หลังจากที่ลำแสงสีโลหิตสว่างวาบ เสาลำแสงก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไปในทะเลทราย
ผลคือครู่ต่อมาพื้นดินด้านล่างเริ่มสั่นเทา รอยยิ้มปรากฏออกมา และยิ่งไปกว่านั้นยังหนาขึ้นเรื่อยๆ
เฮยหลินที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะหึๆ ออกมา มือหนึ่งตะปบออกไปกลางอากาศ ในมือมีกระบองยาวสีม่วงทองปรากฏขึ้นด้ามหนึ่ง แล้วสะบัดออกไป
ชั่วขณะนั้นเสียงฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ พลันดังขึ้น!
ภายใต้รัศมีลำแสงหมื่นจั้ง เงาลวงตากระบองยักษ์ความยาวพันจั้งพลันลดระดับลงมาจากท้องฟ้า เปล่งแสงสว่างวาบแล้วทุบไปที่พื้นดินราวกับอาวุธเทวะค้ำฟ้า
หลังจากเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นฟ้าดินดังขึ้น พื้นดินทั้งหมดก็แตกละเอียด
ทะเลทรายในรัศมีวงกลมร้อยลี้มีเสียงอึกทึกดังขึ้นแล้วเว้าโบ๋ลงไป
เฮยหลินหัวเราะร่าสองสามครั้ง สะบัดกระบองสีม่วงทองอีกครั้ง กระตุ้นอานุภาพให้กดลงไปต่อ
และในยามนั้นทะเลทรายด้านล่างที่เว้าโบ๋ลงไปที่มีเสียงวิหคร้องเสียงเบาลง ฉับพลันนั้นก็พ่นเสาลำแสงหลากสีสันจำนวนนับไม่ถ้วนออกมา
จากนั้นทะเลทรายทั้งผืนก็ปูดโปน เมืองศิลาแห่งหนึ่งพุ่งออกมาจากม่านลำแสง และค่อยๆ บินขึ้นไปบนท้องฟ้า
ด้านหน้าเมืองศิลาคือกำแพงศิลาสูงใหญ่ มารดาเผ่าแมงมุมซิวหลัว ชายชราชุดคลุมสีดำและพวก พาลูกน้องสองสามร้อยคนมองไปยังหานลี่และพวกที่อยู่บนสำเภาเหาะฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าดูไม่ได้
“เป็นเจ้าดังคาด ไม่ทราบว่าเผ่าแมงมุมซิวหลัวของพวกเราไปล่วงเกินสหายทุกท่านยามใด คาดไม่ถึงว่าจะมาหาเรื่องเผ่าของข้า” แม้ว่ามารดาเผ่าแมงมุมซิวหลัวจะโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อเมืองศิลาหยุดอยู่ฝั่งตรงข้ามสำเภาเหาะอย่างมั่นคงนั้น ก็ยังคงเอ่ยถามอย่างระงับความโกรธเกรี้ยวเอาไว้
ถึงอย่างไรเสียจิตสัมผัสที่แข็งแกร่งของหานลี่ในครั้งที่แล้ว นางก็ยังจดจำได้เป็นอย่างดี
หากไม่จำเป็น นางก็ไม่อยากลงมือกับอีกฝ่าย
แม้ว่าคนเหล่านี้จะมีท่าทีดุดันอย่างเห็นได้ชัด
แน่นอนว่าสาเหตุที่ลึกซึ้งกว่านั้น ก็เพราะฮูหยินคิดจะยื้อเวลาออกไป ให้กองทัพสนับสนุนที่ยังมาไม่ถึงมาช่วยเหลือได้ทันการณ์
“หึๆ ไม่นับว่าล่วงเกิน แต่ที่พวกเราเข้ามาในแดนนี้ในครั้งนี้ ก็เพื่อเผ่าแมงมุมซิวหลัว หากเผ่าของสหายยอมมอบแกนผลึกให้ล่ะก็ สงครามย่อมเปลี่ยนเป็นหยกและผ้าไหมได้” หานลี่ฉีกยิ้มไม่ได้ตอบอันใด เฮยหลินที่อยู่ด้านข้างกลับหัวเราะอย่างโหดเหี้ยมแล้วชิงเอ่ยขึ้น
