เห็นเพียงตรงริมทะเลลาวาซากอสูรประหลาดที่ดูเหมือนหมาป่าแต่ก็ไม่ใช่หมาป่าอยู่สองสามตัวกำลังนอนนิ่งอยู่ตรงนั้น ล้วนถูกแยกออกเป็นเจ็ดแปดชิ้น เห็นได้ชัดว่าถูกใบมีดแหลมคมอันใดสักอย่างผ่าออก
“ทารกทอง”
หลังจากที่หานลี่ชักสายตากลับมาก็เอ่ยอย่างราบเรียบ
เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น รอบๆ มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น คนตัวเล็กสีม่วงทองสูงสองสามชุ่นเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้น คารวะให้หานลี่อย่างนอบน้อม ในเวลาเดียวกันก็ส่งเสียงร้อง “หวาๆ” ออกมา ดูเหมือนกำลังเอ่ยอันใดกับหานลี่
หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม คาดไม่ถึงว่าจะฟังออกจริงๆ
“ที่แท้ข้าไปได้ไม่นาน เจ้าพวกนี้ก็ปรากฏตัวแล้ว ดูแล้วคงเป็นฝั่งแมงมุมซิวหลัวส่งมา โชคดีที่ทิ้งให้เจ้าอยู่ที่นี่ มิเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าเผ่านั้นจะมีแผนการณ์อันใด ทารกทอง เจ้ากลับมาเถิด” หานลี่ฟังจบก็เผยสีหน้าพึงพอใจออกมา แล้วร้องเรียกคนตัวเล็ก พลางสะบัดแขนเสื้อไป ทารกทองชื่อนี้คือสิ่งที่หานลี่ใช้เรียกราชาแมลงกลืนทองส่งๆ เท่านั้น และพลันรู้สึกคุ้นเคยไปโดยไม่รู้ตัว
คนตัวเล็กได้ยินหานลี่เรียกชื่อของตนก็ค้อมตัวลงกลายเป็นลำแสงสีทองบินมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในแขนเสื้อ
หานลี่ถึงได้ชี้นิ้วไปที่ซากศพด้านล่าง ลูกบอลเพลิงสีแดงสดสองสามลูกพุ่งออกมา เปลวเพลิงลุกโชน พลันแผดเผาทุกอย่าง
ยามนี้หานลี่ถึงได้ชักสายตากลับมา พินิจทะเลลาวาแวบหนึ่ง มุมปากเผยรอยยิ้มบางๆ ออกมา
มือหนึ่งของเขาพลิกฝ่ามือ กล่องหยกที่ถูกปิดผนึกด้วยยันต์ต้องห้ามปรากฏขึ้นตรงใจกลางฝ่ามือ ด้านในมีลูกบอลผลึกสีฟ้าวางอยู่
หานลี่ถือกล่องหยกเอาไว้ สองนิ้วปรับไปด้านบน ยันต์ปลิวลงมา ฝากล่องเปิดออกโดยอัตโนมัติ แล้วเผยไข่มุกผลึกออกมา
เมื่อไข่มุกผลึกปรากฏออกมา ก็ส่งระลอกคลื่นกฎเกณฑ์ที่แข็งแกร่งออกมา และเมื่อหานลี่กระตุ้นพลังปราณ ก็โถมเข้าไปในทะเลสาบลาวา
ยามที่หานลี่ที่อยู่ที่บ่อเย็นเยียบเห็นก้อนหินสีฟ้าและไข่มุกผลึก ก็พบว่าในนั้นมีพลังแห่งกฎเกณฑ์ที่แข็งแกร่งผสมอยู่ และยังมีกลิ่นอายที่ค่อนข้างคุ้นเคยแฝงอยู่
หลังจากที่เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ถึงได้พบว่ากลิ่นอายนี้เหมือนกับเผ่ามัฉจาว่างเปล่าที่เคยเห็นก่อนหน้าไม่มีผิดเพี้ยน
