A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 2359 ปิงพั่วปรากฏตัว

“สหาย ค้นพบข้าน้อยมานานแล้วหรือ?”

ระลอกคลื่นที่อยู่ด้านหลังต้นไม้ยักษ์สั่นไหว พร้อมเสียงที่ก้องกังวานดังขึ้น

จากนั้นก็มีเงาของหญิงสาวหน้าตางดงามสวมชุดคลุมสีเหลืองปรากฏกายขึ้นมาที่ด้านหลังของต้นไม้ยักษ์ นางมองมาที่หานลี่อย่างระมัดระวัง

แต่เมื่อหานลี่เห็นว่าหญิงสาวคนนั้นหน้าตาเหมือนเซวี่ยพั่วทุกประการ เขาก็ยิ้มขึ้นมาน้อยๆ หลังจากใช้จิตสัมผัสกวาดมองทั้งร่างกาย พร้อมแสดงสีหน้าแปลกใจ

“นี่คงเป็นสหายปิงพั่วสินะ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเข้ามาถึงที่นี่ได้ แล้วสามารถเจอได้ทันที อีกทั้งสหายก็บรรลุถึงขั้นนี้แล้ว” หานลี่พูดอย่างไม่รีบไม่ร้อน

ผู้หญิงที่อยู่ด้านหน้าหน้าตาเหมือนเซวี่ยพั่วทุกประการ อีกทั้งมีกลิ่นอายของระดับมหาเมธีแผ่ออกมาด้วย แต่ว่าเหมือนจะเลื่อนระดับมาอยู่ในระดับได้ไม่กี่ปีนี้เท่านั้น ปราณจึงยังไม่มีความเสถียร

“ไม่ทราบว่าท่านรู้จักข้าน้อยได้อย่างไร? พวกเราเพิ่งเคยเจอกันเป็นครั้งแรกไม่ใช่หรือ” หญิงสาวสวมชุดเหลืองมีสีหน้าตกใจ นางไม่ได้ปฏิเสธแต่กลับถามกลับอย่างระมัดระวัง

แม้ว่านางจะอยู่ระดับมหาเมธีแล้ว แต่นางก็รู้ตัวดีว่าระดับของนางยังไม่คงที่ ไม่มีทางเทียบกับมหาเมธีที่อยู่ในระดับเดียวกันได้ อีกทั้งที่นี่คือแดนลับแลของพระราชวังเทียนติ่ง นางจึงต้องระมัดระวังอย่างมาก

“สหายไม่ต้องกังวลใจไป ข้าคือคนที่เซวี่ยพั่ว ร่างแยกของเจ้าขอร้องให้มาช่วย และเป็นเผ่ามนุษย์เหมือนกัน ดังนั้นข้าย่อมรู้จักแม่นาง และนี่เป็นการสิ่งที่นำทางมาที่นี่” หลังหานลี่พูดจบ เขาก็แบมือขึ้นกลางอากาศ กลางฝ่ามือก็ปรากฏขวดเล็กๆ ที่มีแสงสีเลือดเรืองรองขึ้นมา จากนั้นก็โยนไปให้หญิงสาวผู้นั้น

“สหายหานคือมหาเมธีเผ่ามนุษย์ นอกจากนี้ยังมีแก่นแท้ของร่างแยกเซวี่ยพั่ว และเลือดบริสุทธิ์ของข้าด้วย มิน่าตอนที่ข้าได้เห็นหน้าพี่หาน ข้าถึงรู้สึกคุ้นเคยเช่นนี้” หญิงสาวชุดเหลืองหรือก็คือปิงพั่วนั่นเอง หลังจากที่รับขวดโอสถนั้นไป ก็ใช้จิตสัมผัสสำรวจขวดนั้น ในที่สุดก็แสดงความดีใจและประหลาดใจออกมา

“สหายถูกขังอยู่ที่นี่ตลอดเลยหรือ ไม่ได้คิดจะเดินทางออกจากที่นี่เลยหรือ?” หานลี่ใช้โอกาสนี้มองไปรอบๆ อีกครั้ง จากนั้นก็ถามอย่างครุ่นคิด

“ข้าน้อยจะไม่มีความคิดที่ออกไปได้อย่างไร แต่ที่นี่คือศูนย์กลางของพระราชวังเทียนติ่ง เป็นเขตอิสระที่ตัดขาดจากตัวพระราชวัง นอกจากสหายจะใช้เขตอาคมส่งตัวนั้นเข้ามาแล้ว เดิมทีจะไม่มีสหายคนที่สองที่จะสามารถเข้ามาได้ ในปีนั้นข้าเข้ามากับสหายอีกหลายคน สหายคนอื่นๆ ล้วนล้มตายอยู่ที่ด้านนอกหมดแล้ว อีกทั้งเขตอาคมด้านนอกก็ถูกทำลายแบบไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นระดับพลังของข้าก็ยังไม่สูง จึงต้องถูกขังอยู่ที่นี่อย่างช่วยไม่ได้ ยังดีที่ข้าได้เสื้อคลุมของอรหันต์เทียนติ่งมา ทำให้ข้าฝึกหนักอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว ในที่สุดไม่กี่ปีที่ผ่านมา ข้าก็สามารถบรรลุระดับขึ้นมหาเมธีได้ จริงสิ เช่นนั้นเซวี่ยพั่ว ร่างแยกของข้าอยู่ที่ใดหรือ ตั้งแต่สหายหานใช้เขตอาคมส่งตัวเข้ามา ข้าเองก็รู้สึกเหมือนว่านางก็อยู่ในพระราชวังนี้ด้วยเหมือนกัน” หลังจากเซวี่ยพั่วถอนหายใจ นางก็อธิบายขึ้น

“สามารถทำให้เลื่อนมาอยู่ระดับมหาเมธีในระยะเวลาอันสั้นได้ ดูท่าเสื้อคลุมของอรหันต์เทียนติ่งจะไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย สมแล้วที่เป็นคนที่สามารถขึ้นแดนเซียนได้ในปีนั้น ส่วนสหายเซวี่ยพั่ว ตอนนี้นางน่าจะหาเจ้าอยู่จากพระราชวังชั้นนอก โชคดีที่สหายทิ้งเพื่อนเอาไว้ ไม่เช่นนั้นเกรงว่าข้าเองก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้” หานลี่หัวเราะเสียงเบา

“ทำให้เซวี่ยพั่วลำบากแล้ว แต่นางสามารถเชิญคนระดับสหายหานมาช่วยได้ มันก็เกินความคาดหมายของข้าแล้ว เดิมทีตอนแรกที่ข้าน้อยทิ้งนางเอาไว้ด้านนอก เพื่อต้องการให้นางไปเรียกเพื่อนของข้ามาช่วยมากกว่า” ปิงพั่วยิ้มหวานขึ้น

“หึๆ เซวี่ยพั่วอาจจะคิดว่าเชิญข้ามาช่วยน่าจะสามารถมั่นใจได้มากกว่า” หานลี่ลูบคางแล้วหัวเราะหึๆ

“ในฐานะที่เป็นมหาเมธีเหมือนกัน เซวี่ยพั่วคิดเช่นนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดา ในตอนที่ข้าน้อยออกมาจากเผ่ามนุษย์ ในตอนนั้นก็มีเพียงแค่ผู้อาวุโสเอ๋าเซี่ยวและผู้อาวุโสมั่วเจี่ยนหลีสองคนเท่านั้นที่อยู่ระดับมหาเมธี พี่หานน่าจะมาอยู่ระดับมหาเมธีได้ไม่นานสินะ นอกจากนี้ข้ายังมีสหายระดับผสานอินทรีย์ที่อยู่ต่างเผ่าอีกหลายคน ที่รู้จักกันในตอนนั้น แต่ว่าข้าไม่ค่อยคุ้นหน้าของพี่หาน หรือบางทีท่านอาจจะเป็นผู้บำเพ็ญเพียรที่แอบซ่อนตัวอยู่ก็ได้” ปิงพั่วคิดอะไรขึ้นมาได้ จากนั้นก็ถามขึ้นมาอย่างสงสัย

“ผู้น้อยแซ่หานก็เพิ่งขึ้นมาระดับมหาเมธีได้นานนี้จริงๆ นั่นแหละ สำหรับแม่นางที่จะไม่คุ้นเคยข้าก็ไม่ใช่เรื่องแปลก นั่นเป็นเพราะข้ามาจากแดนมนุษย์เหมือนกันกับเจ้า อีกทั้งหลังจากที่แม่นางหายไปอย่างไร้ร่องรอย ข้าเพิ่งขึ้นมาถึงแดนวิญญาณ จะว่าไปแล้ว ข้ากับแม่นางกับมาจากที่เดียวกัน ตอนนั้นข้าไปที่พระราชวังนภาสูญ ก็ได้รับเตานภาสูญที่เจ้าทิ้งเอาไว้และได้ใช้ประโยชน์จากมันมากมาย” หานลี่ตอบกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม

“อะไรนะ เจ้าได้รับเตานภาสูญที่ข้าทิ้งไว้ที่แดนมนุษย์งั้นหรือ หากหลังจากที่ข้าน้อยหายตัวมาอย่างไร้ร่องรอยแล้ว ก็หมายความว่าพี่หานใช้เวลาเข้าสู่ระดับมหาเมธีเพียงไม่กี่พันปีเองไม่ใช่หรือ” เมื่อปิงพั่วที่ได้ยินหานลี่ตอบเช่นนั้น ดวงตากลมสวยก็เบิกกว้างขึ้น ไม่สามารถเก็บอาการตกใจได้

มิน่าล่ะ

ความเร็วในการฝึกวิชาระดับนี้ เกรงว่าในตอนนั้นจะมีเพียงอรหันต์เทียนติ่งคนเดียวเท่านั้น

จึงทำให้นางตกใจจนอ้าปากค้างเลย

“อาจจะเป็นโชคชะตาของข้าน้อย จึงสามารถฝึกได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ โชคดีที่ในตอนนั้นได้รับเตานภาสูญ หากไม่มีของสิ่งนี้ เกรงว่าข้ากับเซวี่ยพั่วจะต้องเข้ามาพระราชวังเทียนติ่งอย่างยากลำบากแน่นอน แล้วอีกอย่างมหาเมธีที่เข้ามาที่นี่ในปีนี้ ไม่ใช่แค่ข้าคนเดียว พวกเราสองคนรีบออกจากที่นี่ก่อนเถอะ แม้ว่าเขตอาคมด้านนอกข้าจะเป็นคนดัดแปลงมัน แต่ใช่ว่าจะไม่ถูกคนค้นพบ หากสหายปิงพั่วมีอะไรไม่เข้าใจตรงไหน หลังจากที่ได้เจอเซวี่ยพั่วแล้ว ค่อยไปถามให้ละเอียดก็แล้วกัน” หลังจากหานลี่เงยหน้ามองท้องฟ้า เขาจึงพูดด้วยความตรงไปตรงมา

“จะไปกันตอนนี้หรือ…” หานลี่พูดเรื่องที่เขาคาดการณ์เอาไว้ออกมา เมื่อปิงพั่วได้ยินดังนั้น ใบหน้าของนางก็มีความลังเลออกมา

“ทำไมหรือ สหายมีธุระอะไรที่ยังจัดการไม่เสร็จหรือ?” หานลี่เป็นคนแบบใดกัน ในใจของนางคิดวนไปวนมา

“ในเมื่อพี่หานเองก็อยู่ระดับมหาเมธีเช่นกัน อีกทั้งยังมีที่มาเหมือนกันกับข้า น้องสาวจะไม่ปิดบังอะไรท่านอีก แม้ว่าตอนแรกข้าจะได้เสื้อคลุมของอรหันต์เทียนติ่งมาจริงๆ แต่สมบัติที่สำคัญที่สุดมันไม่มีทางเปิดออก สมบัติมากมายที่อรหันต์เทียนติ่งทิ้งเอาไว้ไม่สามารถหยิบออกมาได้ ของชิ้นนี้เป็นของที่ส่งเสริมวิชาอรหันต์เทียนติ่ง สำหรับข้าน้อยแล้วมันมีความสำคัญอย่างมาก” หลังจากที่แม่นางปิงพั่วลังเลอยู่นาน ในที่สุดนางก็กัดฟันพูดออกมา

เรื่องนี้คนรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดี แต่หากจะต้องออกไปตอนนี้จริงๆ แล้วล่ะก็ พวกเราก็หมดหวังกับสมบัติเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง

“สมบัติซ่อนอยู่ที่ใด? หากไม่เป็นการเสียเวลามากนัก ข้าจะขอดูเอง หากข้ามีความสามารถมากพอ ข้าจะช่วยแม่นางเอาสมบัติออกมา” หานลี่กล่าวอย่างเฉยเมย

“พี่หานวางใจเถอะ ที่ซ่อนสมบัตินั้นอยู่แถวๆ นี้นี่เอง หากสามารถช่วยน้องสาวคลายเขตอาคมต้องห้ามได้ น้องสาวยินดีจะมอบสมบัติชิ้นอื่นๆ ให้ และสมบัติที่เกี่ยวข้องกับการฝึกฝนให้” เมื่อได้ยินดังนั้น ปิงพั่วก็รู้สึกดีใจอย่างมาก

หานลี่ยิ้มน้อยๆ แต่ก็ยังไม่ได้รับปากอะไร

ดังนั้นหญิงสาวผู้นั้นก็เลยนำทางไป ทั้งสองคนนั้นลงมาจาดยอดเขาทันที พริบตาเดียว พวกเขาก็มาถึงขอบกำแพงสีขาวแล้ว

ปิงพั่วใช้ฝ่ามือสำรวจ จากนั้นก็กดลงที่ผนังกำแพงเบาๆ

ตอนนั้นเองม่านแสงก็สว่างวาบ จากนั้นก็เกิดเป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่มีแสงสว่างรอดออกมาปรากฏขึ้น

หลังจากที่ร่างกายของทั้งสองคนพร่าเลือน พวกเขาก็เข้าไปด้านในอย่างไร้สุ่มไร้เสียง

ชั่วเวลาหนึ่งจิบชาผ่านไป หานลี่และปิงพั่วก็ปรากฏกายอยู่ด้านหน้าของตำหนักสีเทาขาว

ตำหนักทั้งหลังนี้ทำตามหินสีขาว ซึ่งดูเรียบง่ายและลึกลับอย่างมาก

อีกทั้งส่วนกลางของตำหนักก็มีรูปปั้นของอรหันต์เทียนติ่งตั้งอยู่ด้วย มันแผ่แสงสีเงินจางๆ ออกมาตลอดเวลา

ด้านหลังของรูปปั้นนี้แบกกระบี่เอาไว้เล่มหนึ่งเช่นกัน แต่กลางฝ่ามือของเขากลับมีเจดีย์หลิงหลงสีทองอร่ามอยู่ในมือ

“สมบัติชิ้นสุดท้ายของอรหันต์เทียนติ่ง อยู่ในหอคอยนั้น แต่น่าเสียดายที่ความสามารถของข้าน้อยมีจำกัด อยู่ที่นี่มาเนิ่นนานขนาดนี้แล้ว ยังไม่สามารถทำลายเขตอาคมต้องห้ามที่อยู่บนนั้นได้เลย พี่หานระวังหน่อยนะเจ้าคะ ด้านในของเขตอาคมมีพลังสะท้อนกลับที่รุนแรงอย่างมาก ในตอนแรกข้าน้อยไม่ระวัง จึงได้รับบาดเจ็บและต้องรักษาตัวมากกว่าสิบปีเลยทีเดียว” ปิงพั่วใช้นิ้วชี้ไปที่เจดีย์เล็กๆ นั้น และกล่าวด้วยท่าทางเคร่งขรึม

“อื้อ ขอผู้น้อยแซ่หานลองก่อน” หานลี่เลิกคิ้ว แต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกไปมากมาย

เขาใช้มือข้างหนึ่งชี้ไปบนอากาศ จากนั้นปราณกระบี่สีเขียวก็ปรากฏออกมา และพุ่งตรงเข้าไปในเจดีย์นั้นอย่างรวดเร็ว

“ตู้ม” เสียงดังขึ้น

ผลึกรอบๆ เจดีย์ส่องแสงสว่างขึ้น จากนั้นก็หลายเป็นม่านแสงราวกับคริสตัลที่เรียบเนียน

เมื่อแสงของกระบี่สัมผัสมันลงไป ก็ไม่สามารถทะลุเกราะชั้นนั้นไปได้

จากนั้นก็มีแสงจันทร์ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับปราณกระบี่สีเขียวที่เหมือนกับที่หานลี่โจมตีเข้าไป สะท้อนออกมาอย่างรุนแรง

แววตาของหานลี่เป็นประกาย มือของเขาสั่นเล็กน้อย แสงกระบี่สีเขียวก็กระเด็นออกไป และปราณกระบี่ที่ว่าก็ค่อยๆ จางหายไป

แต่ในตอนนั้นเอง ในร่างกายของเขามีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมา จากนั้นประจุสายฟ้าสีทองจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนก็ปรากฏ ตามด้วยเสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง ทันใดนั้นมันก็กลายเป็นอสรพิษสายฟ้าสีทอง พร้อมพุ่งตัวไปที่เจดีย์ดังกล่าว

“ครืน”

ทันทีที่ตัวของอสรพิษสายฟ้าสีทองสัมผัสกับม่านแสง มันก็หายเข้าไปด้านในได้ทันที แต่หลังจากที่ผ่านไปสักพัก ก็มีเสียงคำรามดังออกมาจากด้านใน จากนั้นอสรพิษสายฟ้าก็ลอยออกมา

“เขตอาคมต้องห้ามแบบสะท้อนกลับนั้นน่าสนใจจริงๆ แต่ว่าหากเป็นเขตอาคมธรรมดา มันจะต้องมีขีดจำกัดของมัน หากข้าลองโจมตีด้วยความรุนแรงอีกครั้งล่ะ” ในที่สุดหานลี่ก็หัวเราะออกมาเบาๆ เขาแบมือข้างหนึ่งขึ้นมาจากความว่างเปล่า จากนั้นอสรพิษสายฟ้าก็ถูกทำลายทั้งหมด เขาพลิกมือขึ้นมาอีกครั้ง กลางฝ่ามือมีภูเขาลูกเล็กๆ สีเขียวปรากฏอยู่

ในขณะเดียวกัน หานลี่ก็ขู่คำรามออกมาเสียงต่ำ ทันใดนั้นผิวของเขาก็เปล่งแสงสีทอง ผิวหนังก็กลายเป็นเกล็ดสีทอง แขนสองข้างก็มีขนาดใหญ่มากขึ้น

นิ้วทั้งห้าออกแรงอย่างหนัก ทันใดนั้นภูเขาลูกเล็กๆ สีเขียวก็ส่งเสียงร้องครวญครางออกมา หลังจากที่มันเลือนราง มันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

วินาทีถัดมา ด้านหน้าของเจดีย์ก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ภูเขาสีเขียวระเบิดขึ้นมาในทันที จนเกิดแรงกระแทกอย่างรุนแรง จนทำให้ม่านแสงเกิดรูรั่วขึ้นมา

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Fan Ren Xiu Xian Chuan, Phàm Nhân Tu Tiên, RMJI, 凡人修仙传
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset