หลังจากที่เรือยักษ์สีดำหยุดอยู่กลางทะเลได้สักพัก มันก็ส่งเสียงคำรามพร้อมบินฝ่าอากาศออกไป หายไปยังเส้นขอบฟ้า
สองเดือนต่อมา เหนือป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้ยักษ์สูงตระหง่าน เงาร่างขนาดใหญ่ของเรือศักดิ์สิทธิ์วิญญาณน้ำหมึกปรากฏขึ้นในพริบตา
บนดาดฟ้าที่ด้านหน้าของเรือขนาดยักษ์ หานลี่ปรากฏตัวที่นั่นพร้อมกับอิ๋นเย่ว์และจูกั๋วเอ๋อร์
ปีศาจเฒ่าฮวาฉื่อ ปีศาจฝึกฝนในระดับผสานอินทรีย์ ยืนอยู่ข้างหลังทั้งสามคนเล็กน้อยด้วยใบหน้าที่เคารพ
มาถึงตอนนี้ เผ่าปีศาจระดับสูงตนนี้เป็นเป็นที่รู้จักในฐานะผู้เฒ่าระดับมหายานที่เข้าร่วมกลุ่มมาใหม่กับหานลี่ นอกจากประหลาดใจเป็นอย่างมาก ความคิดเล็กๆ ในใจในตอนแรกก็ถูกโยนทิ้งไปโดยปริยาย
ตัวเขาในช่วงเวลานี้ พาหานลี่และคนอื่นๆ ไปยังสถานที่รอบๆ ใกล้พื้นที่ใหญ่อย่างซื่อสัตย์ รวมถึงไปยังหลายสถานที่ ที่เป็นที่สิงสถิตของแท่นบูชาโบราณ
อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่จนถึงตอนนี้หานลี่และคนอื่นๆ ยังคงล่องเรืออยู่บนอากาศและหาแท่นบูชาโบราณไม่พบ
“ที่นี่ก็คือหนึ่งในที่ๆ เจ้าบอกงั้นหรือ” หานลี่ถามโดยไม่หันศีรษะกลับมา
“ขอรับ ท่านผู้อาวุโส…ที่แท้จริงแล้วป่าที่มีเมฆหนาทึบแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ของพวกเราเผ่าปีศาจ ถูกเรียกว่าสถานที่ใต้การปกครองของเทพ นอกจากการมีอยู่ของระดับหลอมสูญแล้ว หากอยู่ต่ำกว่านี้แทบจะไม่สามารถปกป้องตัวเองได้เมื่อเข้ามาที่นี่ หากเข้ามาที่นี่ด้วยพลังยุทธ์ที่ต่ำกว่านี้ มีโอกาสแปดถึงเก้าส่วนที่จะเสียชีวิต เพราะในป่าทึบที่มีเมฆหนาทึบนี้ ไม่เพียงแต่กับดักตามธรรมชาติบางอย่างเท่านั้นที่โหดร้ายอย่างมาก แต่ยังมีอสูรปีศาจบางตัวที่มีพลังมหาศาลไร้สตินึกคิด และยังมีแมลงมีพิษที่มีลักษณะเฉพาะหลายชนิดที่กระตุ้นได้ยาก แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ หากพูดถึงการมีอยู่ของผู้อาวุโสแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่ต้องพูดถึงเรื่องพวกนี้”
สิ้นเสียงตอบรับของปีศาจเฒ่าฮวาฉื่อ ก็อธิบายขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเคารพ
“แท่นบูชาจตุรทิศแห่งซีหนานเคยปรากฏขึ้นที่นี่จริงหรือ?” หานลี่พยักหน้า และถามออกมาอีกครั้งโดยที่มองไม่ออกว่าเขารู้สึกเช่นใด
“รายงานผู้อาวุโส ณ ใจกลางบึงเบื้องล่าง เคยมีเพื่อนนักพรตบางคนมองเห็นแท่นบูชาโบราณเพียงไม่กี่ครั้งจากที่ไกลๆ แต่ตัวแท่นบูชาไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์แล้ว นอกเหนือจากอักษรรูนโบราณบนพื้นผิวที่มีค่าต่อการสำรวจของนักอาคมบางคนแล้ว มันแทบไม่มีประโยชน์กับคนปกติทั่วไปเลย ดังนั้นจึงไม่เคยมีใครไปดูมันอย่างละเอียดเลย” ปีศาจชราตอบกลับ
“ฮ่าๆ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ พวกเราลงไปกันเถอะ ข้ามีลางสังหรณ์ว่า แท่นบูชาจะมีโอกาสปรากฏขึ้นที่นี่เจ็ดถึงแปดส่วน” หานลี่ตอบด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ
อิ๋นเย่ว์และจูกั่วเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ล้วนรู้สึกยินดี
ดังนั้นผู้คนทั้งหลายจึงกระโดดลงจากเรือลำใหญ่ทันทีและบินตรงไปยังหนองน้ำอันกว้างใหญ่ในป่าทึบเบื้องล่าง ท้องฟ้าเหนือหนองน้ำถูกปกคลุมไปด้วยชั้นของหมอกพิษสีเขียวอ่อน และนักพรตที่อยู่ต่ำกว่าขั้นหลอมสูญจะไม่สามารถอยู่ในนั้นได้นานเกินไป เว้นแต่พวกเขาจะมีสมบัติประหลาดที่จะปกป้องพวกเขา
นอกจากนี้ยังมีแมลงมีพิษขนาดเล็กคล้ายกับตั๊กแตนในหมอกพิษ เมื่อถูกมันบุกรุกเข้าไปในร่างกายโดยไม่ทันสังเกตเห็นแล้ว เป็นเรื่องยากมากที่จะขับไล่มันออกไป
ดังนั้นสำหรับปีศาจฝึกตนทั่วไป มันจึงเป็นสถานที่อันตรายอย่างแท้จริง แต่สำหรับทั้งหมดนี่กับหานลี่แล้ว กลับดูเหมือนการหลับตาเดินบนพื้นราบ พื้นผิวของร่างกายมีเปลวไฟสีเงินเพียงไม่กี่กลุ่มที่บินออกไปหลังเสียงผิวปาก และคลื่นความร้อนก็พัดไปทั่วทุกสารทิศ กวาดหมอกพิษทั้งหมดภายในรัศมีของหมู่ให้หายไป การดำรงอยู่ของแมลงพิษเหล่านั้น ถูกเปลวไฟสีเงินในระหว่างนั้นเผาไหม้จนหมดสิ้นในชั่วพริบตา และเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใกล้หานลี่และคนอื่นๆ แม้เพียงครึ่งก้าว
บางครั้งที่อสูรปีศาจไร้จิตสำนึกปรากฏออกมา หานลี่ไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเอง พวกนั้นก็ถูกอิ๋นเย่ว์ปราบมันด้วยตัวคนเดียวแล้ว ไม่นานหลังจากนั้น คนกลุ่มหนึ่งก็มาถึงมุมที่ไม่เป็นที่ดึงดูดสายตาของบึง
ดวงตาของหานลี่เป็นประกายขึ้นทันที ห่างออกไปไม่กี่ลี้ เขาเห็นแท่นบูชาเรียบง่ายและไม่มีการประดับตกแต่งที่มีความสูงประมาณร้อยจั้งลอยอยู่เหนือบึงน้ำ
“เจอแล้ว! ฮวาฉื่อ เจ้าอยู่ที่นี่เถอะ…พวกเราข้ามไปกันก่อนเถอะ” หานลี่สั่งการฮวาฉื่อด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า แล้วหันไปบอกกับพวกอิ๋นเย่ว์
