ผึ้งยักษ์ได้ยินคำนี้พลันพยักหน้า จากนั้นก็ไม่เห็นว่ามันจะเคลื่อนไหวใดๆ ผึ้งมารรอบๆ กรูกันเข้ามาทันที กลายเป็นเมฆสีเขียวจมหายเข้าไปในทะเลหมอก
ส่วนอู่ลี่และพวกทั้งสามกลับขยับริมฝีปากพูดอย่างแผ่วเบา แล้วถึงได้สะบัดหางบินตามไป
ฝูงผึ้งที่อยู่ในทะเลหมอกบินออกมาได้เล็กน้อย ก็เปล่งเสียง “หึ่ง” ออกมา กลายเป็นดอกไม้สีเขียว พุ่งไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน
ตัวผึ้งยักษ์กลับมีการเคลื่อนไหวที่ไม่รวดเร็วนัก แม้กระทั่งร่อนลงด้านล่างอู่ลี่และมารอินทรีที่ลายเป็นชายชุดสีเหลือง
มารอีกสองตัวกลับเคยชินกับสิ่งนี้ ท่าทางไม่สนใจเลยสักนิด
แม้ว่าเคล็ดวิชาผึ้งพันตัวแยกร่างจะมีอานุภาพไม่น้อย แต่เมื่อสำแดงออกมา ตัวของผึ้งยักษ์กลับพลังยุทธ์ลดลงครึ่งหนึ่ง แน่นอนว่าย่อมต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก
ร่างแยกผึ้งมารจำนวนมากบินเริงระบำอยู่ท่ามกลางทะเลหมอก ชั่วขณะนั้นก็ค้นหาทุกอย่างรอบๆ ด้าน แล้วเคลื่อนตัวไปด้านหน้า
ทะเลหมอกทั้งผืนแผ่ออกไปแค่ร้อยกว่าลี้เท่านั้น ไม่นับว่ามากมายอะไร แต่แค่ครู่ต่อมามารอสูรทั้งสามตัวก็จมเข้าไปในส่วนลึกไม่น้อย
แต่ยามนี้ยังคงไม่ได้อะไร
ทว่ายิ่งเป็นเช่นนี้อู่ลี่ก็ยิ่งมีสีหน้าเคร่งขรึมยิ่งขึ้น อสูรสองตัวที่เหลือก็มีสีหน้าเคร่งขรึม
หลังจากผ่านไปอีกชั่วครู่ มองเห็นฝูงผึ้งบินมาอยู่ตรงส่วนลึกของม่านหมอก ฉับพลันนั้นเสียง “ครืนๆ” ก็ดังห่างออกไปยี่สิบสามสิบจั้ง ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบท่ามกลางม่านหมอก มีดยาวเล่มหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้น สับผึ้งมารตัวหนึ่งออกเป็นสองส่วน
จัดการได้อย่างเรียบร้อยเป็นอย่างมาก!
