“ไหนเลยจะเรียนรู้ได้ปานนั้น ข้าแค่เรียนรู้ได้ผิวเผินเท่านั้น กลับเป็นการต่อสู้ต่อจากนี้ ต้องรบกวนท่านอาจารย์ลุงให้ลงมือแล้ว ถึงอย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหายาน อิงเอ๋อร์จะกล้าเผชิญหน้าได้อย่างไร ทำได้เพียงช่วยท่านอาจารย์ลุงอยู่ข้างๆ เท่านั้น” หญิงสาวสวมกระโปรงสีโลหิตหัวเราะคิกคักแล้วเอ่ยกับชายชรา
“หึๆ แม้แต่อิทธิฤทธิ์วิญญาณย้อนกลับก็ยังเรียนรู้ได้ จะนับว่าผิวเผินได้อย่างไร ยามนี้อิงเอ๋อร์คอยตรึงอยู่ด้านข้าง ก็สู้กับอีกฝ่ายได้รอบแล้ว” ชายชราแซ่อี้พิจารณาร่างของตนอย่างละเอียด พบว่าอิทธิฤทธิ์ย้อนกลับของหญิงสาวดูเหมือนจะชดใช้ปราณแท้ที่สูญเสียไปของตนได้ ทันใดนั้นก็รู้สึกมั่นใจขึ้น แล้วตอบกลับอย่างมีชีวิตชีวา
จากนั้นเขาพลันกรีดร้องยาวๆ ศีรษะพลิ้วไหว แล้วกลายเป็นวิหคหน้าคน สองมือพลิกฝ่ามือ ลำแสงสีเงินและลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ กระจกสีทองและม้วนคัมภีร์สีเงินปรากฏขึ้นพร้อมกัน
ชายชราหัวเราะต่ำๆ ออกมา ม้วนคัมภีร์เลือนราง กลายเป็นอักขระยันต์สีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนแล้วระเบิดออก หลังจากหมุนวนไปบนเรือนร่างก็กลายเป็นเกราะสงครามสีเงินปกป้องเรือนร่างไว้อย่างแน่นหนา
กระจกสัมฤทธิ์สีทองบนแขนอีกข้างหนึ่งเปล่งแสงเจิดจ้า แล้วแยกออกอีกครั้งกลายเป็นกระบี่ยักษ์สีทองสองเล่ม แขนทั้งสองขยับและตะปบทั้งสองไว้ในมือ
หญิงสาวที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะน้อยๆ ออกมา มือหนึ่งพลันร่ายอาคม อสูรประหลาดหัวหมาป่าสองตัวระเบิดเสียงอึกทึกดังขึ้น กลายเป็นหมอกโลหิตสองกลุ่มกระโจนไปหาตน
ทันใดนั้นฝ่ามือของหญิงสาวก็เปล่งแสงสีโลหิตสว่างวาบ และบริกรรมคาถาพลางชี้ไปที่ชายชราที่อยู่กลางอากาศ
หลังจากเสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น อักขระยันต์สีโลหิตก็พุ่งออกมาจากปลายนิ้วอย่างต่อเนื่องเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในชุดเกราะของชายชรา
ชั่วขณะนั้นอักษรสีโลหิตประหลาดๆ ก็ปรากฏขึ้นบนชุดเกราะแล้วหมุนวนโคจรไปมา
แทบจะในเวลาเดียวกันชายราแซ่อี้ก็รู้สึกเพียงว่าในร่างมีระลอกคลื่นร้อนระอุไหลโคจรไปมา พลังปราณทั่วเรือนร่างเพิ่มขึ้นสองสามเท่า ในเวลาเดียวกันก็ระเบิดความโกรธออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจ ทำให้ดวงตาทั้งสองอดที่จะมีเส้นสีโลหิตปรากฏขึ้นโดยไม่รู้ตัวไม่ได้ เกิดความรู้สึกอยากสู้ขึ้นมา!
