เงาคนพลันสะบัดแขนเสื้อ
เกิดเสียง “ปัง” ออกมา ค่ายกลแสงแปรเปลี่ยนเป็นอักษรรูนสีเงินสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนหายไปในอากาศ เผยให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเงาคน
ที่แท้เป็นชายหนุ่มผู้หนึ่งที่บนร่างกายสวมใส่เสื้อคลุมยาวสีดำ สองมือไพล่หลัง
ชายหนุ่มผู้นี้ ผิวพรรณดูซีดเซียวผิดปกติ อาภรณ์บนร่างกายมีสีดำและขาวปะปนกัน แต่กลับทำให้ผู้คนรับรู้ถึงความอิดโรยอย่างมาก
หลังจากที่ชายหนุ่มกวาดตามองความว่างเปล่าที่ดำมืด เหมือนจะตระหนักได้ถึงสถานการณ์บางอย่างที่ตนกำลังประสบอยู่ หัวคิ้วขมวดเล็กน้อย ดีดนิ้วออกไปยังอากาศเบื้องบนโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
เสียง “ชื่อๆ” ดังขึ้นเสียงดัง อักษรรูนสีเงินหลายสิบเส้นปลดปล่อยออกมา หลังจากเลือนรางลง พุ่งเข้าใส่ความว่าเปล่าทีละเส้นๆ จนไม่เห็นร่องรอย
เวลาต่อมา มีเสียงกึกก้องดังขึ้นจากทั้งสี่ทิศ ก้อนหินดินโคลนทั้งหมดต่างถอยห่างออกไปทั้งสองข้างอย่างบ้าคลั่งราวกับมีชีวิต พลันรูปร่างของหุบเขาขนาดใหญ่ที่ยาวอย่างหาที่สุดมิได้ได้ถูกก่อตัวขึ้นขึ้นไปยังพื้นผิวโดยตรง
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นเหลือบมองด้านบน หลังมองเห็นแสงสีขาวต่างพุ่งทะลุผ่านลงมาอย่างเลือนราง จึงเผยสีหน้าพึงพอใจออกมา
มองไม่เห็นว่าเขาใช้การเคลื่อนไหวแบบใด แต่หลังจากแสงสีขาวส่องสว่างออกมาเต็มๆ ก็มอบหมายให้มันพาเขาบินขึ้นไปยังส่วนยอด
ผ่านไปครู่หนึ่ง แสงสีเงินวาบ ชายหนุ่มโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน ปรากฏขึ้นกลางอากาศเหนือพื้นดินหลายจั้ง ร่างของเขาก็หยุดนิ่ง
เขากวาดตามองเล็กน้อยก็มองสภาพโดยรอบทั้งหมดได้อย่างชัดเจน
ที่นี่คือสถานที่รกร้างที่มีแต่โคลนและหินสีดำอยู่ทั่วหัวระแหง แต่บนพื้นดินมีหญ้าที่สั้นและขรุขระสูงไม่กี่ชุ่นขึ้นอยู่ อีกทั้งยังมองไม่เห็นร่องรอยของยอดเขาหรือต้นไม้ใดๆ โดยรอบเงียบสงัด ไม่มีแม้แต่เสียงนกเสียงแมลง ราวกับเป็นสถานที่ที่ตายจากไปแล้วก็มิปาน
ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะประหลาดใจกับที่นี่ เพียงแค่บ่นพึมพำเล็กน้อยก็ใช้มือเดียวทำท่าทางเตรียมร่ายคาถา
เสียงสวดมนต์ภาษาสันสกฤตพลันดังออกมาจากบนอากาศสูง แสงวิญญาณปรากฏออกมาทีละจุด ทีละจุด รวมตัวกันเป็นอสูรร้ายที่สูงมากกว่าร้อยจั้ง
อสูรร้ายตนนี้ มีหัวเป็นสิงโต ตัวเป็นกิเลน ร่างกายส่วนบนมีเปลวเพลิงโลหิตไหลเวียนอยู่ทั่ว ร่างกายส่วนล่างมีแสงสีเงินระยิบ ตลบอบอวลไปด้วยแสงสีอันวิจิตรไม่หยุดนิ่ง มองไม่ออกว่าร่างที่แท้จริงเป็นอสูรวิญญาณแบบใด
