“พวกเราทั้งสองคนนั้นแต่เดิมก็มาที่นี้เพราะว่าพี่เซียว และถึงแม้ว่าจะไม่เอ่ยประโยคนี้ออกมา พวกเราก็วางแผนที่รบกวนถ้ำพำนักของท่านสักสองสามวันอยู่แล้ว” นักพรตชิงผิงเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
หลังจากที่หานลี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พยักหน้าออกมา
“ดี เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ นักพรตทั้งหลายเชิญตามข้าน้อยไปยังสนามประลองที่ใกล้ที่สุดกันก่อนเถอะ ส่วนเรื่องของทางนี้ ก็มอบให้ลูกศิษย์ของสำนักเราเป็นผู้จัดการไป” เซียวหมิงเมื่อได้ยิน ใบหน้าก็เผยความยินดีออกมา และเมื่อเห็นว่าทั่วทุกทิศได้มีทหารยามของเมืองเซวี่ยเฮ่อออกมาแล้วจึงได้เอ่ยออกมาเช่นนี้
หญิงชราและนักพรตชิงผิงแน่นอนว่าไม่มีข้อโต้แย้งออกมา หานลี่ส่งเสียงไปยังจูกั่วเอ๋อร์และบรรพชนฮวา
สืออยู่สองประโยค ก็บินไปพร้อมกับทั้งสามไปยังที่แห่งใดแห่งหนึ่ง
จูกั่วเอ๋อร์และบรรพชนฮวาสือหลังที่มองหน้ากันแล้ว ก็จากที่แห่งนี้ไปอย่างเงียบ หายตัวไปยังถนนที่อยู่ใกล้ๆ อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ตรงกลางอาคารวงแหวนที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางนับพันจั้ง ชั้นม่านแสงสีขาวลอยสูงขึ้น ภายในกลางชั้นบรรยากาศนั้น เซียวหมิงและหญิงชรานั้นกำลังเผชิญหน้ากันอยู่
หานลี่และนักพรตชิงผิงที่ยืนมองอยู่ด้านนอกม่านแสงเฝ้าดูทุกอย่างด้วยความสงบ
จากนั้นเพียงครู่ หลังจากที่เซียวหมิงถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้ว ปากก็ส่งเสียงออกมา “กระบวนท่าแรก” ทันใดนั้นปากของเขาก็อ้าออกมา ลำแสงสีโลหิตพุ่งออกมา จากนั้นก็แปลงเป็นดาบกระดูกขาวขนาดยักษ์
ตรงปลายดาบนั้น มีวงแหวนสีเงินฝังอยู่หลายวง เมื่อลมพัดผ่านมา เสียงกรุ๊งกริ๊งดังขึ้นไม่หยุด
หลังจากที่เซียวหมิงจับดาบกระดูกขาวขนาดยักษ์นี้เอาไว้แน่นแล้ว ก็ส่งเสียงต่ำออกมาแล้วโบกแขนในทันที จากนั้นก็โยนของวิเศษในมือตรงไปยังทางของหญิงชรา
“ปัง” ดังขึ้นมา
ทันทีที่ดาบกระดูกขนาดยักษ์นั้นแสดงฝีมือออกมา พื้นผิวก็ปรากฏอักษรรูนสีโลหิตออกมานับไม่ถ้วน และเพียงแสงสว่างวาบเดียว ก็ขยายใหญ่ขึ้นนับร้อยจั้ง ตรงไปปรากฏอยู่ใกล้กับมือของหญิงชรา
“หืม มีฝีมือเพียงแค่นี้เองหรือ”
หญิงชราเอ่ยออกมาเบาๆ ราวกับว่ามีร่องรอยของความดูถูกเหยียดหยามอยู่ แต่ว่าจริงๆ แล้วกลับไม่กล้าที่จะดูแคลนแม้แต่น้อย และหลังจากที่ฝ่ามือข้างหนึ่งฟาดลงบนศีรษะของเธอราวกับสายฟ้าฟาด ดึงเอาปิ่นปักผมไม้สีดำที่ดูเรียบง่ายนั้นหลุดออกมา แล้วหันไปยังดาบกระดูกเล่มนั้นที่ฟาดลงมาจากฝั่งตรงข้าม เสียงใสดังกังวานออกมา
