“นักพรตหลิง ตกลงว่าท่านต้องการให้พวกข้าไปจัดการเรื่องใด อย่าพูดอ้อมค้อมอีกเลย” มั่วเจี่ยนหลีตอบออกมาด้วยดวงตาเป็นประกาย
“ในเมื่อน้องมั่วพูดเช่นนี้ งั้นข้าพูดตามตรงเลยแล้วกัน ตอนนี้เปิ่นหวางต้องการ ‘ไหมแห่งกาลเวลา’ ที่อยู่ในตำนานเพื่อป้องกันชีวิต ไหมแสงจันทร์เพียงแค่หนึ่งปอยก็สามารถนำมาแลกเปลี่ยนกับยันต์ซานชิงเหลยเซียวที่อยู่ในการครอบของของผู้เฒ่าได้หนึ่งผืน ไม่ทราบว่านักพรตทั้งหลายคิดเห็นเป็นเช่นไร” หลังสีหน้าของชายชราชุดขาวเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในที่สุดก็พูดของที่ต้องการแลกเปลี่ยนออกมาสักที
“ไหมแห่งกาลเวลา? ท่านนักพรตคงพูดล้อเล่นกระมัง สมบัติล้ำค่าแห่งสวรรค์ทั้งเก้าในตำนานชิ้นนั้น พวกเราจะสามารถหามาให้ท่านได้อย่างไร” เกือบทุกคนเมื่อได้ยินคำพูดของหลิงอ๋อง ก็แสดงความตกใจออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน เฮยหลินพูดออกมาด้วยความฉุนเฉียวปนตกใจเป็นพิเศษ
ตรงตามชื่อของไหมแห่งกาลเวลาเป็นสิ่งที่หายาก และล้ำค่าที่สามารถเกิดได้ในแม่น้ำแห่งกาลเวลาที่มีกฎแห่งเวลาเท่านั้น
แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่แม่น้ำแห่งกาลเวลาจะปรากฏขึ้นที่โลกเบื้องล่างเช่นแดนวิญญาณ มีเพียงแค่แดนเซียนที่แท้จริงเท่านั้น ที่จะสามารถมีแม่น้ำยาวเพียงไม่กี่สายที่สร้างขึ้นจากพลังกฎแห่งอาคมสายใหญ่หลายสาย
“พี่หลิง หรือเดิมทีแล้วท่านไม่มีความจริงใจในการทำข้อตกลงนี้” สีหน้าของมั่วเจี่ยนหลีไม่น่าดูอย่างมากขณะที่เอ่ยออกมา
หานลี่ก็เคยได้ยินเรื่อง ‘ไหมแห่งกาลเวลา’ กับ ‘แม่น้ำแห่งกาลเวลา’ ผ่านบันทึกโบราณมาบ้าง เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็เอามือแตะที่คาง ความตื่นตกใจสายหนึ่งแล่นผ่าน ความคิดที่อยู่ในหัวเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างรวดเร็ว
แม้กระทั่งสมบัติมากมายในตำนานเหล่านั้น ไหมแห่งกาลเวลาก็นับว่าเป็นสมบัติที่หายากที่สุดในบรรดาสมบัติทั้งหมด อีกทั้งประโยชน์สูงสุดของสมบัติชิ้นนี้คือมันสามารถช่วยยืดอายุขัยได้!
ว่ากันว่ากฎแห่งกาลเวลาที่บรรจุอยู่ในไหมแห่งกาลเวลานั้น เพียงพอที่จะยืดอายุขัยของคนธรรมดาหรือผู้ฝึกตนระดับกลางถึงต่ำได้นานนับพันปี
แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังเช่นพวกเขา ไหมแห่งกาลเวลามีผลทำให้สามารถทำให้ยืดระยะเวลาการผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ไหมแห่งกาลเวลาเพียงแค่ปอยหนึ่ง สามารถยืดทัณฑ์สวรรค์เล็กออกไปได้มากกว่าห้าร้อยปี และยืดทัณฑ์สวรรค์ใหญ่ได้มากกว่าหนึ่งร้อยปี
แต่แน่นอนว่านี้เป็นเพียงแค่ตำนานเรื่องเล่าเท่านั้น ความสามารถที่แท้จริงเป็นเช่นไรนั้น ยังไม่มีใครที่สามารถยืนยันด้วยตาตนเองได้
แต่มีสิ่งที่แน่นอนคือ แม่น้ำแห่งกาลเวลาไม่เคยปรากฏขึ้นที่แดนวิญญาณอย่างแน่นอน
หลิงอ๋องเอ่ยสิ่งนี้ออกมาในตอนนี้ คงมิใช่ว่า…
หลังจากหานลี่คิดอย่างถี่ถ้วน เหลือบมองชายชราในชุดขาวเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าแปลกๆ ออกมา
นาทีถัดมา ผู้เฒ่าชุดขาวหัวเราะออกมาเบาๆ ในเวลาถัดมาก็ทำลายสิ่งที่หานลี่คาดเดาออกไปจนหมดสิ้น
“หึๆ เปิ่นหวางจะกล้าพูดเรื่องล้อเล่นกับพวกเจ้าได้เช่นไร ไหมแห่งกาลเวลาที่ดีที่สุดสามารถเกิดได้แค่ในแม่น้ำแห่งกาลเวลาเท่านั้น แต่ผู้เฒ่าไม่มีระดับที่ต้องการของของสิ่งนี้ ต่อให้ทุกท่านจะหาไหมแห่งกาลเวลาที่ระดับต่ำสุดเจอ ก็สามารถนำมาแลกเปลี่ยนกับยันต์ซานชิงเหลยเซียวนี้ได้ หากต้องการหาไหมแห่งกาลเวลาที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แน่นอนว่าย่อมเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าหากเป็นไหมแห่งกาลเวลารุ่นหลัง สำหรับข้าแล้ว ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” หลังจากที่รูม่านตาของหลิงอ๋องหดลงเล็กน้อยก็ค่อยๆ เอ่ยออกมา
เฮยหลินและมั่วเจี่ยนหลีตกตะลึงเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะคิดไตร่ตรองในสิ่งที่ชายชราพูด
หลังจากที่เซวี่ยหรานได้ยินคำพูดของชายชราเมื่อครู่ ก็เหมือนจะคิดบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าแสดงความประหลาดใจขึ้นมาสายหนึ่ง
“ดูเหมือนว่านักพรตเซวี่ยหรานจะคิดออกแล้ว!” สายตาของหลิงอ๋องตกไปอยู่ที่ตัวเซวี่ยหรานในทันที พลางพูดออกมาช้าๆ
“พี่เซวี่ย?” เฮยหลินหันไปมองเซวี่ยหรานอย่างประหลาดใจ
หานลี่และมั่วเจี่ยนหลีเหมือบมองกันและกันโดยไม่ได้พูดอะไร
“หากข้าเดาไม่ผิด นักพรตหลิงคงหมายถึงแดนเสี่ยวซิวหลัวที่เคยปรากฏขึ้นครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว และแมงมุมซิวหลัวที่มีเฉพาะในดินแดนนั้น นอกจากสิ่งนี้ ข้าก็นึกไม่ออกแล้วว่าจะสามารถหาไหมแห่งกาลเวลารุ่นหลังได้จากที่ไหนอีก” ผ่านไปสักพัก เซวี่ยหรานจึงพูดออกมาทีละคำๆ
“แดนเสี่ยวซิวหลัว”
“แมงมุมซิวหลัว!”
มั่วเจี่ยนหลีและเฮยหลินตะโกนออกมาเกือบจะพร้อมกัน
หานลี่กะพริบตา แสดงท่าทีสงสัยออกมาเล็กน้อย
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อสองชื่อนี้
“ถูกต้อง แมงมุมซิวหลัวนี้เกิดมาพร้อมกับความสามารถในการควบคุมพลังเวลาได้ หากฆ่าสัตว์พวกนี้ไม่กี่ตัว เป็นไปได้ที่จะดึงไหมแห่งกาลเวลารุ่นหลังออกมาจากแกนผลึกของมัน เช่นนี้ เมื่อเทียบกับการตามหาแม่น้ำแห่งกาลเวลาแล้ว ถือว่าง่ายกว่าหลายเท่าตัว” หลิงอ๋องกล่าวอย่างช้าๆ
“เหอะ นายท่านพูดเหมือนเป็นเรื่องง่าย! ไม่ต้องพูดเลยว่าแดนเสี่ยวซิวหลัวนี้แปลกประหลาดแค่ไหน แมงมุมซิวหลัวที่น่ากลัวพวกนั้นอีก ทางเข้าแดนนั้นพังทะลายและหายสาบสูญไปในสงครามเมื่อสองแสนปีก่อน จะเข้าไปในแดนแห่งนั้นได้อย่างไร” เซวี่ยหรานสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก พูดโอดครวญออกมา
“ผู้เฒ่ามีแผนเกี่ยวกับเรื่องนี้ และได้เตรียมการบางอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว เชิญพวกท่านดูว่าสิ่งนี้คืออะไร” หลังจากชายชราในชุดขาวหัวเราออกมาเล็กน้อย พลิกมือข้างหนึ่งพลันปรากฏแสงเลือดกลางมือ
หานลี่ตั้งใจมองไปยังสิ่งนั้น
มองเห็นเพียงสิ่งของบางอย่างที่มีลักษณะเหมือนก้อนหินสีแดงเลือดขนาดเท่ากำปั้นอยู่ท่ามกลางแสงสีแดง ของสิ่งนั้นมีพื้นผิวขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อเล็กๆ นับไม่ถ้วย
“หัวใจแห่งซิวหลัว นี่คือหัวใจแห่งซิวหลัว! พี่หลิงไปได้สิ่งนี้มาจากที่ไหนกัน!” เมื่อมั่วเจี่ยนหลีเห็นของสิ่งนี้ สีหน้าพลันเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
เซวี่ยหรานและเฮยหลิน ก็รู้จักของสิ่งนี้ด้วยเช่นกัน สีหน้าก็เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
มีเพียงแค่หานลี่เท่านั้นที่สีหน้าเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อย
หัวใจแห่งซิวหลัวนี้ เขาก็เพิ่งพบเจอเป็นครั้งแรก แน่นอนว่าไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาเป็นพิเศษ
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนดังที่ข้างหูของเขา มั่วเจี่ยนหลีหันมาแล้วขยับริมฝีปากเล็กน้อย แล้วอธิบายออกมา
“แดนเสี่ยวซิวหลัวนั้น เมื่อสองแสนปีก่อน เคยปรากฏขึ้นที่ใดที่หนึ่งทางตอนใต้ของแผ่นดินใหญ่เฟิงหยวนของพวกเราครั้งหนึ่ง แต่มันแตกต่างจากโลกของพวกเรา แม้ว่าโลกนั้นดูเหมือนจะมีขนาดพื้นที่ไม่ใหญ่ แต่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกใบนั้นมีความคล้ายคลึงเป็นอย่างมากกับโลกปีศาจ แดนซิวหลัว ที่พังทลายไปนับตั้งแต่โบราณ แมงมุมหลัวซิวก็เป็นหนึ่งในตัวแทนของแดนนั้น ดังนั้นผู้คนจึงคาดเดากันว่าแดนนี้น่าจะเป็นแดนเล็กๆ ที่หลงเหลืออยู่หลังจากการล่มสลายของแดนซิวหลัวถึง แม้ว่าแดนซิวหลัวจะอันตรายมาก แต่ด้านในก็มีวัตถุดิบล้ำค่ามากมายที่หาได้ยากในโลกทั่วไป ในทีแรกเพื่อที่จะแย่งชิงดินแดนแห่งนี้ เผ่าใหญ่ใกล้เคียงก็ได้ลงมืออย่างถี่ถ้วน แต่ว่าก็เผลอพลั้งทำลายทางเข้าของแดนนั้นไป และทำให้มันหายไปอีกครั้ง นี่ทำให้กลุ่มชนเผ่าในช่วงนั้นเสียใจกันเป็นระยะเวลานาน”
เล่ามาถึงตรงนี้ เสียงของมั่วเจี่ยนหลีก็หยุดพูดครู่หนึ่ง
“ที่แท้เป็นเช่นนี้ หัวใจแห่งหลัวซิวที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เมื่อพี่มั่วได้ยิน จึงแสดงท่าทีเหมือนตกใจเป็นอย่างมาก” หานลี่ตอบกลับไปเช่นเดียวกัน
“หัวใจแห่งซิวหลัวเป็นสิ่งของประหลาดที่เปลี่ยนมาจากหัวใจของสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมากในแดนเสี่ยวซิวหลัว มันมีพลังงานลึกลับที่มีเฉพาะในแดนเสี่ยวซิวหลัว เดิมทีมันถูกใช้เพื่อหลอมอาวุธอาคมและหลอมโอสถเท่านั้น แต่หลังจากที่ทางเข้าล่มสลายลง มีคนค้นพบว่า นำสิ่งของชิ้นนี้ไปพร้อมกับเขตอาคมส่งตัวที่ถูกทิ้งร้างในสมัยโบราณ โดยไม่ต้องใช้ทางเข้าก็สามารถส่งตัวคนเข้าสู่แดนเสี่ยวซิวหลัวได้โดยตรง แต่ในช่วงเวลานี้ ผู้ที่ถูกส่งตัวเข้าไปยังแดนนั้นจะต้องปรับแต่งหัวใจแห่งซิวหลัวให้เป็นอาวุธอาคมป้องกันร่างกายที่ต้องพกเข้าไปยังดินแดนนั้นด้วย พลังงานภายในโลกนั้นจะยังไหลอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะใช้ต้านทานแรงผลักของโลกนั้น เมื่อพลังงานหมดลง คนที่เข้ามาจะถูกส่งออกมาจากแดนเสี่ยวซิวหลัวโดยทันทีเนื่องจากแรงผลัก น่าเสียดายที่สิ่งมีชีวิตที่มีหัวใจแห่งซิวหลัวในแดนเสี่ยวซิวหลัวไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะฆ่าได้ นอกจากนี้ในตอนแรกก็ไม่มีคนสนใจการมีอยู่ของมันมากนัก ดังนั้นหลังจากที่ประตูทางเข้าล่มสลายไป หัวใจแห่งซิวหลัวพวกนี้ก็เหลืออยู่ไม่มากแล้ว และหลังจากที่มีการใช้งานมันมาเป็นระยะเวลานาน ไม่แน่ว่าตอนนี้หัวใจพวกนี้จะนับได้ถึงห้านิ้วหรือไม่ แต่หลิงอ๋องผู้นี้มีสิ่งของพวกนี้อยู่ ย่อมทำให้พวกเราตกในแน่นอน” มั่วเจี่ยนหลีอธิบายออกมาหลายประโยค
หานลี่ได้ฟังเช่นนี้ ก็พยักหน้ารับรู้แล้วแสดงท่าทีครุ่นคิดบางอย่างออกมา
ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่นั้น เซวี่ยหรานก็รับหัวใจแห่งซิวหลัวมาจากมือของชายชราชุดขาวเรียบร้อยแล้ว และตรวจสอบอย่างละเอียด
ผ่านไปสักพัก เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก โยนๆ ชั่งน้ำหนักในมือแล้ว จึงหันไปถามชายชรา
“เป็นหัวใจแห่งซิวหลัวไม่ผิดแน่ แต่ไม่ทราบว่าพี่หลิงมีอยู่ในครอบครองกี่ก้อน?”