แต่แค่กลิ่นอายชนิดนี้อ่อนแอกว่าสองชิ้นนี้ แทบจะเลือนรางจนไม่มีแล้ว
หากไม่ใช่เพราะว่าเพิ่งจะพบกับเผ่ามัจฉาว่างเปล่าไปได้ไม่กี่วัน เกรงว่าคงไม่อาจสัมผัสการดำรงอยู่ได้
หานลี่ไม่รู้ว่าสมบัติที่เอามาจากบึงเย็นเยียบคือสิ่งที่เรียกว่า ‘สมบัติศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ามัจฉาว่างเปล่า’ หรือไม่ แต่เดาว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับเผ่านี้
และยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าเขาจะไม่พบหลักฐานที่ชัดเจน กลับสัมผัสได้ลางๆว่า สมบัติที่อยู่ในมือน่าจะซุกซ่อนความลับอันใดอยู่
ดังนั้นเขาถึงได้ไข่มุกผลึกมา ก็ตรงมาที่ดินแดนเพลิงสวรรค์อย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
ลูกบอลผลึกสีฟ้าอ่อนเปล่งแสงสว่างวาบอยู่ในกล่องหยก ระลอกคลื่นกฎเกณฑ์ที่แผ่ออกมายิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้บรรยากาศโดยรอบเริ่มมีเสียงหึ่งๆ ดังขึ้น ลำแสงเลือนรางรวมตัวกันกลางอากาศ และหมุนวนโคจรไปมา
ถ้ำใต้ดินทั้งถ้ำเริงระบำไปมาพร้อมกับเส้นลำแสง อดที่จะเริ่มสั่นเทาไม่ได้ ก้อนหินจำนวนนับไม่ถ้วนร่วงลงมา
หากเปลี่ยนเป็นคนธรรมดา ภายใต้การกดทับของก้อนหินจำนวนมาก เกรงว่าคงไม่ได้สิ้นชีพในทันที แต่การที่ต้องเลือดตกยางออกคงหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ทุกอย่างล้วนไม่มีค่าอันใดกับหานลี่ที่อยู่ในระดับมหายาน
ก้อนหินทั้งหมดที่ตกลงมาแค่มีลำแสงสีเขียวอ่อนกวาดผ่าน ล้วนหายวับไป
เสียง “ปัง” ดังขึ้น
ลาวาด้านล่างหมุนวนแล้วแยกออก เงาร่างอ้วนผอมแตกต่างกันสองสามสายบินออกมา
ครึ่งคนครึ่งมัจฉา มือถืออาวุธหลากหลาย นั่นก็คือคนจากเผ่ามัจฉาว่างเปล่าที่มีทั้งบุรุษและสตรี
พวกเขาล้วนล้อมหานลี่เอาไว้ ล้วนใช้สายตาฉงนมองไปยังคนแปลกหน้าตรงหน้า
ในบรรดาคนเหล่านี้มีชาวเผ่ามัจฉาว่างเปล่าท่าทางกำยำคนหนึ่ง กลับเป็นหัวหน้าเผ่ามัจฉาว่างเปล่าที่เคยปรากฏตัวที่นี่เมื่อสองสามวันก่อน
และมีเพียงสายตาของเขาถึงได้จ้องเขม็งไปที่กล่องหยกในมือของหานลี่แน่น ท่าทางตื่นเต้นจนอธิบายได้ยาก
หานลี่มองมัจฉาประหลาดกลุ่มนั้นพร้อมกับอมยิ้ม ไม่มีท่าทีจะเอ่ยปากเลยสักนิด
“ท่านอาวุโสคือผู้ใด เหตุใดถึงมาสำแดงอิทธิฤทธิ์ที่นี่ หรือว่ามาหาเผ่าพวกเรา?” ในที่สุดมัจฉาประหลาดร่างกายกำยำก็เอ่ยปากขึ้น แต่คำพูดกลับเต็มไปด้วยแววตาหวาดกลัวหานลี่
นั่นก็ไม่แปลก!