“อันใด อยากได้แกนผลึกของเผ่าข้า เช่นนั้นพวกเจ้าก็มาหาเผ่าของพวกเราโดยเฉพาะ” มารดาเผ่าแมงมุมซิวหลัวได้ยิน ก็หน้าเปลี่ยนสี เอ่ยขึ้นโดยไม่ยิ้มแย้มอันใดอีก
“แม้จะไม่ได้เป็นเช่นนั้นทั้งหมด แต่ก็ประมาณนั้น เป็นอย่างไร เผ่าของเจ้าจะยอมมอบแกนผลึกให้หรือไม่” เซี่ยหรานเอ่ยอย่างราบเรียบ
“มอบแกนผลึก? พวกเจ้าฝันกลางวันอยู่หรือ! ในเมื่อพวกเจ้ากล้ามาพูดต่อหน้าข้า เช่นนั้นก็ต้องรบรากับพวกเราให้ตายกันไปข้าง ลงมือเถิด!” ฮูหยินเอ่ยด้วยเสียงเหี้ยมเกรียม แล้วกวักมือไปด้านหลังโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไป
ชั่วขณะนั้นมือของคนในเผ่าที่อยู่ด้านหลังนางพลันมีลำแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะสลายหายไปจากหัวเมืองกว่าครึ่ง เหลือเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น
ในบรรดาคนสิบกว่าคนนี้ล้วนแผ่พลังแรงกดระดับผสานอินทรีย์ออกมา กลิ่นอายของบุรุษและสตรีทั้งสี่คนเหนือกว่าคนอื่นๆ แทบจะเทียบเท่ากับระดับมหายาน
นั่นก็คือแมงมุมซิวหลัวโตเต็มวัยสี่ตัว
ม่อเจี่ยนหลีเห็นสถานการณ์เช่นนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี
หานลี่เองก็หรี่ตาทั้งสองข้างลง
ครั้งที่แล้วที่เขาไปตรวจสอบ ในรังของอีกฝ่ายมีแมงมุมซิวหลัวโตเต็มวัยแค่สามตัวเท่านั้น
ยามนี้เซี่ยหรานและเฮยหลินได้ยินมารดาเผ่าแมงมุมซิวหลัวตอบอย่างไม่เกรงใจ ก็มองสบตากันแวบหนึ่ง แล้วลงมืออย่างไม่ลังเลเลยสักนิดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เห็นเพียงเซี่ยหรานใช้นิ้วหนึ่งร่ายไปกลางอากาศไปทางเตาหลอมยักษ์ด้านหน้า
หลังจากเสียงอึกทึกทุ้มต่ำดังขึ้น กลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้งพลันโชยออกมาจากเตา ด้านบนมีลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบมากขึ้นเรื่อยๆ
ลำแสงสีเขียวเหล่านี้หมุนวน คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นผึ้งหน้าผีขนาดเท่ากำปั้น
ผึ้งยักษ์เหล่านี้ไม่เพียงหัวมีลายหน้าผี ตัวยังมีอยู่ลางๆ ราวกับเป็นร่างที่แท้จริงก็ไม่ปาน
“ไป”
เซี่ยหรานสะบัดแขนเสื้อไปฝั่งตรงข้าม ปากก็ร้องตะโกนต่ำๆ ออกมา
เสียงหึ่งๆ ดังขึ้น ผึ้งหัวผีจำนวนนับไม่ถ้วนกลายเป็นเมฆแมลงสีเขียวอ่อนกระโจนไปฝั่งตรงข้ามทันที
เซี่ยหรานเองก็ชิงสาวเท้าออกไป พาลำแสงสีโลหิตแปดดวงเปล่งแสงสว่างวาบมาปรากฏตรงกลางระหว่างสำเภาเหาะและเมืองศิลา
