“พบกันโดยมิได้นัดหมายเข้าใจในสิ่งนี้ดี! อีกสักครู่ตอนที่พวกเราลงมือทำลายเขตต้องห้ามสามารถเคลื่อนไหวอย่างยิ่งใหญ่ได้ แม้ว่าชิงหยวนจื่อจะส่งผู้สืบทอดบางส่วนลงมาจัดการ แต่ก็ไม่มีทางที่จะเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ได้อย่างสงบ นักพรตซานเฉวียน ต่อจากนี้คงต้องพึ่งท่านแล้ว” หวงหยวนจื่อเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็น
“วางใจได้ เรื่องการทำลายเขตต้องห้ามให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง” ซานเฉวียนรู้สึกภูมิใจได้ยินคำกล่าวนี้
หลังจากพูดจบ นักพรตหนุ่มก็ร่ายคาถาด้วยมือข้างเดียว เมฆสีขาวก่อตัวอยู่ใต้เท้าของเขา หลังจากเพียงพอที่จะให้เขาสามารถยืนบนเมฆได้ ก็ลอยออกไปทางหุบเขา
หวงหยวนจื่อและชายร่างใหญ่ไม่รอช้า กลายเป็นลำแสงพุ่งตามไปติดๆ
พวกเขาทั้งสามยังเหาะไปด้านหน้าไม่เกินร้อยกว่าลี้ พลันมีเสียงดังราวกับฟ้าร้องดังขึ้นรอบด้าน อากาศโดยรอบใกล้เคียงพร่ามัว หลังจากทิวทัศน์ทั้งหมดเปลี่ยนไป พวกเขาทั้งสามก็อยู่ในเขตป่าขนาดยักษ์ที่สูงตระหง่าน
ต้นไม้ภายในป่านี้มีความสูงราวๆ หนึ่งร้อยจั้ง แต่ละต้นเป็นสีดำทั้งหมดราวกับหลอมขึ้นมาจากเหล็กสีดำ
ทันทีที่ทั้งสามคนปรากฏตัวขึ้นที่กลางป่า ต้นไม้โดยรอบพลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับแผ่นดินไหว และโน้มตัวลงมาทางทั้งสามคนทีละต้น แต่ก่อนที่จะถึงตัวของทั้งสาม พลันมีลมกรรโชกพัดมาก่อน
“คิดจะกักขังข้าไว้ในเขตอาคมเด็กเล่นอย่างนี้อย่างนั้นหรือ ช่างน่าขำจริงๆ” นักพรตซานเฉวียนหัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นสถานการณ์นี้
ไม่รู้ว่าของวิเศษชิ้นใดถูกใช้ไป เพียงตะโกนเสียงดังและสะบัดชายเสื้อทั้งสองไปด้านหน้า ปราณสีเหลืองหลั่งไหลออกมาและม้วนตัวออกไปทุกทิศทุกทาง
ม่านที่น่าอัศจรรย์ปรากฏขึ้นมา
หลังจากที่ต้นไม้ยักษ์สีดำถูกลมสีเหลืองพัดออกไป ก็ปลิวออกไปราวกับฟางหญ้า เสียงอู้อี้ดังขึ้นครู่หนึ่ง ต้นไม้ทั้งหลายก็สลายหายไปราวกับเม็ดทราย
ในเวลานี้อากาศโดยรอบบิดเบี้ยวชั่วขณะ จึงกลับมาเป็นทิวทัศน์ดังเดิมก่อนหน้านี้
ร่างนักพรตซานเฉวียนสั่นเล็กน้อย แล้วพุ่งไปด้านหน้าต่อไป
หวงหยวนจื่อและชายร่างยักษ์ที่อยู่ด้านหลังอดดีใจไม่ได้เมื่อเห็นสิ่งนี้
ครั้งนี้ ทั้งสามเหาะออกไปสิบลี้ เนินเขาด้านล่างพลันสว่างไสว ค่ายกลยันต์ขนาดใหญ่หลายหมู่สามค่ายพุ่งออกมาจากยอดของเนินเขาพร้อมๆ กัน มีเสียงแหวกอากาศดังขึ้น ลูกบอลเพลิงจำนวนมากพุ่งออกมาอย่างหนาแน่นมาทางทั้งสามคนอย่างท่วมท้น
มุมปากของนักพรตซานเฉวียนกระตุกเมื่อเห็นสิ่งนี้ นิ้วหนึ่งภายใต้แขนเสื้อขยับเล็กน้อย ทันใดนั้นเส้นแสงสีเขียวสามสายก็พุ่งออกมา หลังเสียง “ปัง” แปรเปลี่ยนเป็นเสาแสงหนาขนาดใหญ่สามสายพุ่งลงมา
เสียงดังราวกับสะเทือนฟ้าดินดังขึ้นสามครั้ง!
เสาแสงสามต้นบิดเบี้ยวและส่องแสงระยิบระยับระหว่างลูกไฟราวกับงู กระทบกับค่ายกลยันต์ทั้งสาม และบดขยี้พวกมันกับเนินเขาเบื้องล่างจนกลายเป็นที่ราบในทันที
ซานเฉวียนไม่รั้งรออีกต่อไป พุ่งตัวออกไปจากเนินเขาโดยทันที
หวงหยวนจื่อและชายร่างยักษ์มองหน้ากันเล็กน้อย หัวเราะออกมาแล้วตามซานเฉวียนออกไปติดๆ
เห็นได้ชัดว่าเขตต้องห้ามที่ชิงหยวนจื่อติดตั้งไว้ แม้ว่าจะมีมาก ทว่าบริเวณรอบนอกกลับเป็นเขตต้องห้ามธรรมดาทั่วไป คงไว้ใช้เพื่อรับมือกับผู้ที่มีวรยุทธ์ต่ำ
มีเพียงเขตอาคมใกล้กลับยอดเขาเท่านั้นที่แข็งแกร่งพอ เพื่อเอาไว้ใช้รับมือกับระดับมหาเมธีโดยเฉพาะ
…
ณ กลางหุบเขา เหยียนลี่กำลังนั่งขัดสมาธิเฝ้าระวังภัยที่ปากทางเข้า หูพลันได้ยินเสียงเคร่งเครียดของชิงหยวนจื่อที่ส่งผ่านระยะทางยาวไกลมาด้วยพลังยุทธ์อันสูงส่ง
“เหยียนเอ๋อร์ ระวังตัวด้วย ด้านนอกมีศัตรูตัวฉกาจกำลังตรงมาที่นี่ เจ้ารีบนำของวิเศษที่ข้ามอบให้เจ้าก่อนหน้านี้ไปจัดตั้งสิบแปดเขตอาคมนภาปีศาจ”
“เจ้าค่ะท่านอาจารย์ เหยียนเอ๋อร์จะรับไปจัดการ” เหยียนเอ๋อร์รีบลุกขึ้นโค้งคำนับไปทางที่ชิงหยวนจื่อ
อยู่
เขตต้องห้ามส่วนมากในหุบเขา ณ ตอนนี้ ล้วนถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
ชั้นของรัศมีแสงหลากหลายสีสันประกอบกับลมกรรโชกสีดำที่โหมกระหน่ำในอากาศ ทำให้มองไม่เห็นสิ่งใดในใจกลางหุบเขา
นอกจากเสียงฟ้าร้องที่ดังขึ้นเป็นครั้งคราว นางก็ไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่ลานกว้างขนาดใหญ่อีกต่อไป
“เจ้าไม่ต้องกังวลไป หากมีคนควบคุม พลังของสิบแปดเขตอาคมนภาปีศาจจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองส่วน เพียงพอที่จะสกัดกั้นศัตรูจากด้านนอกได้อีกหลายวัน รอข้าข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ ข้าจะไปจัดการกับศัตรูเหล่านั้นด้วยตนเอง” ชิงหยวนจื่อเอ่ยปลอบเมื่อรับรู้ได้ถึงความไม่สบายใจของศิษย์สายตรงผู้นี้
เหยียนลี่ได้ยินดังนี้ก็รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ในเมื่อท่านอาจารย์สามารถส่งเสียงมาด้วยตนเอง คิดว่าคงยังมีพลังเหลืออยู่จากการรับมือทัณฑ์สวรรค์
นางพุ่งตัวเป็นลำแสงสีเหลืองออกไปจากปากทางเข้าหุบเขาโดยไม่ลังเล
หลังจากนั้นไม่นานเหยียนลี่ยืนอยู่บนยอดเขาลูกหนึ่ง พร้อมกับศาสตรายุทธ์ขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างเหมือนจานลอยอยู่ใต้ร่างของเธอ บนพื้นผิวของศาสตรายุทธ์นั้นมีธงเล็กๆ หลายหลายสีสันปักอยู่อย่างหนาแน่น
นางมองกระจกสัมฤทธิ์ในมือด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ภาพที่ปรากฏขึ้นในหระจกคือ นักพรตซานเฉวียนกำลังกระตุ้นมีดบินสีขาวให้บินฉวัดเฉวียนราวกับมังกรทำลายค่ายกลที่ติดตั้งไว้รอบนอก
ซานเฉวียนสั่นไหวอีกครั้ง ภาพของเขาพลันหายไปจากกระจกสัมฤทธิ์
เหยียนลี่ขมวดคิ้วถอนหายใจยาวและเมื่อเห็นดังนี้
แม้ว่านางจะรู้ว่าบุคคลที่เป็นศัตรูกับชิงหยวนจื่อจะต้องอยู่ในระดับมหายานเช่นเดียวกัน ทว่านึกไม่ถึงเลยว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับเขตอาคมในระดับสูงอยู่ด้วย
ดูเหมือนว่าแม้จะมีเขตอาคมรอบนอกมากมายขนาดนี้ ทว่าก็ไม่สามารถขวางกั้นศัตรูได้นานอย่างแน่นอน หากต้องการยื้อเวลาให้กับท่านอาจารย์ของนาง คงมีเพียงแค่ต้องใช้สิบแปดเขตอาคมนภาปีศาจที่นางจัดตั้งขึ้นเท่านั้น
เหยียนลี่คิดเช่นนี้ในใจ ไม่อาจรอช้าได้อีกต่อไป มือหนึ่งวาดออกไปด้านหน้า ทันใดนั้นธงหลายผืนพลันสะบัด กลายเป็นกลุ่มควันสีเขียวสลายหายไป
หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งกาน้ำชา ลมแรงพัดมาใกล้หุบเขา ทรายและหินปลิวว่อน พื้นดินแตกออกเป็นช่องว่าง หมอกสีเลือดทะลักออกมา กลิ้งไปรอบๆ ล้อมรอบหุบเขาทั้งลูกไว้ภายใต้หมอกนี้
หลังเสียงโหยหวนไม่กี่ครั้ง เสียงคำรามของผีและหมาป่าปรากฏขึ้นภายในหมอกเลือด เงาสีดำขนาดใหญ่นับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นภายในเป็นครั้งคราว ไอสังหารหลายสายลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ทำให้เมฆสีดำบนท้องฟ้ากระจายออกไปมากกว่าครึ่ง
ในเวลาสั้นๆ เหยียนลี่ได้เปิดใช้งานเขตอาคมลึกลับทั้งสิบแปดที่อยู่รอบหุบเขา
หากใช้เขตอาคมเพียงแค่หนึ่งแห่ง คงไม่สามารถต้านทานระดับมหาเมธีได้
แต่สิบแปดเขตอาคมนภาปีศาจนี้เป็นเขตอาคมที่มีความแยบยลเป็นอย่างมาก ในตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับมัน ดูเหมือนว่าจะเผชิญกับเขตอาคมเพียงแค่แห่งเดียว ทว่าแท้จริงแล้วจำเป็นต้องต่อสู้กับเขตอาคมทั้งสิบแปดแห่งในเวลาเดียวกัน
เมื่อเป็นเช่นนี้ หากไม่สามารถทำลายเขตอาคมทั้งสิบแปดแห่งได้ในเวลาเดียวกัน เช่นนั้นคงต้องทนทำลายไปทีละแห่ง
นี่เป็นเหตุผลที่ชิงหยวนจื่อยังคงสงบสติอารมณ์ได้เมื่อเขารู้ว่ามีศัตรูตัวฉกาจบุกเข้ามาในสถานที่แห่งนี้
ผ่านไปเนิ่นนาน นักพรตซานเฉวียนได้พาทั้งสองคนมาถึงบริเวณที่ใกล้กับหุบเขา เมื่อเห็นสิบแปดเขตอาคมนภาปีศาจ ใบหน้าพลันเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย
เมื่อหวงหยวนจื่อได้รับรู้ถึงกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมของเขตอาคมนี้จากปากของซานเฉวียน ใบหน้าซีดลงเล็กน้อย
“หมายความว่าพวกเราจำเป็นต้องทำลายเขตอาคมนี้ไปทีละแห่งจึงจะสามารถเข้าไปยังหุบเขาได้?” หวงหยวนจื่อกัดฟันถามขึ้น
“เกรงว่าต้องเป็นเช่นนั้น ทว่าเขตอาคมที่มีความเกี่ยวเนื่องกันเช่นนี้ ที่ทำลายยากที่สุดคือแห่งแรก ตราบใดที่สามารถทำลายลงได้หนึ่งแห่ง การทำลายเขตอาคมอื่นๆ ต่อไปคงง่ายขึ้นมาก เป็นเพราะการลดลงของพลังที่เกี่ยวเนื่องกันนี้ อย่างไรก็ตาม พลังของเขตอาคมแห่งแรกนี้จะมีพลังเทียบเท่ากับสิบแปดเขตอาคมรวมกัน จำเป็นต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการทำลายมันลง” ซานเฉวียนตอบกลับหลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย
“หึ ชิงหยวนจื่อช่างมากเล่ห์เสียจริง ทว่าหากคิดว่าเช่นนี้จะหยุดยั้งข้าได้ เช่นนั้นคงคิดผิดเสียแล้ว นักพรตซานเฉวียน การทำลายเขตอาคมเหล่านี้ต้องใช้เวลานานเท่าใด” หวงหยวนจื่อถาม
“หากท่านนักพรตใช้พลังของประตูสมประสงค์จิ่วฮวนเข้ามาช่วย คาดว่าสี่วันก็คงพอ” ซานเฉวียนเอ่ยตอบหลังใคร่ครวญครู่หนึ่ง
“สี่วันช้าไป ไม่แน่ว่าทัณฑ์สวรรค์ของชิงหยวนจื่อคงสิ้นสุดลงก่อน เช่นนี้แล้วกัน ในช่วงเวลาวิกฤตข้าจะใช้ศพแม่ลูกหยินเหลยช่วยเจ้า ภายในสามวันนี้เขตอาคมภายนอกหุบเขาทั้งหมดต้องถูกกำจัดทิ้ง” หวงหยวนจื่อกล่าวอย่างดุดัน
“ศพแม่ลูกหยินเหลย! นึกไม่ถึงเลยว่าท่านจะเตรียมของชิ้นนี้ติดตัวมาด้วย หากมีสิ่งนี้ การทำลายสิบแปดเขตอาคมนภาปีศาจภายในสามวันจะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป” ซานเฉวียนเมื่อได้ยินหวงหยวนจื่อพูดชื่อของวิเศษชิ้นนี้ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยแต่ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อย่างรวดเร็ว
“เยี่ยมมาก เทพปู้เมี่ย เจ้าไม่จำเป็นต้องลงมือ นั่งโคจรลมพลังอยู่ด้านข้างก็เพียงพอแล้ว ในตอนที่ประมือกับชิงหยวนจื่อ จำเป็นต้องใช้พลังอันยิ่งใหญ่ของเจ้าแล้ว” หวงหยวนจื่อพยักหน้าแล้วหันไปกล่าวกับชายร่างยักษ์
“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้พี่หวงบอกกล่าว ข้าก็พึงทราบได้ เคล็ดวิชาหลายอย่างของชิงหยวนจื่อ มีเพียงแค่วรยุทธ์ของข้าจึงจะสามารถต้านทานได้” เทพปู้เมี่ยยกยิ้มกว้างเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
หวงหยวนจื่อแค่นเสียง พลิกฝ่ามือโดยไม่เอ่ยสิ่งใดอีกต่อไป ซุ้มประตูขนาดเล็กที่ใสราวกับผลึกปรากฏออกมาจากรัศมีแสง เขาสะบัดข้อมือขว้างมันออกไป
ลมและฟ้าร้องดังสนั่นบนท้องฟ้า หลังจากแสงสีขาวสว่างพร่างพราย ซุ้มประตูที่มีความสูงกว่าสิบจั้งก็ตกลงมาจากท้องฟ้า
ร่างกายของหวงหยวนจื่อสั่นไหวเล็กน้อย ก็ไปปรากฏตัวที่ยอดของซุ้มประตูอย่างเลือนราง
ซุ้มประตูส่งเสียงดังสนั่นบินออกไปด้านหน้าพร้อมกับแสงของสายฟ้าอีกหลายกลุ่ม
นักพรตซานเฉวียนหัวเราะเล็กน้อย หลังจากร่ายคาถาด้วยมือข้างเดียวก็เหาะตามซุ้มประตูไปอย่างติดๆ
ชายร่างใหญ่ใช้มือขนาดใหญ่ของเขาลูบที่ศีรษะเขา ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ เหาะตามออกไปช้าๆ
…
ท้องฟ้าเหนือหนองน้ำแห่งหนึ่งในเหวพสุธา พลันมีการสั่นไหวอย่างน่าประหลาดของอากาศ เสียงหวีดแหลมสูงดังขึ้น แสงกระบี่สีเขียวเข้มส่องประกายยาวกว่าร้อยจั้ง
ท้องฟ้าทั้งหมดเหนือหนองน้ำถูกคลื่นกระบี่สีเขียวผ่าออกเป็นสองท่อน
ตามมาด้วยเสียงดังกึกก้องเสียงหนึ่ง เรือยักษ์สีดำที่ยาวกว่าพันจั้งเคลื่อนตัวออกมาจากรอยแยกจากคลื่นดาบสีเขียว บินเข้าสู่มิติแห่งนี้
บนดาดฟ้าด้านหน้าของเรือขนาดใหญ่ ชายหนุ่มในชุดคลุมสีเขียวผู้หนึ่งยืนมือไพล่หลังอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“ผู้อาวุโสหาน ที่นี่คือสถานที่ที่สหายของท่านเร้นกายอยู่?” หลังหญิงสาวในชุดคลุมสีดำที่อยู่ด้านหลังของชายชุดเขียวกวาดตามองทิวทัศน์โดยรอบ จึงอดถามออกมาไม่ได้
“ถูกต้อง นักพรตเซวี่ยพั่วรู้สึกว่าแปลกหรือ?” ชายหนุ่มตอบด้วยรอยยิ้ม
ชายหนุ่มผู้นี้และหญิงสาวในชุดดำ ที่แท้คือหานลี่และเซวี่ยพั่วที่เพิ่งเดินทางออกจากเผ่าวิญญาณเหาะเหิน…