“ในเมื่อพี่หานตั้งใจจะสนับสนุนผู้หญิงผู้นี้ เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าผู้น้อยแซ่เซียวไม่ไว้หน้าก็แล้วกัน
หวาซีเซียนจื่อ พวกเราสามคนจะจัดการกับสหายหาน ไม่จำเป็นต้องเอาชนะเขาจริงๆ แค่เบี่ยงเบนความสนใจให้ได้ก็พอ ให้ชิงผิงและวั่นฮวาจับสหายของเขา เมื่อจบงานพวกเราจะแบ่งสมบัติที่นางมีในส่วนเท่าๆ กัน รวมถึงคัดลอกคัมภีร์เสื้อคลุมอรหันต์เทียนติ่งออกมาคนละฉบับ ทุกคนคงไม่มีข้อขัดแย้งอะไรใช่หรือไม่” สีหน้าเซียวหมิงดำมืด เขาหันหน้าแล้วไปพูดกับทางหวาซีเซียนจื่อ
“อะไรนะ พวกเราสามคนต่อเขาคนเดียวหรือ สหายเซียว เจ้าขี้ขลาดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน” หลังจากหวาซีเซียนจื่อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
“หึ เหมือนว่าหวาซีเซียนจื่อจะไม่รู้ประวัติความเป็นมาของสหายหานสินะ ถึงกล้าพูดจาใหญ่โตเช่นนี้ ความจริงแล้วเขา…” เซียวหมิงขยับปากพูดเพื่อส่งเสียงออกมา
หลังจากหวาซีเซียนจื่อได้ยินคำพูดไม่กี่คำ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เขามองหานลี่ด้วยความหวาดกลัว หลังจากฟังจนจบ ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจยาวๆ แล้วพูดออกมาว่า “ได้ วันนี้พวกเราสามีภรรยาจะร่วมมือถ่วงเวลา เบี่ยงเบนความสนใจเขาเอาไว้ แต่หวังว่าหลังจากทางด้านสหายชิงผิงและสหายวั่นฮวาทำสำเร็จแล้ว ก็อย่าคิดที่จะคดโกง พวกเราสองสามีภรรยาเก่งกาจแค่ไหน พวกเจ้าก็รู้ดี อย่าโทษว่าข้ากลับกรอกก็แล้วกัน”
“แม่นางโปรดวางใจ พวกเราไม่ใช่คนแช่นนั้น ไม่มีทางทำเรื่องที่ไร้ความคิดอย่างเด็ดขาด” เมื่อนักพรตชิงผิงได้ยินดังนั้นก็ดีใจอย่างมาก พร้อมรีบกล่าวคำสาบานทันที
ฮูหยินวั่นฮวาก็พยักหน้ารัวๆ และแสดงสีหน้ามุ่งมั่นขึ้นมา
มหาเมธีทั้งห้าพูดคุยเริ่มการร่วมมือกันอย่างกำเริบเสิบสาน หานลี่ยิ้มขึ้นน้อยๆ หลังจากที่ปากขยับแต่ไร้เสียงอยู่หลายครั้ง พร้อมถ่ายทอดเสียงนั้นไปยังปิงพั่วที่ยืนหน้าซีดอยู่ด้านข้างด้วย ในขณะเดียวกัน แขนที่พาดเอาไว้ด้านหลัง มีนิ้วก้อยนิ้วหนึ่งที่สั่นออกมาอย่างไม่ตั้งใจ จากนั้นก็มีเส้นไหมสีทองโผล่ออกมา และหายไปในพริบตา
หลังจากปิงพั่วที่ได้ยินเสียงที่ถ่ายทอดมานั้น สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป ไม่มีความรู้สึกกลัวในแววตาเหมือนเดิมแล้ว
“ลงมือได้”
เซียวหมิงออกคำสั่งเบาๆ ทันใดนั้นเขาก็กลิ้งลงไปที่พื้น เมฆสีเลือดขนาดหลายหมู่ก็โผล่ขึ้นมา ด้านในนั้นมีเสียงคำรามต่ำๆ ดังขึ้น จากนั้นก็มีคางคกสีเลือดเก้าตาปรากฏออกมา