แต่เวลาถัดมา สีหน้าของชายหนุ่มพลันซีดเผือก ตะโกนออกมาเสียงดัง
ทันใดนั้นเงาร่างของอสูรยักษ์แตกออกในทันที ไม่มีทางที่จะรวมกลุ่มกันต่อไปได้ ทำได้เพียงเปลี่ยนเป็นเงาอันเลือนราง
“หืม ที่แท้พลังยุทธ์ก็ถูกระงับให้อยู่ในระดับนี้! ลงมาที่โลกในครานี้ ที่แท้เหมือนจะไม่ใช่เรื่องที่ดี ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาอยากจะพาข้ามาสักรอบ” ชายหนุ่มพึมพำพลางทอดถอนใจ
“แต่ว่านี่ก็เป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่งที่สามารถอธิบายได้ว่าพวกตาแก่เหล่านั้นจะไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงการเคลื่อนไหวทั้งหมดของข้าได้ หึๆ ของวิเศษชิ้นนั้นเหลือเวลาอีกไม่นานก็จะหล่อหลอมได้สำเร็จ ทางที่ดีสังเวยเลือดเพิ่มอีกสักเล็กน้อย เช่นนี้ ณ ส่วนต่อประสานที่ต่ำกว่า แม้ว่าจะมีวิญญาณทั่วไปเกิดขึ้นมา ทว่ากลิ่นอายเลือดไม่บริสุทธิ์ แต่หากมีจำนวนเพียงพอ ก็พอจะแทนกันได้ ส่วนเรื่องของเจ้าคนทรยศนั่น ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนตามหา หากเรื่องนี้ไม่สำเร็จ ถึงแม้ตาแก่พวกนั้นจะไม่พอใจในวิธีการของข้า ก็ทำได้เพียงแค่ฝืนทน” ชายหนุ่มหรี่ตาลงพร้อมแย้มรอยยิ้มเย็นชาจับขั้วหัวใจออกมา
หลังจากเขาพลิกมือ กระบอกเซียมซีสีทองเรืองรองปรากฏออกมาจากแสงสว่าง ด้านในมีเซียมซีไม้ไผ่สีเขียวเสียบไว้เต็มกระบอก
บนพื้นผิวของเซียมซีไม้ไผ่พวกนี้เต็มไปด้วยอักขระสีเงินสวยงามนับไม่ถ้วน และยังมีแสงสว่างหลากหลายสีสันตลบอบอวลอยู่ไม่นิ่ง พิศดูแล้วเป็นของวิเศษที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
ชายหนุ่มท่องคาถาพร้อมโยนกระบอกเซียมซีขึ้นไปบนฟ้า
เสียง “ครืน” ดังขึ้น
ภายใต้แสงสีทองหลายสาย กระบอกเซียมซีแปรเปลี่ยนเป็นลูกบอลแสงสีทองทึมๆ กลุ่มหนึ่ง หมุนวนไม่หยุดนิ่ง ปรากฏเป็นเงาจางๆ ของแผนผังแปดทิศขนาดใหญ่
ชายหนุ่มท่องคาถาไม่หยุด เสียงโทนต่ำดังออกมาจากปาก นิ้วมือหนึ่งชี้ขึ้นไปทางท้องฟ้า เสียงแหวกอากาศดังสนั่น แสงหยกสายหนึ่งถูกยิงออกมาจากเงาของแผนผังแปดทิศพุ่งตรงไปยังทิศทางหนึ่ง
“ดีมาก ทางด้านนั้นมีกลิ่นอายวิญญาณเกิดใหม่หนาแน่นที่สุด เช่นนั้นเริ่มลงมือจากที่นี่แล้วกัน” สีหน้าชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม สบัดแขนเสื้อแปรเปลี่ยนเป็นรุ้งทองแหวกอากาศไป