ในบรรดาเผ่ามัจฉาว่างเปล่าเหล่านี้เขาเป็นผู้ที่มีพลังยุทธ์สูงที่สุด แต่ก็เพิ่งบรรลุระดับหลอมสูญแค่สองสามขั้นเท่านั้น ไม่อาจมองระดับของอีกฝ่ายได้ แน่นอนว่าจึงว้าวุ่นใจ
“ข้าต้องการพบหัวหน้าเผ่าของพวกเจ้า นำทางไปเถิด” มือของหานลี่เปล่งแสงสีขาวสว่างวาบ กล่องหยกและไข่มุกผลึกด้านในหายวับไปอย่างเงียบเชียบ แล้วถึงได้เอ่ยขึ้นอย่างเงียบเชียบ
ในคำพูดเต็มไปด้วยเจตนาไม่ขัดขืน
“ขอรับ คารวะท่านอาวุโส อยากพบหัวหน้าเผ่า ชนรุ่นหลังจะนำทางไป” ชายร่างใหญ่ได้ยินก็หน้าเปลี่ยนสี หลังจากผ่านไปชั่วครู่ถึงได้ฝืนแล้วตอบรับ
เห็นได้ชัดว่าเขารู้ดีว่าจากความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย ตนย่อมไม่อาจปฏิเสธได้
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น ชายร่างใหญ่ก็หันไปส่งสายตาให้บุรุษและสตรีที่อยู่ด้านข้าง พลางถ่ายทอดเสียงไปอย่างเงียบๆ ถึงได้ทำท่าเชิญหานลี่
เห็นได้ชัดว่าเผ่ามัจฉาว่างเปล่าสองคนเข้าใจความหมายของชายชรา ร่างกายเปล่งแสงสีแดงสว่างวาบ แล้วโถมตัวเข้าไปในลาวา
หานลี่เห็นทุกอย่าง แต่แสร้งทำเป็นไม่เป็น พลางลอยลงไปที่ผิวลาวาอย่างไม่รีบร้อน
ชั่วพริบตาที่ร่างของหานลี่สัมผัสกับทะเลสาบลาวา วารีก็แยกออกเป็นสองฝั่งราวกับคลื่นน้ำ เผยทางเดินยักษ์ความกว้างสองสามจั้งออกมา
ด้านในเปล่งแสงสีแดงสว่างวาบ ลึกล้ำยากจะคาดเดา ดูเหมือนว่าจะทอดตัวลงไปยังก้นบ่อ
“เคล็ดวิชาลี้เพลิง”
ชายร่างใหญ่เห็นฉากนี้พลันตกตะลึงไปอีกครั้ง
‘เคล็ดวิชาลี้เพลิง’ ไม่ถือว่ามีชื่อเสียงมากนัก แต่พื้นฐานแล้วผู้ที่ฝึกฝนบำเพ็ญเพียรก็ต้องใช้เคล็ดวิชานี้เป็นอยู่บ้าง
แต่จากคาถาลวกๆ นั้นจะสร้างปรากฏการณ์ที่น่าตกตะลึงอย่างตรงหน้าได้อย่างไร มันจะน่าตกตะลึงเกินไปหน่อยกระมัง
ชายร่างใหญ่ควบคุมสติ และทำได้เพียงพาคนอื่นตามไปอย่างทำใจดีสู้เสือ
ผิวของลาวาดูแล้วไม่ใหญ่นัก แต่เมื่อลงไปกลับลึกล้ำยากจะคาดเดา
ไล่ไปตามทางเดินที่เปิดออก หานลี่ลงไปลึกสามสี่ร้อยจั้ง ถึงได้เริ่มมีม่านลำแสงสีฟ้าปรากฏขึ้นด้านล่าง
หานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ร่างกายเปล่งแสงสว่างวาบ ทะลวงผ่านม่านลำแสง ปรากฏตัวขึ้นตรงกลางห้วงเวลาเล็กๆ
แต่เมื่อเข้าไปเสียงกรีดร้องแหลมสูงก็ดังขึ้นจากรอบด้าน
เผ่ามัจฉาว่างเปล่าที่กำลังลาดตระเวนรอบๆ สิบกว่าคนพลันกรูกันเข้ามาด้วยความตกตะลึงระคนหวาดกลัว