จากนั้นเงาสีทองสายหนึ่งก็พุ่งออกมา กลายเป็นสายรุ้งสีทองสายหนึ่งพุ่งหนีไป ความเร็วน่าตกตะลึง
“หาพบแล้ว รีบตามไป!” เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ผึ้งยักษ์สีเขียวก็ร้องอุทานออกมาด้วยความดีใจทันที จากนั้นก็กระตุ้นร่างแยกอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
รอบด้านมีเสียงหึ่งๆ ดังขึ้น ผึ้งมารที่เหลือกลายเป็นดอกบัวสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งตามไป
ส่วนมารสองเขาและมารอินทรีพลันมองสบตากันแวบหนึ่ง แววตาฉายแววประหลาดใจ แต่ทันใดนั้นร่างกายก็ขยับ บินมาด้วยกัน
เสียง “ปัง” ดังขึ้น วายุมารสีดำกลุ่มหนึ่งพวยพุ่งขึ้นไปบนฟ้า หมุนวนแล้วไล่ตามเงาสีทองที่อยู่ไกลออกไปไป
กลับเป็นร่างของผึ้งยักษ์สีเขียวที่สยายปีกทั้งสองข้างออก ยังคงบินด้วยความเร็วธรรมดาๆ
เมื่อศิลาเพลิงสายฟ้าที่ด้านหน้าถูกไล่ตามมา หลังจากผ่านไปชั่วครู่ไม่ว่าเงาผึ้งมารสีทองหรือว่าวายุสีดำ ต่างก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป
ผึ้งสีเขียวเห็นเช่นนั้นดวงตาประกอบก็กะพริบปริบๆ สองปีกพลันหยุดชะงัก ท่าทางไม่อยากตรงไปข้างหน้าอีก
และในยามนั้นเองเหนือศีรษะของมารตัวนั้นก็มีหมอกสีเทาอีกกลุ่มพุ่งแหวกอากาศมา ลำแสงสีทองสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏตัวออกมา แล้วตรงไปยังหัวของผึ้งสีเขียวอย่างรวดเร็ว
ลำแสงสีทองเปล่งแสงเจิดจ้าหาที่เปรียบ ไม่รอให้เข้าใกล้ผึ้งยักษ์ พลังแรงกดก็ครอบลงมา
เดิมพลังยุทธ์ของผึ้งยักษ์สีเขียวก็อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำที่สุดในบรรดามารทั้งสามตน ประกอบกับสำแดงเคล็ดวิชาผึ้งพันตัวแยกร่างไปเมื่อครู่จนทำให้พลังยุทธ์ลดลงเป็นอย่างมาก มองเห็นลำแสงสีทองพุ่งเข้ามาด้วยท่าทีน่าดุดัน สายตาก็อดที่จะฉายแววหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้
แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือมารตนนี้กลับนิ่งงันอยู่กลางอากาศ ไม่มีเจตนาจะหลบหลีกเลยแม้แต่น้อย
มองเห็นลำแสงสีทองสว่างวาบ หมายจะกระโจนผ่านหัวผึ้งยักษ์ไป ฉับพลันนั้นกลางอากาศพลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น หอกกระดูกสีขาวด้ามหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้ามารตัวนั้น
หลังจากเสียง “เคร๊ง” ดังขึ้น หอกกระดูกก็ต้านทานเอาไว้ เปลวเพลิงสีดำชั้นหนึ่งปรากฏออกมา ชั่วครู่ก็ดีดลำแสงสีทองที่พุ่งเข้ามาออกไป
และหลังจากที่ลำแสงสีทองหมุนวน ก็คืนร่างเดิม
เป็นทวนยาวสีทองเรืองรอง
จากนั้นเบื้องหน้าผึ้งยักษ์ก็มีลำแสงสีเหลืองปรากฏขึ้น ด้านในมีเงาร่างคนปรากฏขึ้นลาง
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นผู้ที่หนีไปไกลอย่างมารอินทรีที่แปลงกลายเป็นชายชุดเหลือง
เขายกมือขึ้นกวักเรียก เสียง “สวบ” ดังขึ้น หอกกระดูกเปล่งแสงสว่างวาบพลางถูกดูดเข้ามาอยู่ในมือ ส่วนมืออีกข้างพลันพลิ้วไหว โล่กลมสีทองปรากฏออกมาต้านทานเอาไว้เบื้องหน้า
ทว่าเขาในยามนี้สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ สายตาเปล่งประกายพลางจ้องเขม็งไปยังลำแสงสีทองที่พุ่งออกมาจากหมอกสีเทา
ส่วนในม่านหมอกพลันมีลำแสงสีดำสว่างวาบ เงาสีดำขนาดเท่าโต๊ะกลมสองตัวปรากฏขึ้น และกดลงมาด้านล่างอย่างแรง
เสียงวายุดังสนั่นขึ้น เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น!
หลังจากเงาสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ กลางอากาศก็บิดเบี้ยว ราวกับถูกฉีกออกอย่างไรอย่างนั้น
ยิ่งมีพลังไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งฉีกหมอกด้านล่างออกในชั่วพริบตา
ชั่วขณะนั้นด้านล่างพลันมีเงาร่างคนเปล่งแสงสีทองเรืองรองปรากฏออกมา
เงาร่างคนผู้นี้เห็นร่างกายถูกเปิดโปง ก็ดูเหมือนว่าจะร้อนรน รีบร้อนใช้สองมือโจมตีไปกลางอากาศ เงากำปั้นสีทองสองกำปั้นพุ่งแหวกอากาศมา ตรงไปหาเงาสีดำ ส่วนตัวของเงาสีทองก็กลายเป็นลำแสงหลีกหนี กลายเป็นสายรุ้งสายหนึ่งพุ่งออกไป
“คิดจะไปไหน!” เสียงคำรามแสบแก้วหูดังออกมากลางอากาศ
จากนั้นเงาสีดำสองกลุ่มก็ร่อนลงมา ม่านลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ โจมตีเงากำปั้นสีทองจนแตกละเอียด แล้วพลิ้วไหวเผยค้อนสีดำยักษ์สองด้ามออกมา
ค้อนยักษ์สองด้ามหมุนคว้างอยู่กลางอากาศ พลังดูดยักษ์สองกลุ่มปรากฏออกมา ชั่วครู่ก็ครอบคลุมด้านล่างในรัศมียี่สิบจั้งเศษ
เงาร่างคนสีทองกลายเป็นสายรุ้งเพิ่งจะบินไปได้สิบจั้งเศษ ลำแสงหลีกหนีก็หยุดชะงักแล้วลดความเร็วลงเป็นอย่างมาก
ชายชุดเหลืองที่มองดูอยู่ไกลๆ พลันโบกมือทั้งสอง ชั่วขณะนั้นหอกกระดูกในมือพลันเปล่งเสียงกรีดร้อง กลายเป็นลำแสงสีดำสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งออกมา
ส่วนหางของผึ้งยักษ์สีเขียวก็สะบัด เส้นไหมสีเขียวพุ่งออกมา
ทั้งสองแค่กะพริบวาบ ก็มาอยู่ตรงหน้าเงาร่างคนสีทองตามลำดับ
เส้นไหมสีเขียวดูเหมือนไม่สะดุดตา แต่ตั้งแต่ปรากฏขึ้นจนถึงตอนนี้ แค่รางเลือนไปเล็กน้อยก็จมหายเข้าไปในร่างของเงาสีทอง
ชั่วขณะนั้นเงาร่างกายของสีทองก็สั่นสะท้าน ลำแสงสีทองที่แผ่ออกมาหม่นแสง กลิ่นอายคละคลุ้งโชยออกมา
ครู่ต่อมาลำแสงสีดำพลันสั่นคลอน เปล่งแสงสว่างวาบแล้วทะลวงผ่านจุดตันเถียนของเงาลวงตาเช่นกัน
เปลวเพลิงสีดำชั้นหนึ่งเผาไม้บนเรือนร่างของเงาลวงตา กลืนกินมันเอาไว้ข้างในจนหมด
ค้อนยักษ์สีดำกลางอากาศร่อนลงมาทันที ทุบลงไปบนเปลวเพลิงสีดำอย่างรุนแรง
เสียง “ปัง” ดังสะเทือนเลื่อนลั่นขึ้น!
