ทันทีที่หน้าของหนังสือถูกดึงออกมา เสียงดังหึ่งๆ สั่นไหวอยู่ในมือของเขาราวกับว่าพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อที่จะบินหนีไป
หานลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย มือทั้งสองข้างถูกันไปมา ชั่วขณะนั้นลำแสงสีทองก็ดูอ่อนแสงลง เสียงหึ่งๆ ก็หยุดลงตามไปด้วยในทันที
ในเวลานี้นั้น เขาจึงได้ใช้นิ้วมือทั้งสองหนีบหน้าหนังสือเอาไว้ และดูเหมือนว่าเขาจะเขย่ามันขึ้นตามใจตน
“ปัง” ดังออกมา
อักษรตราประทับสีทองนับไม่ถ้วนหลั่งไหลออกมาจากหน้าหนังสือ จากนั้นก็กลายเป็นคัมภีร์เล่มหนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขา
สองตาของหานลี่หรี่ลง รวบรวมจิตมองไปอย่างระมัดระวัง
“สมบัติห้าประการของผู้ฝึกวรยุทธ์”
ในตอนที่เขาไม่รู้สึกตัวอยู่นั้นก็ได้เอ่ยถึงชื่อของของวิเศษสิ่งนี้ที่เขียนอยู่ในตอนต้นออกมา
หานลี่ขยับตัวเล็กน้อย เขาตระหนักถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา จึงเริ่มที่จะจ้องมองลงไปอย่างรีบร้อน
เวลาผ่านไปทีละน้อย สีหน้าของหานลี่ไม่ได้รู้สึกถึงความประหลาดใจเลย
เมื่อเขาอ่านคัมภีร์เล่มนั้นจนจบ หลังจากที่แขนเสื้อสะบัดสั่นไหว เมฆสีฟ้าม้วนตัวลอยออกมา
“ปัง” ดังออกมา ประกายแสงสีฟ้าวาววับออกมา แล้วทำให้คัมภีร์เล่มนั้นค่อยๆ กลายเป็นลำแสงวิญญาณจากนั้นหายวับไปในพริบตา
ดวงตาของหานลี่เปิดขึ้น แล้วจึงพอที่จะเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว
ไม่รู้ว่าผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ ในตอนที่เขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งนั้น ก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
“น่าสนใจ น่าสนใจ ปรากฏว่ามันคือวิชาการฝึกฝนวิทยายุทธ์ภายในทั้งห้าโดยเฉพาะ หาได้ยากยิ่งนัก วิทยายุทธ์นี้เมื่อฝึกฝนไปแล้ว ไม่เพียงแต่ทำอวัยวะภายในทั้งห้าสามารถเก็บพลังยุทธ์เอาไว้เหมือนกับจุดตันเถียนได้แล้ว แล้วยังช่วยให้พลังยุทธ์เพิ่มขึ้นได้อีกด้วย และยังทำให้เกิดอิทธิฤทธิ์ลึกลับเหนือธรรมชาติอีกด้วย
วิทยายุทธ์นี้กับคาถาร้อยชีพจรหลอมสมบัติสามารถกล่าวได้ว่าส่งเสริมซึ่งกันและกัน โดยมากนั้นควรจะอยู่ในจุดเดียวกัน สามสิบหน้าในหนังสือหยกเล่มนี้ สามารถล่วงรู้ต้นกำเนิดเคล็ดวิชาเดียวกันของแดนเซียนได้ ถือว่าโชควาสนาไม่เลวจริงๆ”
