A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 2252 พงไพรที่คุ้นเคย

“ไป๋กั่วเอ๋อร์ ไม่ได้เจอเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ เท่านี้ เจ้าบำเพ็ญเพียรมาจนถึงขั้นระดับเทพแปลงแล้วอย่างนั้นหรือ ช่างมีพรสวรรค์สมกับชื่อของกายน้ำแข็ง ในที่สุดพรสวรรค์นี้ก็ประจักษ์ออกมา” หลังจากที่หานลี่ตรวจสอบไป๋กั่วเอ๋อร์อยู่ครู่หนึ่ง จึงได้เอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม

“ต้องขอบคุณคำสั่งสอนของท่านอาจารย์ สมุนไพรและพลังจากยาลูกกลอนต่างๆ ไม่เช่นนั้นศิษย์ก็คงจะไม่ก้าวไปจนถึงระดับเทพแปลงได้รวดเร็วเช่นนี้” ไป๋กั่วเอ๋อร์ก้มศีรษะลงตอบกลับด้วยความเคารพ

“ฉีหลิงจื่อ เจ้าตอนนี้เองก็ถึงคอขวดของขั้นสุดท้ายแล้วใช่หรือไม่” หานลี่ยิ้มออกมาแล้วก็เอ่ยถามฉีหลิงจื่ออกไปอย่างกะทันหัน

“เรียนท่านอาจารย์ ศิษย์ยังขาดอีกก้าวหนึ่งก็ถึงขั้นมหายานแล้ว เพียงแต่ว่าก้าวนี้นั้นกลับไม่มีหนทางที่จะเดินต่อไปได้” หัวใจของฉีหลิงจื่อหยุดนิ่ง ลุกขึ้นมาตอบคำถาม

“อืม ดูเหมือนว่าพวกเจ้าทั้งสองคนคงจะถึงเวลาไปฝึกฝนยังแดนพงไพรแล้ว หลายปีมานี้ เหตุผลที่พวกเจ้าสามารถบำเพ็ญเพียรได้อย่างราบรื่น กว่าครึ่งนั้นเป็นผลมาจากพรสวรรค์ของพวกเจ้าและพลังจากยาลูกกลอน หากว่าอยากเข้าไปฝึกฝนในโลกเสมือนจริงแล้ว กักตนบำเพ็ญเพียรอยู่แต่ในเผ่านั้นไม่มีทางเพียงพอ ก็เหมือนกับดอกไม้ในเรือนกระจกที่ไม่เคยได้เจอกับลมฝน ไม่มีทางที่จะเติบโตได้อย่างแท้จริง อีกทั้งมีเพียงแค่ในแดนพงไพรเท่านั้น พวกเจ้าจึงจะมีโอกาสตามหาโชคที่เป็นของพวกเจ้าได้อย่างแท้จริง และจากประสบการณ์ของข้า ถึงแม้ว่าจะสามารถส่งต่อให้กับพวกเจ้าโดยตรง แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเหมาะสมกับพวกเจ้าทั้งหมด” หานลี่เอ่ยออกมาอย่างมีความหมาย

“ขอบคุณท่านอาจารย์ที่ชี้แนะ ศิษย์แต่เดิมก็เคยไตร่ตรองเช่นกันว่าจำต้องเข้าสู่แดนพงไพรเพื่อฝึกฝนหรือไม่ ตอนนี้มีคำอนุญาตจากท่านอาจารย์แล้ว ศิษย์ก็วางใจได้แล้ว ศิษย์และศิษย์น้องหญิงจะกลับไปเตรียมตัวในทันที และจะออกจากเกาะศักดิ์สิทธิ์ไปยังเมืองเทียนหยวนให้เร็วที่สุด!” ฉีหลิงจื่อเมื่อได้ยินประโยคนี้เข้าก็ไม่ได้รู้สึกตกใจอันใด กลับกันเอ่ยออกมาด้วยความยินดี

ไป๋กั่วเอ๋อร์เองก็อยู่ในสีหน้าปกติเอ่ยตอบรับออกมา แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าคาดคิดถึงสิ่งนี้มาก่อนแล้ว

“แต่ทว่าแดนพงไพรนั้นอันตรายยิ่งนัก และไม่อาจเทียบได้กับในเผ่า และต่อให้อยู่ในขั้นของผสานอินทรีย์แล้วก็ยังมีตกลงไปได้ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอันใด พวกเจ้าทั้งสองคนเพิ่งจะอยู่ในขั้นเทพแปลง หากว่าตกลงไปในภายนอกแล้วนั้นอันตรายย่อมต้องมากกว่าแน่นอน เพราะเช่นนั้นข้าจึงมีสมบัติวิเศษอยู่สองสามชิ้นที่จะมอบให้ เอาไว้เพื่อรักษาชีวิตของพวกเจ้า” หานลี่เอ่ยออกมาหลังจากที่พยักหน้า

“ขอบคุณสำหรับของขวัญจากท่านอาจารย์!”

ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าหานลี่จะมอบสมบัติวิเศษใดให้ แต่ว่าฉีหลิงจื่อและไป๋กั่วเอ๋อร์ก็เอ่ยขอบคุณออกมา

หานลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย แขนเสื้อสองข้างสั่นไหว แต่ละด้านต่างก็มีวงแหวนลอยออกมา หลังจากที่กะพริบออกมาแล้ว ก็พากันตกลงไปในมือของลูกศิษย์ทั้งสองคน

“สมบัติวิเศษนี้ข้าได้เตรียมเอาไว้นานแล้ว แต่เดิมข้าจะรอให้ผ่านไปอีกสักไม่กี่ปีแล้วค่อยมอบให้แก่พวกเจ้า แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ ไม่รีบให้พวกเจ้าแต่เนิ่นๆ ก็คงจะไม่ได้เสียแล้ว ถึงแม้ว่าสมบัติวิเศษจะมีไม่มาก ขอเพียงแค่พวกเจ้ามีไหวพริบดี ถึงแม้ว่าจะพบเข้ากับผู้ที่อยู่ในขั้นผสานอินทรีย์ธรรมดาแล้วนั้น ก็สามารถใช้มันรักษาชีวิตเอาไว้ได้อยู่หลายครั้ง” หานลี่เอ่ยออกมาด้วยความเชื่อมั่น

ฉีหลิงจื่อและไป๋กั่วเอ๋อร์หลังจากที่ต่างก็ใช้จิตสัมผัสตรวจดูกำไลเก็บของล้ำค่าแล้ว ใบหน้าก็เผยความประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งออกมา แล้วจึงคำนับขอบคุณไปอีกยกใหญ่

“ท่านอาจารย์ ในเมื่อศิษย์พี่และศิษย์น้องหญิงต้องไปฝึกฝนยังแดนพงไพรแล้ว เช่นนั้นข้าเองก็สามารถ……” ไห่ต้าเซ่าที่ยืนอยู่ด้านข้างตั้งแต่ที่ได้ยินหานลี่เอ่ยออกมาว่าให้ฉีหลิงจื่อและไป๋กั๋วเอ๋อร์ไปยังแดนพงไพรแล้ว ก็เริ่มที่จะรู้สึกไม่สงบสุขยืนบิดๆ เบี้ยวๆ อีกทั้งยังเห็นหานลี่หยิบสมบัติศักดิ์สิทธิ์ออกมาอีก ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้าแล้วโค้งกายเอ่ยออกมา

“อืม ด้วยพลังยุทธในระดับผสานอินทรีย์ของเจ้าแล้ว ต่อให้ข้าจะมอบสมบัติวิเศษเพื่อรักษาชีวิตให้แก่เจ้าไป เจ้าก็ไม่มีทางที่จะใช้พลังออกมาได้มากสักเท่าใดกัน อีกทั้งเจ้าถึงแม้ว่าจะไปเคยจากเกาะศักดิ์สิทธิ์สักระยะหนึ่ง ผนึกรากอัสนีเอาไว้ชั่วคราว เพื่อหลีกเลี่ยงลมพายุ แต่ว่าผู้ใดจะรู้กันว่าจะยังมีคนคอยแอบจ้องมองเจ้าอยู่อีกหรือไม่ และไม่แน่ว่า เมื่อเจ้าออกไปจากเกาะศักดิ์สิทธิ์ ก็จะถูกสัตว์ประหลาดจับตัวไป แปลงกายเป็นมนุษย์แล้วมาแอบขโมยสมบัติลับไป เจ้าจงตั้งใจฝึกฝนบนเกาะศักดิ์สิทธิ์นี้ก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที ด้วยชื่อของข้าแล้ว ขอเพียงแค่อยู่บนเกาะศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่ผู้ที่อยู่ในระดับมหายานของเผ่าต่างๆ ก็ต้องเกรงกลัวอยู่บ้าง หรือว่าเจ้าคิดว่าข้าในตอนนั้นไม่ได้ลงโทษเจ้ารุนแรงเกิน เตรียมที่จะให้อาจารย์ลงโทษพร้อมกันหนักๆ อย่างนั้นหรือ” หานลี่ไม่ได้รอจนไห่ต้าเซ่าได้เอ่ยจนจบ ก็คาดเดาได้ถึงสิ่งที่เขาต้องจะเอ่ยออกมา จากนั้นก็เหลือบมองไปยังลูกศิษย์คนนี้ เอ่ยเสียงเย็นออกมา

