พริบตานั้นวิหคเพลิงสีเงินก็กระพือปีกทั้งสองข้าง ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง แล้วมีขนาดสองสามจั้ง ขนนกทั่วเรือนกายมีเปลวเพลิงหมุนวน แทบจะทำให้ท้องฟ้าเกือบครึ่งหนึ่งเหนือหุบเขาส่องแสงสว่างไสวจนเป็นสีเงิน
หานลี่มองเห็นสถานการณ์นี้แววตาก็เปล่งประกาย ในมือพลันร่ายอาคม ปากก็พ่นคำว่า “ดูด” ออกมา
วิหคเพลิงกลืนกินก้มหน้าลงอ้าปากพ่นไปด้านล่าง
เปลวเพลิงสีเงินหมุนวน กลืนกินน้ำแข็งทมิฬรอบๆ บึงเย็นเยียบเข้าไปข้างใน
น้ำแข็งทมิฬทั้งหมดละลายด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง และมีลำแสงสีเงินบินออกมาจากน้ำแข็ง พลางหลอมรวมเข้ากับเปลวเพลิงสีเงินอย่างรวดเร็ว
หนึ่งชั่วลมหายใจชั้นน้ำแข็งทั้งหมดก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย บึงเย็นเยียบบึงนั้นปรากฏขึ้นอีกครั้ง
เปลวเพลิงสีเงินหมุนวนลงมา ห่อหุ้มผิวน้ำของบึงเย็นเยียบเอาไว้
ท่ามกลางเปลวเพลิงที่เปล่งประกาย ไอเย็นเยียบแปลกประหลาดทะลักออกมาจากบึงน้ำ แล้วกลายเป็นรัศมีสีเงิน ถูกเปลวเพลิงสีเงินกลืนกินเข้าไปได้อย่างง่ายดาย ทำให้อานุภาพของเปลวเพลิงยิ่งโชติช่วงขึ้นเรื่อยๆ
เดิมเพลิงเที่ยงแท้กลืนวิญญาณก็คือสิ่งที่เกิดจากหลอมรวมของพลังหยินหยาง หลังจากผ่านการหลอมโดยสิ่งของภายนอกของหานลี่มาสองสามครั้ง ตัวของมันก็กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของฟ้าดินแล้ว สามารถหลอมรวมกับสิ่งที่มีทั้งพลังเย็นเยียบและพลังอาทิตย์ได้ ทำให้อานุภาพของมันเพิ่มขึ้นอีกขั้นได้
ก่อนหน้านี้ยามที่เผ่าแมงมุมซิวหลัวเปิดผนึกบึงเย็นเยียบ เปลวเพลิงกลืนวิญญาณในร่างของหานลี่ก็เปลี่ยนเป็นร้อนรุ่ม คาดไม่ถึงว่าจะมีท่าทางกระหายไอเย็นเยียบแห่งนี้เป็นอย่างมาก
นี่จึงทำให้หานลี่ในยามนั้นทั้งตกตะลึงทั้งดีใจ
ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ เขาไม่เคยเห็นเพลิงเที่ยงแท้กลืนวิญญาณที่มีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วเช่นนี้มาก่อน
ตอนแรกที่เขาผจญภัยในแดนเย็นเยียบสองสามแห่งในแดนวิญญาณ ยามที่เผชิญหน้ากับไอเย็นเยียบที่สามารถกลืนกินได้ เปลวเพลิงเที่ยงแท้นี้ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้
