“ยอมรับข้าเป็นนาย! หรือว่าสหายพูดล้อเล่น เผ่าของเจ้าเพิ่งพบข้าเป็นครั้งแรก แม้แต่ประวัติความเป็นมาของผู้แซ่หาน นิสัยเป็นอย่างไรก็ยังไม่รู้ คิดจะให้ข้าเป็นนาย ไม่กลัวว่าข้าจะบ้าเลือดหรือ?” แม้ว่าหานลี่จะเงียบขรึมมาโดยตลอด เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึง แต่ทันใดนั้นก็เข้าใจแล้วหัวเราะน้อยๆ ออกมา
“สองสามวันก่อนที่สายลับจากเผ่าแมงมุมซิวหลัวปรากฏตัวด้านนอก ท่านอาวุโสเป็นคนจัดการสินะ?” ชายชราไม่ได้หยัดกายลุกขึ้น กลับเงยหน้าเอ่ยถาม
“แม้ข้าจะไม่ได้ลงมือด้วยตนเอง แต่ก็ประมาณนั้น” หานลี่ตอบกลับอย่างราบเรียบ
“เช่นนั้น ท่านอาวุโสก็น่าจะเข้าใจสถานการณ์ของเผ่าเราอยู่บ้างสินะ” ชายชราเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึม
“ก็พอรู้มาบ้าง แต่เรื่องของเผ่าเจ้ามีอยู่มากมายในแดนต่างๆ สำหรับสิ่งมีชีวิตอย่างข้าไม่มีเหตุผลอันใดให้ต้องลงมือ อีกอย่างผู้แซ่หานไม่เห็นว่าต่อให้พวกเจ้ายอมศิโรราบจะมีประโยชน์อันใด เหตุใดต้องเสี่ยงล่วงเกินสิ่งมีชีวิตระดับเดียวกันด้วย” หานลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ในเมื่อท่านอาวุโสลงมือกับสายลับเหล่านั้น และยิ่งไปกว่านั้นยังมาที่นี่ด้วยตนเอง จะต้องมีสิ่งที่เผ่าเราทำประโยชน์ให้ได้แน่ ขอแค่ท่านอาวุโสยอมรับเผ่ามัจฉาว่างเปล่าของพวกเรา ไม่ว่าเรื่องใด เผ่าของเราจะต้องทำให้ท่านพอใจแน่นอน เผ่ามัจฉาว่างเปล่าของพวกเราควบคุมพลังห้วงเวลาได้ดังใจ บางทียามที่ท่านอาวุโสต่อกรกับศัตรูที่แข็งแกร่งอาจจะไม่มีประโยชน์ แต่การดูแลถ้ำพำนัก การเปิดห้วงเวลาเล็กๆ พวกเรามั่นใจว่าทำประโยชน์ให้กับท่านอาวุโสได้” ชายชราเอ่ยอย่างซื่อสัตย์
“หึๆ เจ้าพูดมีเหตุผลไม่น้อย และชาญฉลาดมาก ที่ข้ามาที่นี่ก็เพราะมีเรื่องหนึ่ง เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เรื่องอื่นเอาไว้คุยกันทีหลังจำสิ่งนี้ได้หรือไม่” หานลี่เอ่ยอย่างราบเรียบ พลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง ชั่วขณะนั้นในมือพลันมีไข่มุกผลึกสีฟ้าอ่อนปรากฏขึ้น
เมื่อไข่มุกเม็ดนี้ปรากฏตรงหน้าชายชรา ก็ส่งเสียงหึ่งๆ ออกมา คาดไม่ถึงว่าจะเกิดความรู้สึกสื่อถึงกันได้อย่างแปลกประหลาดทันที
“ไข่มุกมหาสมุทรภูเขา สมบัติศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเราตกอยู่ในมือของท่านอาวุโสดังคาด!” สิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของหานลี่ก็คือเมื่อชายชราเห็นไข่มุกผลึกในมือของหานลี่ก็ไม่ได้เผยสีหน้าตกตะลึง กลับถอนหายใจยาวๆ ออกมาเฮือกหนึ่ง ดูแล้วจะวางสิ่งที่หนักอึ้งในใจลงได้
“ไข่มุกมหาสมุทรภูเขา สมบัติศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเจ้า? สมบัติชิ้นนี้อยู่ที่ข้า ดูเหมือนเจ้าจะรู้แล้ว” หานลี่หรี่ตาลงพลันเอ่ยถาม
