สีหน้าของมั่วเจี่ยนหลีเปลี่ยนไปเล็กน้อย จ้องมองไปที่กล่องหยกอย่างเร่าร้อนเป็นพิเศษ
หานลี่เพียงแค่มองเล็กน้อย สีหน้าไม่แสดงสิ่งใดออกมาแม้แต่น้อย
เซวี่ยหรานแอบโล่งใจขึ้นมาทันที
เวลานี้ เฮยหลินได้รับกล่องหยกไว้ในมือแล้ว เปิดยันต์กับฝาครอบออก มีเสียงดังสนั่นด้านใน ป้ายผลึกหยกแผ่นหนึ่งที่มีความยาวครึ่งชุ่นพุ่งออกมาจากด้านใน
บนพื้นผิวของแผ่นหยกนี้ปกคลุมไปด้วยประจุไฟฟ้า อักษรสีทองนับไม่ถ้วนที่มองเห็นได้เลือนราง พลังสายฟ้าที่ทำให้คนตกใจแผ่กระจายผ่านทั่วร่างกาย
“นี่คือยันต์ซานชิงเหลยเซียว?”
เฮยหลินพึมพำ ซ่อนความปิติบนใหน้าไม่มิด
“พี่หลิง ข้าน้อยก็ได้นำแกนผลึกแมงมุมอสุรามาสามชิ้น มิลองดูสักหน่อยหรือ” ในครั้งนี้ มั่วเจี่ยนหลีไม่รอให้เซวี่นหรานเอ่ยสิ่งใด รีบชิงกล่าวออกมาก่อน
เซวี่นหรานได้ยินคำพูดนั้น สีหน้าครึ้มลงเล็กน้อย คิดอยากจะเอ่ยบางอย่างด้วยเช่นกัน
แต่เวลานี้ ชายชราในชุดขาวกลับโบกมือ ตอบกลับกลั้วเสียงหัวเราะ
“ทุกท่านโปรดวางใจ แม้ข้าจะมียันต์เหลยเซียวในครอบครองไม่มาก แต่มีเพียงพอที่จะแลกเปลี่ยนกับแกนผลึกในมือของพวกท่านได้แน่นอน อย่ากังวลใจไปเลย”
“เช่นนั้นข้าก็วางใจ” มั่วเจี่ยนหลีหาวออกมา สะบัดมือข้างหนึ่งเขวี้ยงกล่องสีเขียวมรกตเล็กๆ ออกไป
เซวี่ยหรานส่งเสียงถอนหายใจ ก็นำกำไลเก็บของเส้นหนึ่งออกมาเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนก็ไม่ได้ด้อยกว่าแต่อย่างใด รีบโยนมันออกไปอย่างรวดเร็ว
มีเพียงแค่หานลี่ที่ยังคงนั่งอยู่อย่างมั่นคง ราวกับไม่มีความกังวลถ้าหากเกิดเหตุการณ์ที่ยันต์เหลยเซียวนั้นจะมีจำนวนไม่เพียงพอ
ชายชราในชุดขาวจ้องมองหานลี่อย่างลึกซึ้ง สะบัดชายแขนเสื้อเก็บแกนผลึกของเซวี่ยหรานและมั่วเจี่ยนหลี หลังจากตรวจสอบเล็กน้อย ก็โยนกล่องหยกที่แปะยันต์อีกสองกล่องออกไป
มั่วเจี่ยนหลีและเซวี่ยหรานล้วนมีสีหน้าตื่นเต้น คว้าของที่บินมาไว้ในมือ ถอดยันต์แล้วเปิดฝาครอบ สีหน้าเก็บซ่อนความดีใจไว้ไม่มิด
“นักพรตหาน เจ้าไม่คิดจะแลกเปลี่ยนยันต์เหลยเซียวหรือว่าครั้งนี้กลับมามือเปล่ากันล่ะ” หลิงอ๋องกะพริบตาแล้วถามหานลี่ด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอนว่าไม่ได้กลับมามือเปล่า ทว่าข้าน้อยอยากจะถามหลิงอ๋องว่า ในมือของท่านยังเหลือยันต์เหลยเซียวอีกกี่แผ่น” หานลี่ยิ้มเล็กน้อย ถามกลับออกมาด้วยท่าทีสงบ
“กี่แผ่น? หรือว่าครั้งนี้ท่านนักพรตได้รับแกนผลึกแมงมุมอสุรามาจำนวนมาก?” ชายชราในชุดขาวแสดงสีหน้าแปลกๆ ออกมาเล็กน้อย