ปีศาจเฒ่าฮวาฉื่อย่อมไม่มีความเห็นอะไร รีบโค้งตัวรับคำสั่ง
อิ๋นเย่ว์และจูกั่วเอ๋อร์ติดตามหานลี่ตรงไปที่แท่นบูชาสูงๆ อย่างยินดี
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสามคนก็ปรากฏตัวที่หน้าแท่นบูชาพร้อมๆ กัน
หานลี่หยุดชั่วคราว เขาเงยหน้าขึ้นมองสิ่งก่อสร้างสูงๆ ด้านหน้าอย่างระมัดระวังอยู่หลายรอบ
แท่นบูชามีสี่ด้านและแบ่งออกเป็นสามชั้นจากล่างขึ้นบน พื้นผิวถูกปกคลุมด้วยอักขระโบราณบางตัวที่ไม่รู้จัก แต่ส่วนใหญ่ถูกปกคลุมด้วยชั้นของมอสสีเขียวอ่อน
ยิ่งกว่านั้น ที่มุมทั้งสี่ของแท่นบูชาก็พังทลายหายไปทั้งหมด เหมือนสิ่งที่ผ่านยุคสมัยมาอย่างไม่ธรรมดา
“ไม่ผิดแน่นอน นั่นคือแท่นบูชาซือหนานที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณจริงๆ! จากคำพูดของเป่าฮวา ตราบใดที่ในช่วงเวลาหนึ่งใช้เคล็ดลับวิชาเพื่อกระตุ้นในช่วงเวลาที่กำหนดเพื่อประสานพื้นที่ว่างเข้าด้วยกัน จะสามารถพบทางเข้าโลกแห่งวิญญาณน้อย…
จูกั่วเอ๋อร์ เจ้าเป็นคนที่เกิดในโลกแห่งวิญญาณน้อย จิตวิญญาณของเจ้าเกิดมาพร้อมกับรัศมีจากโลกนี้และเจ้าจะต้องยืมความรู้สึกทางจิตวิญญาณสักพักหนึ่ง เพื่อให้ตำแหน่งที่วัดได้นั้นแม่นยำยิ่งขึ้น” หานลี่หันมาพูดกับจูกั่วเอ๋อร์
“เจ้าค่ะ ข้าน้อยจะช่วยอย่างเต็มที่!” จูกั่วเอ๋อร์ได้ยินคำพูดและรีบสัญญา
จากการแสดงออกที่มีความสุขอย่างยิ่งของนาง เห็นได้ชัดว่านางยังตั้งตารอที่จะกลับไปสู่โลกแห่งวิญญาณน้อยอีกด้วย
อิ๋นเย่ว์ที่อยู่ข้างๆ ยิ้มและไม่พูดอะไร
หานลี่ไม่ได้ปิดบังความจริงกับคนสนิทสาวคนนี้ที่ว่าหนานกงหวั่นอาจอยู่ในโลกแห่งวิญญาณน้อยและได้บอกกับนางเมื่อนานมาแล้ว
ด้วยสภาพจิตใจของอิ๋นเย่ว์ในเวลานี้ คงไม่มีความคิดที่จะอิจฉาผู้หญิงธรรมดาๆ เลย แต่กลับเต็มใจที่จะไปกับนางในโลกแห่งวิญญาณน้อยเพื่อตามหาหนานกงหวั่นและพากลับมา
ถึงแม้ว่าหานลี่จะมั่นใจว่าเป่าฮวาจะไม่สามารถหลอกตนเองในเรื่องนี้ได้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขายืมใช้แท่นบูชาโบราณเพื่อหาทางเข้าไปยังโลกอื่น และเป็นครั้งแรกที่ได้ลงมือทำจริงๆ
เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าจะมีเหตุไม่คาดฝันใดๆ ในกระบวนการร่ายเวทมนตร์หรือไม่ และผลการคำนวณจะผิดพลาดมากน้อยเพียงใด ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ไม่สมควรพูดถึง
ดังนั้น หานลี่จึงดูสงบนิ่ง แต่เมื่อทุกอย่างจบลง เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกภูมิใจเล็กน้อยในใจ
ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดของเป่าฮวา การใช้แท่นบูชาโบราณนี้ในการคำนวณหาที่ตั้งของโลกแห่งวิญญาณน้อยมันต้องใช้ทั้งเวลาที่แน่นอนและทำได้เพียงช่วงยามเฉินเท่านั้น เขาคงจะเริ่มเรื่องนี้นานแล้ว ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันนี้
หานลี่มองไปที่แท่นบูชาตรงหน้าเขา ในใจมีความคิดบางอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แขนเสื้อขนาดใหญ่สะบัดโดยพลัน แสงสีทองเส้นหนึ่งพันรอบตัว ห่อทั้งตนและจูกั่วเอ๋อร์หายตัวไปในเวลาเดียวกัน
ในเวลาต่อมา ที่ชั้นสูงสุดของแท่นบูชา แปรปรวนอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งสองคนก็ปรากฏขึ้นที่นั่นในเวลาเดียวกัน
อิ๋นเย่ว์ยังคงอยู่ที่ด้านล่างของแท่นบูชา เพียงเงยหน้าขึ้นและจ้องไปที่ทุกย่างก้าวของหานลี่ด้วยความห่วงใย
หานลี่เหลือบมองไปรอบๆ ด้านบนแท่นบูชาว่างเปล่าและไม่มีอะไรอยู่ที่นั่นสักอย่าง แต่เมื่อเขากวาดตาลงไปที่พื้น ทันใดนั้นเขาก็เห็นรูปแบบอักษรรูนวงกลมที่มีเครื่องหมายบนขอบทั้งสี่
อักษรรูนทั้งหมดมีขนาดมากกว่าสิบจั้ง ครอบคลุมเกือบทุกที่บนชั้นบนสุดของแท่นบูชา อย่างไรก็ตาม อักษรรูนในบางมุมมีร่องรอยของการสึกหรอกซึ่งดูพร่ามัวอย่างมาก
ท่าทีของหานลี่เปลี่ยนไป แต่เขาไม่ได้แสดงความประหลาดใจมากนัก
ในเวลาเดียวกันหลังจากที่สำรวจจนเข้าใจถ่องแท้ ตราบใดที่รูปแบบนี้ยังคงเดิม การผุพังบางส่วนจะไม่ส่งผลกระทบต่อการคำนวณมากนัก
หลังจากที่หานลี่สูดหายใจเข้าลึกๆ เขาก็กำมือทั้งสองข้างไว้ และส่งวรยุทธ์นั้นก็เข้าสู่รูปแบบนั้น ทันที
บูม!
รูปแบบด้านล่างไม่รู้ว่ามีอยู่นานเท่าไหร่แล้ว ส่องแสงวูบไม่กี่ที ก็ถูกกระตุ้นการทำงาน ในขณะเดียวกัน อากาศเหนือแท่นบูชาเริ่มมีแสงหลากสีปรากฏขึ้นแล้วหลั่งไหลเข้ามาสู่แท่นบูชา
เมื่อหานลี่เห็นสิ่งนี้คิ้วของเขาก็ขมวด นิ้วทั้งสิบสะบัด คาถาอาคมยิ่งออกมามากขึ้น
เสียงการทำงานของลวดลายรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แท่นบูชาทั้งหมดค่อยๆ เริ่มสั่นเล็กน้อย ในเวลาเดียวกัน แถบแสงอ่อนๆ เริ่มควบแน่นทีละเส้นและบินว่อนไปรอบๆ
เกิดเสียงอันน่าทึ่งขึ้น
ในขณะนี้หานลี่คำรามเสียงต่ำ เขาวางนิ้วทั้งห้าลงบนพื้นแล้วปล่อยคาถาอาคมในมือข้างหนึ่งออกไป
พรึ่บ!
ลำแสงบริสุทธิ์พุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา พุ่งลงในแท่นบูชาทั้งหมดผ่านลวดลายต่างๆ
หลังจากดูดซับพลังอาคมบริสุทธิ์ดังกล่าว เสียงร้องดังจากแท่นบูชาก็ดังขึ้น
สถานการณ์นี้กินเวลานานมาก ใช้เวลาไปชั่วหนึ่งมื้ออาหารเต็มๆ พลังยุทธ์ที่หานลี่ใส่เข้าไปในแท่นบูชา นับได้เกือบหนึ่งในสี่ของปราณแท้ทั้งหมดในร่างกายของเขา
ลวดลายยังหมุนวนดูดต่อไปช้าๆ ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดดูด
เมื่อเห็นสิ่งนี้ หานลี่ก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
ไม่น่าแปลกใจที่แม้ว่าหลายคนล้วนรู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของแท่นบูชาโบราณนี้ แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สนใจแท่นบูชานี้จริงๆ
การกระตุ้นการทำงานของแท่นบูชานี้จำเป็นต้องผลาญพลังยุทธ์ไปมากจริงๆ ผู้ที่มีระดับต่ำกว่าขั้นมหายานคงปฏิเสธที่จะใช้งานในสิ่งนี้
แน่นอนว่าหากใช้งานร่วมกับหินวิญญาณระดับสูงสุด ผู้ที่มีพลังยุทธ์อันแข็งแกร่งในระดับขั้นผสานอินทรีย์บางคน อาจไม่มีโอกาสกระตุ้นการทำงานบางอย่างของแท่นบูชา แต่ในขณะนั้นอาจจะมีผลกระทบบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะพูด
และการใช้งานแท่นบูชาโบราณแบบนี้ส่วนใหญ่เหมือนเป็นตัวช่วงที่ไม่จำเป็นมากกว่า ดังนั้นผู้อยู่ในระดับมหายานบางคนไม่จำเป็นต้องใช้มัน คาดได้ว่าพวกเขาจะไม่มาทำเรื่องไร้ค่าเช่นนี้แน่นอน
ขณะที่หานลี่จมอยู่กับความคิดของตัวเอง มีแสงพุ่งออกมาจากรูปแบบด้านล่างทันควัน และแรงดูดก็สลายไป
ทันทีที่รูปแบบส่งเสียงดัง “ปึง” ออกมา อักษรรูนหลากสีจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาหมุนไปรอบๆ บนท้องฟ้าเหนือแท่นบูชาพลันปรากฏละอองแสงของแผ่นวงกลมขนาดใหญ่
มีวงกลมและรูปแบบที่ขีดเขียนออกมาแล้วเหมือนสัญลักษณ์ของอักษรรูน ครอบคลุมพื้นที่เกือบทั้งหมดบนแผ่นวงกลม แต่บางอันสวางไสว บางอันเลือนรางมาก
เมื่อเห็นทั้งหมดนี้ หานลี่ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความสุขบนใบหน้าของเขา ร่างกายของเขาตั้งตรง และฝ่ามือปล่อยออกจากรูปแบบนั้น แต่แขนเสื้ออีกข้างหนึ่งสะบัด ทันใดนั้นก็มีวัตถุบินออกมาจากมัน
ที่แท้คือกระจกโบราณที่มีละอองแสงสีน้ำเงิน
หานลี่ไม่พูดสิ่งใด นิ้วหนึ่งอยู่ๆ ก็ชี้ออกไปทางแผ่นวงกลมผ่านอากาศอย่างต่อเนื่อง
เสียงแหวกอากาศดังขึ้น เส้นใยผลึกหลายเส้นพุ่งออกมาจากปลายนิ้วของเขา และหลังจากนั้นไม่นาน พวกมันก็หายไปในเส้นขีดเขียนที่เป็นสัญลักษณ์อักษรรูนที่อยู่ห่างไกลจากแผ่นวงกลมมาก
หลังจากเสียง “ฟู่” ไม่กี่เสียง สัญลักษณ์ที่เลือนรางแต่แรกเริ่มจะสว่างขึ้นและเริ่มหมุนช้าๆ ด้วยตัวเอง
“ตอนนี้แหละจูกั่วเอ๋อร์” หลังจากที่หานลี่หรี่ตาลง เขาก็ออกคำสั่งทันที
“เจ้าค่ะ ท่านผู้อาวุโส!” จูกั่วเอ๋อร์ได้ยินคำพูดนั้นและตอบรับโดยทันที เพียงแค่ใช้นิ้วแตะที่หน้าผากของนาง
ทันใดนั้นจิตสัมผัสสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากคิ้วของนางหายเข้าไปในใจกลางของแผ่นวงกลมขนาดใหญ่ในพริบตา
ณ เวลานั้น เส้นขีดสัญลักษณ์อักษรรูนบางตัวที่เดิมหมุนช้าๆ สั่นอยู่ครู่หนึ่ง พลันหมุนอย่างบ้าคลั่งด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