“ศิษย์ไม่กล้าขอรับ ถือว่าศิษย์ไม่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เอ่ยอันใดออกมาเลย” ไห่ต้าเซ่าเมื่อได้ฟังคำตำหนิออกมา เขาก็ตกใจขึ้นมาในทันที จึงไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกมาอีก แล้วจึงรีบร้อนถอยห่างออกไป

“เฮ่อ…เฮ่อ ลักษณะนิสัยของเจ้าดูเป็นคนขี้เล่นใจร้อนมาโดยตลอด หลังจากฉีหลิงจื่อไปฝึกฝนในแดนพงไพรแล้ว ลูกศิษย์คนคนอื่นๆ ก็จะมอบให้เจ้าดูแลเป็นการชั่วคราว รอจนเมื่อเขากลับมา ค่อยมอบอำนาจกลับมา หวังว่าการฝึกฝนในครั้งนี้ จะทำให้ลักษณะนิสัยของเจ้ามั่นคงหนักแน่นขึ้นมา” มุมปากของหานลี่กระตุกขึ้น ดวงตาปรากฏรอยยิ้มแล้วเอ่ยสั่งออกมา

“ขอรับ ท่านอาจารย์”

“ขอรับ ท่านอาจารย์!”

ฉีหลิงจื่อเอ่ยตอบรับออกมา ส่วนใบหน้าของไห่ต้าเซ่ายื่นยาวออกมา ในใจเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม

แต่ทว่า หานลี่ย่อมไม่สนใจต่อความคิดเห็นของลูกศิษย์คนที่สองนี้เป็นแน่ หันไปจ้องมองจูกั่วเอ๋อร์ที่นิ่งเงียบไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาโดยตลอด เอ่ยออกมาอย่างช้าๆ

“อืม พลังยุทธ์ของเจ้าเองก็ดูเหมือนว่าจะมีความก้าวหน้าขึ้น ดูเหมือนว่าช่วงเวลานี้บนเกาะศักดิ์สิทธิ์เจ้าไม่ได้แอบเกียจคร้าน ถ้าเช่นนั้นพรุ่งนี้เที่ยงวัน เจ้ามาหาข้าที่ห้องเพียงคนเดียว ข้ามีบางอย่างที่อยากจะถามเจ้า”

“ขอรับ ผู้อาวุโสหาน ชนรุ่นหลังจะต้องไปถึงตรงเวลาแน่นอน” จูกั่วเอ๋อร์เมื่อได้ยินประโยคนี้เข้าก็รู้สึกยินดี รีบส่งเสียงเอ่ยตอบรับออกไป

“ใช่แล้ว ศิษย์น้องหญิงปิงเฝิงของพวกเจ้า มีข่าวคราวใดส่งกลับมาบ้าง” หลังจากที่หานลี่พยักหน้าตอบรับ แล้วจึงหันไปถามฉีหลิงจื่ออีกครั้ง

“เรียนท่านอาจารย์ ไม่มีข่าวคราวใดส่งกลับมาจากศิษย์น้องหญิง แต่ว่าป้ายวิญญาณยังคงไม่เป็นอะไร คาดว่ายังคงฝึกฝนอยู่ในแดนพงไพร” ฉีหลิงจื่อก้มหน้าเอ่ยตอบกลับ

“เมื่อคำนวณเวลาดูแล้ว ก็ควรจะถึงเวลากลับมาได้แล้ว หรือว่าจะพบเข้ากับปัญหาอะไรบางอย่างเข้า? และต่อให้ป้ายวิญญาณไม่เกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนจะไม่ถูกกักขังอยู่ในที่ใดเข้าสักแห่ง” หานลี่ครุ่นคิดอยู่ตรู่หนึ่ง แล้วเอ่ยออกมาอย่างที่คะเนไว้

“คงจะไม่เกิดขึ้นหรอกขอรับ ศิษย์น้องหญิงปิงเฝิงไม่ว่าจะเอ่ยอย่างไรก็อยู่ในระดับหลอมรวม อีกทั้งนางยังมีกายเป็นหงส์ษาน้ำแข็ง และต่อให้นางพบเข้ากับผู้ที่อยู่ในขั้นผสานอินทรีย์ธรรมดาเข้า ก็คงจะสามารถปกป้องตนเองเอาไว้ได้” ไห่ต้าเซ่าเอ่ยออกมาโดยที่ไม่ได้คิดอะไร

“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” หานลี่ขมวดคิ้วขึ้น แต่ว่าเวลานี้คงจะเอ่ยออกมาได้เพียงเท่านี้

และเกือบจะในเวลาเดียวกันนั้น บนแผ่นน้ำแข็งแผ่นหนึ่งในแผ่นดินใหญ่เทียนหยวน ชายหนุ่มใบหน้าลวดลายสีเงินทองในชุดคลุมสีขาว กำลังเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรโบราณที่ราวกับสิงโตเพลิง

ใบหน้าของชายหนุ่มผู้นี้ดูธรรมดา แต่เมื่อมองดูแล้ว กลับมีส่วนที่ทำให้นึกถึงใบหน้าของหานลี่ได้อย่างคลุมเครือ

ห่างออกไปทางด้านหลังของชายหนุ่มนับสิบจั้ง หญิงสาวชุดคลุมสีเงินใบหน้าใสดั่งผลึกแก้ว แต่ใบหน้าเยือกเย็นนั้นกลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่า กลับยืนดูชายหนุ่มคนนั้นกับกลุ่มสิงโตเพลิงอยู่ด้านข้างด้วยความเฉยเมย

“ช่างเป็นพวกงี่เง่าเสียจริง! เพียงแค่ชั่วเวลากลั้นหายใจเท่านั้น ถึงกลับกล้าวิ่งเข้ามายั่วยุข้า รนหาที่ตายเสียจริง! ก็ดีเหมือนกัน ข้าไม่ได้กินเลือดมานานแล้วเช่นกัน เช่นนั้นก็นำพวกเจ้ามาเป็นอาหารมื้อใหญ่ก็แล้วกัน” ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวแววตาเต็มไปด้วยพลังของเทพแปลงกวาดตาซ้ายขวามองไปยังกายของสิงโตเพลิง แล้วเอ่ยพึมพำกับตนเอง

จากนั้นเขาก็ใช้มือข้างหนึ่งทำท่าทางออกมา ด้านหลังมีแสงสีขาวส่องประกายออกมา จากนั้นก็มีปีกของจักจั่นปรากฏออกมาพร้อมกันถึงหกปีก

ปีกจักจั่นทั้งหกนี้มีความยาวไม่ถึงฉือเดียว และดูเหมือนว่ามันจะบางจนถึงเกือบจะโปร่งแสง

สิงโตเพลิงเหล่านั้นที่อยู่ตรงหน้า ถึงแม้ว่าจะมีสติปัญญาไม่สูงนัก แต่ว่าเมื่อพวกมันเห็นชายหนุ่มมีท่าทางเช่นนั้นก็ดุร้ายขึ้นมาในทันที และในตอนที่สิงโตเพลิงตัวใหญ่ที่สุดส่งเสียงดังคำรามออกมา พากันพ่นความร้อนออก

มีสิงโตเพลิงสองสามตัวที่เมื่อพ่นความร้อนออกมาก็อ้าปากค้างขึ้น ลูกบอลเพลิงหนาแน่นพุ่งออกมาทีละก้าว

เมื่อเห็นการจู่โจมที่น่าประหลาดใจและดุดันเช่นนี้เข้า ใบหน้าของชายหนุ่มชุดขาวเต็มไปด้วยรอยยิ้มเย็นขึ้นมา ปีกจักจั่นทั้งหกด้านหลังสั่นไหวขึ้นมา คนทั้งร่างหายออกไปจากที่เดิมอย่างไม่ชัดเจน

ลูกบอลเพลิงกลายเป็นกองไฟนับไม่ถ้วนระเบิดออกไปในอากาศ กลายไปคลื่นไฟสูงนับสิบจั้งม้วนออกไปทั่วทุกทิศ แม้แต่หญิงสาวชุดคลุมสีเงินที่ยืนอยู่ไม่ไกลนั้นก็ถูกดึงเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย

หญิงสาวชุดคลุมสีเงินใบหน้าดูมืดมนลง ร่างกายบอบบางไม่ขยับอยู่ครู่หนึ่ง ด้านหลังมีแสงสีขาวส่องประกายออกมา จู่ๆ ก็ปรากฏภาพของหงส์ผลึกขาวสูงนับสิบจั้งออกมา

ภาพนี้มีเพียงแค่ปีกของมันที่ขยับ จู่ๆ ก็มีอากาศหนาวเย็นออกมา คุ้มครองหญิงสาวชุดขาวเอาไว้ด้านในอย่างแน่นหนา