และยิ่งไปกว่านั้นหานลี่ยังรู้ว่าไอเย็นเยียบที่ทำให้เผ่าแมงมุมซิวหลัวจนปัญญานั้น แค่พลังแปลกประหลาดของเปลวเพลิงกลืนวิญญาณก็จัดการได้อย่างง่ายดายแล้ว
แต่แค่พลังของเพลิงกลืนวิญญาณที่จะกลืนกินไอเย็นเยียบอื่นๆ เขาย่อมไม่อาจเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาได้ และไม่อยากเปิดเผยต่อหน้าผู้อื่น
ดังนั้นเขาถึงได้ปล่อยให้ฮูหยินและคนของเผ่าแมงมุมซิวหลัวใช้พลังของเขตอาคมงมสมบัติชิ้นนั้นขึ้นมา
ยามนี้หานลี่ลอยตัวอยู่เหนือหุบเขา มองทุกอย่างด้านล่างอย่างเงียบๆ ใบหน้ามีสีหน้ารอคอยอยู่ลางๆ
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ไอเย็นเยียบที่ทะลักออกมาจากบึงกลับเริ่มค่อยๆ อ่อนแอลง ดูเหมือนว่าไอเย็นเยียบด้านบนจะถูกกลืนกินไปจนเกือบหมดแล้ว
หานลี่ขมวดคิ้ว ใช้นิ้วชี้ไปที่วิหคเพลิงกลืนวิญญาณ
วิหคตัวนั้นหมุนตัวกลางอากาศ ขนาดหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว ยามนั้นพลันมีขนาดสองสามจั้ง หลังจากเสียงไพเราะดังขึ้น ก็กลายเป็นลูกบอลเพลิงพุ่งลงมา
เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น!
เมื่อวิหคเพลิงจมหายเข้าไปในเปลวเพลิงด้านล่าง เปลวเพลิงทั้งหมดก็หมุนวนรวมตัวกันราวกับพายุหมุน คาดไม่ถึงว่าจะจมหายเข้าไปในร่างของวิหคเพลิงจนหมด
เห็นเพียงลำแสงสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบ วิหคเพลิงจมหายวับเข้าไปในผิวน้ำ
ได้ยินเพียงเสียงอึกทึกดังออกมาจากส่วนลึกของบึงเย็นเยียบ และมีลำแสงสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุด
หานลี่หลับตาทั้งสองข้างลงเล็กน้อย มือยังคงร่ายอาคม ปากก็บริกรรมคาถาแผ่วเบาเป็นสิ่งที่ฟังไม่รู้เรื่อง
ยามนี้ไอเย็นเยียบที่ทะลักออกมาจากบึงเย็นเยียบ หายวับไปอย่างรวดเร็ว
หนึ่งชั่วยามต่อมาเมื่อวิหคเพลิงสีเงินส่งเสียงร้องยาวๆ แล้วพุ่งออกมาจากส่วนลึกของบึงเย็นเยียบอีกครั้ง ไอเย็นเยียบด้านในก็สลายหายไปจนหมด ไม่มีไอเย็นเยียบใดๆ ส่งออกมาอีก
บึงแห่งนี้เปลี่ยนเป็นเหมือนกับบึงน้ำธรรมดาก็ไม่ปาน
หานลี่เบิกตาทั้งสองข้างขึ้น สายตาที่จับจ้องมองวิหคเพลิงกลืนวิญญาณเต็มไปด้วยความดีใจ
เห็นเพียงวิหคเพลิงตรงหน้า แม้ว่าจะมีเปลวเพลิงสีเงินห่อหุ้มร่าง แต่ร่างกายที่ถูกเปลวเพลิงห่อหุ้มเอาไว้กลับเป็นเหมือนผลึกแวววาว ราวกับร่างที่แท้จริงก็ไม่ปาน
