“ไม่เป็นไร พวกเราก็ไม่ได้ล้มเลิกเช่นนี้ หลังจากกลับไปรวมตัวกันคนอื่นแล้ว ก็ไปปิดทางออกไว้ทันที หากคนผู้นี้อยากออกจากเทือกเขามารสีทอง ก็ต้องพบกันอีกแน่” อสูรน้อยลังเลเล็กน้อย แล้วถึงได้เอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจออกมา
เมื่อได้ยินอสูรน้อยกล่าวเช่นนี้ มารอสูรที่เหลือทั้งสี่รวมทั้งมารอสูรหัวงูเหลือมก็ไม่แย้งอะไรอีก ดูเหมือนว่าจะเชื่อฟังอสูรน้อยกระเบื้องเป็นอย่างมาก
ดังนั้นมารวายุจึงก่อตัวขึ้น มารทั้งห้าบินกลับไปทางเดิมทันที
ยามนี้หานลี่ที่บินหนีห่างออกไปเป็นล้านลี้ตั้งนานแล้ว ก็กำลังมองทุกสิ่งรอบๆ ด้านอย่างระมัดระวัง
แม้ว่าจะสลัดพวกที่ไล่ตามมาได้แล้ว แต่สีหน้าของเขาก็ไม่ได้ผ่อนคลายลง กลับขมวดคิ้วมุ่น
เมื่อบินมาได้กว่าครึ่งวัน เขาก็เบี่ยงตัวออกจากทางเดิน คิดจะกลับไปยังทางเขาเทือกเขามารสีทองอีกครั้ง มีเพียงต้องไปทางอื่นแล้ว
หากเป็นเช่นนั้นละก็ ประการแรกไม่คุ้นทาง ประการที่สองอาจจะพบกับมารอสูรตัวอื่น ก็จะยุ่งยากเล็กน้อย
ทว่าเทียบกับมารอสูรระดับสูงนับร้อยพันตัว แน่นอนว่าเขาย่อมยอมเสี่ยง
แน่นอนว่าเรื่องอย่างมารอสูรอาจจะปิดทางเข้าเอาไว้ พลันแวบเข้ามาในหัวของเขา แต่ทันใดนั้นก็โยนทิ้งไปไม่สนใจอะไรอีก
สำหรับเขาแล้วขอแค่ไม่พบมารอสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะใช้ยันต์ชำระพิสุทธิ์หรืออาศัยความเร็วของตนเอง ล้วนสามารถจัดการปัญหาเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย ไม่ได้สนใจเลยสักนิด
ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือไม่รู้ว่าเซียนๆ หนีไปได้อย่างราบรื่นหรือไม่
หากสตรีผู้นี้เพลี่ยงพล้ำไป เกราะมารเหนือฟ้าก็ไม่อาจซ่อมแซมได้ในยามนี้
แต่เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะควบคุมได้ และยิ่งไปกว่านั้นดูจากวิธีการหนีเอาตัวรอดจากมารอสูรก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าจะยังมีฝีมือสำรองอยู่ กว่าครึ่งคงไม่เป็นไร
ส่วนบุรุษแซ่กุยผู้นี้ หานลี่ก็หวังว่าอีกฝ่ายจะเพลี่ยงพล้ำไปในฝูงมารอสูรจะดีกว่า
หลังจากที่หานลี่ครุ่นคิดเสร็จสิ้น ทันใดนั้นก็ดึงสติกลับมา จับจ้องไปที่การเดินทาง
เห็นเพียงลำแสงหลีกหนีสีเขียวเปล่งแสงเจิดจ้า ความเร็วของสายรุ้งเพิ่มขึ้นสามส่วน หลังจากกะพริบวาบสองสามครั้ง ก็สลายหายไปขอบฟ้า
การเดินทางตามลำพังของหานลี่ในครั้งนี้ ใช้เวลาไปหนึ่งวันหนึ่งคืน