“ชนรุ่นหลังเพิ่งรู้ได้ไม่นาน ท่านอาวุโสเชิญดูเถิด?” ชายชรายกแขนข้างหนึ่งขึ้น เผยข้อมือที่มีสัญลักษณ์ประหลาดออกมา
สัญลักษณ์นี้มีรูปร่างเหมือนกับไข่มุกผลึกในมือของหานลี่ ในเวลาเดียวกันก็เปล่งแสงสีฟ้าอ่อน ดูเหมือนจะถูกกระตุ้น
“รอยศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นสิ่งที่หัวหน้าเผ่าของเผ่ามัจฉาอย่างพวกเราถึงจะมีได้ นอกจากเป็นตัวแสดงฐานะแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือใช้สื่อสารกับสมับติศักดิ์สิทธิ์ของเผ่า จากพลังยุทธ์ของข้าในยามนี้ขอแค่ไข่มุกมหาสมุทรภูผาเม็ดนี้อยู่ในรัศมีร้อยลี้ ข้าก็สัมผัสตำแหน่งของมันได้ นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ข้าพบหน้าท่านอาวุโสก็ยอมคารวะนายท่านเป็นนายทันที ชนรุ่นหลังเชื่อว่านี่คือสัญญาณของสวรรค์ มิเช่นนั้นสมบัติศักดิ์สิทธิ์จะตกอยู่ในมือของคนนอกง่ายๆ ได้อย่างไร” ชายชราเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
“น่าสนใจ เจ้ายืนขึ้นคุยกันเถิด ข้าเองก็ได้สิ่งนี้มาด้วยความบังเอิญ สิ่งนี้คือสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพวกเจ้า นอกจากพลังแห่งกฎเกณฑ์ที่แฝงอยู่ น่าจะมีประโยชน์อย่างอื่นด้วยสินะ” ในที่สุดหานลี่ก็เผยสีหน้าตื่นเต้นออกมา
“ท่านอาวุโสเฉียบแหลมนัก ไข่มุกมหาสมุทรภูผานี้ยังมีประโยชน์ที่น่าตกตะลึงจริง แม้ว่าเดิมข้าจะไม่ต้องใช้วิมาน เป็นสมบัติวิมานที่หายากยิ่งชิ้นหนึ่ง! ทว่าสมบัติชิ้นนี้สำแดงสัญญาณความอ่อนแรงเมื่อหลายปีก่อน จึงถูกผู้มีความสามารถในเผ่าใช้เคล็ดวิชาลับผนึกเอาไว้ สำหรับชนรุ่นหลังแล้ว ก็เป็นแค่สมบัติในตำนานเท่านั้น” ชายชรายืนขึ้นอย่างเชื่อฟัง แล้วเอ่ยอย่างนอบน้อม
“สมบัติวิมาน? คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสมบัติเกี่ยวกับห้วงเวลา เจ้ารู้ว่าสมบัติชิ้นนี้ผนึกอยู่ในบึงเย็นเยียบ” หานลี่ได้ยินพลันใจหายวาบ แต่ใบหน้าพลันเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา
“ชนรุ่นหลังรู้ แต่สาเหตุที่ตอนแรกบรรพชนของเผ่าทำเช่นนี้ก็เพราะกลัวว่าหากทิ้งไข่มุกมหาสมุทรภูผาไว้ในมือของชนรุ่นหลังอย่างพวกเราจะทำให้เกิดหายนะ ถึงอย่างไรเสียสมบัติชิ้นนี้ก็ไม่ได้มีพลังป้องกัน เป็นแค่สิ่งที่จะก่อหายนะให้ตัวเองเท่านั้น ดังนั้นมรดกที่บรรพชนในเผ่าเคยทิ้งไว้ เผ่าจึงไม่เคยแข็งแกร่งขึ้นเลย สมบัติศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยนำออกมา แต่น่าเสียดายมาก! จนถึงวันนี้เผ่าของพวกเราก็ไม่เพียงไม่รุ่งเรืองอีกครั้ง กลับแทบจะไม่มีสายโลหิตให้สืบต่อแล้ว สมบัติศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ย่อมไม่มีประโยชน์อันใดกับเผ่าข้ามากนัก” ชายชราอธิบายด้วยสีหน้าจนปัญญา