“สองก้อน” ชายชราชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้วแล้วตอบ
“สองก้อน? หัวใจแห่งซิวหลัวหนึ่งก้อนสามารถส่งคนเข้าไปในแดนเสียวซิวหลัวได้แค่หนึ่งคน มิใช่ว่าพี่หลิงวางแผนจะเลือกสองคนจากพวกเราสี่คนให้ไปยังแดนเสี่ยวซิวหลัวหรอกนะ!” เซวี่ยหรานถามออกมาด้วยสีหน้ามืดครึ้ม
มั่วเจี่ยนหลีได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไป
“ในจุดนี้ พวกท่านวางใจได้ หลังจากผู้เฒ่าปรับปรุงหัวใจแห่งซิวหลัวนี้แล้ว หากแบ่งออกเป็นสองส่วนก็ยังสามารถใช้งานได้ ทว่าพลังที่เพียงพอจะสามารถทำให้คนหนึ่งคนอยู่ในแดนเสี่ยวซิวหลัวมากกว่าหนึ่งเดือน ในตอนนี้สามารถอยู่ได้แค่ประมาณสิบกว่าวันเท่านั้น ข้าคิดว่าด้วยอิทธิฤทธิ์ของพวกท่าน ด้วยระยะเวลาเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะมีโอกาสสังหารแมงมุมซิวหลัวลงได้” ชายชราในชุดขาวตอบออกมาอย่างช้าๆ
“หึ หากเมื่อเข้าไปในแดนเสี่ยวซิวหลัวจริงๆ แล้ว คงสามารถเสี่ยงโชคได้ในเวลานี้เท่านั้นแล้วล่ะ” เซวี่ยหรานพูดพลางถอนหายใจออกมา
“หากข้าจำไม่ผิด นักพรตเซวี่ยหรานและเฮยหลินต่างก็มีชีพจรโลหิตโบราณของแมงมุมวิญญาณเพลิงสีเลือดหกหัวและแมงมุมมังกรสวรรค์เกราะดำ ระยะเวลาพวกนี้สำหรับผู้อื่นคงจะไม่เพียงพอที่จะตามหาแมงมุมซิวหลัว แต่นักพรตทั้งสองท่านมีชีพจรโลหิตที่มีพลังในการนำทางแล้วล่ะก็ นี่คงจะเป็นโอกาสอันดี” ชายชราพูดพลางยิ้มออกมา
“แม้แต่เรื่องนี้เจ้าก็รู้! ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจำสืบประวัติของพวกข้าสองพี่น้องมาอย่างละเอียดโดยเฉพาะเลย” รูม่านตาของเซวี่ยหรานพลันหดลง
เฮยหลินมีแววตาน่ากลัว
“หึๆ เดิมทีบรรพชนสือซินที่นัดหายกับผู้เฒ่า ภายในร่างกายมีชีพจรโลหิตที่ใกล้เคียงกับแมงมุมพันตา เข้าไปในแดนเสี่ยวซิวหลัวแล้วเป็นเรื่องง่ายขึ้นหลายส่วนที่จะตามหาแมงมุมซิวหลัว แต่ในเมื่อตอนนี้เขาตกลงสู่แดนมารแล้ว ผู้เฒ่าทำได้เพียงฝากความหวังไว้ที่ทุกท่านแล้ว ส่วนน้องมั่วและนักพรตหานหากต้องการตามหาแมงมุมซิวหลัว เกรงว่าจะทำได้เพียงแค่พึ่งพาโชคเสียแล้ว แดนเสี่ยวซิวหลัวไม่ได้นับว่าใหญ่มาก แม้ว่าท่านทั้งสองจะไม่พึ่งพาพลังของชีพจรโลหิต ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหาไม่พบ หากไม่ใช่ว่าผู้เฒ่าต้องการไหมแห่งกาลเวลาเป็นการด่วน อีกทั้งไม่ได้คิดว่าบรรพชนสือซินจะจากโลกนี้ไปแล้ว เดิมทีก็จะไม่ให้น้องมั่วและนักพรตหานมาทำเรื่องนี้หรอก ตอนนี้ในเมื่อนำสิ่งที่เป็นหลักฐานยืนยันมาอยู่ที่หน้าของข้า ก็ถือว่าเป็นโชคดีของพวกท่านแล้ว สิ่งที่ควรพูดข้าก็ได้พูดออกไปหมดแล้ว ข้าสงสัยว่าท่านทั้งสี่จะตัดสินใจเดินทางไปยังแดนเสี่ยวซิงหลัวหรือไม่?” ชายชราในชุดขาวพูดกับทั้งสี่คนด้วยความสงบนิ่งมากๆ
แต่การแสดงออกของทั้งสี่คนเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก ในชั่วขณะหนึ่งก็ไม่มีผู้ใดให้คำตอบแก่ชายชราเลยสักคน