คลื่นไฟเหล่านั้นเมื่อสัมผัสมันเข้า จู่ๆ ก็มีเสียงดัง “ฟู่” แปลกประหลาดดังออกมา แล้วกลายไปคลื่นความร้อนที่แยกออกจากกันจนดับมอดลงไป

และในเวลานี้นั้น ภูตหกปีกก็ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางของกลุ่มของสิงโตเพลิง

“อึกอึก” ดังออกมาสองสามครั้ง ภูตสีขาวทยอยกันกะพริบแสง โดยที่ไม่ได้สนใจกับเปลวเพลิงที่ลุกโชนอยู่ของสิงโตเพลิงที่อยู่ด้านข้างกาย จากนั้นก็สอดแทงผลึกแขนที่เป็นเหมือนดั่งสายฟ้าเข้าไปยังกายสัตว์อสูรโบราณที่อยู่ตรงหน้า

ประกายแสงจากผลึกแขนม้วนออกมา ความหนาวเย็นอันแปลกประหลาดที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้ทำเอาเปลวไฟบนกายของสิงโตเพลิงดับลง แล้วทำให้ร่างกายของพวกมันเปลี่ยนเป็นก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ถูกแช่แข็งเอาไว้ที่ตรงนั้น

สิงโตเพลิงตนอื่นๆ เมื่อเห็นสิ่งนี้เข้า แน่นอนว่าโกรธจัดจนรีบร้อนหันกลับมา จากนั้นก็ทยอยกันเข้ามา

แต่ปีกของจักจั่นสีขาวที่อยู่ด้านหลังก็ขยับออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็วาบหายไปในอากาศอีกครั้ง

เหล่าสิงโตเพลิงที่ถูกแช่แข็งเอาไว้ กลับส่งเสียงครวญครางออกมา น้ำแข็งก้อนใหญ่ยักษ์บนกายของพวกมันค่อยๆ ระเบิดแตกกระจายออกมาเป็นเสี่ยงๆ

ในวินาทีถัดมา สิงโตเพลิงหลายตนที่อยู่ด้านข้างก็เคลื่อนไหวออกมาพร้อมกัน ภูตหกปีกก็เปล่งแสงวาบออกมาอีกครั้ง หลังจากดวงตาที่อยู่ข้างเดียวกันกับแขนพร่ามัวแล้ว ก็แทงเข้าไปเข้าไปยังกายของสัตว์อสูรโบราณนี้อีกครั้ง

เช่นนี้เอง เมื่อภูตหกปีกสีขาวกะพริบขึ้นมาในคราใด ก็สามารถฆ่าสิงโตเพลิงลงไปได้เกินกว่าครึ่งในทันที

สิงโตเพลิงตนอื่นๆ เมื่อเห็นเข้า ในที่สุดก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาในใจ และภายใต้เสียงคำรามต่ำของสิงโตเพลิงที่นำขึ้นมา สัตว์อสูรตนอื่นก็หันกลับมา ค่อยๆ แปลงกายออกเป็นลูกบอลเพลิงขนาดใหญ่แล้วกระโดดหนีไป

“มาตอนนี้ถึงเพิ่งจะคิดหนีกัน จะเป็นเรื่องง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!”

ร่างเงาของภูตสีขาวจู่ๆ ก็มาบรรจบในที่เดียวกัน จากนั้นก็แปลงกายกลับมาเป็นชายหนุ่มสวมชุดขาวดั่งเดิม สิงโตเพลิงที่กระโดดหนีออกไปไกลกวาดตามองอยู่ครู่หนึ่งแล้ว เผยท่าทีดุร้ายออกมา

หลังจากที่เห็นเป็นชายหนุ่มในชุดคลุมสีขาวแล้ว ผลึกแสงใต้ซี่โครงดูไม่ชัดเจน จากนั้นก็กลายเป็นแขนนับสิบข้างโผล่ออกมา

และทันทีที่แขนเหล่านี้เคลื่อนไหว ฝ่ามือทั้งหมดก็ชี้ไปยังสิงโตเพลิงที่กระโดดหนีออกไปไกลเหล่านั้น

ประกายสีขาววาบออกมาในทันที!

“อึกอึก” ดังสั่นสะเทือนออกมา ผลึกลำแสงนับสิบพุ่งตรงออกมาจากซี่โครงของชายหนุ่มพร้อมๆ กัน

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Fan Ren Xiu Xian Chuan, Phàm Nhân Tu Tiên, RMJI, 凡人修仙传
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset