ไม่กี่วันต่อมา เมื่อหานลี่ลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องลับอีกครั้ง ก็กลั่นเลือดแท้ของเสวียนอู่แล้ว
เมื่อพิจารณาเคล็ดวิชาแปลงร่างนี้อีกรอบเงียบๆ เขียนตราประทับอาคมด้วยมือข้างเดียว ตอนนั้นเอง มีรัศมีลำแสงหลายหมื่นเส้นออกมาจากร่างกาย ครู่หนึ่งแปรเปลี่ยนเป็นเต่าขนาดยักษ์ที่ทั่วร่างกายเป็นสีดำสนิท
เต่าตัวนี้สูงประมาณห้าถึงหกจั้ง ขนาดเกือบจะจุเต็มห้องลับทั้งห้อง บนกระดองเต่าสีดำที่ค่อยๆ แยกออกทีละชิ้น มีอักษรผลึกไหลเวียนอยู่จางๆ ไม่หยุดนิ่ง ม่านแสงก่อตัวขึ้นเป็นชั้นๆ โดยธรรมชาติปกคลุมทั่วกระดอง ทำให้ดูลึกลับเป็นอย่างยิ่ง
ไม่เลว ไม่เลว! บางทีพลังโดยรวมของร่างแปลงเสวียนอู่นี้ คงไม่ห่างจากวานรยักษ์หรือร่างแปลงชนิดอื่นๆ แต่หากพูดถึงพลังในการตั้งรับที่แข็งแกร่ง แน่นอนว่าไม่เป็นสองรองใคร
หลังจากหานลี่ตรวจสอบร่างแปลงเสวียนอู่เล็กน้อย ก็ได้ข้อสรุปในใจ
เกี่ยวกับสิ่งนี้ไม่ได้เหนือความคาดหมายของเขานัก
ท้ายที่สุดแล้ว วิญญาณที่แท้จริงของเสวียนอู่เดิมอยู่ท่ามกลางวิญญาณที่แท้จริงโบราณมากมาย มีชื่อเสียงโด่งดังมากในด้านที่มีผิวหนังที่หนาและหยาบที่สุด
หลังจากรัศมีลำแสงวูบหนึ่ง ร่างเต่ายักษ์ที่อยู่กลางห้องลับได้หายไปแล้ว
ร่างมนุษย์ของหานลี่ปรากฏขึ้นอีกครั้งบนพื้น
เขาสงบลงเล็กน้อยหลังจากที่การสั่นสะเทือนของปราณแท้ภายในร่างกายที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนร่าง พลันสะบัดแขนเสื้อขยับมือข้างหนึ่งในความว่างเปล่า
ไข่มุกเม็ดกลมที่เดิมถูกบีบอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้องลับ สั่นสะเทือนเล็กน้อยก็บินมาที่ด้านหน้าของหานลี่
พลังมิติที่ไข่มุกแผ่ออกมาในช่วงเวลาสั้นๆ บนพื้นผิวมีรัศมีลำแสงห้าสีวูบวาบไม่หยุดนิ่ง ที่แท้คือไข่มุกซานไห่เม็ดนั้น
หานลี่สำรวจสมบัติประหลาดถ้ำนภาชิ้นนี้เล็กน้อย ร่ายคาถาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง พลันหายไปจากห้องลับ
เวลาถัดมา ถ้ำนภาภายในไข่มุกซานไห่ ร่างกายของหานลี่ที่เดิมเลือนรางพลันชัดเจนขึ้นอีกครั้ง ด้านล่างคือเกาะขนาดใหญ่
หานลี่กวาดตามองด้านล่างทั่วทุกทิศ หลังจากที่ไม่เห็นเงาของคนเลย จึงใช้จิตสัมผัสแผ่กระจายทั่วเกาะทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้คิ้วของหานลี่ขมวดเล็กน้อย
บนหมู่เกาะ ไม่พบคนจากเผ่าคงอวี๋แม้แต่คนเดียว
“หรือว่าพวกเขา…”
แววตาของหานลี่สว่างวาบ หัวเราะออกมาเล็กน้อย เวลาถัดมาใช้นิ้วหนึ่งแตะกลางหว่างคิ้ว พลังของจิตสัมผัสพลันเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ
ภายใต้การแผ่ขยายของจิตสัมผัสอันยิ่งใหญ่ ทันใดนั้นมันก็แผ่ไปปกคลุมเกาะเล็กๆ อื่นด้วย
ครั้งนี้ หลังจากที่สีหน้าของหานลี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ในที่สุดก็ค้นพบบางอย่าง รัศมีแสงเปล่งประกายขึ้นแปรเปลี่ยนเป็นเส้นรุ้งสีน้ำเงินพุ่งแหวกอากาศออกไป
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ท้องฟ้าเหนือเกาะเล็กอีกแห่งหนึ่งพลันเกิดการสั่นไหว เป็นหานลี่ที่ปรากฏขึ้นที่ตรงนี้ หลังจากกวาดตามองที่ด้านล่าง บนใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
เพียงแค่เห็นเกาะที่แต่เดิมอ้างว้าง ในตอนนี้มีสิ่งก่อสร้างใหม่ๆ สร้างขึ้นอยู่ทุกที่ แม้ว่าความสูงจะแตกต่างกัน แต่รูปทรงล้วนเป็นสามเหลี่ยมทั้งหมด แล้วยังมีครึ่งคนครึ่งปลาเดินเข้าๆ ออกๆ อยู่ที่นั่น
ที่แท้คือคนของเผ่าคงอวี๋
ในตอนที่หานลี่ปรากฏตัวออกมา คนเผ่าคงอวี๋ที่มีพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่งบางส่วนก็คนพบว่ามีบางอย่างอยู่บนท้องฟ้า หลังจากส่งเสียงอุทานออกมา ก็คุกเข่าทำความเคารพโดยพร้อมเพรียงกัน
เมื่อเป็นเช่นนี้ เผ่าคงอวี๋คนอื่นๆ แน่นอนว่าต้องรับรู้ถึงการมีอยู่ของหานลี่ ภายใต้ความตกใจเล็กน้อย ต่างก็ทำความเคารพเหมือนกัน
เวลาผ่านไป เผ่าคงอวี๋ทุกคนก็มารวมตัวกันที่พื้นดินใต้ที่ๆ หานลี่ลอยตัวอยู่ ต่างยืนกุมมือกันอย่างเคารพ
“นายท่าน ในที่สุดท่านก็เข้ามายังถ้ำนภา” หัวหน้าเผ่าคงอวี๋บินมาอยู่กลางอากาศ ยืนอยู่ใต้หานลี่เล็กน้อยพลางกล่าวออกมาด้วยความยินดี
“ทำไม ไม่ยินดีที่ข้ามาหรือ” หานลี่หัวเราะเล็กน้อย
“นายท่าน ท่านล้อข้าเล่นแล้ว พวกเราจะมีความคิดเช่นนั้นได้เยี่ยงไร” หัวหน้าเผ่าได้ยินดังนั้นก็ตกใจ รีบร้อนอธิบายออกมา
“ฮ่าๆ อย่าใส่ใจไปเลย คำพูดเมื่อครู่ข้าเพียงแค่หยอกเล่นเท่านั้น ทว่า เห็นได้ชัดว่าทางนั้นยังมีเกาะขนาดใหญ่กว่านี้ อีกทั้งยังมีเกาะอื่นๆ อยู่อีก เหตุใดเผ่าของเจ้าถึงมารวมตัวกันอยู่ที่เกาะนี้” หลังจากหัวเราะออกมาเล็กน้อย หานลี่ก็ถามออกมาด้วยความสงสัย
“ไข่มุกซานไห่นี้ถูกนายท่านขัดเกลาแล้ว แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นสมบัติของนายท่าน เพียงอนุญาตให้เผ่าของพวกเราทั้งเผ่าได้เข้ามาในมิตินี้ ก็นับว่าเป็นโชคดีมหาศาลแล้ว จะกล้าทำสิ่งใดซี้ซั้วได้อย่างไร ถ้าหากเกิดความผิดพลาดที่ไม่คาดคิดบางอย่างแล้วส่งผลต่อถ้ำนภา คงต้องชดใช้ด้วยชีวิตเสียแล้ว” หัวหน้าเผ่าคงอวี๋กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเคารพ
“วางใจเถิด ไม่จำเป็นต้องระวังถึงขนาดนี้ หากถ้ำนภานี้ถูกทำลายได้อย่างง่ายดายด้วยเรื่องเช่นนี้ ตัวมันก็ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าแล้ว เช่นนี้แล้วกัน นอกจากเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดให้เก็บเอาไว้เผื่อการใช้งานอื่นๆ แล้ว เกาะที่เหลือ ก็ให้พวกเจ้าใช้ชีวิตตามสบายเถิด” หานลี่พูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ขอบคุณความกรุณาของนายท่านเป็นอย่างมาก เช่นนี้แล้วกัน เผ่าของพวกเรายังพอมีความรู้อยู่บ้างในด้านการเพาะปลูกยาเสริมวิญญาณ หากจัดเป็นทุ่งโอสถหลายๆ ทุ่งภายในถ้ำนภาให้นายท่านสักหน่อยเป็นไง?” ใบหน้าหัวหน้าเผ่ามีความสุข พูดขอบคุณเสียงดัง แล้วจึงถามออกมาด้วยความระวังเล็กน้อย
“ทุ่งโอสถ…ก็ดี ลองทำชั่วคราวดูก่อนว่าเป็นอย่างไรแล้วค่อยว่ากันใหม่ จริงสิ ครั้งก่อนเจ้าบอกว่าหลานสาวของเจ้ามีความเชี่ยวชาญในเคล็ดวิชาหลอมโอสถ? ไม่ทราบว่าคือคนไหน” หานลี่พยักหน้าโดยไม่พูดอันใด แต่พลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงหันไปถามชายชรา
“หลานเย่า รีบมาทำความเคารพนายท่านเสีย” หัวหน้าเผ่าคงอวี๋ได้ยินดังนี้ รีบหันไปด้านล่าง ตะโกนเรียกโดยไม่ลังเล
“หลานเย่าคารวะนายท่าน”
ท่ามกลางคนของเผ่าคงอวี๋ด้านล่าง หญิงสาวหน้าตาหมดจดผู้หนึ่งมึนงงเล็กน้อย แต่ก็รีบขึ้นมาบนอากาศ พูดแสดงความเคารพต่อหานลี่
“เจ้าคือหลานเย่า? ได้ยินปู่ของเจ้าบอกว่า เจ้ามีพรสวรรค์ในการหลอมโอสถจริงหรือไม่” หลังจากหานลี่มองประเมินแม่นางผู้นี้เล็กน้อย จึงถามออกมา
“ท่านปู่กล่าวเช่นนั้นคล้ายจะเป็นการชมเกินไป ชนรุ่นหลังเพียงแค่มีความสนใจในการหลอมโอสถ มิกล้ากล่าวว่าตนเองมีพรสวรรค์อันใดเลย” ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะไม่ค่อยได้พูดคุยกับคนแปลกหน้าสักเท่าไหร่ คำพูดที่ตอบกลับมาจึงมีความประหม่าแฝงอยู่
“อ่า อย่าถ่อมตัวไปเลย เตาหลอมยาและวัสถุดิบบางส่วนที่เจ้าใช้ในการหลอม ข้าล้วนแต่เคยพบเห็น หากมิใช่ว่ามีความรู้อย่างลึกซึ้งในมรรคแห่งการหลอมโอสถ เกรงว่าจะไม่มีทางใช้สิ่งของเหล่านี้ได้เลย เช่นนี้แล้วกัน ข้ามีคำถามเกี่ยวกับการหลอมยาที่จะถามเจ้า เจ้าตอบได้เท่าไหร่ก็ตอบเท่านั้นเถิด” หานลี่กล่าวออกมาด้วยสีหน้าเป็นปกติ
“ชนรุ่นหลังจะพยายามอย่างเต็มที่” หญิงสาวเผ่าคงอวี๋ตอบด้วยความเคารพ
หานลี่พยักหน้า พลางให้คนในเผ่าคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านล่างแยกย้ายกันไปได้ตามสบาย ถึงเริ่มเปิดปากถามคำถามกับหญิงสาว
ด้วยระดับความรู้ความสามารถของหานลี่ที่เกือบจะเข้าขั้นปรมาจารย์ด้านการหลอมโอสถ คำถามที่ถามออกไปแม้ว่าจะมิได้ลึกซึ้งอันใด ทว่าแต่ละคำถามล้วนเป็นคำถามที่แปลกเป็นพิเศษ ไม่มีทางที่นักหลอมโอสถทั่วไปจะตอบได้หมดแน่นอน
แต่หลังจากที่หญิสาวได้ยินคำถามของหานลี่ ไม่แม้แต่จะครุ่นคิดนาน คำถามส่วนใหญ่กลับตอบได้อย่างครบถ้วน
หลังจากผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม หานลี่รู้สึกประหลาดใจกับความรู้ความเข้าใจในโอสถของผู้หญิงนางนี้ ในตอนท้ายจึงเผยสีหน้าพึงพอใจออกมา
“ดี ดีมาก…จากความรู้ความเข้าใจของเจ้า ขอเพียงแค่ฝึกฝนต่อไปเรื่อยๆ หลังจากนี้เมื่อเดินบนเส้นทางแห่งโอสถแล้ว ไม่แน่ว่าจะก้าวหน้าไปกว่าข้ามากทีเดียว เช่นนี้แล้วกัน เจ้ายินดีกราบข้าเป็นอาจารย์หรือไม่? นอกจากการหลอมโอสถทั่วไปที่ข้าสามารถสนับสนุนเจ้าได้อย่างเต็มที่ บนเส้นทางแห่งโอสถข้ายังสามารถให้คำชี้แนะเป็นพิเศษแก่เจ้าได้โดยเฉพาะ ให้เจ้าได้เป็นปรมาจารย์ด้านโอสถในท้ายที่สุดอย่างแท้จริง” หลังจากหานลี่พึมพำเล็กน้อย ก็เอ่ยคำพูดที่ทำให้ชายชราและหลานสาวตกใจออกมา
“อะไรนะ นายท่านยินดีรับเย่าเอ๋อร์เป็นศิษย์! นี่มันเยี่ยมจริงๆ เป็นความโชคดีอันยิ่งใหญ่ของนางแล้ว…เย่าเอ๋อร์ ยังไม่รีบมากราบไหว้อาจารย์ของเจ้าอีก!” หัวหน้าเผ่าคงอวี๋ได้ยินคำพูดนั้น เกือบจะไม่เชื่อหูของตัวเอง พูดออกมาด้วยความดีใจอย่างมาก
“เย่าเอ๋อร์คารวะท่านอาจารย์!” หญิงสาวเผ่าคงอวี๋ไม่ลังเลสิ่งใด รีบคุกเข่าคารวะหานลี่โดยทันที
“ฮ่าๆ ลุกขึ้นเถิด ในเมื่อกราบข้าเป็นอาจารย์ พิธีกราบไหว้เป็นศิษย์อาจารย์แน่นอนว่าต้องมี ที่นี่ข้ามียารักษาบางส่วนและประสบการณ์ในการหลอมเล็กน้อย เจ้านำมันไปดูสักหน่อยเถิด ก่อนอื่นให้เจ้าเพิ่มระดับสู่ระดับหลอมสุญตาแล้วค่อยว่ากันใหม่ รอเจ้าถึงในระดับนี้ ข้าค่อยชี้แนะเจ้าในทางแห่งการหลอมโอสถ” หานลี่ตอบด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ใช้มือข้างหนึ่งคว้าบางสิ่งในความว่าเปล่า ขวดยาเจ็ดแปดขวดและม้วนคัมภีร์หยกสองม้วนพลันปรากฏออกมา ลอยไปทางหญิงสาวพร้อมกัน
“ขอบพระคุณท่านอาจารย์ ศิษย์จะพยายามอย่างเต็มที่” หลานเย่ารับขวดยาและม้วนคัมภีร์หยกมาไว้ในมือ แล้วตอบกลับด้วยความยินดี
“เอาล่ะ เจ้าไปฝึกฝนในถ้ำนภาก่อนเถอะ รอข้ากลับไปถึงเผ่า ค่อยรับเจ้าออกมาให้เจ้าได้พบเจอศิษย์พี่ศิษย์พี่หญิงคนอื่นๆ เช่นนั้น ข้าไปก่อนล่ะ” หานลี่พูดด้วยรอยยิ้มสองประโยค หลังจากพยักหน้าให้กับชายชรา มือร่ายคาถาอาคม ครู่หนึ่งก็จะจากไปถ้ำนภาและจากมิติแห่งนี้แล้ว
“นายท่านโปรดรอสักครู่ ผู้เฒ่ามีบางอย่างอยากจะเสนอให้ท่านที่นี่”
ในเวลานี้ หัวหน้าเผ่าคงอวี๋ก้าวขึ้นมาด้านหน้า แล้วเอ่ยรั้งหานลี่ไว้ด้วยสีหน้ามีความสุข
“มีบางสิ่งจะเสนอให้…สิ่งใดกัน” หานลี่เห็นดังนี้ สีหน้าดูแปลกใจ
“ผู้อาวุโสเชิญดู” หลังจากขายชราลังเลเล็กน้อย ก็หยิบกล่องสีทำสนิทออกมาจากภายใต้แขนเสื้อ ใช้สองมือยื่นให้หานลี่
ดวงตาของหานลี่กะพริบสองสามครั้ง แขนเสื้อของเขาสะบัด และเขาก็เว้นระยะห่างระหว่างกล่องใบนั้นออกไปหลายจั้ง
ใช้นิ้วมือหนึ่งชี้ไปด้านหน้า ฝากล่องพลันเปิดออกด้วยตนเอง
ด้านในมีสิ่งของไม่กี่ชิ้นที่มีขนาดไม่เหมือนกันวางอยู่อย่างน่าประหลาดใจ มีแผ่นหิน ม้วนคัมภีร์หยก ม้วนคัมภีร์กระดาษและอื่นๆ
“ของพวกนี้คือ…” หานลี่ไม่รีบหยิบของพวกนี้ แต่กลับถามชายชรา
“ตอบกลับนายท่าน ของพวกนี้คือของที่สืบทอดกัมาอย่างยาวนานของเผ่าคงอวี๋ของเรา สิ่งเหล่านี้เป็นความเข้าใจที่ลึกซึ้งของพลังกฎมิติที่บรรพบุรุษของเผ่าเราเหลือไว้ เดิมทีมีเพียงผู้นำเผ่าคนก่อนหน้าเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะอ่านมัน แต่พลังยุทธ์ของข้านั้นต่ำเกินกว่าที่จะใช้ของสิ่งนี้ได้ ดังนั้นเลยขออุทิศให้แก่นายท่าน เพื่อให้ท่านได้เรียนรู้จากมันบ้างเล็กน้อย” ชายชรากล่าวอย่างสุภาพ
“โอ้ เจ้ามองออกด้วยหรือว่าข้ามีพลังแห่งมิติ” หานลี่มองชายชรา แล้วจึงมองสิ่งของที่อยู่ในกล่องอีกครั้งหนึ่ง มิอาจห้ามรอยยิ้มบางเบาได้
“ในฐานะที่ข้าน้อยเป็นหัวหน้าเผ่าคงอวี๋ การตอบสนองต่อพลังมิติต้องดีกว่าคนอื่นในเผ่าอยู่แล้ว แม้พลังมิติในตัวของนายท่านจะไม่ถือว่าแข็งแกร่ง แต่ก็ยังคงรับรู้ได้” หัวหน้าเผ่าคงอวี๋ค้อมศีรษะลง พูดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
“ในเมื่อเจ้าตั้งใจเช่นนี้ แน่นอนว่าสิ่งของพวกนี้มีประโยชน์ต่อข้า เช่นนั้นข้าขอรับมันเอาไว้ เอาล่ะ ต้องจากไปจริงๆ แล้ว” หานลี่พยักหน้าอย่างมีความหมาย หลังจากเก็บกล่องแล้ว จึงก้าวออกมา
ร่างทั้งร่างสั่นคลอน พริบตาเดียวก็หายไปในความว่างเปล่าอย่างไร้ร่องรอย
“ลงไปด้านล่างกันเถิด เย่าเอ๋อร์ ครั้งนี้ถือว่าเจ้าโชคดีไม่น้อยเลย ดูเหมือนว่าความหวังของเผ่าเรา ส่วนใหญ่คงต้องฝากเจ้าแล้ว หลังจากนี้ทรัพยากรทั้งหมดของเผ่าจะให้เจ้าไว้ใช้งาน เพื่อให้เจ้าได้เข้าสู่ระดับที่สูงกว่านี้ให้เร็วที่สุด” หัวหน้าเผ่าคงอวี๋เมื่อเห็นว่าหานลี่ได้จากไปจากถ้ำนภาแล้ว จึงหันมามองหลานเย่าเล็กน้อย พูดออกมาพลางถอนหายใจ
หลังจากผ่านไปหลายเดือน ตลอดการเดินทางไม่มีเรื่องราวใดๆ เกิดขึ้น เรือศักดิ์สิทธิ์วิญญาณน้ำหมึกที่บรรจุหานลี่และคนอื่นๆ ในที่สุดก็กลับมาถึงยังเผ่ามนุษย์
เมื่อมาถึงยังเผ่า พวกเขาก็ได้รับข้อมูลที่น่าตกใจมากอย่างหนึ่งในทันที…