แม้ว่าระหว่างทางจะพบกับมารอสูรระดับต่ำสองสามตัว แต่ถูกมือใหญ่ตะปบออกไป ก็สังหารได้อย่างง่ายดาย ไม่ได้สร้างปัญหาให้เขาเลยสักนิด
เช่นนั้นยามนี้หานลี่บินอยู่เหนือเนินเขาที่ดูเตี้ยๆ ไอมารสีดำด้านล่างหมุนวนจนแทบจะกลืนกินกว่าครึ่งของเนินเขาไป มองเห็นเพียงภูเขาสูงไม่ถึงร้อยจั้ง ด้านล่างเป็นสีดำสนิทปรากฏขึ้นรางๆ
เสียง “ตูม” ดังสนั่นขึ้น ฉับพลันนั้นก็ดังมาจากกลางอากาศอีกข้างหนึ่ง สั่นสะเทือนอากาศจนเกิดเป็นเสียงดังหึ่งๆ
หานลี่ที่แต่เดิมกำลังเร่งเดินทางพลันตกตะลึง ลำแสงสีเขียวสว่างวาบ ลำแสงหลีกหนีหยุดชะงักลง และหันหน้าไปมองทางต้นเสียงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เห็นเพียงกลางท้องฟ้าไม่ไกลออกไป ถูกเมฆาเพลิงสีแดงสดอาบย้อมเอาไว้ และในเมฆสีเพลิง ดวงแสงเพลิงสีขาวที่แผดเผาก็ปรากฏออกมา จากนั้นก็หมุนวนแล้วระเบิดออก กลายเป็นเปลวเพลิงประหลาดสีแดงสด
เสียงตูมๆ อึกทึกดังขึ้นอย่างต่อเนื่องราวกับไม่มีที่สิ้นสุดอย่างไรอย่างนั้น
หางตาของหานลี่กระตุก
แม้จะไม่รู้ว่าทางนั้นเกิดอะไรขึ้น แต่เสียงนี้ก็น่าตกตะลึงจริงๆ ไม่มีทางเป็นสิ่งที่สิ่งมีชีวิตระดับหลอมสุญตาธรรมดาๆ สร้างขึ้นแน่
ทว่าแววตาของหานลี่พลันเปล่งแสงสีฟ้าสองสามครั้ง หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย ลำแสงหลีกหนีก็บินไปตามทางที่วางไว้เช่นเดิม ความเร็วเพิ่มขึ้นกว่าเดิมสามเท่า
คาดไม่ถึงว่าเขาจะมีท่าทางไม่อยากมีปัญหาเพิ่ม
เดิมทีหานลี่ก็คิดเช่นนี้จริงๆ
การเข้ามาในเทือกเขามารสีทองของเขาในครั้งนี้ได้ประโยชน์ไปไม่น้อยจริงๆ ตอนนี้แค่อยากออกจากที่นี่ ส่วนเรื่องเสี่ยงๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นนั้น ก็ไม่สนใจเลยสักกระผีก
แต่หานลี่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าตนที่ไม่อยากก่อปัญหา จะมีปัญหาเข้ามาถึงที่
สายรุ้งสีเขียวบินไปได้สองสามร้อยจั้ง ฉับพลันนั้นทางเมฆสีเพลิงที่หมุนวนก็มีลำแสงสว่างวาบ ชั่วครู่ก็มีลำแสงหลีกหนีบินออกมาสี่สาย
เบื้องหน้ามีลำแสงสีม่วงหมุนวน เจิดจ้าจนแสบตา กะพริบเรืองๆ คาดไม่ถึงว่าจะพุ่งมายังทิศทางที่หานลี่หนีไป
ลำแสงหลีกหนีสามสายที่อยู่ด้านหลัง มีลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ นอกจากนี้เป็นลำแสงสีเงินระยิบระยับ และสีแดงสดราวกับโลหิต แม้ว่าความเร็วจะด้อยกว่าลำแสงสีม่วงขั้นหนึ่ง แต่ก็ทำให้ผู้ที่ได้ยินตกตะลึง เสียงแหวกผ่านอากาศดังมา แค่กะพริบวาบก็อยู่ห่างจากหานลี่ไปไม่ถึงร้อยจั้งเศษ
หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนั้น ก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้ ยามนั้นไม่รู้ว่าควรจะหลบหลีกในทันที หรือว่าเข้าปะทะกันแน่
ทว่าเขาชะงักแค่ชั่ววินาที ทันใดนั้นก็สะบัดแขนเสื้อ ชั่วขณะนั้นลำแสงสีเทาชั้นหนึ่งพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าอย่างไร้สุ้มเสียง จากนั้นใต้ฝ่าเท้าพลันมีเสียงไพเราะดังขึ้น กระบี่เล่มเล็กสีเขียวพลันปรากฏขึ้นจำนวนนับไม่ถ้วน หมุนวนเล็กน้อยแล้วกลายเป็นดอกบัวสีเขียวดอกหนึ่ง กลีบดอกบานออกอย่างช้าๆ
และในเวลาเดียวกันดวงตาของหานลี่พลันมีแสงสีฟ้าสว่างวาบ มองเห็นสิ่งที่อยู่ในลำแสงสีม่วงซึ่งกำลังพุ่งเข้ามาอย่างชัดเจน ผลคือสีหน้าพลันเปลี่ยนสีเป็นแปลกประหลาดยิ่ง
เห็นเพียงในลำแสงสีม่วงคือใบหน้าสีเขียวมรกต สองมือสองขาล้วนเป็นเหมือนหนวดประหลาดสีม่วง สูงสองจั้ง ใบหน้าราบเรียบ และยิ่งไปกว่านั้นยังแข็งทื่อ สวมเกราะสงครามสีเหลืองที่ดูราวกับต้นไม้แห้ง ผิวของมันมีอักขระสีม่วงหมุนวน และมีกลิ่นหอมของยาโชยมาจางๆ
“เห็ดเซียน!” หานลี่ที่เคยเห็นภาพเหมือนในคัมภีร์มาแล้ว แทบจะนึกออกได้ในทันที จึงรู้สึกตกตะลึงระคนดีใจไม่ได้
แม้ว่าเขาจะไม่ได้นึกถึงสิ่งนี้มาก่อน แต่หากเจ้าสิ่งนี้มาหาถึงที่ แน่นอนว่าย่อมเป็นอีกเรื่องแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นดูจากแขนขาทั้งสี่ที่ยังไม่สมบูรณ์ของเห็ดเซียน เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บยังไม่ฟื้นฟูกลับมาเดิมดัง ก็ถูกคนอื่นพบเข้า ถึงได้หนีเตลิดเช่นนี้
ความคิดของหานลี่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาก็ตัดสินใจ แม้กระทั่งไม่สนใจลำแสงหลีกหนีสองสามสายที่อยู่ด้านหลัง
มือหนึ่งตะปบออกไป ม่านลำแสงสีเทาเข้มม้วนวนกลายเป็นมือยักษ์สีเทา ตะปบลำแสงสีม่วงที่อยู่ใกล้เคียงเอาไว้
เห็ดเซียนที่อยู่ในลำแสงสีม่วงเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ พลันมีสีหน้าไร้ความรู้สึก แววตาเผยสีหน้าสิ้นหวังออกมา
มองเห็นมือยักษ์สีเทาตะปบออกไป กลับดูเหมือนจะไม่อาจควบคุมลำแสงหลีกหนีของตนเองได้ ยังคงเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งมาหาหานลี่
ผลคือเมื่อมือลำแสงตะปบลงไป เสียง “ปัง” พลันดังขึ้น
ชั่วขณะนั้นลำแสงสีม่วงพลันสลายออก มือใหญ่ตะปบไปที่เอวของเห็ดเซียน จากนั้นพลันพลิ้วไหว กลายเป็นม่านลำแสงสีเทาม้วนวนกลับมา