เปลวเพลิงสีดำรวมทั้งเงาร่างคนสีทองด้านใน สลายหายไปกลายเป็นผุยผงภายใต้พลังมหาศาล
ระลอกคลื่นยี่สิบสามสิบจั้งปรากฏขึ้น เงามารสองเขาร่างกายสูงใหญ่ถึงได้เปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้น
เขามองเห็นการณ์ด้านล่างด้วยรอยยิ้มเ**้ยมเกรียม
มารอินทรีและผึ้งสีเขียวที่อยู่ไกลออกไปเห็นฉากนี้ ใบหน้าพลันทยอยเผยรอยยิ้มออกมา
พวกมันใช้แผนการที่ปรึกษาเอาไว้ก่อนหน้า คือใช้ฝูงผึ้งแหวกหญ้าให้งูตื่น แล้วค่อยทำให้ผึ้งยักษ์เผยพิรุธของศัตรูออกมา สำเร็จดังคาด สังหารศัตรูผู้นี้ได้
แต่ในยามที่ทั้งสามคนกำลังรู้สึกผ่อนคลายลงนั้น ด้านหลังผึ้งยักษ์สีเขียวห่างออกไปสองสามจั้ง กระบี่ยาวสีเขียวเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน หลังจากเสียงหึ่งๆ ต่ำๆ ดังขึ้น ก็กลายเป็นกระบี่ลำแสงที่เจิดจ้าจนแสบตาสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป
“แย่แล้ว”
ถึงอย่างไรเสียผึ้งยักษ์สีเขียวก็เป็นมารอสูรระดับสูงที่เทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตา แทบจะความผิดปกติที่ด้านหลังได้ในเวลาเดียวกัน ภายใต้ความตกตะลึงนั้นหางทรงกรวยก็สะบัดอย่างไม่ต้องขบคิด
พ่นหนามพิษสีเขียวออกมา ความยาวสองสามฉื่อ และสั่นเทา เงาหนามเป็นชั้นๆ เปล่งเสียงระเบิดแหลมๆ ออกมา ชั่วครู่ก็ครอบคลุมร่างของผึ้งยักษ์เอาไว้
ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ!
ผึ้งยักษ์แค่สั่นเทาก็ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ซากศพร่วงลงสู่พื้น
ส่วนหนามพิษที่สร้างขึ้น ก็กลายเป็นสองส่วนอย่างเงียบเชียบ ไม่อาจต้านทานได้เลยสักนิด
เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น เปลวเพลิงสีเขียวกลุ่มหนึ่งบินออกมาจากซากศพครึ่งท่อน
“สหายอิงถัง ช่วยด้วย!” ผึ้งสีเขียวขนาดจิ๋วในเปลวเพลิงสีเขียว ร้องตะโกนอย่างร้อนรนทำอะไรไม่ถูกไปพลาง พุ่งเข้ามาชายชุดสีเหลืองที่อยู่ใกล้เคียงไปพลาง
จนถึงยามนี้มารอินทรีที่มีนามว่าอิงถังก็พบความเปลี่ยนแปลงด้านหลังของตนเองแล้ว ใบหน้าจึงเปลี่ยนสี สะบัดแขนเสื้อโดยมิได้ปริปากใดๆ
ไอสีดำกลุ่มหนึ่งม้วนออกมา ม้วนเอาจิตวิญญาณดั้งเดิมของผึ้งยักษ์ไป
แต่เสียงแค่นเสียงอย่างเย็นชาพลันดังขึ้นกลางอากาศ
ชายชุดเหลืองได้ฟังก็จับศีรษะของตนเองด้วยความรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกเข็มแหลมทิ่มแทง อดที่จะร้องคร่ำครวญออกมาไม่ได้ เงาร่างร่อนลงมาราวกับวิหค
ห่างออกไปแค่คืบเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น จากนั้นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวสายหนึ่งก็เปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้น และมีมือสีขาวนวลดุจหยักตัดยื่นออกมา
นิ้วทั้งห้ากางออก เปลวเพลิงลำแสงห้าสีม้วนวนออกมา ชั่วครู่ก็ม้วนมารตนนี้เข้าไปข้างใน
ร่างกายของชายชุดสีเหลืองที่แต่เดิมลดระดับลง พลันแข็งค้างในชั่วพริบตา