“เคล็ดวิชากระหายโลหิต เยี่ยมมาก ตรงใจตาเฒ่าพอดี!” ชายชราหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สะบัดแขนทั้งสองไปอย่างไร้ซึ่งความหวาดกลัว กลายเป็นลำแสงสีเงินพุ่งออกไปจากม่านลำแสง ในเวลาเดียวกันไอกระบี่สีทองความยาวร้อยจั้งเศษสองสายก็สับออกมาอย่างดุดัน ทุกแห่งที่ผ่านไปมีเสียงฉีกขาดดังขึ้น ราวกับว่าอากาศทั้งหมดถูกผ่าออกอย่างไรอย่างนั้น
หานลี่มองไอกระบี่สีทองที่พุ่งเข้ามาแวบหนึ่ง แล้วกวาดตามองหญิงสาวสวมกระโปรงสีโลหิตที่อยู่บนเมืองศิลาอีกแวบหนึ่ง ฉับพลันนั้นก็หัวเราะร่า ชี้มือหนึ่งไปกลางอากาศ
เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น!
ยอดเขาสามลูกเลือนรางแล้วสลายหายไปจากกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย
ครู่ต่อมาตรงหน้าของเขาพลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้นแล้วเลือนรางไปจากกลางอากาศ ภูเขาสามลูกเรียงรายกันอยู่ตรงหน้า
เสียงอึกทึกดังขึ้น
ไอกระบี่สีทองสองสายสับลงมาที่ยอดเขาอย่างแรง
ผลคือยอดเขาทั้งสามลูกแค่สั่นเทาเล็กน้อย ไอกระบี่สองสายดีดตัวออกมา
แต่ชายชราแซ่อี้กลับมีแววตาโหดเหี้ยมฉายแวบผ่าน โยนกระบี่ยักษ์สองเล่มที่อยู่ในมือออกมาพร้อมกัน แล้วบริกรรมคาถาอีกครั้ง
พริบตานั้นกลางอากาศพลันมีเสียงอึกทึกดังขึ้น กระบี่ยักษ์สีทองที่มีลำแสงนับหมื่นสายสองเล่มพลันรวมเข้าด้วยกัน คาดไม่ถึงว่าหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว กลายเป็นกระบี่ลำแสงความยาวร้อยจั้งเศษสับลงมาอีกครั้งอย่างแรง
ท่ามกลางลำแสงสีทอง เสียงฟ้าผ่าพลันดังขึ้น!
“มาก็ดี!”
หานลี่แค่นเสียงอย่างเย็นชา แขนทั้งหกของวานรยักษ์ร่ายอาคมพร้อมกัน กระบี่เล่มเล็กสีเขียวเจ็ดสิบสองเล่มพุ่งออกมาจากในร่างหลังจากเปล่งแสงสว่างวาบก็กลายเป็นกระบี่ลำแสงสีเขียวจำนวนมากรวมตัวกันที่ใจกลาง แล้วกลายเป็นใบมีดยักษ์สูงค้ำฟ้าความยาวสองสามร้อยจั้งอีกเล่ม
ใบมีดยักษ์พลันส่งเสียงร้องแล้วพุ่งขึ้นไปกลางอากาศภายใต้การกระตุ้นด้วยกระบี่อาคมของหานลี่
เสียงอึกทึกดังขึ้น กระบี่ยักษ์สองเล่มโจมตีเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา
กลางอากาศมีเสียง “สวบๆ” ดังขึ้น ไอกระบี่สีทองและเขียวพลันตัดสลับกันไปมาจากกลางอากาศ แสงเจิดจ้าพลันปรากฏขึ้น แทบจะทำให้ผู้คนไม่อาจสบตาได้
ยามนั้นใบมีดยักษ์สองเล่มพลันยืนกรานต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน
ชายชราเห็นเช่นนี้ก็มีสีหน้าเคร่งขรึม นิ้วชี้ไปกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง พลังปราณในร่างบรรจุเข้าไปในกระบี่กลางอากาศ
พริบตานั้นใบมีดยักษ์สีทองก็มีแสงเย็นเยียบเจิดจ้าขึ้น ลำแสงสีทองพุ่งออกมา
แทบจะในเวลาเดียวกันวานรยักษ์ที่อยู่ด้านล่างก็ชูคอทั้งสามขึ้นพร้อมกับอ้าปากออกพ่นประจุไฟฟ้าสีทองหนาๆ สามสายออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไปจากกลางอากาศ
ครู่ต่อมาผิวของกระบี่ยักษ์สีเขียวก็มีสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมา กลายเป็นอสรพิษสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนกระโจนไปหากระบี่ยักษ์สีทอง
เสียงอึกทึกดังขึ้น!