ท่ามกลางลำแสงสีโลหิตทารกแปดคนมีรอยยิ้มประหลาดๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า แล้วอ้าปากออกพร้อมกัน พ่นเสาลำแสงสีโลหิตแปดสายไปทางมารดาเผ่าแมงมุมซิวหลัว
เดิมมารดาเผ่าแมงมุมซิวหลัวยังคิดจะเอ่ยอันใดกับชายชราที่อยู่ข้างกาย เมื่อเห็นท่าทางกำเริบเสิบสานนี้ ก็รู้สึกโกรธเกรี้ยวทันที หลังจากที่ผิวมีลำแสงสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบ ก็มาปรากฏตัวกลางอากาศ มือหนึ่งแค่โบกสะบัดไปมา ลำแสงสีทองก็คลี่ตัวออกมาด้านหน้า
หลังจากที่ลำแสงสีเหลืองหมุนคว้าง เสียง “พรึ่บๆ” พลันดังขึ้น เสาโลหิตแปดสายต้านทานเอาไว้อย่างต่อเนื่อง
ยามนี้ลำแสงสีทองถึงได้หม่นแสงลง เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นโล่สีทองยักษ์สูงสองจั้ง ต้านทานฮูหยินไว้ด้านล่าง
หานลี่และพวกและชายชราแซ่อี้เห็นทั้งสองประมือกัน ก็มองอย่างตั้งใจอยู่ด้านข้าง ยามนั้นไม่มีผู้ใดมีเจตนาจะสอดมือเข้าต่อสู้
ยามนี้ผึ้งหน้าผีฝูงนั้นก็บินมาอยู่เหนือฮูหยินราวกับพายุ และกลายเป็นเมฆสีเขียวอ่อนห่อหุ้มลงมา
มารดาเผ่าแมงมุมซิวหลัวแค่นเสียงอย่างเย็นชา แขนเสื้อขาวข้างหนึ่งสะบัดไปกลางอากาศ
ลำแสงสีขาวความยาวสิบกว่าจั้งพุ่งแหวกอากาศออกมา แค่กะพริบวาบก็สับเมฆผึ้งสีเขียวออกจากตรงกลาง หลังจากหมุนวนรอบหนึ่งก็กลายเป็นสายรุ้งบินออกมา
เสียง “ปังๆ” ดังขึ้น ชั่วขณะนั้นเมฆผึ้งก็ลอยออกมาราวกับถั่วระเบิด
และไม่รู้ว่าลำแสงสีขาวคือสมบัติและอิทธิฤทธิ์ชนิดใด แค่พันรัดเมฆผึ้งสองสามรอบ ผึ้งหน้าผีทั้งหมดก็สั่นเทาแล้วระเบิดออกกลายเป็นลำแสงสีเขียวลอยอยู่กลางอากาศอีกครั้ง
เซี่ยหรานเห็นเช่นนี้ไม่เพียงไม่ตกตะลึง แววตากลับเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยมออกมา ทันใดนั้นก็อ้าปากออก
พ่นไอโลหิตบริสุทธิ์สองสามกลุ่มออกมาทันที เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในเตาหลอมขนาดยักษ์
เสียงภูตผีกรีดร้องในเตาหลอมดังชัดเจนขึ้นสองสามส่วน ด้านในเตาหลอมเองก็เริ่มมีลำแสงสีโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบ
ฉากที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้น
ไกลออกไปมีลำแสงสีเขียวรวมตัวกัน ผึ้งหน้าผีที่เหมือนเดิมจำนวนมากปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง
ไม่รอให้มารดาเผ่าแมงมุมซิวหลัวมีสีหน้าเคร่งขรึม คิดจะกระตุ้นลำแสงสีขาวเข้ารบราฆ่าฟันอีกครั้ง ชั่วพริบตาที่ผึ้งหน้าผีเหล่านี้ปรากฏตัว ก็เลือนรางแล้วหายไปในเวลาเดียวกัน
ครู่ต่อมาบรรยากาศรอบๆ ก็มีพายุก่อตัวขึ้น เสียงกรีดร้องดังขึ้น!
