“ลงมือ” เมื่อชายชราร่างผอมเห็นเช่นนั้น เขาจึงสั่งการออกมาอย่างไม่ลังเล จากนั้นก็ทุบค้อนยักษ์สีเงินในมืออย่างแรง
“ตู้ม” หลังจากกระแทกค้อนลงไป สายฟ้าสีเขียวก็ปรากฏขึ้นมา ประจุสายฟ้าสายหนึ่งก็โผล่ออกมาจากท้องฟ้า ก็พุ่งโจมตีไปที่ต้นไม้ยักษ์สีเขียวดำต้นนั้น
ผู้อาวุโสของกลุ่มการค้าพันธมิตรคนนั้นรู้ดีว่าพวกเขาคือมหาเมธี หากโจมตีใส่พวกเขาโดยตรง ในช่วงเวลาสั้นๆ คงจะจัดการอะไรไม่ได้ เป้าหมายของเขาจึงเปลี่ยนไปที่ต้นไม้ยักษ์ต้นนั้นแทน
แม้จะไม่รู้ว่าต้นไม้ยักษ์ต้นนั้นเอาไว้ใช้ทำอะไร แต่ทำลายมันก่อนก็ไม่เลว
เมื่อผู้อาวุโสอีกสามคนเห็นเช่นนั้น ก็ลงมืออย่างไม่ลังเล
ของวิเศษเจ็ดถึงแปดชิ้นส่งสียงคำรามพร้อมกัน หลังจากนั้นมันก็ลอยขึ้นไปรวมกันอยู่กลางอากาศ กลายเป็นภูเขาม่านแสงยักษ์ลูกหนึ่ง จากนั้นก็หล่นลงมาที่พื้นอย่างแรง
ภูเขายักษ์ลูกนั้นเต็มไปด้วยปราณมงคล และก่อนที่มันจะตกลงมา เส้นไหมไร้รูปร่างก็พุ่งออกมามากมาย ราวกับจะมัดตัวสองคนนั้นให้อยู่ติดกับภูเขาด้วย
ชายชุดดำที่อยู่ในม่านแสงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง หลังจากที่ร่างกายของเขาเลือนราง เขาก็หายตัวไปอยู่ในต้นไม้ยักษ์นั้นแล้ว
ส่วนผู้อาวุโสเครายาวก็ร่ายคาถาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก จากนั้นก็กลายเป็นรุ้งแล้วหายไปในต้นไม้เช่นกัน
“ตู้ม”
หลังจากประจุสายฟ้าสีเงินเส้นหนึ่งสว่างขึ้น มันก็ผ่าลงที่ต้นไม้ยักษ์อย่างจัง
ต้นไม้ยักษ์ มีประจุสายฟ้าส่องประกายแปร๊บๆ ออกจากต้นนั้น พร้อมกลิ่นไหม้เกรียม ทันใดนั้นต้นไม้ต้นนั้นก็แห้งกลายเป็นเถ้าธุลีไป
เดิมทีชายสองคนน่าอยู่ในต้นไม้ต้นนั้น แต่กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“หนีไปแล้ว”
ชายชราร่างผอมตกใจอย่างมาก เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลย
ผู้อาวุโสกลุ่มการค้าพันธมิตรอีกสามคนก็มองหน้ากันไปมา สีหน้าแสดงความประหลาดใจอย่างมาก
ที่แห่งนี้ถูกพวกเขาวางค่ายกลเอาไว้ก่อนแล้ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะกล้ายืมใช้เขตอาคมส่งตัวอย่างไม่สนใจใคร ไม่อยากจะเชื่อเลย
“ไม่ต้องตระหนกไป ที่นี่คือถ้ำสวรรค์ กำแพงแข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า ต่อให้หนีจะหนีไปที่ไหนได้ ไม่สิ… คาดไม่ถึงว่าชายสองคนนั้นจะมียันต์เข้าออกของผู้อาวุโสของกลุ่มการค้าพันธมิตรของเราเขตต้องห้ามถูกฉีกออกแล้ว เขาหนีออกจากถ้ำสวรรค์ไปได้แล้วจริงๆ ผู้อาวุโสทั้งสี่ท่าน ไปตามเขากับข้าเร็ว” เสียงของ
หมิงจุน หัวหน้าใหญ่กลุ่มการค้าพันธมิตรเฮ่อเหลียนดังขึ้นมาจากกลางอากาศ ตอนแรกเขายังดูสงบนิ่ง แต่ดูเหมือนว่าตอนนั้นเขาสามารถสัมผัสอะไรได้บางอย่าง จึงพูดขึ้นมาอย่างโกรธเคือง
จากนั้นเขาก็กลายร่างเป็นลูกบอลแสงสีทองพุ่งตัวออกจากท้องฟ้าแห่งนั้นไป หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ผู้อาวุโสทั้งสี่สีหน้าเปลี่ยนสีทันที จึงกลายร่างเป็นสายรุ้งแล้วออกจากบริเวณนั้นทันที
ชนต่างเผ่าที่เข้าร่วมงานประมูลต่างมองหน้ากันไปมาอย่างสับสน
หูอวี้ซวงเดินขึ้นไปบนเวทีหินอีกครั้ง ใบหน้าของนางซีดขาวมาก นางพูดด้วยรอยยิ้มและปลอบใจผู้เข้าร่วมการประมูลทุกคน มหาเมธีท่านอื่นๆ ที่อยู่ในห้องรับรองลอยฟ้า เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ แต่ละครั้งก็มีท่าทางที่ต่างกันออกไป
แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ต่างเงียบกริบ และไม่มีความคิดที่จะจากไป
หากเดินออกไปในเวลานี้ กลุ่มการค้าเฮ่อเหลียนจะคิดว่าเขาสมคบคิดกับพวกสองคนนั้น หรืออาจจะถูกเข้าใจผิดว่าจะฉวยโอกาสลอบขโมยสินค้าชิ้นอื่น
ต่อให้มีคนต้องการโลหิตจิตวิญญาณมังกรหยดนั้นจริงๆ ก็ต้องยอมกัดฟันล้มเลิกแผนการเพราะการดูแลของกลุ่มการค้าพันธมิตรที่เข้มงวด แต่เห็นท่าทางมั่นใจของชายชุดดำกับชายเครายาวนั้น น่าจะไม่มีประโยชน์แล้ว หากตามไปในตอนนี้
แต่ผู้อาวุโสเหล่านี้ล้วนเจ้าเล่ห์ พวกนั้นคงไม่ทำเรื่องอะไรที่จะทำให้ขาดทุนหรอก ความคิดของพวกเขาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างต่อเนื่อง
เป็นไปตามที่คาดการณ์ มหาเมธีอาวุโสของการกลุ่มค้าพันธมิตรกลับมาอย่างรวดเร็ว
บนเวทีหินมีเสียงหึ่งๆ ดังขึ้น หลังจากมีม่านแสงสีขาวปรากฏขึ้น หมิงจุนและผู้อาวุโสทั้งสี่ก็ปรากฏกายขึ้น
ดูจากปราณที่ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงของพวกเขา แปลว่าชายชุดดำกับชายชราเครายาวหนีไปได้แล้วจริงๆ
เมื่อหญิงสาวคนงามผู้นั้นเห็นผู้อาวุโสทั้งห้ากลับมา นางก็รีบเข้าไปคารวะอย่างรวดเร็ว
หมิงจุนโบกมือไล่ แล้วสั่งการออกมาว่า
“กระจายรูปของชายสองคนนั้นให้กับการพันธมิตรของพวกเราทุกสาขา ข้าจะต้องรู้ข้อมูลและที่อยู่ของพวกเขาให้ได้เร็วที่สุด”
“เจ้าค่ะ ข้าน้อยจะจัดการเดี๋ยวนี้” หูอวี้ซวงชะงักไป จากนั้นก็ตอบรับคำสั่งอย่างรวดเร็ว นางยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาร่ายคาถา หลังจากนั้นร่างทั้งร่างของนางก็หายไปทันที
ในตอนนั้นเองหานลี่ที่อยู่ในห้องรับรองกลางอากาศ ก็กำลังครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่าง
ทันใดนั้นเขาก็ยกมือข้างหนึ่ง แบขึ้นมากลางอากาศ ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นที่กลางฝ่ามือ กระบี่ไม้สีเขียวหมึกก็ปรากฏขึ้น เขาคว้ามันกระชับมือ
หานลี่ยกกระบี่ขึ้นมาตรงหน้าตามแนวนอน เขาใช้สองนิ้วลูบตัวกระบี่ไป แววตาของเขาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
เซวี่ยพั่วและจูกั่วเอ๋อร์ที่อยู่ได้ด้านข้างเห็นเช่นนั้น ก็มองหน้ากันไปมา ไม่กล้าขัดจังหวะในตอนที่
หานลี่กำลังคิด
“สหายทุกท่าน แม้ว่าของประมูลชิ้นสุดท้ายเกิดปัญหาเล็กน้อย แต่ว่าการประมูลพิเศษข้ามแผ่นดินใหญ่จะไม่มีการยกเลิก เพียงแต่สถานที่ปลายทางจะมีเพียงกลุ่มการค้าของเราเป็นคนกำหนด” หมิงจุนกลับหลังหันมา จากนั้นก็กล่าวด้วยความสงบ
คำพูดนี้ทำให้เกิดความวุ่นวายอย่างมาก แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่แปลกใจที่ได้ยินแบบนั้น
หากเป็นงานประมูลทั่วไปแล้วล่ะก็ เมื่อประมูลของประมูลชิ้นสุดท้ายได้แล้ว งานประมูลก็สิ้นสุดลง
แต่งานประมูลของกลุ่มการค้าพันธมิตรเฮ่อเหลียนไม่เหมือนกัน การประมูลสิทธิข้ามแผ่นดินใหญ่จะอยู่หลังสุด นี่เป็นลักษณะพิเศษของกลุ่มการค้าพันธมิตรมาตั้งนานแล้ว จึงไม่สามารถยกเลิกได้ง่ายๆ
แต่อย่างไรก็ตามกลุ่มการค้าพันธมิตรไม่เคยใช้วิธีนี้มาก่อนเลย
แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะไม่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับสิทธิ์พวกนี้ จึงอดตีตัวเอง เพื่อปลุกใจไม่ได้
เมื่อหานลี่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตัวจากภวังค์ และเลิกคิดเรื่องอื่นๆ ไว้ชั่วคราว
สำหรับเขาแล้ว มันเป็นแค่ภาพลวงตาเล็กน้อย โลหิตวิญญาณมังกรไม่รู้ว่าเป็นของจริงหรือไม่ การส่งตัวข้ามแผ่นดินใหญ่สามารถไปเจอหนานกงวั่นโดยเร็วหรือไม่ นี่ต่างหากที่เป็นสิ่งที่เขาต้องทำ
การประมูลครั้งต่อไปราบรื่นอย่างน่าประหลาดใจ
ไม่รู้ว่าเพราะสิทธิ์ส่งตัวทั้งหมดถูกเปลี่ยนไปที่แผ่นดินใหญ่นภาสีเลือดหรือไม่ หรือว่าเพราะครั้งนี้ไม่มีใครอยากจะไปแผ่นดินใหญ่แห่งอื่น
หานลี่สามารถประมูลสิทธิ์การส่งตัวไปด้วยราคาที่สูงกว่าราคาเริ่มต้นเล็กน้อย เขาจึงรู้สึกดีใจอย่างมาก
“งานประมูลวันนี้จบเพียงเท่านี้ ทุกท่านสามารถเดินทางออกจากถ้ำสวรรค์ได้ หากงานประมูลวันนี้ทำให้พวกท่านไม่พอใจตรงไหน ก็ขอให้พวกท่านอภัยด้วย” หลังจากประมูลรายชื่อการส่งตัวครั้งสุดท้ายเสร็จ หมิงจุนก็ประสานหมัดพร้อมพูดด้วยความเคารพ
แม้ว่าในใจของผู้เข้าร่วมงานต่างเผ่าจะมีหลากหลายความคิดไป แต่เมื่อตอนที่พวกเขาทยอยลุกออกจากที่นั่งก็พูดว่า “ไม่กล้าๆ”
ภายในการดูแลของกลุ่มการค้าพันธมิตร ชนต่างเผ่าธรรมดาเหล่านั้นค่อยๆ ทยอยออกจากงานประมูล
หลังจากนั้นไม่นาน ภายในงานประมูลก็เหลือเพียงมหาเมธีที่ยู่ในห้องรับรองลอยฟ้าสิบกว่าคนเท่านั้น
“เรื่องเมื่อครู่ทำให้พวกท่านต้องหัวเราะแล้ว ตั้งแต่กลุ่มการค้าพันธมิตรเฮ่อเหลียนก่อตั้งมา พวกเรายังไม่เคยโดนปล้นของประมูลเลยสักครั้ง ดังนั้นหากพวกท่านสัญญากับข้าแซ่หมิงในตอนนี้ ไม่ว่าใครก็ตามที่สามารถช่วยกลุ่มการค้าพันธมิตรของเราจับกุมหัวขโมยสองคนนั้นได้ ข้าจะตบรางวัลกับเขาอย่างงามแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นเขาจะสามารถขออะไรก็ได้ที่อยู่ในความสามารถของเราได้สามข้อ และสามารถนำโลหิตจิตวิญญาณเป็นของตอบแทนได้เลย” หมิงจุนเงยหน้ามองห้องรับรองลอยฟ้าและพูดกับพวกเขาอย่างใจเย็น
“สหายพูดจริงหรือไม่”
“กลุ่มพันธมิตรของท่านจะไม่มาเสียใจภายหลังนะ”
มหาเมธีคนอื่นๆ ต่างสูดลมหายใจเข้าลึกๆ บางคนก็ถามออกมาด้วยความตกใจ
เงื่อนไขที่กลุ่มพันธมิตรเสนอมานั้นน่าดึงดูดมาก ทำให้เหล่ามหาเมธีรู้สึกสนใจกันขึ้นมา
“หึๆ แม้ว่ากลุ่มพันธมิตรของพวกเราจะไม่กล้าพูดว่ามีอำนาจมากที่สุดในแดนวิญญาณ แต่ก็นับว่ายังพอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง เราไม่มีทางกลับคำแน่นอน หลังจากที่พวกท่านกลับไปแล้ว สามารถระดมกองกำลังตามหาชายทั้งสองคนนั้นได้ คำสัญญาของข้าจะมีผลตลอดจนกว่าเรื่องจะเสร็จสิ้น” หมิงจุนกล่าวตอบพร้อมหัวเราะเบาๆ
“เมื่อสหายพูดเช่นนั้น ข้าเองก็วางใจ” ผู้อาวุโสเผ่าแมลงเม่ายิ้มน้อยๆ เหมือนว่าเขาจะมั่นใจอย่างมากที่จะสามารถหาชายทั้งสองคนนั้นเจอ
“พี่หมิง ข้าขอถามอะไรสักอย่าง เมื่อครู่ที่ท่านกับสหายตามพวกเขาไป ทั้งสองคนนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอยจริงๆ หรือ เขาใช้วิชาการหลบหนีแบบใด จึงไม่สนใจต่อเขตอาคมต้องห้ามแล้วหนีออกไปโดยตรงได้” มหาเมธีต่างเผ่าคนหนึ่ง ถามขึ้นมาด้วยความรอบคอบ
“เดิมทีข้ากับผู้อาวุโสทั้งสี่ตามเจ้าขโมยนั้นทันแล้ว แต่ว่าพวกเขาได้วางเขตอาคมส่งตัวเอาไว้ก่อนอยู่แล้ว จากนั้นก็ส่งพวกเขาออกไปทันที ข้าไม่รู้ว่าเขตอาคมส่งตัวนั้นไปที่ไหน แม้ว่าการลาดตระเวนของกลุ่มการค้าพันธมิตรของเราจะเข้มงวดมาก แต่คาดไม่ถึงว่าจะหาพวกเขาไม่เจอเลย นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้เฒ่าอย่างข้าเห็นเขตอาคมส่งตัวเคลื่อนย้ายออกจากที่นี่ได้ ข้าจึงไม่มีข้อมูลเพิ่มมากนัก” หลังจากที่หมิงจุนขมวดคิ้ว เขาก็กล่าวออกมาเช่นนั้น
“ขอบคุณพี่หมิงมากที่กล่าวตามจริง ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าควรทำอย่างไร” หลังจากที่มหาเมธีคนนั้นกล่าวขอบคุณ เขาก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติมอีก
หลังจากนั้นก็มีมหาเมธีหลายคนที่เข้ามาสอบถามเกี่ยวกับโลหิตบรรพบุรุษมังกรและชายชุดดำผู้นั้น
แต่น่าเสียดายคำตอบที่ได้จากหมิงจุนนั้นล้วนเป็นคำตอบที่คลุมเครือยิ่งนัก เพราะเขาเองก็ไม่สามารถให้คำตอบที่ถูกต้องได้เช่นกัน
อีกทั้งในตอนนี้มีมหาเมธีบางส่วนได้เริ่มเดินทางออกจากห้องรับรองไปแล้ว
เมื่อหมิงจุนเห็นดังนั้น ก็ไม่มีความคิดที่จะขัดขวาง
“ไปกันเถอะ พวกเราไม่มีเวลามาตามหาสองคนนั้นหรอก กลับไปรอสัญญาณการส่งตัวไปแผ่นดินใหญ่นภาสีเลือดเถอะ น่าจะอีกไม่กี่วันข้างหน้านี่เอง” หลังจากหานลี่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ในห้องรับรอง เขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดเสียงเรียบ
เมื่อเซวี่ยพั่วและจูกั่วเอ๋อร์ได้ยินดังนั้น ก็โค้งคำนับและตอบรับ หลังจากนั้นม่านแสงสามสายก็ห่อหุ้มตัวของพวกเขาไว้ พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและเดินทางออกจากที่นี่ทันที
เมื่อกลับมาถึงที่พัก เขาก็สั่งการล่วงหน้าสองสามวัน จากนั้นเขาก็เดินเข้าห้องลับไป
เขานั่งลง จากนั้นก็สะบัดข้อมือ ลูกบอลแสงสีทองก็ลอยออกมาจากสร้อยข้อมือมิติ หลังจากแสงสว่างหายไป ก็กลายเป็นหน้าหนังสือสีทองแผ่นหนึ่งตกมาอยู่ที่กลางฝ่ามือของเขา
นั่นคือตำราหยกพระราชวังทองคำหนึ่งหน้าที่เขาประมูลได้มา