หลังจากที่หานลี่พึมพำออกมารอบหนึ่ง ทันใดนั้นเข้าก็คิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ คิ้วจึงขมวดขึ้นมา
ตามหนังสือหยกแล้ว วิทยายุทธ์นี้มีข้อจำกัดที่เข้มงวดกับความแข็งแกร่งของร่างกายและเส้นชีพจรต่างๆ ในตอนที่ฝึกฝนนั้นจำต้องดูดซับพลังวิญญาณจากโลกและสวรรค์เป็นจำนวนมาก ความช้าของการฝึกฝนนั้นจำให้คนขยาดขึ้นมา
ยังดีที่ว่าก่อนหน้านั้น เขาได้ฝึกฝนคาถาร้อยชีพจรหลอมสมบัติมาก่อน ร่างกายเองก็แข็งแรงมากพอ คงจะเพียงพอกับข้อเรียกร้องนั้นได้
ส่วนในข้อหลังนั้น ถึงแม้ว่ายาเสริมวิญญาณจะสามารถช่วยลดเวลาในการฝึกฝนบำเพ็ญเพียรไปได้เกินกว่าครึ่ง แต่ทว่าหากต้องการฝึกฝนบำเพ็ญเพียรไปจนถึงขั้นเล็กๆ แล้วเกรงว่าก็ยังคงต้องใช้เวลานับหมื่นปีมาคำนวณ
เฮ่อเฮ่อ “ยาวนานกว่าวิทยายุทธ์ทั่วไปเสียอีก” หูอวี้ส่วงคนนั้นเองในงานประมูลยังเอ่ยออกมาเบาๆ
หากว่าเปลี่ยนเป็นมหายานธรรมดาทั่วไปแล้ว คงจะไม่มีเวลาฝึกฝนมากถึงห้าหกหมื่นปี ช่างเป็นเรื่องที่คิดก็ไม่แม้แต่จะคิดได้
วิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์เองก็นับว่าวิทยายุทธ์ที่ยากจะฝึกฝนอย่างหนึ่ง เขาเองก็ใช้เวลาไปไม่น้อยกับมัน
แต่ว่าเมื่อเทียบกับวิทยายุทธ์นี้แล้ว ยังนับว่าเป็นการฝึกฝนที่ใช้เวลาสั้นๆ
ไม่น่าแปลกใจ และแม้แต่กลุ่มพันธมิตรการค้าเฮ่อเหลียนเองก็มองว่าของสิ่งนี้เหมือนกับซี่โครงไก่ที่มีค่าน้อยนิด ต่างก็พร้อมที่จะนำมันออกมาเปิดประมูล
อย่างไรก็ตามแล้วถ้าหากตามหน้าหนังสือกล่าวไว้ วิทยายุทธ์นี้เกรงว่าแม้แต่ฝึกฝนในขั้นแรกนั้น ความแข็งแกร่งก็ยังจะเพิ่มขึ้นจนเป็นที่น่าประหลาดใจ ถ้าหากว่ายอมแพ้เสียก็เป็นที่น่าเสียดาย
หานลี่คิดอยู่ในใจเงียบๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความลังเลไม่แน่นอน
เคล็ดวิชาลับของแดนเซียนนี้ช่างน่าดึงดูดใจเสียจริง แต่ว่าระยะเวลาฝึกฝนนานถึงหมื่นปี ก็ทำให้ผู้คนเกิดความหวาดกลัวเช่นกัน
และต้องรู้ว่าเขาเริ่มฝึกฝนบำเพ็ญเพียรจากการเป็นมนุษย์จนถึงขั้นผสานอินทรีย์ในตอนนี้นั้น ก็ใช้เวลาไปมากกว่าสองพันปี
ตอนนี้เพียงแค่ฝึกวิทยายุทธ์นี้ ถึงกับต้องใช้เวลามากกว่านั้นไปถึงสี่ห้าเท่า และแน่นอนว่าจะต้องเกิดความลังเลขึ้นมาในใจ
“ใครกัน ทำไมถึงต้องทำท่าทีลับลมคมในอยู่ด้านนอกนั่น เข้ามาเถอะ” จู่ๆ ดวงตาของหานลี่ก็เป็นประกายวาบขึ้นมา จิตสัมผัสของเขาเหมือนกับว่าจะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง ในหน้าดูมืดมนขึ้นมา แล้วจึงได้เอ่ยเสียงเย็นชาออกไป