ใบมีดวายุกึ่งโปร่งใสปรากฏขึ้นลางๆ กลางพายุ และส่งเสียงแหวกอากาศดัง “สวบๆ” พุ่งมาหาฮูหยิน
การโจมตีที่ดูเหมือนธรรมดาตกอยู่ในสายตาของมารดาเผ่าแมงมุมซิวหลัว คาดไม่ถึงว่าจะทำให้นางมีสีหน้าตึงเครียด มือหนึ่งตบไปที่โล่ทองตัวเองราวกับสายฟ้า เสียงระฆังดังสนั่นขึ้น
โล่ยักษ์สีทองเลือนราง กลายเป็นม่านลำแสงสีทองคุ้มครองฮูหยินเอาไว้ข้างใน
ครู่ต่อมาใบมีดวายุจำนวนมากก็สับลงมาที่ม่านลำแสงราวกับพายุระเบิด
พริบตานั้นม่านลำแสงสีทองก็มีลำแสงวิญญาณกระเพื่อมไปมาไม่หยุด แต่กลับต้านทานใบมีดวายุเหล่านั้นเอาไว้อย่างมั่นคงราวกับภูเขาไท่ซาน
ไม่ใช่แค่นั้นมารดาเผ่าแมงมุมซิวหลัวใช้เคล็ดวิชาลับกระตุ้นโล่ทอง มือหยกขยับไปลูบเส้นผม คาดไม่ถึงว่าผมจะยาวขึ้น จากนั้นก็หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา ปากน้อยๆ ก็ออกแรงแผ่ว
เสียง “พรึ่บๆ” ดังสนั่นขึ้น ผมยาวสีดำสนิทหายไปจากฝ่ามือของฮูหยิน ท้องฟ้าดำมืด งูเหลือมยักษ์สีดำความยาวร้อยจั้งสิบกว่าตัวพุ่งแหวกอากาศออกมา กระโจนไปหาระดับมหายานของชนต่างเผ่าเซี่ยหราน
เซี่ยหรานหน้าเปลี่ยนสี มือหนึ่งร่ายอาคมอย่างไม่กล้าดูแคลน ทารกวิญญาณในลำแสงโลหิตทั้งแปดด้านข้างร้องคำรามต่ำๆ ที่ไม่เหมือนมนุษย์ออกมา ผิวมีลวดลายประหลาดเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะทยอยกันกลายเป็นภูตผีหน้าตาโหดเหี้ยมมีเขางอกออกมาแปดตัวพุ่งไปหางูเหลือมยักษ์สีดำสิบกว่าตัวท่ามกลางลำแสงโลหิตที่ระเบิดออกมา
ระหว่างที่ภูตทั้งแปดเคลื่อนย้าย เปลวเพลิงลำแสงสีโลหิตรอบกายก็เปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุด นิ้วทั้งสิบกลายเป็นใบมีดแหลมคม ตะปบไปที่ร่างของงูเหลือมยักษ์สีดำ ชั่วขณะนั้นเกล็ดและชิ้นเนื้อพลันหมุนวนลงมา
งูเหลือมยักษ์เหล่านี้อาศัยร่างกายที่แข็งแกร่งและพลังมหาศาลที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัว ร่างกายทั้งกวาดทั้งขด ทุกแห่งที่กวาดผ่านไปราวกับพายุหมุนก็ไม่ปาน ในเวลาเดียวกันปากก็เผยเขี้ยวแหลมคมออกมาแล้วพุ่งลงไปกัดภูตผีเหล่านั้น บางครั้งก็พ่นไอสีเขียวที่มีพิษแปลกประหลาดออกมาเป็นดวงๆ
ยามนั้นท้องฟ้าพลันมีเสียงสั่นสะเทือนดังขึ้นไม่หยุด เสียงกรีดร้องและเสียงคำรามต่ำๆ พลันดังสลับกันไปมา ไอสีเขียวหมุนวนและเปลวเพลิงโลหิตบ้างก็ไล่จับและต่อสู้กัน บ้างก็ไล่ตามกันไปมาทั่วท้องฟ้าราวกับสายฟ้า
ทว่าดูจากเหตุการณ์แล้วเห็นได้ชัดว่าภูตผีทั้งแปดถูกงูเหลือมยักษ์สีดำกดเอาไว้
เซี่ยหรานมีสีหน้าดูไม่ได้ มือหนึ่งหดเข้าไปในแขนเสื้อ ยามที่กำลังคิดจะสำแดงสมบัติวิเศษอีกชิ้นออกมา มารดาเผ่าแมงมุมซิวหลัวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกลับแววตาฉายแววโหดเหี้ยม ฉับพลันนั้นมือหนึ่งก็ตบไปที่หน้าผาก ลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมา หลังจากปะทะลมแล้วพลิ้วไหวก็กลายเป็นแมงมุมยักษ์ขนาดเท่าภูเขาตัวหนึ่ง
แมงมุมตัวนี้ไม่เพียงมีสีเขียวมรกต เรือนกายยังมีขนแข็งๆ ราวกับเข็มเหล็กกล้าเต็มไปหมด ขาทั้งหกขยับเล็กน้อย เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้นแล้วหายวับไปจากที่เดิม
เซี่ยหรานพลันตกตะลึง ยามที่กำลังจะมีปฏิกิริยาตอบสนองกับสิ่งนี้ ฮูหยินที่ปล่อยแมงมุมยักษ์ออกมากลับอ้าปาก
เสียง “สวบๆ” ดังขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะมีเส้นไหมสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งแหวกอากาศออกมา แค่เลือนรางก็มาปรากฏตัวตรงหน้าเขาราวกับเคลื่อนย้าย
ในเวลาเดียวกันเหนือหัวของเซี่ยหรานก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น กรงเล็บแหลมคมราวกับเหล็กกล้าที่มีหนามแหลมๆ เต็มไปหมดก็ยื่นออกมาจากกลางอากาศ และเปล่งแสงสว่างวาบและพุ่งที่หน้าผากด้านล่างอย่างแรง
เซี่ยหรานพลันใจหายวาบ มือหนึ่งยื่นออกมาจากแขนเสื้ออย่างไม่ต้องขบคิด คาดไม่ถึงว่าจะชักแส้สั้นๆ สีเหลืองอ่อนออกมาเส้นหนึ่ง และโจมตีไปกลางอากาศโดยไม่ปริปาก
ชั่วขณะนั้นวายุอัสนีพลันดังขึ้น เงาลวงตายอดเขาสีเหลืองอ่อนร้อยจั้งเศษพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้น ต้านทานกรงเล็บแหลมทั้งสองเอาไว้อย่างพอดิบพอดี
หลังจากเสียง “แปะๆ” ดังขึ้นสองครั้ง เงาลวงตาภูเขาขนาดย่อมก็เปล่งรัศมีลำแสงสีเหลืองออกมา แล้วถูกเงาลวงตายอดเขาดีดออกไปอย่างง่ายดาย
เส้นไหมสีเขียวเหล่านั้นไม่ได้ถูกต้านทานแค่สั่นเทา ก็ระเบิดลำแสงแปลกประหลาดออกมาแล้วพุ่งไปหาลำแสงที่คุ้มครองร่างเซี่ยหรานอยู่
แต่ยามนั้นด้านหน้าของเซี่ยหรานพลันมีลำแสงสีม่วงทองเปล่งแสงสว่างวาบ เงากระบองหนาๆ ปรากฏขึ้นอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน แค่พลิ้วไหวก็กลายเป็นม่านลำแสงสีม่วงทองต้านทานเส้นไหมสีเขียวเหล่านั้นเอาไว้ด้านนอก
ยามนี้ด้านข้างเซี่ยหรานพลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น เฮยหลินที่ถือกระบองยาวสีม่วงทองพลันเผยสีหน้าโหดเหี้ยมออกมา…