กระบี่ยักษ์สีเขียวที่มีกระบี่ลำแสงสีเขียวและอสรพิษสีทองขนาบไว้พลันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ฉากนี้ย่อมทำให้ชายชราแซ่อี้ตกตะลึง
แต่ในยามนี้วานรยักษ์กลับปรากฏตัวขึ้น แล้วสาวเท้ามาข้างหน้าอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด ร่างกายเลือนรางแล้วสลายหายไปจากที่เดิม
ชายชราแซ่อี้เห็นเช่นนี้พลันใจหายวาบ แล้วร้องเรียกหญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีโลหิต “สหายอิง” มือหนึ่งร่ายอาคม ผิวมีรัศมีลำแสงห้าสีปรากฏขึ้น โล่ผลึกแปดเหลี่ยมห้าสีพลันปรากฏขึ้น แล้วปกคลุมเรือนร่างทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ฝ่ามือข้างหนึ่งพลิกฝ่ามืออีกครั้ง ไม้บรรทัดสีม่วงดำปรากฏขึ้นและกลายเป็นเงาลวงตาหมุนคว้างอยู่ที่ใจกลางฝ่ามือไม่หยุด
หญิงสาวสวมกระโปรงสีโลหิตที่อยู่ด้านล่างเมืองศิลาได้ยินเสียงร้องของชายชราก็หัวเราะน้อยๆ ออกมาแต่ก็พลิกฝ่ามือ
เสียง “ปัง” ดังขึ้น อสูรประหลาดหัวหมาป่าพลันส่งเสียงร้องตอบรับแล้วระเบิดออก กลายเป็นหมอกโลหิต ด้านในมีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น มีหัวหมาป่ายักษ์ลางๆ อยู่ในนั้น
ในยามนี้ด้านข้างชายชราแซ่อี้พลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น เงาสีทองสามเศียรหกกรปรากฏออกมา และกระโจนไปหาชายชราอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า
ชายชราแซ่อี้แค่นเสียงด้วยความเย็นชา ขาทั้งสองขยับเล็กน้อย แล้วลื่นไถลไปด้านหลัง ในเวลาเดียวกันไม้บรรทัดสีม่วงดำก็กลายเป็นเงาลวงตาส่งเสียง “สวบๆ” ลำแสงสีม่วงจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา
แต่เงาสีทองที่เผชิญหน้ากับลำแสงสีม่วงคาดไม่ถึงว่าจะไม่หลบหลีก ยังคงพุ่งเข้ามาให้ถึงที่สุด
เสียง “เคร้งๆ” ของธาตุทองกระทบกันดังขึ้น!
ลำแสงสีม่วงพุ่งชนเงาสีทอง คาดไม่ถึงว่าจะเปล่งแสงสว่างวาบแล้วดีดตัวออก มีเพียงส่วนน้อยที่ทะลวงลำแสงสีทองจมหายเข้าไปในร่าง
ทันใดนั้นกลิ่นคาวคละคลุ้งก็แผ่ออกมา เงาสีทองที่กระโจนมาหยุดชะงัก
ชายชราแซ่อี้เห็นเช่นนั้น ใบหน้าพลันมีสีหน้าดีใจฉายแวบผ่าน
ลำแสงสีม่วงเหล่านั้นดูเหมือนจะไม่สะดุดตาเลยสักนิด ความจริงแล้วล้วนมีพิษร้ายกาจ และยิ่งไปกว่านั้นด้านในก็มีพลังรบกวนจิตสัมผัสแฝงอยู่ แม้ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตระดับมหายานก็ไม่อาจปลอดภัยจากสิ่งนี้ได้
เขาก็คือหนึ่งในท่าไม้ตายของชายชราแซ่อี้
แต่ครู่ต่อมาเรื่องที่ทำให้ดวงตาของชายชราหดเล็กลงพลันปรากฏขึ้น
ใบหน้าของเงาสีทองทั้งสามไร้ซึ่งความรู้สึก แขนทั้งหกแค่เลือนราง ทันใดนั้นเงากำปั้นจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏออกมา แล้วกรูกันเข้ามาหาชายชรา และยิ่งไปกว่านั้นร่างกายยังเคลื่อนไหวอีกครั้งยังคงกระโจนเข้ามา
หนามแหลมสีม่วงยี่สิบสามสิบหนามดูเหมือนจะไม่มีผลกระทบกับเขาเลยสักนิด
เมื่อเห็นฉากนี้ชายชราแทบจะไม่กล้าเชื่อสายตาของตนเอง แผ่นหลังมีเหงื่อกาฬผุดขึ้นมา แต่ทันใดนั้นเขาพลันกัดฟัน รวบรวมพลังปราณในร่าง อ้าปากพ่นตราประทับสีเขียวออกมา ลอยที่ล้อรถแล้วขยายใหญ่จนมีขนาดเท่าถังน้ำ อักขระยันต์สีอ่อนทุบลงมาฝั่งตรงข้ามอย่างแรง
คาดไม่ถึงว่าเขาดูเหมือนจะสู้กับหานลี่สุดชีวิต และไม่มีความคิดจะหลบหลีก
และเมื่อตราประทับสีเขียวไม่ได้พุ่งเข้ามาหาเงากำปั้นจริงๆ พลังแรงดูดประหลาดก็ม้วนวนออกมา
เงากำปั้นทั้งหมดเปล่งแสงสว่างวาบ ไถลออกมาจากทั้งสองฝั่งอย่างห้ามไม่อยู่
แต่เงาสีทองที่กระโจนมาจากด้านหลังก็ไม่ได้รับผลกระทบ แค่เปล่งแสงสว่างวาบ ใช้ร่างกายปะทะกับตราประทับ
ชายชราแซ่อี้พลันตกตะลึง แต่จากนั้นก็รู้สึกดีใจอย่างบ้าคลั่ง
ตราประทับสีเขียวคือสมบัติประจำตัวที่เขาฝึกฝน แม้ว่าจะไม่อาจเทียบเคียงกับอานุภาพของสมบัติระดับสวรรค์ทมิฬได้ แต่ความแข็งแกร่งกลับไม่เป็นรอง
เขาไม่มีทางเชื่อว่ากายเนื้อของอีกฝ่ายจะเอาชนะสมบัติชิ้นนี้ได้
ดังคาดด้านหน้ามีเสียงระฆังดังสนั่นขึ้น ลำแสงสีทองอักษรสีเขียวกลายเป็นลำแสงเจิดจ้าแล้วระเบิดออก
เงาสีทองซวนเซทันใด แล้วถอยร่นไปสิบกว่าก้าวโดยไม่รู้ตัว ยามนั้นไม่อาจยืนให้มั่นคงได้
ในยามนั้นแผ่นหลังของเขาพลันมีคาวโลหิตปรากฏขึ้น ฉับพลันนั้นหัวหมาป่าสีโลหิตขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ อ้าปากออกกัดเอวของเงาสีทองอย่างไม่สนใจ เขี้ยวเต็มปากจมลึกเข้าไปสองสามชุ่น
เงาร่างสีทองสั่นเทา แขนทั้งหกเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพลิกฝ่ามือตบออกไป ฝ่ามือสีทองทั้งหกโจมตีไปที่ใบหน้าของหัวหมาป่าอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีโลหิตเห็นเช่นนั้นแววตาพลันเคร่งขรึม ปากก็บริกรรมคาถา อาคมในมือชี้ไปที่หัวหมาป่ายักษ์
หัวหมาป่ายักษ์เลือนรางทันใด กำปั้นสีทองทะลวงผ่านหัว แต่ปากกลับยังคงกัดเอวเงาสีทองไม่วาง และสะบัดหัวคิดจะฉีกทึ้ง แต่ยามนั้นกลับไม่อาจทำสำเร็จได้
ชายชราแซ่อี้เห็นสถานการณ์นี้อยู่ไกลก็รู้สึกดีใจ ใบหน้าโหดเหี้ยมฉายวาบผ่าน ไม้บรรทัดสีม่วงดำในมือเลือนราง กลายเป็นหอกยาวสีม่วงดำ ขยับแขนขว้างไปทางเงาสีทองอย่างแรง
แต่ในยามนั้นแผ่นหลังของเขาพลันมีสายลมอ่อนๆ ม้วนวนมา ฉับพลันนั้นเงาร่างสีทองอีกสายก็ปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ หลังจากก้าวเท้าไปก็มาอยู่ใกล้กับชายชราแค่คืบ กำปั้นสีทองที่มีลวดลายเขตอาคมสีเงินเป็นชั้นๆ โจมตีออกไปอย่างเงียบเชียบ
ดูจากหน้าตาของเงาร่างสีทองแล้วคือวานรยักษ์สีทองอีกตัวหนึ่ง ทว่าผิวของมันมีลำแสงสีม่วงแผ่ออกมาลางๆ และยิ่งไปกว่านั้นเรือนร่างยังมีลายสีเงินหมุนโคจรไปมา
วานรยักษ์ตัวนี้ถึงจะเป็นร่างที่แท้จริงของหานลี่ เงาสีทองสามเศียรหกกรตรงหน้ากลับเป็นสิ่งที่แยกออกมาจากร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ของเขา และใช้จิตสัมผัสควบคุม มาดึงความสนใจของชายชราและหญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีโลหิต
แม้ว่าร่างเดิมของหานลี่จะไม่มีร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์อยู่กับตัว แต่อาศัยการแปลงร่างของวานรยักษ์ภูเขาและการกระตุ้นคาถาร้อยชีพจรหลอมสมบัติ ความแข็งแกร่งของกายเนื้อก็ไม่ด้อยกว่าก่อนหน้าเลยสักนิด
หญิงสาวที่อยู่ด้านล่างเห็นฉากนี้ก็หน้าเปลี่ยนสี ยามที่คิดจะเอ่ยปากเตือนย่อมไม่ทันแล้ว
ชายชราแซ่อี้ที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหายาน แม้ว่าจะไม่ได้เตือนหญิงสาว แต่แทบจะพบสถานการณ์ความผิดปกติด้านหลังเป็นคนแรก ทันใดนั้นพลันตกตะลึง ขยับแขนข้างหนึ่งอย่างไม่ต้องขบคิด แล้วโยนหอกยาวในมือออกไป
เสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้น!
หอกยาวกลายเป็นลำแสงสีม่วงขว้างออกไป และถูกกำปั้นของหานลี่ทุบจนกระเด็น กำปั้นอีกข้างหนึ่งเลือนราง แล้วโจมตีไปที่โล่ผลึกด้านหลังชายชราอย่างแรง…