จากนั้น มือข้างหนึ่งก็โผล่พ้นออกมายังอากาศข้างๆ กับประตูใหญ่
“ปัง” เสียงดังออกมา ประตูใหญ่จึงได้เปิดออกมา ด้านนอกนั้นมีเงาร่างบางๆ ยืนอยู่
“ฮ่าฮ่า นักพรตหานช่างเป็นผู้ที่มีไหวพริบเฉียบแหลมล้ำผู้อื่นเสียจริง เมื่อครู่นี้ข้าเพิ่งจะใช้เคล็ดวิชาลับเคลื่อนย้ายกายมาที่นี้ ก็ถูกพบเข้าในทันทีเสียแล้ว”
เงาร่างพร่ามัวนั้นเอ่ยออกมาพลาง กายก็ชัดเจนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่หานลี่มองร่างนั้นชัดเจนขึ้นมาแล้ว รูม่านตาก็หดลง
“เป็นเจ้าอย่างนั้นหรือ ช่างกล้าดีเสียจริง ไม่ยอมที่จะโผล่ไปที่ไกลๆ แต่กลับกล้าที่จะปรากฏมาต่อหน้าของข้า ไม่กลัวว่าข้าจะลงมือทำให้ลำบากเข้าอย่างนั้นหรือ” เขาเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา
ร่างของคนผู้นี้ดูธรรมดาทั่วไป แต่ถ้าหากว่าเป็นชายชุดดำแล้วก็คงจะหลบหนีไปเสียนานแล้ว
เขาในตอนนี้ยังคงยืนยิ้มอยู่ด้านนอกของประตู แต่ภายในดวงตายังคงมีความประหลาดใจแฝงอยู่ลึกๆ แสดงให้เห็นว่าคาดไม่ถึงว่าตนเองจะถูกพบเข้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้
“หากว่าข้าสามารถที่จะหลบหนีไปได้ ก็คงจะหนีห่างไปไกลนับพันนับหมื่นลี้เสียนานแล้ว แล้วจะมาหานักพรตหานอีกทำไมกัน เขตอาคมส่งตัวนั้นแต่เดิมก็เป็นเพียงแค่วิธีอำพลางตาเท่านั้น พวกเราสองคนเพียงแต่ถูกส่งไปยังมุมๆ หนึ่งของโลกนี้เท่านั้น” ชายชุดดำหัวเราะเฮ่อเฮ่อออกมา เมื่อเขาขยับกาย ก็เดินใกล้เข้ามาภายในห้องลับ
“ข้าเพียงแต่มีความตั้งใจที่ดี ไม่น่าแปลกใจที่เคยถูกเหล่านักพรตหลอกลวงมาก่อน แต่ข้าจะไม่หนีอีกต่อไป จู่ๆ เจ้าก็ปรากฏขึ้นมาที่นี้ทำไมกัน หรือว่าตั้งใจมาเพื่อหานม่อกัน” หานลี่ค่อนข้างที่จะประหลาดใจ แล้วจึงเอ่ยถามออกมาด้วยท่าทางที่กลับไปเป็นปกติในทันใด
“คำพูดนี้เอ่ยออกมาได้ถูกต้องแล้ว ข้าตั้งใจมาที่นี้เพื่อตามหาท่าน” ชายชุดดำพยักหน้าเอ่ยยอมรับออกมา
“ข้าเคยพบกับเจ้ามาก่อนอย่างนั้นหรือ?” หานลี่ขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยถามออกมาอีกครั้ง
“ไม่อย่างแน่นอน เถียนม่อเพิ่งจะพบกับนักพรตเป็นครั้งแรก” ชายชุดดำเอ่ยตอบออกมาอย่างไม่ต้องคิด
“ในเมื่อก่อนหน้านั้นไม่เคยรู้จักกัน แล้วเจ้ามาหาข้าเพื่ออะไรกัน อีกทั้งน้ำเสียงของเจ้า ดูเหมือนว่าไม่ใช่คนแปลกหน้ากับหานม่อ ดูเหมือนว่าจะมีความคุ้นเคยอยู่มานานแล้ว ตรงจุดนี้ สามารถอธิบายออกมาให้เข้าใจสักเล็กน้อยได้หรือไม่” หานลี่ตอกกลับอีกฝ่ายออกไป ใบหน้าเอ่ยออกมาอย่างไม่มีอารมณ์
“ข้ารู้ถึงการมีตัวตนของพี่หาน แน่นอนว่าได้ยินมาจากคำบอกเล่าของผู้อื่น ไม่ทราบว่านักพรตหานยังจำฝานเผาจือได้หรือไม่?” ชายชุดดำเอ่ยตอบกลับมาอย่างไม่รีบร้อน
“เจ้ารู้จักนักพรตฝานเช่นนั้นรึ?” หานลี่รู้สึกประหลาดใจแล้วจึงเผยท่าทีนั้นออกมา
“มากกว่ารู้จักเสียอีก ข้ากับเจ้าหนุ่มนั้นเป็นสหายที่ดีต่อกัน ไม่เช่นนั้น จะรู้เรื่องของนักพรตหานจากปากของเขาได้อย่างไรกัน เขาชื่นชมพี่หานเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเอ่ยชมออกมา ข้าแต่เดิมนั้นคิดว่าออกจะเกินจริงไปอยู่บ้าง และเมื่อพบกับตัวของนักพรตแล้ว ก็เริ่มที่จะรู้สึกเห็นด้วยแล้ว” ชายหนุ่มชุดดำเอ่ยออกมายิ้มๆ แล้วจึงเริ่มที่จะจ้องมองหานลี่จากบนลงล่างอีกครั้ง
“นักพรตเถียนยกย่องกันเกินไปแล้ว ในตอนที่ข้ารู้จักกับนักพรตฝานนั้น ไม่มีบุคคลที่สามอยู่ด้วย นักพรตในเมื่อเอ่ยชื่อของฝานเผาจือออกมาได้ ก็คงจะไม่ใช่เรื่องหลอกลวง หากว่าก่อนหน้านั้นมีที่ใดที่หานม่อที่ดูแคลนท่านออกไป หวังว่าท่านจะไม่ถือโทษ” หลังจากที่หานลี่ครุ่นคิดอย่างรวดเร็วแล้ว จึงเอ่ยออกมาอย่างช้าๆ แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง
เห็นได้ชัดว่าหลังจากที่ฝานเผาจือพบกับเขาในตอนแรกนั้น คงจะตรวจสอบอีกฝ่ายออกมาอย่างชัดเจนแล้ว
“ฮาฮา นั่นเป็นสิ่งสมควรแล้ว หากว่าเป็นข้าที่จู่ๆ พบเข้ากับคนแปลกหน้าเข้ามาสานสัมพันธ์ ก็คงจะต้องระวังเอาไว้ก่อนอยู่หลายส่วน” ชายชุดดำเอ่ยออกมาอย่างยินดี แล้วจึงนั่งไขว้ห้างลงบนฟูกฝั่งตรงข้ามอย่างไม่เกรงใจ
“อย่างไรแล้วที่ครั้งนี้ข้ามาหาท่านถึงหน้าประตู เป็นเพราะว่ามีเรื่องบางอย่างที่อยากจะขอร้องท่าน และหวังว่าพี่หานจะสามารถช่วยเหลือข้าได้” ชายชุดดำเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม
“นักพรตเถียนเชิญพูดออกมาฟังดูก่อน” หานลี่เมื่อได้ยินแล้วก็ตอบกลับไปโดยที่ไม่ได้มีท่าทีแปลกประหลาดใด
“ไม่ปิดบังพี่หาน เป็นเพราะว่าการประมูลในครั้งก่อน ทางออกและเขตอาคมส่งตัวของทั่วโลกเบื้องล่างต่างก็เปลี่ยนไปเข้มงวดขึ้น และอาศัยเพียงแค่พลังของข้าคนเดียวแล้ว เกรงว่าภายในระยะเวลาสั้นๆ นี้ก็คงไม่อาจไปจากที่นี้ได้ ข้าแอบฟังมาจากคำพูดของผู้อื่นอยู่ด้านนอก ท่านดูเหมือนว่าจะประมูลเอาเขตส่งตัวของแผ่นดินใหญ่เอาไว้มากมาย ไม่ทราบว่าเมื่อถึงเวลานั้นจะสามารถพาข้าออกไปด้วยได้หรือไม่ หากว่าท่านสามารถช่วยเหลือข้าได้ ภายหลังข้าจะต้องขอบคุณท่านเป็นอย่างดี ตอบแทนจนพี่หานจะต้องพึงพอใจเป็นแน่” ชายชุดดำเอ่ยออกมาอย่างสงบเงียบ เพียงแค่ประโยคสั้นๆ ที่สามารถเอ่ยถึงสถานการณ์และข้อเรียกร้องของตนออกมาได้
“นักพรตท่านอยากจะเข้าไปยังเขตอาคมส่งตัวของแผ่นดินใหญ่!” หานลี่กะพริบตาขึ้นมา ค่อนข้างที่จะรู้สึกประหลาดใจ
“ไม่ผิด นอกจากวิธีการนี้แล้วข้าเองก็ยังคิดไม่ออกว่าจะมีวิธีการใดอีกที่ออกจากที่นี้ได้โดยเร็ว” ชายชุดดำเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มขมขื่น
ในเมื่อนักพรตท่านมีแผนจะลงมือในตอนที่มีการประมูล แล้วทำไมถึงได้ไม่มีการไตร่ตรองถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อีกทั้งสหายของนักพรตเถียนเล่าอยู่ที่ใดกัน ทำไมถึงได้ไม่พบว่าท่านจะเอ่ยถึงเลย?” หลังจากที่
หานลี่เคลื่อนไหวอยู่สองสามครั้ง จึงได้เอ่ยถามออกมา
“ที่ข้าติดอยู่ที่นี้นั้น จริงๆ แล้วก็เป็นเพราะว่าเจ้าหนุ่มนั่นที่รับผิดชอบจัดการอยู่เบื้องหลังจนเกิดอุบัติเหตุเข้า สุดท้ายแล้วเขาก็หนีออกไปจากโลกเบื้องล่างนี้ได้ แต่ข้ากลับถูกบังคับให้อยู่ที่นี้” สีหน้าของชายชุดดำดูแปลกประหลาดไป
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง เมื่อพบเจอเข้ากับเรื่องเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายจริงๆ แต่ว่านักพรตท่านนี้จะลงมือในงานประมูลครั้งนี้ จะต้องทำให้เรื่องมันวุ่นวายใหญ่โตมากพอ กลุ่มพันธมิตรการค้าเฮ่อเหลียนได้ตั้งรางวัลนำจับสำหรับพวกท่านทั้งสองเอาไว้แล้ว ไม่เพียงแต่ใช้สินค้าที่ถูกขโมยไปมาเป็นรางวัลแล้ว หลังจากที่จัดการเรื่องราวเรียบร้อยแล้วยังจะสามารถเรียกร้องอะไรก็ได้ออกมาอีกสามข้อ นักพรตเถียนท่านพอจะเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้างหรือไม่?” หานลี่เอ่ยออกมาช้าๆ
“แน่นอนว่าเคยได้ยินมาบ้างแล้ว กลุ่มพันธมิตรการค้าเฮ่อเหลียนช่างใจกว้างเสียจริง ให้รางวัลมากถึงขนาดนี้ ข้าได้ยินแล้วยังโกรธจนแทบจะทนไม่ไหวที่จะนำตัวเองออกมาขายเสีย” ชายชุดดำเมื่อได้ยินเข้า ก็ส่งเสียงดังหัวเราะออกมา ราวกับว่าไม่ได้สนใจต่อเรื่องนี้แม้แต่น้อย
“ไม่ว่ากลุ่มพันธมิตรการค้าเฮ่อเหลียนจะยินดีมอบรางวัลสูงให้เช่นนี้หรือไม่ แต่ว่าเห็นแก่ใจปรารถนาของนักพรตทั้งสองท่านแล้ว ข้าพาท่านไปจากที่นี้นั้นไม่มีปัญหา แต่ว่าบนโลกนี้ไม่มีกำแพงที่สามารถหลบซ่อนลมเอาไว้ได้* ถ้าหลังจากนี้ลมเกิดรั่วออกไป แล้วเกิดถูกคนของกลุ่มพันธมิตรการค้าล่วงรู้เข้าแล้วจะทำเช่นไร ข้าถึงแม้ว่าจะเชื่อมั่นว่าตนเองนั้นมีความสามารถ แต่ก็ไม่ต้องการที่จะให้กลุ่มพันธมิตรการค้าเฮ่อเหลียนที่ทรงพลังเช่นนี้มาหาถึงหน้าประตู อีกทั้งนักพรตเองก็เป็นสหายของพี่ฝาน แต่ว่ามีที่มาอย่างไรนั้น ข้าเองก็ยังคลุมเครืออยู่ ความสัมพันธ์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ข้าเกรงว่าจะรับมือได้ยาก” หลังจากที่หานลี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้เอ่ยออกมาพร้อมกับส่ายหัว
“ที่นักพรตก็กังวลว่าหลังจากนี้จะมีผู้มาสร้างความเดือดร้อนให้ เรื่องนี้ท่านสามารถวางใจได้ ข้าสาบานได้ ว่าจะไม่เผยแพร่เรื่องที่พี่หานช่วยเหลือข้าเอาไว้ออกไปแม้แต่น้อย อีกทั้งเมื่อเรื่องคลี่คลายลงแล้ว ข้าก็จะไม่อยู่ในแดนวิญญาณนี้แล้ว จะตรงกลับไปยังเผ่าในทันที เผ่าของข้าเองก็จะเปิดเผยเรื่องนี้ให้ภายนอกได้รับทราบ แล้วจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอาไว้เอง และจะไม่ทำให้พี่หานต้องมามีส่วนร่วมแม้แต่น้อย ส่วนที่มาของข้านั้น พี่หานในเมื่อรู้จักกับฝานเผาจือ หรือว่าจะยังไม่เข้าใจอีกหรือ” ชายชุดดำหัวเราะออกมาเบาๆ
“เจ้าเป็นคนของเผ่ามังกรจริงๆ หรือ!” สีหน้าของหานลี่ดูเปลี่ยนไป
“ไม่ผิดแล้ว ร่างกายของเถียนม่อเป็นมังกรจริงๆ เมื่อครู่นี้ยังไม่ทันได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ให้ชัดเจน หวังว่าพี่หานจะไม่ถือโทษข้า” ชายชุดดำเอ่ยออกมาเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
“คนของเผ่ามังกรที่แท้จริง ไม่น่าเล่าท่านถึงได้ตรงไปขโมยโลหิตบรรพชนมังกรชิ้นนั้น” สีหน้าของหานลี่ดูแปลกๆ ไปเล็กน้อย ครึ่งหนึ่งเหมือนพึมพำกับชายชุดดำครึ่งหนึ่งเหมือนกับเอ่ยพึมพำกับตนเอง
“โลหิตบรรพชนมังกร! ฮึม นักพรตท่านเชื่อจริงๆ อย่างนั้นหรือว่าที่ถูกขโมยไปนั้นเป็นของชิ้นนี้?” ชายชุดดำเมื่อได้ยินแล้ว ก็เผยท่าทางเสียดสีออกมาในทันที
“ไม่มีอะไรปิดบังเอาไว้ได้”