ยามนี้“ดูแล้ว บรรพชนของพวกเจ้าก็ทำสิ่งที่ชาญฉลาดมาก มิเช่นนั้นหากสมบัติระดับนี้ตกอยู่ในมือของพวกเจ้า เกรงว่า แมงมุมซิวหลัวคงชิงไปตั้งนานแล้ว ทว่าข้าเห็นด้วยตาของตัวเองว่ามารดาเผ่าแมงมุมซิวหลัวเองก็ได้ศิลาที่แฝงไว้ด้วยพลังกฎเกณฑ์แห่งห้วงเวลาอีกชิ้นในบึงเย็นเยียบไป นั่นคืออันใด?” หานลี่พยักหน้า แล้วคิดอันใดขึ้นมาได้จึงเอ่ยถาม
“รายงานท่านอาวุโส ท่านน่าจะหมายถึงศิลาวิญญาณสลักสมบัติศักดิสิทธิ์อีกชิ้นของเผ่าเรา สิ่งนั้นนอกจากช่วยเสริมการเรียนรู้ด้านหลังห้วงเวลาให้กับผู้แข็งแกร่งแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อันใดอีก”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง”
หานลี่ก้มหน้าลงมองไข่มุกผลึกในมือ อดที่จะครุ่นคิดไม่ได้
“ท่านอาวุโส ขอแค่ท่านยอมรับเผ่าของชนรุ่นหลัง เผ่าของข้ายอมถวายโลหิตบริสุทธิ์ช่วยท่านอาวุโสลบคราบโลหิตของบรรพชนที่ทิ้งเอาไว้ ให้ท่านอาวุโสหลอมมันได้อย่างแท้จริง สมบัติศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้เคยถูกผู้มีความสามารถของเผ่าหลอมในอดีต หากคนนอกใช้วิธีการบวงสรวงธรรมดาๆ ก็ไม่อาจทำให้สมบัติชิ้นนี้ยอมรับได้ ชนรุ่นหลังยังรู้คาถาบวงสรวงสมบัติชิ้นนี้ ที่จะสามารถทำให้ท่านอาวุโสควบคุมสมบัติชิ้นนี้ได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่าก่อนหน้านั้นท่านอาวุโสต้องอยู่ในระดับมหายานก่อนถึงจะได้ มิเช่นนั้นก็กดพลังการแว้งกัดของไข่มุกเม็ดนี้ได้ยาก! ส่วนเผ่าแมงมุมซิวหลัว เป็นเพราะเหตุผลบางอย่าง ก็ไม่อาจไปจากแดนนี้ได้ง่ายๆ ท่านอาวุโสไม่ต้องกังวลว่าจะล่วงเกินพวกมัน” ชายชราเห็นหานลี่มีท่าทีลังเล ก็กัดฟันเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกมาตรงๆ
“อืม ผู้แซ่หานสนใจสมบัติวิมานชิ้นนี้จริงๆ แต่หากให้พวกเจ้ายอมศิโรราบ กลับทำได้ยาก วิธีที่ข้าเข้ามาในแดนนี้ค่อนข้างพิเศษ ยามออกไปก็พาคนจำนวนมากข้ามแดนกลับไปไม่ได้ ข้าไม่อาจทำเหมือนพวกเจ้าเป็นสัตว์เลี้ยงใส่เข้าไปในกำไลเก็บอสูรวิญญาณได้ ส่วนแมงมุมซิวหลัวเหล่านั้น ข้ายังไม่สนใจ ต่อให้พวกนางคิดจะมาหาเรื่องจริงๆ ข้าก็จัดการได้” หานลี่หน้าเปลี่ยนสี ปากกลับถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งขณะเอ่ย
“ที่แท้ท่านอาวุโสก็กลัดกลุ้มเรื่องนี้ หากเป็นเช่นนั้นก็ง่ายมาก ขอแค่ท่านหลอมสมบัติชิ้นนี้ พวกเราทุกคนก็สามารถแอบอยู่ด้านใน แล้วตามท่านอาวุโสออกไปจากที่นี่ได้อย่างง่ายดาย” ชายชราได้ยินกลับดีอกดีใจ
“นั่นเป็นวิธีที่ใช้ได้ ทว่าวิมานในไข่มุกมหาสมุทรภูผาเม็ดนี้จะบรรจุเผ่าของพวกเจ้าได้มากขนาดนั้นหรือ? ต้องใช้เวลาหลอมนานเท่าไหร่? ข้าเหลือเวลาในแดนนี้แค่ไม่กี่วันเท่านั้น” หานลี่ครุ่นคิดแล้วก็รู้สึกว่าเป็นไปได้
“ท่านอาวุโสวางใจ สมบัติชิ้นนี้มีคุณสมบัติดังชื่อ ว่ากันว่าบรรจุได้แม้กระทั่งมหาสมุทรและภูผา ด้านในกว้างใหญ่ แม้แต่ในบรรดาสมบัติวิมานระดับสุดยอดต่างๆ ก็ยังจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ส่วนเวลานั้น…ขอแค่สมาชิกของชนรุ่นหลังทุกคนช่วยกัน ใช้เวลาแค่สองสามวันก็ทำให้ท่านอาวุโสหลอมสำเร็จแล้ว” ชายชราเอ่ยอย่างไม่ต้องขบคิด
“ด้านในกว้างใหญ่เพียงนั้น กลับเป็นเรื่องน่ายินดีมาก หากสองสามวัน ข้าเองก็รอได้…เอาล่ะ ตามนี้ก็แล้วกัน ขอแค่ผู้แซ่หานหลอมสมบัติวิมานชิ้นนี้ได้ ข้าจะปกป้องเผ่ามัจฉาว่างเปล่าของพวกเจ้าตลอดชีวิต”
หานลี่ครุ่นคิดอย่างละเอียด รู้สึกว่าไม่มีปัญหาอื่นในที่สุดก็ฉีกยิ้มแล้วพยักหน้า
สำหรับเขาแล้วการเผ่าที่อ่อนแอมากไปก็ไม่ใช่เรื่องยากอันใด
“ขอบพระคุณท่านอาวุโส! เรื่องนี้รอช้าไม่ได้ ชนรุ่นหลังจะไปเตรียมสมาชิกในเผ่าทันที ท่านอาวุโสโปรดรอประเดี๋ยว” ชายชราได้ยินพลันดีใจ คุกเข่าคารวะอีกครั้งขณะเอ่ย
สำหรับหัวหน้าเผ่ามัจฉาว่างเปล่าผู้นี้ แม้จะไม่รู้ว่าวันข้างหน้าหานลี่จะปฏิบัติต่อพวกมันอย่างไร แต่ก็ดีกว่าการไล่สังหารผู้มีชีวิตของแมงมุมซิวหลัวในยามนี้ ทั้งเผ่าไม่รู้ว่าจะต้องสูญพันธุ์เมื่อไหร แน่นอนว่าต้องแข็งแกร่งกว่าหลายเท่า
“เจ้าเตรียมตัวก่อนเถิด ข้าศึกษาสมบัติชิ้นนี้อยู่ที่นี่สักครู่ก็แล้วกัน” หานลี่โบกมือแล้วออกคำสั่ง
“ขอรับ ชนรุ่นหลังขอตัวก่อน” ชายชราถึงได้หยัดกายลุกขึ้น แล้วถอยออกไปจากตำหนักอย่างนอบน้อม
…
สองสามชั่วยามเหนือสิ่งปลูกสร้างสามเหลี่ยมสิบกว่าหลังก็มีลำแสงสีเงินสว่างวาบ เผ่ามัจฉาว่างเปล่าจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังวุ่นวาย
อีกด้านบนแท่นสูงที่สร้างขึ้นใหม่ตรงขอบของเขตอาคม เผ่ามัจฉาว่างเปล่ากำลังเรียงแถวเดินขึ้นไป ใช้มีดแหลมคมกรีดข้อมือ และบีบโลหิตบริสุทธิ์ออกมา หยดลงไปในหม้อสำริดยักษ์สูงครึ่งตัวคน
กลิ่นโลหิตคละคลุ้งโชยออกมาจากหม้อ โลหิตบริสุทธิ์กินพื้นที่ไปครึ่งหนึ่ง
ใจกลางของของเหลวสีแดงสด ลูกบอลผลึกสีฟ้าอ่อนเม็ดหนึ่งลอยอยู่บนนั้น และเปล่งแสงเรืองๆ
หานลี่ในยามนี้ลอยอยู่กลางอากาศเหนือเขตอาคมยักษ์ สองแขนกอดอก สายตากลับพิจารณาทุกอย่างรอบด้านไม่หยุด
คนเผ่ามัจฉาว่างเปล่าเหล่านี้กลับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เดิมที่เตรียมตัวอย่างวุ่นวาย คาดไม่ถึงว่ายามนี้จะเตรียมไปได้เจ็ดแปดส่วนแล้ว
ดูแล้วการหลอมไข่มุกมหาสมุทรภูผาคงจะไม่ต้องใช้เวลานานถึงสามวัน
ในใจของเขาย่อมเฝ้ารอที่จะมีสมบัติวิมานชิ้นแรกแล้ว อยากรู้มากว่าห้วงเวลาด้านในเป็นอย่างไร
…
แดนวิญญาณบนแผ่นดินใหญ่เสี่ยเทียน บนแท่นบวงสรวงโบราณใต้ดินแห่งหนึ่งมีเสียงอึกทึกดังขึ้น ระลอกคลื่นแปลกประหลาดปรากฏขึ้น ดินโคลนก้อนหินทั้งหมดกลิ้งออก
จากนั้นรัศมีลำแสงห้าสีพลันเปล่งแสงสว่างวาบ เขตอาคมห้าสีปรากฏขึ้นตรงกลาง มีเงาร่างแวววาวสายหนึ่งปรากฏขึ้น
“ในที่สุดก็ลงมาแล้ว ไอวิญญาณบางเบามาก ไม่อาจเทียบกับแดนเซียนได้” เงาร่างของคนผู้นี้มองสำรวจรอบด้านแวบหนึ่ง แล้วถอนใจพลางเอ่ยพึมพำกับตัวเองออกมา…