ทันทีที่คางคกโลหิตเก้าตาปรากฏขึ้น ดวงตาทั้งเก้าก็ลืมตาขึ้นพร้อมกัน ลำแสงสีเลือดเก้าวิถีพุ่งออกมา หลังจากที่มันพร่าเลือน จากนั้นก็มีปราณผสมโรงพุ่งเป้าไปยังปิงพั่วที่ยืนด้านข้างของหานลี่นั่นเอง
ปิงพั่วตกใจอย่างมาก ร่างกายบิดเบี้ยวโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เคลื่อนย้ายตนเองออกจากตำแหน่งเดิม ไปปรากฏอยู่ที่พื้นที่ว่างที่ห่างออกไปกว่าร้อยจั้ง
ครั้งนั้นหลังจากที่หวาซีเซียนจื่อสะบัดแขนเสื้อแล้ว ร่างกายของนางก็เปล่งแสงขึ้น ทันใดนั้นก็มีวงแหวนคริสตัลลอยออกมา ขนาดเท่ากับฝ่ามือ ภายใต้วิชานั้น ราวกับมีวงแหวนเป็นร้อยชั้นทับกันอยู่
วงแหวนเหล่านั้นถูกกระตุ้นโดยผู้หญิงคนนี้ เขตอาคมวงแหวนนี้กรีดร้องเสียงดัง ทันใดนั้นเองมันก็ระเบิดออกมาเป็นเหมือนกับหยาดฝน หลังจากที่มันเลือนราง มันก็ทยอยไปปรากฏอยู่ทั่วทุกทิศทุกทางตรงบริเวณใกล้เคียงกับหานลี่
บรรพชนอู๋โก้วที่อยู่ด้านข้างนิ่งเงียบมาโดยตลอด ก็อ้าปากออกมา ทันใดนั้นก็มีเปลวเพลิงสีทองพวยพุ่งออกมา กลายเป็นทะเลเพลิงที่เข้ามาปกคลุมโดยรอบ
จากนั้นทะเลเพลิงสีทองก็ลุกท่วมอย่างรุนแรง กลายเป็นเปลวเพลิงขนาดใหญ่ที่มีความสูงมากกว่าสิบจั้ง พร้อมม้วนตัวสาดซัดไปยังฝ่ายตรงข้าม
ก่อนที่ทะเลเพลิงจะถูกระงับไป ระดับความร้อนที่ยากจะประเมินได้ หานลี่ยืนอยู่ตรงกลางกองไฟ ราวกับต้องการจะเผาเขาทั้งเป็น
สมแล้วที่เซียวหมิงและสหายเป็นบรรพชนมหาเมธี การโจมตีสะเทือนฟ้าสะเทือนสวรรค์ อีกทั้งยังต่อเนื่องไหลลื่น สามารถบังคับให้ปิงพั่วและหานลี่ออกห่างจากกันได้อย่างสมบูรณ์
แต่ที่น่าแปลกก็คือ หานลี่ไม่ได้มีความคิดที่จะช่วยปิงพั่วเลย เขากลับหัวเราะเสียงเบา จากนั้นก็สะบัดแขนต่อหน้าพวกเขา
เสียงคำรามดังขึ้นครั้งหนึ่ง พร้อมลำแสงที่สาดซัด
ภูเขาปราณลูกเล็กๆ สามลูก แต่ละลูกมีขนาดสิบกว่าจั้ง หลังจากที่มันหมุนวนอยู่รอบๆ หานลี่แล้ว จากนั้นก็กลายเป็นเกราะคริสตัลหนาหนึ่งชั้น
หลังจากมันสั่นไหวอยู่นับครั้งไม่ถ้วน พวกเขาก็ทยอยโจมตีเข้าไปที่ด้านบนเกราะนั้น หลังจากมีเสียงดัง “ตู้มๆ” แต่ม่านแสงคริสตัลนั้นไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย
ในทางตรงกันข้ามเปลวเพลิงสีทองที่โหมกระหน่ำเข้ามา ทำให้ม่านแสงสั่นสะเทือนอยู่ไม่กี่ครั้ง แต่ก็ไม่มีร่องรอยที่ม่านจะพังทลายลงเลย
เมื่อหานลี่ที่อยู่ในม่านแสงเห็นดังนั้น เขาก็คำรามเสียงต่ำ แววตาดุร้าย ด้านหลังของเขามีแสงสีทองส่องสว่างอย่างบ้าคลั่ง พริบตาเดียวเขาก็กลายร่างเป็นวานรยักษ์ขนสีทองที่มีขนาดมากกว่าร้อยจั้ง แขนทั้งสองข้างค่อยๆ ยื่นออกมาจากม่านแสง จากนั้นเขาก็โจมตีไปที่หวาซีเซียนจื่อและบรรพชนอู๋โก้วอย่างดุร้าย