และในชั่วพริบตาที่เสียเวลานั้น นิ้วทั้งห้าพลันกางออก กลายเป็นสีทองเรืองรอง และขยับราวกับสายฟ้า พุ่งไปที่ทรวงอกของมารอินทรี
ชายชุดสีเหลืองมีสีหน้าไร้สีโลหิต
แม้ว่าจิตสัมผัสของเขาจะยังคงรู้สึกเจ็บปวดยากจะรับไว้ แต่ถึงอย่างไรเสียก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตธรรมดาๆ ในช่วงเวลาเป็นตายเช่นนี้ คาดไม่ถึงว่าจะกดความคิดที่ซับซ้อนเอาไว้ แล้วฝืนใช้จิตสัมผัสของตนเอง
ชั่วขณะนั้นโล่กลมสีทองที่ลอยอยู่ตรงหน้าเปล่งแสงสว่างวาบ ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า ท่ามกลางลำแสงสีทอง ผิวของมันพลันมีอักขระประหลาดขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากันปรากฏขึ้น
อานุภาพของโล่ใบนี้ถูกเขากระตุ้น ต้านทานเอาไว้ให้เขาอยู่เบื้องหลัง
สำหรับมารตนนี้ความรู้สึกเจ็บปวดที่หัวกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว ขอแค่ต้านทานการโจมตีนี้ไว้ได้ จากนี้ย่อมรักษาชีวิตและโจมตีย้อนกลับได้
ในยามที่ความคิดของมารอินทรีตัวนี้ผุดขึ้นมา ลำแสงสีทองพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ฝ่ามือสีทองสอดเข้าไปในโล่ คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีท่าทีหลบหลีกเลยสักนิด
เสียงระเบิดดังเสียดแก้วหูดังขึ้น ขณะที่ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ ฝ่ามือสีทองก็จมหายเข้าไปในโล่ทรงกลม เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งผ่านทรวงอกของชายชุดเหลือง ตะปบแกนมารในร่างของเขาออกมา
จากนั้นแขนทั้งแขนก็เปล่งแสงสีเงินสว่างวาบ ฉับพลันนั้นเปลวเพลิงสีเงินชั้นหนึ่งพลันทะลักออกมา ชั่วพริบตาก็ห่อหุ้มร่างของมารอินทรีเอาไว้
จิตวิญญาณดั้งเดิมที่ชำรุดด้านใน ทำได้เพียงร้องคร่ำครวญ ก็กลายเป็นควันสีเขียวสายหนึ่งสลายหายไปอย่างไร้เงากลางท้องฟ้าและพื้นดิน
สายฟ้าสีเขียวขาวในยามนี้หม่นแสง ชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีเขียวคนหนึ่ง แผ่นหลังมีปีกคู่หนึ่งถึงได้ปรากฏขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก และค่อยๆ ดึงแขนข้างนั้นกลับมา
บนฝ่ามือตะปบแกนมารสีดำอ่อนเปล่งแสงเรืองๆ เอาไว้
ชายหนุ่มนี้ก็คือหานลี่
จิตวิญญาณดั้งเดิมของผึ้งสีเขียวที่เดิมคิดจะพุ่งมาเห็นเหตุการณ์นี้ ชั่วขณะนั้นก็ตกใจจนขวัญกระเจิง ผิวของมันเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ เปลี่ยนทิศทางหนีไปอีกครั้งในทันที
แต่กลับสายไปแล้ว!
มุมปากของหานลี่รอยยิ้มเยาะออกมา แขนอีกข้างสะบัดออกไป
หมอกลำแสงสีเทากลุ่มหนึ่งม้วนออกมาจากแขนเสื้อ แค่กะพริบวาบก็ห่อหุ้มจิตวิญญาณดั้งเดิมที่หนีไม่ทันของผึ้งสีเขียวเอาไว้
จากนั้นลำแสงเทวะดูดปราณก็เปล่งแสงเจิดจ้าเป็นหมื่นสาย!
ผึ้งสีเขียวขนาดจิ๋วแค่นเสียงหึ ถูกหมอกลำแสงสีเทาต้านเอาไว้แล้วระเบิดออก กลายเป็นดวงลำแสงสีเขียวแล้วหายวับไป