วนหานลี่พลันแววตาเปล่งประกาย กระตุ้นอาคมอย่างรวดเร็ว
ชั่วขณะนั้นมือยักษ์ห้าสีก็ขยายขนาดข้น นิ้วทั้งห้าประกบเข้าหากัน คาดไม่ถึงว่าจะตะปบไปที่ขวานทองแดงแน่น
ชนต่างเผ่าผมสีเขียวสูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่ง ลมปราณในร่างหมุนวน หมายจะสำแดงอิทธิฤทธิ์อะไรออกมาอีก
และในตอนนั้นเองบรรยากาศรอบๆ พลันมีระลอกคลื่นก่อตัวขึ้น เส้นไหมสีเขียวปรากฏขึ้น แค่กะพริบวาบ เส้นไหมสีเขียวก็เคลื่อนย้ายไปรัดชนต่างเผ่าผมสีเขียวเอาไว้อย่างแน่นหนา
แน่นอนว่าชนต่างเผ่าพลันตกตะลึง กระตุ้นอาคมในใจอย่างไม่ต้องขบคิด ชั่วขณะนั้นเปลวเพลิงสีเขียวก็ปรากฏขึ้นมาจากเรือนร่างแล้วหมุนวน
แต่เหตุการณ์ที่แปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น
เมื่อเปลวเพลิงสีเขียวหมุนวนและขยายใหญ่ขึ้น เส้นไหมสีเขียวเหล่านั้นกลับตามติดเหมือนแมลงเกาะกระดูก แค่กะพริบวาบกลับไม่ได้เผาไหม้หรือถูกทำลายเลยสักนิด
หานลี่ที่อยู่กลางอากาศมุมปากเผยรอยยิ้มเยาะออกมา มือหนึ่งพลันพลิกฝ่ามือ เสียงหวีดร้องดังขึ้น เตาใบเล็กใบหนึ่งปรากฏออกมา
คาดไม่ถึงว่าเตานภาสูญที่อยู่ห่างออกไปยี่สิบสามสิบจั้งจะถูกดูดเข้ามา
เขายกมืออีกข้างหนึ่งขึ้น นิ้วพลันร่ายอาคม
เสียง “เกร๊ง” ราวกับระฆังดังขึ้นจากเตาใบนั้น
เส้นไหมสีเขียวที่เดิมพันรัดอยู่บนร่างของชนต่างเผ่าผมสีเขียว ชั่วขณะนั้นพลันเปล่งแสงเจิดจ้าออกมา เส้นไหมสีเขียวรัดแน่นกว่าเดิมหลายเท่า ทำให้ชนต่างเผ่าไม่อาจกระดิกกระเดี้ยตัวได้
เมื่อลมปราณของหานลี่เพิ่มขึ้น อานุภาพของเตานภาสูญเองก็ไม่เหมือนกับในอดีต เรียกได้ว่าอัศจรรย์มาก
และในเวลาเดียวกันมือยักษ์ห้าสีเองก็ร่อนลงมาด้านล่างพร้อมกับเปลวเพลิงลำแสง
ชั่วขณะนั้นพลังมหาศาลกลุ่มหนึ่งพลันปรากฏออกมา ชั่วครู่ก็กดร่างของชนต่างเผ่าผมสีเขียวเอาไว้ และเปล่งเสียงระเบิดดัง “ตูมๆ” ออกมา ราวกับจะกดร่างของเขาจนแตกออกเป็นผุยผงได้ตลอดเวลา
นี่เป็นเคล็ดวิชาเฉพาะที่ชนต่างเผ่าฝึกฝน เดิมทีกายเนื้อก็แข็งแกร่งมาก มิเช่นนั้นหากเปลี่ยนเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ร่างกายคงแตกสลายไปภายใต้พลังมหาศาลตั้งนานแล้ว
ทว่าเช่นนี้ชนต่างเผ่าผมสีเขียวก็มีสีหน้าแดงก่ำราวกับโลหิต ทำได้เพียงเบิกตาโพลงพลางมองมือยักษ์ที่กำลังจะตบลงบนศีรษะของตน โดยไม่อาจหลบหลีกได้เลยสักนิด
หลังจากเสียง “ปัง” ดังขึ้น ศีรษะของชนต่างเผ่าก็ถูกตบจนเละราวกับแตงโม เส้นไหมสีเขียวบนร่างเปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไป ร่างกายล้มลงไร้ซึ่งกลิ่นอายแห่งชีวิต พลางตกลงสู่พื้น