เงาร่างของอสูรกายที่มีหัวเป็นสิงโตตัวเป็นกิเลนก็แปรเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงโลหิตกลุ่มหนึ่งพุ่งตามรุ้งสีทองไม่ห่าง
…
“นี่คือรูปลักษณ์ดั้งเดิมของมุกซานไห่!” หานลี่ต้องมองไข่มุกเม็ดกลมในมือด้วยความแปลกใจ
เวลานี้ลูกปัดผลึกที่เดิมสีน้ำเงินอ่อน มีขนาดเล็กลงกว่าครึ่ง โดยมีขนาดเพียงแค่ประมาณถั่วปากอ้าเท่านั้น
พื้นผิวของเสาเปลี่ยนไปเรียบเนียนเป็นพิเศษ สีสันก็เปล่งสีออกมาห้าสี นอกจากนี้ยังมีพลังสีขาวนวลราวกับน้ำนมที่อยู่ใกล้เคียงอบอวลไปทั่วซึ่งวิเศษมาก
“ไม่เลว ผู้อาวุโส ร่องรอยการมีอยู่ของไข่มุกเม็ดนี้ได้ถูกลบหายไปโดยสิ้นเชิง พลังที่บรรพบุรุษของเผ่าข้าน้อยปกปิดไว้ก็หายไปด้วยเช่นกัน ตอนนี้ผู้อาวุโสสามารถขัดเกลาสมบัติชิ้นนี้ได้โดยไม่ต้องเป็นกังวล” หัวหน้าเผ่าคงอวี๋ที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดขึ้นด้วยความเคารพ แต่บนใบหน้าซีดขาวจางๆ
ที่แท้เขาก็ปลดปล่อยโลหิตบริสุทธิ์ออกมาไม่น้อยจึงทำให้มีสภาพเช่นนี้
“ดีมาก เจ้าไปจัดการให้คนในเผ่าจัดเก็บสัมภาระ หลังจากที่ข้าขัดเกลาไข่มุกเม็ดนี้สำเร็จ ข้าจะพาพวกเจ้าออกจากแดนอสุราย่อยนี่โดยทันที” หานลี่ละสายตาจากมือของเขา แล้วหันมาพูดกับชายชราโดยไม่ลังเล
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่เมตตา ข้าน้อยจะรีบไปสั่งการ จริงสิ ผู้อาวุโสต้องการสถานที่ที่เงียบสงบเพื่อขัดเกลาไข่มุกเม็ดนี้อย่างแน่นอน เช่นนั้นไปที่ห้องลับที่ปกติข้าน้อยใช้ฝึกยุทธ์เถอะ” หัวหน้าเผ่าคงอวี๋ได้ยินคำพูดของหานลี่จึงรีบพูดขึ้นมาด้วยความกระตือรอร้นเป็นพิเศษ
“ได้ เช่นนั้นเจ้านำทางไปเถอะ” หานลี่พยักหน้ารับ ไม่มีความคิดที่จะปฏิเสธ
ไม่นานหลังจากนั้น ภายใต้การนำทางด้วยตนเองของชายชรา หานลี่ได้มาถึงด้านล่างของสิ่งก่อสร้างทรงสามเหลี่ยม ประตูหินสีน้ำเงินปรากฏขึ้นด้านหน้า
“ผู้อาวุโส เชิญเข้า” ชายชราผลักประตูให้เปิดออก ยืนประสานมืออยู่ด้านหนึ่งของประตูพลางกล่าวออกมา
หานลี่เดินเข้าไปด้านใน หลังจากกวาดตามอง ใบหน้ามีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย
เพียงมองเห็นห้องที่ปกติชายชราใช้ในการฝึกฝนพลังยุทธ์แล้ว นอกจากของตกแต่งที่มักจะพบเจอได้ทั่วไป ยังมีชั้นไม้สีดำแถวหนึ่งตั้งอยู่อย่างน่าประหลาดใจ ด้านบนมีสิ่งของที่เป็นขวดๆ และกล่องหยกม้วนคัมภีร์ไม้ไผ่ถูกจัดวางอยู่ อีกทั้งยังมีเตาหลอมโอสถสูงหลายฉื่อ
“เจ้ารู้วิชาหลอมโอสถงั้นรึ?” หานลี่พึมพำเล็กน้อยแล้วหันไปถามชายชรา
“ตอบกลับผู้อาวุโส ข้าน้อยไม่รู้มรรคแห่งการหลอมโอสถ เตาหลอมโอสถนี้เป็นสิ่งที่หลานสาวของข้าน้อยใช้ การหลอมโอสถของเจ้าหนูนี่ นับได้ว่ามีพรสวรรค์ ยาเสริมวิญญาณของโลกนี้จำกัดอยู่เพียงอย่างเดียวเกินไป และมีเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่สามารถกลั่นได้” ชายชราค้อมตัวลงแล้วรีบอธิบาย แต่น้ำเสียงกลับซ่อนความภาคภูมิใจในตัวของหลานสาวเอาไว้
“ฮ่าๆ หากนางมีพรสวรรค์ในการหลอมยาจริงล่ะก็ หลังจากกลับไปแล้วข้าสามารถที่จะอบรมสั่งสอนให้นางได้” หานลี่หัวเราะออกมาเบาๆ
“หากได้รับการชี้แนะจากผู้อาวุโสจริง ย่อมนับว่าเป็นโชคดีอันยิ่งใหญ่ของนางแล้ว” ชายชรามีความสุขเป็นอย่างมาก
“อืม เจ้าออกไปก่อนเถิด เรื่องอื่นค่อยว่ากันหลังออกไปจากโลกนี้ ข้าต้องการขัดเกลาไข่มุกซานไห่” หานลี่โบกมือ ไม่พูดสิ่งใดออกมาอีก
ชายชราย่อมไม่มีทางไม่เชื่อฟัง รีบกล่าวคำขอโทษแล้วถอนตัวออกจากห้องลับ
หานลี่สะบัดแขนเสื้อไปทางประตูทางเข้า
เกิดแสงสว่างวาบในทันที ประตูหินส่งเสียง “ครืดๆ” แล้วปิดลงด้วยตัวเอง ในเวลาเดียวกันอักษรรูนนับไม่ถ้วนก็ส่องประกายบนพื้นผิว ปกคลุมเขตต้องห้ามทั้งชั้นในทันที
ในเวลานี้ หานลี่นั่งอยู่บนเบาะรองนั่งกลางห้องลับ ฝ่ามือพลิกคว่ำนำม้วนคัมภีร์หยกสีเหลืองออกมา
ในคัมภีร์หยกนี้บันทึกถึงเคล็ดวิชาบวงสรวงอย่างหนึ่งของเผ่าคงอวี๋ เป็นของที่ชายชรานำมาให้ด้วยตนเองเมื่อไม่นานมานี้
มือหนึ่งถือม้วนคัมภีร์หยกทาบไว้ที่หน้าผาก ใช้จิตสัมผัสกวาดดูด้านใน
สีหน้าของหานลี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เคล็ดวิชาบวงสรวงของวิเศษนี้ ที่แท้มีบางส่วนไม่เหมือนกับที่เขาเคยเรียนมา ดูเหมือนส่วนใหญ่ถูกบรรพบุรุษของเผ่าคงอวี๋สร้างขึ้นมาเพื่อไข่มุกซานไห่โดยเฉพาะ
อย่างไรก็ตาม ด้วยระดับพลังยุทธ์เช่นเขา เพียงแค่ครุ่นคิดเกี่ยวกับเทคนิคลับนี้อย่างเงียบๆ ไม่กี่รอบ ก็เข้าใจไปแล้วเกือบหมด
เขานำม้วนคัมภีร์หยกเก็บกลับไป สะบัดชายเสื้อเพื่อนำไข่มุกซานไห่ออกมาแทน
พลังไร้ลักษณ์สายหนึ่งพรั่งพรูออกมา นำไข่มุกซานไห่ให้ลอยอยู่กลางอากาศ
หานลี่จ้องมองยังของที่ลอยอยู่กลางอากาศ สูดหายใจเข้าลึก พลันอ้าปากออก แก่นปราณหลายกลุ่มพุ่งขึ้นไปปกคลุมยังของที่ลอยอยู่กลางอากาศ แล้วใช้นิ้วโป้งของเขาประกบกับนิ้วอื่น ด้านหลังมีแสงสีทองวาบขึ้น เทวรูปพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์สามเศียรหกกรพลันปรากฏ
ในเวลาเดียวกัน ที่หว่างคิ้วของหานลี่มีแสงสีดำส่องออกมา ดวงตาอาคมที่สามพลันเปิดขึ้นอย่างช้าๆ
เสียงแหวกอากาศดังขึ้นเสียงดัง!