เสียงระเบิดดังขึ้น
กลุ่มแสงสีดำเขียวปรากฏขึ้นมากลางฝ่ามือของวานรยักษ์ หลังจากมันกะพริบอยู่ครู่หนึ่ง มันก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าของบรรพชนอู๋โก้วและหวาซีเซียนจื่อ หลังจากลำแสงส่องประกายวาบ มันก็กลายเป็นยอดเขาขนาดสิบจั้งสองลูก กดทับลงมาอย่างรุนแรง
ก่อนที่ทั้งสองคนจะถูกโจมตีจริงๆ กลับมาลมปราณพลังมหาศาลสองสายที่ทำให้คนหวาดกลัวปรากฏขึ้น ทำให้พื้นที่ว่างเปล่าด้านข้างของบรรพชนอู๋โก้วและหวาซีเซียนจื่อสั่นสะเทือนเล็กน้อย
เมื่อหวาซีเซียนจื่อได้เห็นพลานุภาพที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนสี เอวบางๆ ของนางคดงอ ร่างกายถอยและล้มไปด้านหลังอย่างไร้เสียง ในขณะเดียวกันมือข้างหนึ่งก็ยกขึ้นมาร่ายคาถา วงแหวนจำนวนนับไม่ถ้วนก็รวมตัวกันอยู่ที่เดิม หลังจากที่มันควบรวมกันได้แล้ว มันก็กลายเป็นวงแหวนคริสตัลที่มีขนาดมากกว่าสามสิบสี่สิบจั้ง มันเลือนรางขึ้นอีกครั้ง จากนั้นมันก็ครอบที่ตัวของภูเขาลูกนั้น พร้อมหดตัวลงทันที
รัศมีลำแสงส่องประกายแสบตา
พลังที่เดิมที่นั้นปะทุออกมาอย่างรุนแรงก็ถูกกดลงไป ราวกับมันหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ
อีกทั้งบรรพชนอู๋โก้วที่ต้องเผชิญหน้ากับยอดเขาแบบเดียวกันนั้น ก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาร่ายคาถา ตอนนั้นเองทะเลเพลิงสีทองที่อยู่บริเวณใกล้เคียงก็พวยพุ่งออกมาโดยมียอดเขานี้เป็นจุดศูนย์กลาง จนกลายเป็นมนุษย์เพลิงคนหนึ่งที่มีความสูงมากกว่าร้อยจั้ง อีกทั้งมันก็ต่อยลงมาที่ภูเขานั้นอย่างรุนแรงโดยปราศจากความหวาดกลัว
“ผัวะ” เสียงดังสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน
หมัดขนาดใหญ่ที่โจมตีลงมา พริบตาเดียวก็กลายเป็นระเบิดเปลวเพลิงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วน
หลังจากที่ภูเขาลูกนั้นหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ แสงสว่างวาบกดลงมาอีกครั้ง แต่ในตอนนั้นเองหมัดของมนุษย์เพลิงคนนั้นก็รัวลงมาอย่างกับฝนดาวตก ฉากที่เหมือนกันก็ปรากฏขึ้น
แต่หลังจากที่แขนของมนุษย์เพลิงคนนั้นก็มีเปลวเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนพวยพุ่งออกมา มันโจมตีอีกครั้งโดยไม่ลังเล
ภายใต้การโจมตีอย่างต่อเนื่องของมนุษย์เพลิง ร่างทั้งร่างก็สั่นไหว รัศมีลำแสงกะพริบ แต่ไม่สามารถโจมตีต่อได้สักระยะหนึ่ง
สำหรับอีกด้านหนึ่งของคางคกโลหิตเก้าตาของเซียวหมิง มันกลับกำลังพ่นลิ้นยาวๆ ออกมาอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็กลายร่างเป็นตาข่ายเลือดหนึ่งชั้นเพื่อป้องกันหมัดเงายักษ์นั้น
ทางหานลี่ที่กลายร่างเป็นวานรยักษ์ขนสีทอง สองหมัดของเขาก็กระแทกลงไปอย่างรุนแรง
หานลี่สู้หนึ่งต่อสาม เขาสู้กับเซียวหมิงและคนอื่นๆ พร้อมกัน
ทางด้านฮูหยินวั่นฮวาและนักพรตชิงผิงเมื่อเห็นว่าทั้งสี่คนเริ่มประกาศสงครามอย่างจริงจังแล้ว นางก็ดีใจอย่างมาก หลังจากที่สบสายตากันแล้ว นางก็หันไปจัดการปิงพั่วที่โดนบังคับให้แยกกลุ่มกับทางหานลี่ พวกเขาเริ่มออกตัวพร้อมกัน จากนั้นก็ไปขนาบข้างปิงพั่วทันที
ฮูหยินวั่นฮวาส่งยิ้มเย็นๆ มือข้างหนึ่งจับที่หัว ปิ่นปักผมไม้สีดำอันหนึ่งก็ปรากฏออกมา จากนั้นก็สะบัดข้อมือออกไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
เมื่อสะบัดอีกครั้งปิ่นนั้นก็กลายเป็นกระบี่ยาวสีดำหนึ่งเล่ม
“พรึ่บๆ” หลังจากเสียงนั้นดังนั้น เปลวเพลิงสีดำก็ปรากฏขึ้นอยู่บนด้ามของกระบี่เล่มนั้น
ฮูหยินวั่นฮวาฟันกระบี่สีดำในมือออกไปยังความว่างเปล่าตรงข้ามตนเอง ทันใดนั้นเองก็เกิดระลอกคลื่นขึ้น และกลายร่างเป็นมังกรเพลิงสีดำที่มีขนาดยาวมากกว่าร้อยจั้ง พร้อมกับส่งเสียงคำรามไปยังปิงพั่ว
ส่วนนักพรตชิงผิงก็สะบัดแขนเสื้อ กลางฝ่ามือของเขามีแส้ขนจามรีสีเขียวปรากฏขึ้น หลังจากที่เขากล่าวคำว่า อู๋เลี่ยงเทียนจริน* เขาก็สะบัดของที่อยู่ในมือไปใส่ปิงพั่วทันที
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงดัง “ตู้มๆ” เกิดขึ้น จากนั้นก็มีแสงสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนส่องประกายขึ้น เป็นเส้นใยบางกระจายอยู่ครึ่งท้องฟ้า และปกคลุมปิงพั่วเอาไว้
เมื่อปิงพั่วเห็นดังนั้นใบหน้าก็เปลี่ยนสี นางค่อยๆ ยกมือเรียวบางขึ้น ทันใดนั้นก็มีม่านน้ำแข็งที่ใสราวคริสตัล นางอ้าปากพร้อมพ่นแก่นปราณลงไปที่ม่านเหล่านั้น
ทันใดนั้นม่านน้ำแข็งก็แข็งแกร่งขึ้นทันที จากนั้นมันก็แผ่ไอเย็นออกมาด้วย ทำให้ปิงพั่วได้รับการป้องกัน
ไหมสีเขียวพวกนั้นก็โจมตีไปที่ด้านบนของม่านแสง จากนั้นก็ได้ยินเสียงเหมือนฝนตกกระทบหลังคา เส้นไหมเหล่านั้นถูกป้องกันเอาไว้ได้
เมื่อฮูหยินวั่นฮวาเห็นดังนั้น แทนที่นางจะมีความรู้สึกโกรธ นางกลับหัวเราะขึ้น มือข้างหนึ่งของนางก็สั่งการไปยังมังกรเพลิงสีดำตัวนั้น
ทันใดนั้นเปลวเพลิงสีดำของมังกรก็โหมกระหน่ำขึ้น มันมีขนาดใหญ่กว่าเดิมหลายเท่าตัวเลย จากนั้นมันก็ส่ายหัวส่ายหางพุ่งเข้าโจมตีปิงพั่วทันที
ภายใต้เปลวเพลิงสีดำ ทำให้บริเวณที่อยู่รอบข้างมีอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นทันที ม่านน้ำแข็งของปิงพั่ว ได้รับความเสียหายมากกว่าครึ่ง
“เปรี้ยง” เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น
ประจุสายฟ้าขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเหนือน่านฟ้า มันผ่าลงไปที่หัวของมังกรเพลิงสีดำอย่างพอดิบพอดี
ในตอนนั้นเองสายฟ้าสีเงินก็กระจายลงมาตามพื้นที่ว่างเปล่ารอบข้าง
หลังจากมังกรเพลิงสีดำร้องโหยหวน มันก็แตกสลายหายไปทันที
“ใครกัน!”
ฮูหยินวั่นฮวากรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ มือกำกระบี่สีดำในมือแน่น สายตากวาดไปยังพื้นที่ใกล้เคียงอย่างบ้าคลั่ง
ไม่ทำให้นางรอนาน เสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นบนท้องฟ้าอีกครั้ง ประจุสายฟ้าสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง และควบรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
สายฟ้านั้นมีประกายสีทองแทรกเข้ามาด้วย ทันใดนั้นสัตว์ตัวใหญ่สีทองก็ปรากฏขึ้น
ฮูหยินวั่นฮวารีบมองไปตรงนั้นทันที และพบว่านั่นเป็นปูยักษ์สีทองตัวหนึ่ง แต่มันมีขนาดหลายหมู่ กล้ามใหญ่ทั้งสองข้างส่องแสงประกายเย็นเยียบออกมา
“นั่นมัน…”
ฮูหยินวั่นฮวาไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตเช่นนี้มาก่อน จึงอดตะลึงงันไม่ได้ แต่ทว่านางก็สัมผัสได้ถึงปราณที่น่าสะพรึงกลัวที่แผ่ออกมาจากปูยักษ์สีทองตัวนี้ นางจึงไม่กล้าประมาทเลยแม้แต่น้อย
แต่ก่อนที่นางจะทราบประวัติความเป็นมาของปูตัวนี้ กล้ามทั้งสองข้างก็กระแทกลงที่ความว่างเปล่าอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง
ในตอนนั้นเอง เสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นอยู่เหนือศีรษะของฮูหยินวั่นฮวา เงากล้ามโปร่งแสงและประจุสายฟ้าสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนก็โจมตีลงมาอย่างรุนแรง
ฮูหยินวั่นฮวาทั้งตกใจและโมโห นางหัวเราะเสียงเย็นมาหนึ่งคำ ทันใดนั้นเปลวเพลิงสีดำก็ปรากฏขึ้นมาจากทางด้านหลังของนาง เงาศีรษะของสิงโตยักษ์สีดำปรากฏขึ้นทันที มันอ้าปากกว้าง พร้อมกับพ่นเปลวเพลิงสีดำไปยังปูยักษ์ตัวนั้น
“ตู้ม”
เพลิงสีดำโจมตีไปที่ตัวปู และระเบิดขึ้นทันที จากนั้นเปลวเพลิงเหล่านั้นก็หมุนวนพร้อมห่อหุ้มอีกฝ่ายไว้อย่างแน่นหนา
อู๋เลี่ยงเทียนจริน เป็นคำกล่าวของชาวลัทธิเต๋า มีนัยอวยพรให้มีความสุขอย่างหามิได้ เปรียบกับได้หลวงจีนจะพูดว่า อามิตตาพุทธ