เห็นได้ชัดว่าหลังจากที่วิหคเพลิงกลืนไอเย็นเยียบที่น่าตกตะลึงของบึงเย็นเยียบเข้าไป ในที่สุดก็เกิดการกลายพันธุ์อีกครั้ง
แน่นอนว่าการกลายพันธุ์เช่นนี้ เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น
ไอเย็นเยียบของบึงแห่งนี้ทำให้สิ่งมีชีวิตระดับมหายานไม่กล้าลงไปลึกได้ ก็เห็นได้ถึงระดับความเย็นเยียบของมันแล้ว
แม้ว่าวิหคเพลิงกลืนวิญญาณจะมีร่างกายที่ลึกลับ และไม่อาจหลอมไอเย็นเยียบระดับนี้ในระยะเวลาสั้นๆ ได้ แค่ดูดซับเข้าไปในร่างแล้วค่อยๆ รอให้หลอมอย่างช้าๆ เท่านั้น
หานลี่สูดลมหายใจเข้าเบาๆ เฮือกหนึ่ง อาคมในมือเปลี่ยนไป เก็บวิหคเพลิงกลืนวิญญาณไป
แต่ในยามนั้นวิหคเพลิงตรงหน้าพลันอ้าปากออกพ่นลำแสงสีขาวออกมาพุ่งไปหาหานลี่
หานลี่พลันตกตะลึง แขนข้างหนึ่งพลันเลือนรางตามจิตสำนึก ตะปบลำแสงนั้นเอาไว้ในมือ
แล้วก้มหน้าลงมอง ลูกบอลทรงกลมสีสันแวววาวขนาดเท่าไข่ไก่ ดูแล้วโปร่งใส แต่เย็นเยียบอย่างหาที่เปรียบ
หากไม่ใช่เพราะลำแสงวิญญาณที่ห่อหุ้มร่างของเขาหนาเพียงพอ ประกอบกับกายเนื้อที่แข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบ เกรงว่าเมื่อฝ่ามือสัมผัสกันก็ถูกไข่มุกทำให้ได้รับบาดเจ็บแล้ว
“น่าสนใจ! นี่คือสิ่งที่หาพบจากด้านล่างหรือ?” หานลี่ประหลาดใจเล็กน้อย กวาดตามองวิหคเพลิงกลืนวิญญาณแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
แต่วิหคเพลิงสีเงินแค่ลอยอยู่ตรงหน้านิ่ง ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยสักนิด
“ข้าแค่เลอะเลือน จากสติสัมปชัญญะของเจ้า จะตอบได้อย่างไร” หานลี่พลันตกตะลึง แล้วหัวเราะแห้งๆ ทันใด
แต่เมื่อมองลูกบอลผลึกในมือ ก็รวบรวมพลังจิตสัมผัส แล้วกวาดเข้าไปในนั้น
แต่ครู่ต่อมาหานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสี ปากก็ร้องว่า “เอ๊” ออกมา
ชั่วพริบตาที่จิตสัมผัสสัมผัสกับผิวของลูกบอลผลึก คาดไม่ถึงว่าจะแฉลบผ่านด้านข้างไป ราวกับในมือว่างเปล่าไม่มีสิ่งใดอย่างไรอย่างนั้น
หานลี่มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง หลังจากครุ่นคิดก็ชี้นิ้วไปที่หว่างคิ้ว ชั่วขณะนั้นเสียง “สวบ” พลันดังขึ้น เส้นไหมผลึกพุ่งออกมาเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในลูกบอลผลึก
นั่นคือผลึกแปลงจิตสัมผัส!