ปลายของปิ่นปักผมสีดำพ่นเปลวไฟสีดำออกมา หลังจากที่สั่นไหวแล้ว ก็พันอยู่รอบของดาบกระดูกเล่มนั้น จากนั้นก็มีแสงแวววาวปะทุออกมา
ฉากอันน่าอัศจรรย์ใจปรากฏขึ้น
ในตอนที่ดาบกระดูกเล่มนี้ถูกเปลวไฟสีดำล้อมรอบอยู่สองสามครั้ง ก็หยุดแข็งค้างอยู่ตรงที่เดิม ในพริบตาเดียวก็ละลายลงไปอย่างรวดเร็ว
“กระบวนท่าที่สอง”
เซียวหมิงเมื่อเห็นสถานการณ์เข้า ก็ไม่รู้สึกประหลาดใจแม้แต่น้อย กลับกันก็ลงมือออกมาอีกครั้งอย่างสงบนิ่ง
เห็นเพียงว่าเขาใช้นิ้วมือข้างหนึ่งพุ่งไปยังกลางอากาศใกล้กับจุดที่ดาบกระดูกเล่มนั้นละลายลงไปกว่าครึ่ง
วงแหวนสีเงินสองสามวงนั้นที่ยังคงสว่างไม่เปลี่ยนไปท่ามกลางเปลวไฟสีดำ ค่อยๆ สั่นไหวขึ้นมาในทันที หลังจากพร่ามัวอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก็แข็งขืนจนหลุดพ้นจากเปลวไฟสีดำนั้น หายออกไปจากที่เดิมจนมองไม่เห็น
ในวินาทีถัดมา สีหน้าของหญิงชราก็เปลี่ยนไป จู่ๆ ร่างกายก็บิดเบี้ยวไป แล้วกลายเป็นลำแสงสีฟ้าลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
ตรงที่เดิมที่นางยืนอยู่นั้น หลังจากที่มันผันผวนเข้าด้วยกันแล้ว วงแหวนสีเงินหลายดวงปรากฏออกมาโดยไม่มีเสียง ขณะเดียวกันก็หดตัวลงไปตรงกลาง
และก่อนที่หญิงชราจะชิงลงมือออกมาก่อนนั้น แน่นอนว่าตอนนี้เหลือเพียงแค่ความว่างเปล่าแล้ว
แต่ทว่าเซียวหมิงยังคงเอ่ยปากท่องคำอยู่ต่อไป ใช้นิ้วมือพุ่งไปยังวงแหวนเหล่านี้ตามมาด้วยชี้ไปยังกลางอากาศนั้นอย่างไม่หยุดหย่อน
หลังจากที่เสียง “ปัง” ดังออกมา โค้งเงินผิวเรียบเนียนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา และในขณะที่สายอัสนีกำลังฟาดไปนั้นหญิงชราก็รีบหนีออกไป
ฮูหยินวั่นฮวาเมื่อเห็นเข้า ใบหน้ามืดมนลง ส้อมไม้ในมือก็ถูกเหวี่ยงออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เปลวไฟสีดำม้วนตัวออกมา แต่นอกจากจะทำให้รัศมีเหล่านั้นหยุดลงเพียงแค่ชั่วครู่แล้ว แต่กลับดูเหมือนว่าไม่มีอะไรอีกเลย
ถึงแม้ว่ากายของฮูหยินวั่นฮวาจะขยับออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้จบ แต่วงแหวนเหล่านี้ก็เองก็เคลื่อนไหวไม่หยุดเช่นกัน ไล่ล่าในสายลมและอัสนีไม่ลดละ
หลังจากที่หญิงชราหลบหลีกอยู่หลายครั้ง ในที่สุดบนใบหน้าก็แสดงท่าทีหมดความอดทนร้องตะโกนออกมา
“เป็นเพราะว่าอาศัยสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ เจ้าถึงได้ยับยั้งเพลิงปีศาจของผู้ชราได้ ตัวประหลาดเฒ่าเซียว ต่อไปเจ้าก็จะได้เห็นความร้ายกาจที่แท้จริงของเพลิงปีศาจผลาญกระดูก”
ทันทีที่คำพูดจบลง หญิงชราก็โยนส้อมไม้ในมือออกไป เปิดปากออกแล้วพ่นพลังกลุ่มหนึ่งออกมาด้านหน้า ขณะเดียวกันลำแสงสีดำด้านหลังนั้นก็สั่นไหว แล้วกลายเป็นภาพลวงตาของสิงโตสีดำขนาดยักษ์สูงนับสิบจั้ง
ทั่วทั้งกายของสิงโตตัวนี้ ปกคลุมไปด้วยเปลวไฟสีดำ และเมื่อฟังอีปรากฏกายออกมา ก็เปล่งพลังที่ทำให้คนหวาดกลัวอย่างแปลกประหลาดออกมา
ส้อมไม้ในเวลานี้ ก็ถูกล้อมรอบไปด้วยลำแสง แล้วกลายเป็นดาบสั้นสีดำ
ดาบเล่มนี้ยาวเพียงแค่ครึ่งฉือ แต่กลับส่งอุณภูมิสูงที่ยากจะทำให้คนเชื่อออกมา ทำให้พื้นที่ใกล้เคียงมีกลิ่นไหม้ขึ้นมา
รัศมีเหล่านั้นกลับใช้โอกาสนี้ เพียงแค่แวบตาเดียว ก็ไปปรากฏอยู่เหนือฮูหยินวั่นฮวา แล้วตกลงมาอย่างรุนแรง
สิงโตสีดำขนาดยักษ์ส่งเสียงคำรามออกมา เงยหน้าขึ้นแล้วพ่นเมฆไฟสีดำขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นก็ทำให้วงแหวนเหล่านั้นสว่างวาบขึ้นมา ฮูหยินวั่นฮวากลับพุ่งไปยังดาบสั้นเล่มนั้น
ชั่วขณะนั้นสมบัติวิเศษชิ้นนี้ก็ส่งเสียงร้องใสกังวานออกมา เพียงครู่ก็กลายเป็นลำแสงสีดำพุ่งเข้าไปในปากของสิงโตสีดำขนาดยักษ์
ตามมาด้วยใบหน้าหญิงชราเผยยิ้มเย้ยหยันออกมา นิ้วมือทั้งสิบบีบเข้าด้วยกัน
เสียง “ปัง” ดังออกมา
สิงโตยักษ์สีดำผิวกายเต็มไปด้วยเปลวไฟสีดำ จากนั้นก็เปิดปากขึ้นอย่างรวดเร็ว พ่นลำแสงสีดำขึ้นไปยังวงแหวนที่อยู่ในอากาศสูง
ลำแสงสีดำนั้นแปลงกายมาจากดาบสั้นสีดำเล่มนั้น เพียงแต่ในตอนนี้นั้นตรงผิวกายมีลวดลายวิญญาณเปลวเพลิงประทับอยู่อย่างแปลกประหลาดนับไม่ถ้วน หลังจากที่ส่งเสียงกังวานออกมาแล้ว ก็กลายเป็นสายรุ้งสูงนับสิบจั้ง เพียงครู่ก็พุ่งเข้าใส่เมฆไฟนั้นไป หลังจากที่วงแหวนนับไม่ถ้วนนั้นสว่างวาบขึ้น เสียง “ปัง ปัง”! ก็ดังคมชัดขึ้น
หลังจากที่สายรุ้งนั้นพัดผ่านวงแหวนไปแล้ว ก็ค่อยๆ แตกออกจากตรงกลาง ค่อยๆ กลายเป็นลำแสงวิญญาณขนาดเล็กจนกระทั่งสลายไป
“ฝีมือดียิ่งนัก สมกับที่เป็นสมบัติวิเศษมีชื่อของนักพรตวั่นฮวาจริงๆ ดาบวิเศษจั่นหลินสินะ ไม่ธรรมดาจริงๆ แม้แต่วงแหวนไท่เย่ว์ของข้าก็ยังไม่อาจต้านทานเอาไว้ได้ แต่ว่ากระบวนท่าสุดท้ายของข้าน้อย คงจำต้องใช้อิทธิฤทธิ์ที่แท้จริงแล้ว นักพรตท่านก็ระมัดระวังเสียเล็กน้อย” เซียวหมิงเมื่อเห็นเข้า ไม่ได้โกรธโมโหแต่กลับยินดีขึ้นมา และหลังจากที่เอ่ยประโยคสุดท้ายออกมาอย่างเคร่งขรึมแล้ว จู่ๆ แขนข้างหนึ่งก็เคลื่อนไหวออกไป ฝ่ามือข้างหนึ่งตีลงไปยังจุดตันเถียนอย่างแรง
หลังจากที่เกิดเสียงดังขึ้นมาแล้ว ผิวกายของเซียวหมิงก็มีเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมานับพัน ชั่วขณะนั้นคลื่นหมอกก็ล้อมรอบร่างกายของเขาจนจมหายไปในนั้นจนหมด
หญิงชราเมื่อเห็นเข้า ในใจก็สั่นไหว สีหน้าก็ดูน่าเกรงขามขึ้นอยู่หลายส่วน แต่ในขณะเดียวกันก็ร่ายเคล็ดวิชาออกมา ให้สิงโตสีดำขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังร่วมร่างขึ้น ร่างกายใหญ่โตยิ่งกว่าก่อนหน้านั้นอีกสามเท่า
ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องแปลกประหลาดก็ดังออกมาจากหมอกสีเลือด ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าดังกึกก้อง ด้านในนั้นเหมือนกับว่าจะมีอะไรขนาดใหญ่ยักษ์เดินออกมา
ในตอนที่หมอกลีเลือดนั้นม้วนตัวแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิงแล้วนั้น คางคกขนาดใหญ่ราวกับภูเขาลูกเล็กๆ กระโดดออกมา
คางคกตัวนี้มีขนาดสูงนับร้อยจั้ง ผิวกายมันเยิ้มสีโลหิต ด้านหลังมีตุ่มนูนขึ้นมาเท่ากับขนาดของศีรษะ ด้านหน้าของศีรษะนั้นมีดวงตาสีทองอยู่เก้าดวง กะพริบฉายแสงอันเยือกเย็นออกมาอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
“คางคกโลหิตเก้าตา เจ้าถึงกับฝึกฝนแปลงกายเป็นโลหิตแท้ของจิตวิญญาณแท้โบราณ” หญิงชราเมื่อพบเขาคางคกโลหิตขนาดใหญ่นี้เข้า ก็สูญเสียเสียงไปในทันที ขณะเดียวกันใบหน้าก็เปลี่ยนไปไม่น่าดูจนขีดสุด
ด้านนอกของม่านแสง นักพรตชิงผิงเมื่อเห็นคางคกโลหิตเก้าตาปรากฏออกมา สีหน้าเองก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป
ส่วนหานลี่เมื่อเห็นสิ่งนี้เข้า ดวงตากลับเปล่งประกายออกมา ใบหน้าเผยท่าทียิ้มเหมือนไม่ยิ้มออกมา
ชื่อของคางคกโลหิตเก้าตานั้น แน่นอนว่าเขาเองก็ได้ยินมานานแล้ว กระทั่งแม้แต่การประมูลครั้งใหญ่ในบางแห่งเอง ก็มีโลหิตจิตวิญญาณแท้ปรากฏออกมาเป็นครั้งคราว แต่ว่าไม่เหมือนกันกับโลหิตแท้ของจิตวิญญาณแท้อื่นที่ถูกผู้ที่อยู่ในระดับสูงแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่ง โลหิตนี้น้อยนักที่จะมีผู้ใดมีอยู่ กระทั่งยังเกิดเหตุการณ์ประมูลไม่ได้ขึ้นมาด้วย
เมื่อเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น สาเหตุก็เป็นเพราะว่าภายในโลหิตของเจ้าคางคกโลหิตเก้าตานี้มีพิษร้ายแรงอยู่ และถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ที่อยู่ในขั้นของมหายานฝึกฝนแปลงเป็นโลหิตชนิดนี้นั้น แปดถึงเก้าในสิบนั้นไม่อาจที่จะรับได้ ภายในโลหิตนั้นมีพิษกลืนกิน ผู้บำเพ็ญตนที่มีพลังยุทธ์ต่ำกว่านี้ หากว่าถูกปนเปื้อนเข้าไปเพียงน้อยนิดก็จะล้มลงเสียชีวิตไปในทันที
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ บวกกับมีโลหิตของจิตวิญญาณแท้ชนิดอื่นให้เลือกอีกมากมายแล้ว แน่นอนว่าจึงไม่มีมหายานสักกี่คนที่สนใจโลหิตของจิตวิญญาณแท้ชนิดนี้
ดังนั้นมหายานสำนักกระดูกโลหิตท่านนี้จึงได้กล้าที่จะเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ หากว่าฝึกฝนแปลงกายเป็นโลหิตแท้ของคางคกโลหิตเก้าตาได้สำเร็จแล้ว จึงเป็นเรื่องที่น่าตกใจจนถึงขีดสุดแล้ว
“นักพรตวั่นฮวา ร่างจริงจักจั่นสีทองตั้งแต่ที่ฝึกแปลงกายมา นับว่าเป็นครั้งแรกที่นำมันออกมาใช้ต่อสู้กับผู้อื่น ตกลงแล้วมีความแข็งแกร่งเพียงใดก็คงต้องให้นักพรตเป็นคนสัมผัสกับมันด้วยตนเองแล้ว” คางคกยักษ์ตัวนั้นส่งน้ำเสียงเย็นชาของเซียวหมิงออกมา จากนั้นก็อ้าปากออกกว้าง ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างพุ่งตรงออกมาจากด้านใน
หญิงชราที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามส่งเสียงครวญครางออกมาในทันที ร่างกายสั่นไหวราวกับว่าถูกอะไรบางอย่างขนาดใหญ่ยักษ์กระหน่ำเข้าใส่ จนถึงกับต้องถอยหลังไปหลายก้าว ถึงได้ยืนหยัดกายมั่นคงด้วยความโกรธและตกใจ
เห็นเพียงที่ไกลออกไปจากหน้าของนางไม่กี่จั้งนั้น ลูกชิ้นเนื้อสีทองขนาดเท่ากับศีรษะกำลังกระแทกเข้ากับโล่ไม้สีเขียวมรกตอยู่
ด้านหลังของลูกชิ้นเนื้อ มีข้อมือหนาเชื่อมต่อกันอยู่ เส้นเลือดสีน้ำเงินนับไม่ถ้วนอยู่บนนั้น
เมื่อครู่นี้เจ้าคางคกโลหิตเก้าตาเพิ่งจะแลบลิ้นออกมา ด้วยความเร็วที่หญิงชราไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เพียงแค่ครู่เดียวก็มายังที่ใกล้ด้านหน้าแล้ว
หากไม่ใช่เพราะว่านางระแวดระวังตัวอยู่ นำโล่ไม้ที่ซ่อนอยู่ออกมาวางเรียงกันอยู่ตรงหน้าตน เกรงว่าเมื่อครู่นี้ ก็คงจะไม่อาจต้านทานเอาไว้ได้แล้ว
แต่ว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ ฮูหยินวั่นฮวาท่านนี้แสดงท่าทีลำบากใจเหนือความคาดหมายออกมา
หญิงชราส่งเสียงออกมาด้วยความโกรธจัด สิงโตยักษ์สีดำด้านหลังอ้าปากขึ้น สายรุ้งสีดำที่น่าตกใจก็พุ่งออกมา ม้วนตัวพุ่งไปยังลิ้นของคางคกโลหิตอย่างรุนแรง
และในตอนนี้นั้น ลิ้นหนาของคางคกโลหิตนั้นก็ขยับเล็กน้อย เพียงแค่พริบตาก็หายไปอย่างประหลาด
ในเวลาเดียวกันนี้ กายของคางคกโลหิตเก้าตาที่ยืนห่างออกไปนับร้อยจั้ง จู่ๆ ก็ออกแรงที่ขาหลังพร้อมกัน เสียง “สวบ” ดังออกมา กายขนาดมหึมาก็พุ่งหายไปในอากาศ
“แย่แล้ว”
ฮูหยินวั่นฮวาเองก็เริ่มมาจากระดับล่างสุดก้าวมาทีละก้าวจนถึงตอนนี้ผ่านการสู้รบมาแล้วนับร้อยครั้ง เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้เข้า สีหน้าเปลี่ยนไปกายก็บิดเบี้ยวไปในทันที จำต้องร่ายคาถาเพื่อหลบหนีออกจากที่เดิมไปในทันที
แต่ว่ากลับสายไปเสียแล้ว!
ได้ยินเพียงแค่เสียงดังกึกก้องจากกลางอากาศสูง เงาสีดำขนาดใหญ่เพียงพริบตาก็ปรากฏอยู่เหนือกายของนาง ก็คือเจ้าตางคกโลหิตเก้าตาที่หายไปนั่นเอง
ทันทีที่คางคกโลหิตปรากฏตัวขึ้น ก็ยื่นฝ่ามือใหญ่ยักษ์ออกมา แล้วค่อยๆ ยื่นลงมาด้านล่าง
หลังที่เสียง “ฝู่” ดังขึ้น วงแหวนแสงสีเลือดเส้นผ่าศูนย์กลางสิบจั้งก็โผล่ออกมาจากกลางอากาศ แล้วกดลงด้านล่างอย่างแรง
วงแหวนแสงนี้ยังไม่ทันได้ตกลงมา หญิงชราก็รู้สึกว่าช่องว่างที่อยู่ใกล้นั้นดูแน่นขึ้น ร่างกายก็เปลี่ยนไปจนหนักอึ้ง ตามมาด้วยเสียงดังคำรามนับไม่ถ้วนระเบิดดังออกมา