หานลี่เลิกคิ้วขึ้น ในใจพลันขบคิดว่าต้องสำแดงความร้ายกาจให้คนในเผ่ามัจฉาว่างเปล่าเหล่านี้ดูหรือไม่ ด้านหลังพลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ชายร่างใหญ่ปรากฏตัวในม่านลำแสง และรีบตักเตือนคนอื่นๆ ด้วยเสียงอันดัง
“พวกเจ้าออกไป ท่านอาวุโสผู้นี้เป็นแขกผู้มีเกียรติของเรา ได้มาขอพบใต้เท้าหัวหน้าเผ่าโดยเฉพาะ”
“อันใด ต้องการพบใต้เท้าหัวหน้าเผ่า ไม่เหมาะกระมัง” นักรบชุดเกราะเหล่านั้นได้ยินคำพูดของชายร่างใหญ่พลันตกตะลึงแล้วทยอยกันเผยสีหน้าลังเลออกมา
“หัวหน้าเผ่ามีรับสั่งเชิญแขกผู้สูงส่งไปที่ห้องโถงสวรรค์ คนอื่นๆ ห้ามขัดขวาง”
แทบจะในเวลาเดียวกันลำแสงสีแดงอีกสายหนึ่งก็พุ่งมา หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบ เงาร่างมัจฉาว่างเปล่าเพศเมียก็ปรากฏขึ้น มือชูแผ่นป้ายคำสั่งขึ้น
“ในเมื่อใต้เท้าหัวหน้าเผ่ามีรับสั่งด้วยตนเอง เช่นนั้นก็เป็นข้อยกเว้น” นักรบของเผ่ามัจฉาว่างเปล่าเหล่านั้นมีสีหน้าตกตะลึง แต่กลับทยอยกันถอยไป
หานลี่หัวเราะหึๆ ถึงได้กวาดตามองห้วงเวลานี้อย่างละเอียดรอบหนึ่ง
ที่นี่ไม่นับว่าใหญ่นัก มากสุดก็มีขนาดแค่สิบลี้เศษ และยิ่งไปกว่านั้นก็สร้างสิ่งปลูกสร้างสามเหลี่ยมขนาดสูงใหญ่ไม่เท่ากันร้อยแห่ง
พื้นผิวของสิ่งปลูกสร้างเหล่านั้นสลักอักษรทรงกลมขดเคี้ยวไปมา เดิมดูแล้วง่ายดายมาก แต่หลังจากพิจารณาอย่างละเอียด กลับรู้สึกลึกลับอีกแบบหนึ่ง
แม้จะไม่รู้ว่าสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้บรรจุเผ่ามัจฉาว่างเปล่าได้กี่คน แต่จำนวนเผ่ามัจฉาว่างเปล่าที่เคลื่อนไหวอยู่ภายนอกกลับมีไม่ถึงสองร้อยกว่าคน และยิ่งไปกว่านั้นกว่าครึ่งยังอยู่ในวัยเด็กผู้หญิงและวัยชรา ชายหนุ่มร่างกายกำยำมีแค่หนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น
ดูแล้วต่อให้ในสิ่งปลูกสร้างยังมีเผ่ามัจฉาว่างเปล่าที่ยังไม่ออกมา ทั้งเผ่าก็มีมากสุดแค่ห้าหกร้อยตนก็นับว่าเยอะแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็พูดว่าเจริญรุ่งเรืองไม่ได้
“เชิญท่านอาวุโส ชนรุ่นหลังจะนำทางให้” ชายร่างใหญ่ที่อยู่ด้านข้างเห็นหานลี่แค่พิจารณารอบๆ ด้วยตนเอง ก็รู้สึกไม่สบายใจ จึงก้าวมาข้างแล้วเอ่ยขึ้น
“ได้ เจ้านำทางเถิด” หานลี่กวาดตามองชายร่างใหญ่แวบหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