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง”
ครั้งนี้หานลี่พลันมีสีหน้าตกตะลึง หลังจากลังเลเล็กน้อย ฉับพลันนั้นก็โยนลูกบอลผลึกไปกลางอากาศ ชี้นิ้วไปอีกครั้ง
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น
ประจุไฟฟ้าสีทองพุ่งออกมาจากปลายนิ้ว เปล่งแสงสว่างวาบแล้วโจมตีไปกลางอากาศ
ไข่มุกผลึกหมุนคว้างไปมากลางอากาศไม่หยุดทันที ผิวมีเส้นไหมสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่ สุดท้ายก็ส่งเสียงเกร๊งๆ ออกมา ผิวแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ไอเย็นเยียบที่น่าตกตะลึงม้วนวนแล้วสลายออก ของสีฟ้าอ่อนที่แผ่ระลอกคลื่นออกมาปรากฏขึ้นตรงหน้าหานลี่
ลูกบอลผลึกเย็นเยียบด้านในมีไข่มุกทรงกลมขนาดเท่าหัวแม่มือห่อหุ้มอยู่
จากระลอกคลื่นที่แผ่ออกมาจากไข่มุก มีพลังของห้วงเวลาที่แข็งแกร่งผสมอยู่
หลังจากที่หานลี่ขบคิดอย่างรวดเร็ว ก็พอจะเข้าใจได้ว่าเกิดอันใดขึ้น
คาดไม่ถึงว่าสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ามัจฉาว่างเปล่าที่ซ่อนตัวอยู่ในบึงเย็นเยียบจะไม่ได้มีแค่ชิ้นเดียวแต่มีสองชิ้น
ชิ้นใหญ่คือศิลาสีฟ้าอ่อนที่ถูกฮูหยินนำไป ส่วนชิ้นเล็กคือไข่มุกผลึกเม็ดนี้
ดูจากภายนอกแล้วของสองสิ่งนี้แผ่พลังกฎเกณฑ์ของห้วงเวลาออกมาไม่ต่างกันนัก แต่อย่างหลังนั้นใช้สมบัติวิเศษชนิดอื่นห่อหุ้มไว้ ปิดบังได้แม้กระทั่งจิตสัมผัสของระดับมหายาน อย่างน้อยก็น่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญมากของเผ่ามัจฉาว่างเปล่า
ส่วนสาเหตุที่เป็นรูปธรรมนั้น เกรงว่าจะมีแค่เผ่ามัจฉาว่างเปล่าถึงจะรู้ความจริงได้
หลังจากที่หานลี่ครุ่นคิดชั่วครู่ มือหนึ่งก็พลิกฝ่ามือ หยิบกล่องหยกออกมา แล้วโบกไข่มุกผลึกไปมาตรงหน้า พลางดูดเข้าไปด้านใน แล้วปิดฝา แปะยันต์ต้องห้ามลงไปสองสามแผ่นอย่างรวดเร็ว
ชั่วขณะนั้นพลันมีระลอกคลื่นแผ่ออกมาจากกล่องหยก ชั่วครู่ก็ตัดขาด
หานลี่เก็บกล่องหยก แล้วร่ายอาคมกระตุ้นวิหคเพลิงกลืนวิญญาณอีกครั้ง
วิหคเพลิงสีเงินเงยหน้าขึ้นร้องเสียงใส ขนาดหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว กลายเป็นเปลวเพลิงสีเงินพุ่งมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในแขนเสื้อของหานลี่
หานลี่ตบเท้าอีกครั้ง ผิวมีลำแสงหลีกหนีปรากฏขึ้นแล้วกลายเป็นสายรุ้งสีเขียวพวยพุ่งขึ้นไปบนฟ้า หลังจากหมุนวนรอบหนึ่งก็พุ่งไป
ดูจากทิศทางก็คือแดนเพลิงสวรรค์ที่เผ่ามัจฉาว่างเปล่าตั้งอยู่
ในเวลาเดียวกันมารดาเผ่าแมงมุมซิวหลัวที่กำลังรีบกลับไปที่เมืองศิลา ก็กำลังยืนอยู่บนหลังของอินทรีย์ยักษ์ แล้วเอ่ยกับหญิงสาวด้วยความกังวลเล็กน้อย
“ยามนี้ยังทิ้งเผ่ามัจฉาว่างเปล่าไว้ภายนอก จะไม่เกิดปัญหาอันใดหรอกนะ ถึงอย่างไรเสียการมีอยู่ของพวกเขาก็ถูกคนนอกรู้แล้ว ประกอบกับสมบัติศักดิ์สิทธิ์เผ่ามัจฉาว่างเปล่าที่พวกเราเอามา เกรงว่าคงถูกพวกเขาเชื่อมโยงอันใดกันได้แล้ว”
“ใต้เท้าพระมารดาไม่ได้ส่งคนไปตรวจสอบสถานการณ์ของเผ่านั้นแล้วหรือ เผ่ามัจฉาว่างเปล่า ก็ปล่อยให้พวกเขาดูแลตัวเองเถิด แม้ว่าแกนผลึกของเผ่าเขาจะหลอมพลังแห่งห้วงเวลาได้ แต่ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น แม้ตัวที่โตเต็มวัยก็มีระดับแค่หลอมสูญเท่านั้น ไม่อาจหลอมกฎเกณฑ์แห่งเวลาที่แท้จริงได้ ก่อนหน้านี้ที่พวกเราต้องการแกนผลึกของพวกมัน ก็เพราะหวังว่าจะใช้พลังกลืนกินมัน ทำให้เราควบคุมพลังแห่งห้วงเวลาได้เท่านั้น แต่จากการที่ข้าทดลองมาหลายปี ก็พบว่าวิธีนี้ไม่ค่อยได้ผลนัก การที่ลูกเรียนรู้กฎเกณฑ์แห่งห้วงเวลาได้นั้น ความจริงแล้วไม่ต้องใช้วิธีนี้ แต่ต้องใช้วิธีอีกแบบหนึ่ง มิเช่นนั้นยามนี้ก็ยังไม่อาจเรียนรู้กฎเกณฑ์แห่งห้วงเวลาได้” หญิงสาวสวมกระโปรงสีโลหิตกลับเอ่ยอย่างราบเรียบ
“อีกวิธี?” มารดาเผ่าแมงมุมซิวหลัวได้ยินก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย
“ใช่แล้ว ยามนี้มีสิ่งมีชีวิตของเผ่ามัจฉาว่างเปล่าอยู่ วิธีนี้ย่อมไม่จำเป็นต้องการแกนผลึกของเผ่ามัจฉาว่างเปล่าแล้ว จากจำนวนที่ข้าสะสมไว้ก่อนหน้าก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องขัดแย้งกับผู้ที่มาจากภายนอกด้วยเรื่องนี้ หลังจากกลับไปแล้วลูกจะกักตนหลอมทารกวิญญาณ จากนั้นก็เรียนรู้พลังกฎเกณฑ์แห่งเวลาอีกขั้นหนึ่ง รอจนข้าออกจากการกักตัวแล้วก็แบ่งเม็ดกฎเกณฑ์แห่งห้วงเวลามอบให้ใต้เท้าพระมารดา เช่นนี้เราสองคนแม่ลูกก็ควบคุมพลังแห่งกฎเกณฑ์ระดับสุดยอดได้แล้ว จากนี้แดนของเราก็ไม่มีผู้ใดขัดขวางเผ่าของเราได้แล้ว” หญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีโลหิตเอ่ยด้วยรอยยิ้มเบิกบาน
“ไม่เลว จากพลังยุทธ์ของลูกในยามนี้ มีพลังห้วงเวลาช่วยก็ต้านทานกับระดับมหายานทั่วๆ ไปได้แล้ว หากข้าบรรลุระดับระดับมหายานอีกล่ะก็ เกรงว่าคงจัดอยู่ในระดับสุดยอดของจิตวิญญาณเที่ยงแท้ได้ นอกจากพายุสวรรค์มังกรเที่ยงแท้แล้ว ก็ไม่มีศัตรูอันใดอีก” มารดาเผ่าแมงมุมซิวหลัวได้ยินก็เผยสีหน้าดีใจออกมาเช่นกัน
หญิงสาวหัวเราะหึๆ และไม่ได้เอ่ยอันใดต่อ แต่ดูจากสีหน้าเห็นได้ชัดว่ายอมรับวิธีของฮูหยินโดยดุษณี
…
เสียง “สวบ” ดังขึ้น ลำแสงสีเหลืองบนลาวาใต้ดินหม่นแสงลง หานลี่ปรากฏตัวขึ้นตรงนั้น หลังจากกวาดสายตาไปรอบๆ ก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้…