หานลี่เพียงหัวเราะเล็กน้อยโดยไม่ได้อธิบายสิ่งใด
เซวี่ยหรานและคนอื่นๆ เห็นดังนี้ อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าประหลาดบางอย่างออกมา
ชายชราในชุดขาวเห็นท่าทีเช่นนี้ของหานลี่ พึมพำเล็กน้อย หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง จึงกล่าวออกมาตามตรง
“เรียนท่านนักพรตตามตรง ยันต์ซานชิงเหลยเซียวนี้นับได้ว่าเป็นสมบัติคุ้มครองประจำเผ่าของพวกเรา ในมือของข้าเองก็มีไม่มาก นอกจากยันต์ที่แลกเปลี่ยนกับพวกน้องเซวี่ยสามคนแล้ว ยังเหลืออีกเพียงแค่สองแผ่นเท่านั้น หากท่านนักพรตมีแกนผลึกของแมงมุมอสุราจำนวนมากจริงๆ ยันต์ที่เหลือทั้งหมดก็สามารถมอบให้ท่านได้”
“ดี เช่นนั้นข้าขอแลกยันต์ทั้งสองแผ่น” ตาของหานลี่ทั้งสองข้างหรี่ลง เอ่ยออกมาโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
เขาพลิกฝ่ามือ หลังจากแสงวิญญาณส่องสว่าง มีกล่องหยกและกระบี่ผลึกแก้วเล่มเล็กที่มีความยาวไม่กี่ฉื่อปรากฏออกมา
หานลี่สะบัดข้อมือ ของทั้งสองกลายเป็นลำแสงสีขาวบินออกไป
ชายชราในชุดขาวหงายฝ่ามือรับสิ่งของทั้งสองที่ถูกส่งออกมา ไม่รีบเปิดกล่องหยก แต่กวาดตามองกระบี่ผลึกอย่างใคร่สงสัย
“นี่คือ…”
เพียงชั่วขณะนี้ หลิงอ๋องส่งเสียง “โอ้” ออกมาเบาๆ สายตาที่จ้องมองยังกระบี่ผลึกพลันตระหนักได้ว่าสิ่งนี้คือสิ่งใด
“ฮะๆ ท่านนักพรตมองออกแล้ว กระบี่บินเล่มนี้เป็นสิ่งที่ข้าชิงมาจากการครอบครองของศัตรูที่แข็งแกร่งในแดนย่อยอสุรา วัสดุที่ใช้สร้างกระบี่ทั้งหมดคือแกนผลึกของแมงมุมอสุรา ยิ่งไปกว่านั้นยังมากถึงสามถึงสี่ชิ้นเต็มๆ เดิมทีกระบี่เช่นนี้มีอยู่ห้าเล่ม ทว่าอีกสี่เล่มแตกสลายไปในสงครามที่ดุเดือด เหลือเพียงแค่เล่มนี้เท่านั้นที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์” หานลี่กล่าวอย่างสงบ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซวี่ยหรานและคนอื่นๆ พลันตระหนักบางอย่างขึ้นมาได้
กระบี่บินเล่มนี้ที่แท้เป็นหนึ่งในห้ากระบี่ผลึกที่ชายชราอี้ซิ่งใช้ในการกระตุ้นพลังแห่งกาลเวลา
ในเวลานั้น แม้ว่ากระบี่สีเล่มจะถูกหานลี่ทำลายลงในศึกครั้งนั้น แต่ในตอนสุดท้ายมีกระบี่หนึ่งเล่มที่หลุดจากการควบคุมแล้วร่วงหล่นลงพื้น กลับถูกหานลี่เก็บกลับมาอย่างลับๆ
ชายชราอี้ซิ่งและแมงมุมอสุราต่อสู้กันอย่างดุเดือด เพราะเป็นเช่นนี้เองที่ทำให้ได้แกนผลึกจำนวนมากมาหลอมกระบี่บิน การนำแกนผลึกมาหลอมกระบี่กลับไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
อย่างไรก็ตาม การนำแกนผลึกมาหลอมเป็นกระบี่โดยตรง ถือเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมาก
ในกล่องหยกที่ถูกหานลี่โยนออกไป แน่นอนว่าต้องมีแกนผลึกของแมงมุมอสุราอื่นๆ อีกสามชิ้นวางอยู่
หลังจากที่ชายชราในชุดขาวตรวจสอบเล็กน้อย ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความสุข หยิบยันต์เหลยเซียวอีกสองชิ้นออกมาอย่างมีความสุขสุดๆ แล้วส่งมอบให้แก่หานลี่
สำหรับเขาแล้ว ยิ่งหลอมไหมแห่งกาลเวลาออกมาได้มากยิ่งเป็นเรื่องที่ดี
แน่นอนว่า เกี่ยวกับคำสัญญาที่จะมอบของวิเศษอื่นๆ ให้อีกสามชิ้น หลิงอ๋องไม่มีความคิดที่จะตะบัดสัตย์
นำพากลุ่มคนไปยังห้องเก็บสมบัติที่อยู่ใต้ดิน ให้หานลี่และคนอื่นๆ เลือกสมบัติกันตามใจชอบ
ด้วยเหตุนี้ การเดินทางมายังเผ่าวิญญาณของทุกคนในครั้งนี้ก็จบลงอย่างมีความสุข
หลังจากที่ได้ของที่พวกเขาต้องการ ไม่มีเหตุที่ต้องอยู่ที่เขาฟู่หลิงอีกต่อไป จึงแยกย้ายกันไปกล่าวลาหลิงอ๋อง
หลังจากชายชราในชุดขาวพูดถ่อมตัวไม่กี่ประโยค ก็ไม่มีเหตุให้รั้งตัวคนเอาไว้
ทั้งสี่คนแยกออกเป็นสองกลุ่ม ทยอยกันบินลงจากเขาศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าวิญญาณ
หลังจากหานลี่และมั่วเจี่ยนหลีจากมา ก็มุ่งหน้าตรงกลับไปหาอิ๋นเย่ว์ที่รออยู่ที่เรือศักดิ์สิทธิ์วิญญาณน้ำหมึกที่จอดรอไว้
หลังจากผ่านไปครึ่งวัน ทั้งสองคนก็ร่อนลงที่หุบเขาเร้นลับแห่งหนึ่ง
อิ๋นเย่ว์ จูกั๋วเอ๋อร์ บรรพชนฮวาสือและคนอื่นๆ เมื่อมองเห็นพวกหานลี่ ก็ดีใจเป็นอย่างมาก
ผ่านไปไม่นาน หุบเขาก็ส่งเสียงดังสนั่นออกมา เรือบินยักษ์สีดำราวน้ำหมึกพลันบินออกไป มุ่งหน้าตรงกลับไปสู่เผ่ามนุษย์
ภายในห้องลับที่อยู่ชั้นล่างสุดของสำเภายักษ์ หานลี่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่กลางห้อง
ที่ด้านหน้าของเขามีสิ่งของต่างๆ ที่ลอยอยู่กลางอากาศ
ตะเกียงโบราณหนึ่งดวง แผ่นป้ายหยกที่มีประจุไฟฟ้านับไม่ถ้วนแวบวาบอยู่สองชิ้น ไข่มุกเม็ดกลมห้าสีหนึ่งลูก และขวดแก้วสีขาวราวกับน้ำนมอีกหนึ่งขวด
สิ่งของพวกนี้ย่อมเป็นสิ่งของที่เขาได้รับมาจากการเดินทางในครานี้ ไม่สามารถเรียกได้ว่าได้รับมาไม่น้อย
หลังจากหานลี่จ้องมองสิ่งของพวกนี้อยู่พักหนึ่ง หางคิ้วพลันกระตุก นิ้วหนึ่งแตะลงไปที่แผ่นป้ายหยกชิ้นหนึ่ง
เสียง “เปรี๊ยะ” ดังขึ้น!