แต่เมื่อซากไม่สมบูรณ์ตกลงมาได้สองสามจั้ง เสียงอึกทึกก็ดังขึ้น ฉับพลันนั้นเปลวเพลิงสีเขียวก็กระโจนออกมาจากศีรษะที่แตกละเอียด และเปล่งแสงสว่างวาบพลางสลายหายไป
ครู่ต่อมาอีกที่ห่างออกไปสามสิบจั้งเศษ ระลอกคลื่นพลันปรากฏออกมา เพลิงสีเขียวปรากฏขึ้น ด้านในมีของที่รูปร่างเหมือนคนตัวเล็กปรากฏขึ้นรางๆ
แต่ไม่รอให้คนตัวน้อยสำแดงการเคลื่อนย้ายอะไรอีก ฉับพลันนั้นตรงหน้าพลันมีลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ กระบี่บินความยาวสองสามฉื่อปรากฏออกมา และสับลงมา การเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายฟ้าอย่างไรอย่างนั้น
คนตัวเล็กไม่ทันได้หลบหลีกเลยสักนิดก็ร้องคร่ำครวญออกมาแล้วถูกสับออกเป็นสองส่วน แล้วกลายเป็นลำแสงสีเขียวพร้อมกับสลายหายไป
หานลี่ใช้มือหนึ่งกวักเรียก กระบี่บินพลันพุ่งกลับมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในร่าง
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาพลันเลื่อนสายตาไปมองหญิงสาวสวมชุดชาววังสีโลหิตและชายชราแซ่เยี่ยนที่อยู่ไกลออกไปด้วยความเย็นชา ใบหน้าเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ชายชราแซ่เยี่ยนและหญิงสาวเพิ่งถูกโจมตีอย่างบ้าคลั่งจนมือไม้พันกัน แต่ย่อมเห็นฉากที่หานลี่แค่ปะหน้าก็สังหารผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขาได้อย่างง่ายดายเข้าอย่างจัง
ทั้งสองพลันรู้สึกจิตใจหนักอึ้ง อดที่จะมองสบตากันแวบหนึ่งไม่ได้ และต่างก็มองเห็นแววตาหวาดกลัวของกันและกัน
หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง เตาใบเล็กในมือพลันขยับแล้วเคลื่อนไหวอีกครั้ง
เสียงคำรามราวกับจามรีดังออกมาจากท้องฟ้าที่ไกลออกไป เสียงอึกทึกดังขึ้นไม่หยุด สั่นสะเทือนจนเสียดแก้วหู!
ทั้งสามคนล้วนตกตะลึง กวาดตามองไปทางนั้นพร้อมกัน
เห็นเพียงวารีสีดำและเมฆสีเพลิงที่เดิมกำลังตัดสลับพัวพันกันในยามนี้แยกออกเป็นสองส่วน และม้วนวนไปทางพวกเขาอย่างดุดัน
คลื่นยักษ์วารีสีดำ เมฆาเพลิงและเปลวเพลิงสีแดงกำลังโหมกระหน่ำ
เมื่อฉากที่น่าตกตะลึงนี้ ไม่ใช่แค่หานลี่ ชายชราแซ่เยี่ยนและหญิงสาวในลำแสงสีโลหิตก็หน้าเปลี่ยนสี
ทว่าเตาใบเล็กในมือของหานลี่พลันสลายหายไปโดยไม่พูดไม่จา จากนั้นสองมือพลันร่ายอาคม ชี้ไปทางชายชราและหญิงสาวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ทางด้านหญิงสาวลำแสงโลหิตเปล่งเสียงอึกทึกขึ้น ผิวของวิหคเพลิงสีเงินมีลำแสงไหลโคจรไปมา ฉับพลันนั้นพลันระเบิดออก กลายเป็นเปลวเพลิงสีเงินเป็นดวงๆ แล้วสลายหายไป
เหนือศีรษะของชายชราแซ่เยี่ยน ยอดเขาสีดำที่กำลังกดเมฆาสีขาวนวลกำลังลดระดับลงมาอย่างช้าๆ มันพลิ้วไหวแล้วสลายหายไปราวกับภาพลวงตา