จิตสัมผัสที่เปลี่ยนเป็นเส้นผลึกพุ่งออกมาจากดวงตาอย่างหนาแน่น
ความผันผวนต่างๆ รุมเร้าไปทั่วห้องลับ มีเสียงหึ่งๆ ดังออกมาจากมุกเม็ดกลมเบาๆ…
หลังจากเวลาผ่านไปสองวันสองคืนเต็มๆ ตอนที่หัวหน้าเผ่าคงอวี๋เฝ้ารออยู่ด้านนอกห้องลับ บนใบหน้ามีความร้อนใจปรากฏอยู่ ประตูหินพลันเปิดออกอย่างช้าๆ
หานลี่เดินออกมาจากห้องลับด้วยสีหน้าเหน็ดเหนื่อยหลายส่วน
“ผู้อาวุโสหรือว่าจะ…” ชายชราพลันต้อนรับด้วยความยินดี ถามออกมาด้วยความอยู่ไม่สุข
“วางใจเถอะ ข้าขัดเกลาไข่มุกซานไห่สำเร็จแล้ว ท่านเรียกรวมพลเถอะ แต่ต้องรีบหน่อย ข้ารับรู้ได้ถึงแรงขับไล่ของโลกใบนี้แล้ว อาจจะอยู่ที่นี่ต่อไปได้อีกไม่นาน” หานลี่พูดออกมาอย่างสบายๆ
“ดียิ่งนัก ข้าน้อยจะรีบไปจัดการ” ชายชรามีความยินดีเป็นอย่างมาก ตอบรับด้วยความเคารพ แล้วควบคุมลำแสงจากไปอย่างรีบร้อน
หานลี่ยิ้มเล็กน้อย ร่างกายเคลื่อนที่พุ่งขึ้นไปด้านบนอย่างช้าๆ ด้วยเช่นกัน
เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป ที่ลานกว้าง มีคนจากเผ่าคงอวี๋หลายร้อยคนมารวมตัวกันด้วยใบหน้าที่แสดงถึงความตื่นเต้น แต่ทุกคนยืนตัวตรงไม่มีแม้แต่เสียงกระซิบเล็ดรอดออกมา
ชายชรายืนอยู่ที่ด้านหน้าสุดของทุกคน ทันทีที่หานลี่บินออกมาจากสิ่งก่อสร้าง ก็เป็นผู้นำในการแสดงความเคารพต่อหานลี่ด้วยสีหน้าเลื่อมใส พูดเสียงดังด้วยความเคารพว่า
“ขอบพระคุณสำหรับความกรุณาอันยิ่งใหญ่ของนายท่าน! ภายใต้คำสาบานโลหิตนี้ เผ่าของพวกเราห้าร้อยกว่าคน นับแต่นี้เป็นต้นไป ทุกคนจะขอรับใช้นายท่าน จากรุ่นสู่รุ่นมิเปลี่ยนแปร! หากผิดคำสาบานนี้ ขอให้สวรรค์ลงโทษเผ่าของพวกเรา ตัดขาดจากพลังแห่งชีพจรโลหิต โลกใบนี้จะไม่มีพวกเราเผ่าคงอวี๋อีกต่อไป”
เมื่อชายชราพูดจบ มือหนึ่งคว้าไว้กลางอากาศ มีดสั้นเล่มหนึ่งโผล่ออกมา พลันนำมีดเล่มนั้นแทงลึกเข้าไปในอกหลายชุ่น เลือดสดไหลออกมาตามคมมีด
คนในเผ่าคงอวี๋คนอื่นๆ ที่อยู่ด้านหลัง ก็คุกเข่าคำนับหานลี่ แล้วนำมีดแทงเข้าไปในร่างกายเช่นเดียวกัน ปากพ่นคำสาบานโลหิตออกมาตามๆ กัน ทุกๆ คนล้วนมีสีหน้าเคร่งขรึมหลายส่วน
เหมือนได้รับผลกระทบจากพลังของคำสาบานโลหิต กลิ่นคาวเลือดก่อตัวกันทั่วท้องฟ้า ปรากฏเป็นอักษรรูนสีเลือดขนาดใหญ่หลายหมู่จางๆ แต่เพียงแวบเดียวก็สลายหายไปอย่างน่าประหลาด
“ลุกขึ้นเถิด แท้จริงแล้วการกลืนเลือดของทั้งเผ่าลงไป เห็นได้ถึงความซื่อสัตย์ในจิตใจ หลังจากที่ข้ายอมรับพวกเจ้าแล้ว จะไม่มีแม้แต่การแบ่งแยก และปฏิบัติกับพวกเจ้าดังเช่นเผ่ามนุษย์ทั่วไป” หานลี่ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศเหนือฝูงชน หลังจากกวาดตามองด้านล่าง จึงพูดออกมาพลางถอนหายใจ…