บนแผ่นป้ายหยกมีอักษรสีทองจำนวนมากหลั่งไหลออกมา ในเวลาเดียวกันก็มีกระแสไฟฟ้าสายหนึ่งแวบออกมากระทบที่ปลายนิ้ว ครู่หนึ่งจึงกลายเป็นสายฟ้าพุ่งยิงออกไป
เขารับรู้เพียงความชาเล็กน้อยที่นิ้วมือเท่านั้น ฝ่ามือทั้งฝ่ามือไร้ความรู้วึกไปพักหนึ่ง ในเวลาเดียวกันบนผิวก็ปรากฏเป็นรอยไหม้
หานลี่รู้สึกหนาวในใจ พลังปราณแท้ในร่างกายถูกเรียกใช้ และไหลเวียนไปยังส่วนมือ
ฝ่ามือที่แต่เดิมรู้สึกชา ครู่หนึ่งก็กลับมาเป็นปกติ ในเวลาเดียวกัน รอยไหม้บนผิวก็หายไปเปลี่ยนเป็นแสงสีทองลุกไหม้ขึ้นมา
“สมกับเป็นยันต์ลับตระกูลเซียนที่ถูกล่ำลือกันมาจริงๆ หวังว่าจะสามารถใช้ต้านทานทัณฑ์สวรรค์ได้จริงๆ” หานลี่กล่าวออกมาเสียงต่ำ แต่สีหน้ากลับเผยให้เห็นถึงความพอใจ พลิกมือเพื่อนำกล่องหยกสองกล่องออกมา แล้วเก็บแผ่นป้ายหยกสองแผ่นกลับเข้าไปในกล่องอีกครั้ง กล่องหยกก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ต่อมา หลังจากที่เขาเงยหน้าขึ้นมองด้านหน้า ใช้มือข้างเดียวดึงดูดตะเกียงโบราณมาจากอากาศ
เสียง “ฟู่” ดังขึ้น
หลังจากของวิเศษชิ้นนี้สั่นคลอนเล็กน้อย ก็มาปรากฏอยู่ที่ใจกลางฝ่ามือ
หานลี่หรี่ตาลง สำรวจตะเกียงโบราณอย่างละเอียด
ของวิเศษชิ้นนี้ สามารถเรียกหาร่างจำแลงนกยูงที่คล้ายกับวิหคศักดิ์สิทธิ์มู่หลานออกมาได้ ซึ่งส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดบางอย่าง
เมื่อพิจารณาอีกหน่อย ชายชราอี้ซิ่งผู้นั้นก็เป็นคนจากเผ่าอู่กวง ร่างของเขาก็คือนกยูง ความสัมพันธ์ของของวิเศษชิ้นนี้ ก็ยิ่งมีความลึกซึ้งมากขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม ตะเกียงโบราณชิ้นนี้นอกจากอักขระวิญญาณที่อยู่บนพื้นผิวอย่างหนาแน่นแล้ว วัสดุที่ใช้ก็หาได้ยากยิ่ง จากขอบเขตความรู้ของหานลี่ ก็ไม่มีทางที่จะรู้จักทุกอย่าง
และวัสดุที่รู้จักไม่กี่ชนิด ก็ล้วนแต่มีมูลค่ามหาศาลและหายากมาก แม้แต่เขายังแอบที่จะตกใจ
หานลี่ครุ่นคิดอยู่ในใจ ดูเหมือนว่าจะตัดสินใจได้แล้ว นิ้วโป้งของมือข้างหนึ่งแตะที่นิ้วอื่นๆ แสงวิญญาณที่กลางหว่างคิ้วสว่างวูบ ไหมผลึกเส้นหนึ่งพุ่งออกมา ครู่หนึ่งพุ่งเข้าไปยังตะเกียงโบราณไม่หลงเหลือแม้แต่เงา
ดวงตาทั้งสองข้างของเขาค่อยๆ ปิดลง เช่นนี้จึงเริ่มที่จะบรรลุถึงความหมายอันลึกซึ้งของของวิเศษชิ้นนี้
หลังจากผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ ภายใต้การสั่นของไหมผลึก พลันม้วนกลับออกมา
ในเวลาเดียวกันสีหน้าของหานลี่ขยับเล็กน้อย ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้ายินดี
“ตะเกียงวิญญาณปราณ ที่แท้ของวิเศษชิ้นนี้มีชื่อเช่นนี้ ยอดเยี่ยมจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่สามารถเรียกหานกยูงวิญญาณที่เหมือนกันออกมาจากสมบัติชิ้นนี้ได้ ที่แท้พื้นฐานของมันมีจิตวิญญาณบริสุทธิ์สายหนึ่งดำรงอยู่”
หานลี่รู้สึกดีใจเกินคาด!