“ท่านอาวุโสตามมาเถิด” ชายร่างใหญ่ค้อมตัวลงทันที แล้วพวยพุ่งไปกลางอากาศบินไปยังจุดที่ไกลออกไป
หานลี่ยกเท้าขึ้นแล้วพลิ้วไหวปรากฏห่างออกไปสิบจั้งเศษ ไล่ตามลำแสงหลีกหนีของชายร่างใหญ่ไปติดๆ อย่างไม่รีบร้อนและไม่เชื่องช้า
แต่หลังจากกะพริบวาบๆ สองสามครั้ง ทั้งสองก็ร่อนลงตรงหน้าสิ่งปลูกสร้างที่ดูธรรมดาๆ หลังหนึ่ง
ประตูสิ่งปลูกสร้างแห่งนี้ว่างเปล่า ไม่มีผู้ใดรักษาการณ์อยู่
“ท่านอาวุโส ท่านหัวหน้าเผ่าอยู่ในนี้ ชนรุ่นหลังไม่สะดวกเข้าไป จะรออยู่ที่นี่นะขอรับ” ชายร่างใหญ่หยุดฝีเท้าที่ประตู และหันกายไปคารวะหานลี่ขณะเอ่ย
หานลี่พยักหน้าแล้วสาวเท้าเดินเข้าไปอย่างทะนงองอาจ
ผ่านประตูไปด้านหลังมีห้องโถงขนาดสิบจั้งเศษ นอกจากโต๊ะเก้าอี้ง่ายๆ แล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดวางอยู่อีก
แต่บนเก้าอี้ตัวหนึ่งตรงมุมของห้องโถง มีชายชราผมสีดอกเลานั่งอยู่ ใบหน้าซูบผอม กายครึ่งหนึ่งไม่ใช่มัจฉา แต่เป็นสิ่งที่ไม่ต่างอันใดกับมนุษย์
หลังจากกวาดจิตสัมผัสไป ก็มีพลังยุทธ์ประมาณระดับผสานอินทรีย์ขั้นต้น
“เจ้าคือหัวหน้าเผ่าของเผ่ามัจฉาว่างเปล่า?” หานลี่มองชายชราแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยถามอย่างราบเรียบ
ชายชราเห็นหานลี่เข้ามาก็ยืนขึ้นจากเก้าอี้ สายตากวาดมองหานลี่อย่างละเอียด หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย แล้วตอบกลับอย่างนอบน้อม
“ชนรุ่นหลังหลิวซั่ว เป็นหัวหน้าเผ่ามัจฉาว่างเปล่า ท่านอาวุโสมาจากที่ใด เป็นชนชั้นสูงระดับมหายานหรือ?” ชายชราที่อยู่ในอาการนอบน้อม แฝงไว้ด้วยท่าทีตื่นเต้นอันแปลกประหลาด
“สายตาของเจ้าหลักแหลมไม่เลว ข้ามาจากแดนนอก เป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับมหายานคนหนึ่ง” หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมาแล้วถึงได้ตอบกลับอย่างราบเรียบ
“เยี่ยมไปเลย ในที่สุดเผ่าเราก็รอให้ผู้แข็งแกร่งจากภายนอกมาถึงแล้ว ท่านอาวุโสได้โปรดช่วยเผ่าของชนรุ่นหลังด้วย ขอแค่ทำให้พวกเราออกจากเงื้อมมือมารของเผ่าแมงมุมซิวหลัวได้ เผ่าของข้าศิโรราบแก่ท่านอาวุโส และยิ่งไปกว่านั้นบุตรหลานก็จะคารวะท่านตลอดไป”
เสียง “ตึง” ดังขึ้น!
คาดไม่ถึงว่าชายชราจะคุกเข่าให้หานลี่ และโขกศีรษะขณะเอ่ยด้วยความโศกเศร้าและดีใจ