คาดไม่ถึงว่ามือของหานลี่จะจับเห็ดเซียนเป็นๆ ไว้ได้ อีกฝ่ายไม่มีแรงขัดขืนเลยสักนิด
ลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ เห็ดเซียนถูกหมอกสีเทาที่ปรากฏขึ้นใกล้กับหานลี่แค่คืบรัดเอาไว้อย่างแน่นหนา
หานลี่พลันตกตะลึง แต่ทันใดนั้นพลันรู้สึกดีอกดีใจ สะบัดแขนเสื้ออย่างไม่ต้องขบคิด ชั่วขณะนั้นยันต์วิเศษหลากสีสันสิบกว่าสายก็พุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง
เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น ยันต์วิเศษเหล่านั้นแค่กะพริบวาบ ก็ทยอยกันจมหายเข้าไปในร่างของเห็ดเซียน จากนั้นยันต์วิเศษหลากสีสันพลันปรากฏออกมา แทบจะห่อหุ้มสัตว์เทพตัวนี้เอาไว้ข้างใน
“หยุดนะ”
“รนหาที่ตาย”
เสียงตะโกนอันไพเราะทยอยกันระเบิดออกมาจากลำแสงหลีกหนีสามสายที่อยู่ด้านหลัง เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้เห็นว่าเหยื่อถูกหานลี่จับไป ในใจจะรู้สึกโกรธเกรี้ยวแค่ไหนแค่คิดก็รู้แล้ว
“เก็บ”
หานลี่กลับไม่สนใจ พลิกฝ่ามืออีกมือหนึ่ง ชั่วขณะนั้นขวดหยกสีเขียวพลันปรากฏขึ้น และอ้าปากตะโกนด้วยเสียงต่ำๆ ออกมา
ชั่วขณะนั้นขวดหยกพลันสั่นเทา ม่านลำแสงสีเขียวสายหนึ่งบินออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วกักเห็ดเซียนเอาไว้ข้างใน
เห็นเพียงลำแสงสว่างวาบ เห็ดเซียนที่เดิมสูงกว่าหานลี่ หดตัวเล็กลงในพริบตา สุดท้ายก็มีขนาดครึ่งฉื่อ และถูกหมอกสีเขียวห่อแล้วดึงเข้าไปในขวด
มือหนึ่งพลิกฝ่ามืออีกครั้ง ขวดเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป
ยามนี้ลำแสงหลีกหนีสามสายแทบจะมาถึงพร้อมกัน หลังจากกะพริบวาบสองสามครั้ง ก็เผยร่างออกมาทีละคนๆ ห่างออกไปสามสิบจั้ง ล้อมตนเอาไว้
หานลี่ถึงได้เงยหน้าขึ้นกวาดตามองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าราบเรียบ ท่าทางไม่ผิดปกติเลยแม้แต่น้อย
แม้ว่าเมื่อครู่ยังไม่ทันมองเห็นใบหน้าของคนเหล่านั้นให้ชัดเจน แต่แรงกดบนร่างก็ไม่ใช่ผู้ที่อยู่ในระดับผสานอินทรีย์แน่นอน ดังนั้นเขาถึงได้มีท่าทีเช่นนี้
“เอ๋ เป็นสหายหาน”
“เป็นเจ้า”
เพราะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ล้วนรวดเร็ว ประกอบกับก่อนหน้านี้หานลี่ได้ใช้ลำแสงเทวะดูดปราณต้านทานเอาไว้ ดังนั้นผู้ที่มาทีหลังจึงได้เห็นใบหน้าของหานลี่ชัดเจน ผลคือเสียงอุทานแหบแห้งที่แตกต่างกันสองเสียงพลันดังออกมา
คนหนึ่งสีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ!
คนหนึ่งกลับมีสีหน้าตกตะลึงระคนสงสัย!
ส่วนคนสุดท้ายพลันมีลำแสงสีโลหิตเปล่งแสงเรืองๆ และชูมือทั้งสองขึ้นไปทางหานลี่โดยไม่ปริปาก
ชั่วขณะนั้นลำแสงโลหิตสองสายก็พุ่งออกมาเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นลำแสงสองสายสับมาทางหานลี่
หานลี่พลันมีสีหน้าเคร่งขรึม หมอกลำแสงสีเทาตรงหน้าขยายสูงขึ้นไปสองสามจั้ง และม้วนไปทางด้านหน้า
เสียง “สวบๆ” ดังขึ้น ลำแสงสีโลหิตสองสายกลับไม่ธรรมดา คาดไม่ถึงว่าจะสับหมอกสีเทาออก หมายจะทะลวงผ่านไป
ครู่ต่อมาเงาสีดำก็เปล่งแสงสว่างวาบท่ามกลางหมอกลำแสงสีเทา เงาลวงตาภูเขาสีดำปรากฏขึ้น
ลำแสงสีโลหิตสองสายสับลงมา กลับถูกดีดกลับไปด้วยพลังมหาศาล
จากนั้นลำแสงสีเทารอบด้านพลันผนึกรวมกันกลายเป็นเส้นไหมสีเทาบางๆ จำนวนนับไม่ถ้วน พันรัดลำแสงสีโลหิตเอาไว้
ผลคือยามแรกใบมีดสีโลหิตสองเล่มยังกล้าหาญดุจมังกรวารี แต่จากนั้นเส้นไหมสีเทากลับคลี่คลุมลงมาอย่างหนาแน่น เริ่มแรกยังเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า และลำแสงพลันหม่นแสงคืนรูปเดิม
เป็นกระบี่ยามสีโลหิตสองเล่ม ปริแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แต่ลำแสงกลับเจิดจ้ากะพริบไปมาไม่หยุด เผยท่าทีคึกคักเต็มเปี่ยมออกมา
ชั่วพริบตากระบี่เล่มเล็กสองเล่มก็ถูกเส้นไหมสีโลหิตห่อหุ้มเอาไว้ สุดท้ายก็เปล่งเสียงคร่ำครวญไม่อาจดีดดิ้นได้เลยแม้แต่น้อย
ไกลออกไปผู้ที่ถูกลำแสงสีโลหิตห่อหุ้มเอาไว้ถึงได้ตกตะลึง แต่กลับเปล่งเสียงไพเราะอย่างไม่รีบร้อนออกมา
เสียง “ปังๆ” ดังออกมาจากม่านลำแสงสีเทา
กระบี่เล่มเล็กสีโลหิตสองเล่มที่แต่เดิมถูกพันรัดอยู่ พลันระเบิดออกโดยอัตโนมัติ กลายเป็นลำแสงสีโลหิตและสลายหายไปท่ามกลางลำแสงเทวะดูดปราณ
ครู่ต่อมาด้านหน้าผู้ที่ถูกลำแสงโลหิตห่อหุ้มอยู่พลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ลำแสงโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบ กระบี่เล่มเล็กสองเล่มปรากฏขึ้น
“กระบี่หลอมสุญตา”
ดวงตาทั้งสองของหานลี่พลันหรี่ลง จ้องเขม็งไปยังเงาร่างคนในลำแสงสีโลหิตที่อยู่ไกลออกไปเขม็ง สีหน้าเคร่งขรึมมาก
ยามนี้พลันมองเห็นใบหน้าของอีกสองคนที่ตอนแรกแค่เหลือบมองไปอย่างชัดเจน
หนึ่งในนั้นหน้าซีดขาว เรือนผมสีเทาขาว อีกคนเรือนผมสีเขียว ท่าทางโหดเ**้ยมมาก
คาดไม่ถึงว่าเป็นชายชราแซ่เยี่ยนและชนต่างเผ่าผมเขียวที่เคยพบหน้าในหออัสนีเมฆา