สิ่งนี้เรียกว่า “ตะเกียงวิญญาณปราณ” โดยพื้นฐานการใช้งานของสมบัติประหลาดชิ้นนี้คือการกักเก็บเสี้ยววิญญาณอันยิ่งใหญ่
ของวิเศษศาสตรายุทธ์อื่นๆ แม้ว่าก็สามารถกักเก็บวิญญาณบริสุทธิ์ได้เช่นกัน ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป หากแยกจากกับร่างดั้งเดิมของมันนานเกินไป เว้นเสียแต่ว่าเสี้ยววิญญาณนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งที่สามารถดำรงอยู่ได้ด้วยตัวเอง มิฉะนั้นก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงจุดจบของความอ่อนแอและการล่มสลายได้
แต่หากมีตะเกียงวิญญาณปราณ นำเสี้ยววิญญาณส่วนหนึ่งใส่ไว้ด้านใน ไม่เพียงแต่ไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ อีกทั้งสามารถเติบโตได้ภายใต้การหล่อลี้ยงของของวิเศษชิ้นนี้
หากเศษเสี้ยววิญญาณสุดท้ายนี้บวงสรวงด้วยเคล็ดวิชาลับพิเศษ จะสามารถแปรเปลี่ยนได้เหมือนกับร่างจำแลงวิญญาณปราณที่แปลงกายนอกกายและไม่ว่าร่างจำแลงนี้จะทรงพลังมากแค่ไหน เนื่องจากมีตะเกียงวิญญาณปราณอยู่ในครอบครอง ก็ไม่ต้องกังวลกับผลลัพธ์อันเลวร้ายที่จะตามมา
หากพูดถึงเงื่อนไข ผู้ครอบครองของวิเศษนี้ต้องบ่มเพาะร่างแปลงวิญญาณให้มีพลังมากกว่าร่างดั้งเดิม มิฉะนั้นจะไม่สามารถใช้ได้
หานลี่สูดหายใจเข้าลึก จ้องมองยังตะเกียงโบราณด้วยดวงตาที่มีความร้อนแรง
ด้วยระดับพลังยุทธ์ของเขาในตอนนี้ พลังยุทธ์ของทารกมารที่สองในตอนแรกเหมือนจะต่ำเกินไป ผลลัพธ์ที่ช่วยเขาได้ไม่ปรากฏ
เขามีความคิดที่จะบ่มเพาะร่างแปลง
การปรากฏตัวของของวิเศษชิ้นนี้ พอดีกับที่เขาต้องการใช้ในตอนนี้
เขาตรวจสอบตะเกียงโบราณอย่างละเอียดอีกหลายครั้ง จนรู้ว่าผลที่ของชิ้นนี้จะช่วยบ่มเพาะวิญญาณเป็นเรื่องจริง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีกับดักใดๆ จึงถ่ายเทจิตวิญญาณบริสุทธิ์ลงไปยังตะเกียงอย่างระมัดระวัง
สำหรับวิธีบ่มเพาะร่างแปลงวิญญาณปราณหลังจากที่เสี้ยววิญญาณนี้แข็งแรง เขาคงต้องคิดหาวิธีดีๆ อีกสักหน่อย
หานลี่สะบัดแขนเสื้อ ลำแสงม้วนตัว เก็บตะเกียงวิญญาณปราณอย่างระมัดระวัง
ถัดมาสายตาของหานลี่ก็ตกอยู่ที่ขวดใบเล็กๆ
ภายในขวดใบเล็กนี้บรรจุเลือดแท้ของเสวียนอู่เอาไว้ไม่มาก
เลือดนี้เพียงแค่กลืนลงไป หลังจากที่ขัดเกลาเพิ่มด้วยคาถาตื่นจากจำศีลแปลงกาย จะทำให้คาถาตื่นจากจำศีลแปลงกายเพิ่มอิทธิ์ฤทธิ์ขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
พูดแล้วก็เหมือนเรื่องน่าขันเล็กน้อย เดิมทีเขาคิดว่าเลือดแท้ทั้งสิบสองชนิดคาถาตื่นจากจำศีลแปลงกายนี้ที่จดบันทึกไว้ โดยพื้นฐานแล้วไม่มีใครที่จะสามารถรวบรวมและควบคุมอิทธิ์ฤทธิ์ในการแปลงร่างทั้งสิบสองชนิด
แต่จนถึงตอนนี้ เขาฝึกวิชาจำแลงกายได้สำเร็จหลายขนิดโดยไม่รู้ตัว อาทิ มังกร หงส์สวรรค์ วิหคอัสนี วิหคสีคราม นกยูงห้าสี วานรยักษ์คีรี และอื่นๆ
หากฝึกวิชาร่างแห่งเสวียนอู่สำเร็จ ร่างแปลงไม่กี่ชนิดที่เหลืออยู่ก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันแล้ว
แต่ไม่รู้จริงๆ ว่าหากฝึกตื่นจากจำศีลแปลงกายทั้งสิบสองชนิดสำเร็จแล้ว แปลงร่างร่างวิญญาณที่แท้จริงอีกครั้ง จะทรงพลังคับฟ้าดินมากแค่ไหน
ในท้ายที่สุด ทุกครั้งที่ฝึกคาถาตื่นจากจำศีลแปลงกายสำเร็จเพิ่มขึ้นร่างหนึ่ง พลังอันยิ่งใหญ่ของร่างแปลงร่างอื่นๆ ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย
หานลี่คิดอยู่ในใจเงียบๆ มือคว้าเอาขวดแก้วกลับมาถือไว้ เปิดฝาแล้วแหงนศีรษะดื่มของเหลวด้านในกลืนลงไป…