หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน เมืองใหญ่ที่ปี้อิ่งและคนอื่นๆ อยู่ ศึกครั้งใหญ่ที่กินเวลาเกือบหนึ่งวันและหนึ่งคืนก็ปะทุขึ้น
หลังจากสงครามสิ้นสุดลง เกือบทุกอย่างภายในรัศมีหลายหมื่นลี้รอบๆ ศูนย์กลางนี้ล้วนแต่กลายเป็นเถ้าถ่าน
ผ่านไปไม่กี่วัน ข่าวที่ทำให้คนในแผ่นดินใหญ่นภาสีเลือดล้วนแต่ต้องตกตะลึงก็ถูกปล่อยออกมา
นักพรตที่แข็งแกร่งหลายคนของสำนักใหญ่ที่นำโดยสำนักโลหิตกระดูก ล้วนแต่ล้มตายลงในการต่อสู้เพื่อกำจัดมาร
มีเพียงแค่ฮูหยินหลิงอวิ๋นท่านนั้นที่สามารถหลบหนีออกมาจากเขาหมื่นกู่ ทว่าก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเกือบจะตกจากระดับมหาเมธี
และทันทีที่ชายผู้แข็งแกร่งคนนั้นยึดครองเขาหมื่นกู่ เขาก็กางเขตต้องห้ามทั้งหมดในทันที แล้วประกาศปิดผนึกหุบเขาเป็นเวลาหมื่นปี และไม่สนใจเรื่องราวใดๆ ที่เกิดขึ้นในแผ่นดินใหญ่
ในช่วงเวลาหนึ่ง ผู้คนทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่นภาสีเลือดล้วนแต่ตื่นตระหนก กองกำลังที่แข็งแกร่งอื่นๆ และผู้ที่อยู่ในระดับมหาเมธีที่เหลืออยู่ล้วนแต่เก็บตัวเงียบ
หลังจากนั้นไม่นาน ข่าวลือที่ผู้คนในนครรัฐแห่งหนึ่งและสำนักเล็กๆ ใกล้เคียงที่ถูกสังเวยโลหิต ก็ถูกลือต่อกันอีกครา
…
แต่หานลี่กลับไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เลยแม้แต่น้อย
เป็นเพราะในเวลานี้เขาได้เดินทางไปยังเกาะแห่งหนึ่งที่ห่างไกลจากแผ่นดินใหญ่นภาสีเลือดผ่านทางเขตอาคมส่งตัว และนำพาจูกั่วเอ๋อร์และบรรพชนฮวาสือเดินทางออกจากเกาะด้วยเรือศักดิ์สิทธิ์วิญญาณน้ำหมึก ครู่หนึ่งก็แล่นสู้ท้องทะเลอันกว้างใหญ่
ในทะเลมีอสูรทะเลที่แข็งแกร่งมากมาย ซึ่งแข็งแกร่งกว่าอสูรบนบกมาก อสูรทะเลบางตัวมีอิทธิฤทธิ์มากมี แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งระดับมหาเมธียังต้องถอยห่างออกไปสามฉื่อเมื่อพบเห็น
ทว่าด้วยจำนวนหุ่นเชิดอันทรงพลังที่บรรจุอยู่บนเรือศักดิ์สิทธิ์วิญญาณน้ำหมึก อสูรทะเลธรรมดาส่วนใหญ่ที่พบเห็นก็จะจากไปโดยไม่กลับมา
เผชิญหน้ากับอสูรทะเลที่ทรงพลังหนึ่งถึงสองตัวบ้างเป็นครั้งคราว แต่หลังจากที่หานลี่แสดงพลังของเขาออกมา พวกมันก็ล้วนแต่ตกใจและหลบหนีไป
ครึ่งปีผ่านไปในพริบตา เรือยักษ์ที่ไม่รู้ว่าเดินทางในทะเลอันกว้างใหญ่มาไกลเท่าใดแล่นไปตามทางอย่างราบรื่นปลอดภัย
ทว่าวันนี้ในตอนที่กำลังแล่นไปตามกระแสลมและคลื่น ก็มีเสียงของการระเบิดที่สะเทือนฟ้าดินดังมาให้ได้ยินจากทางด้านหน้า และคลื่นการระเบิดอย่างรุนแรงพัดเข้ามา
บรรพชนฮวาสือซึ่งยืนอยู่ที่หัวเรือและสั่งให้หุ่นเชิดบังคับเรือยักษ์ สัมผัสได้ถึงความรุนแรงของความผันผวนเหล่านี้ สีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย พลันแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งไปยังห้องโดยสารของเรือโดยทันที
หลังจากนั้นไม่นาน หานลี่ก็พาจูกั่วเอ๋อร์และบรรพชนฮวาสือเดินออกมาจากด้านในอย่างไม่รีบร้อน
“มีผู้ทรงพลังระดับมหาเมธีกำลังสู้กันอยู่ด้านหน้า? โอ้ ที่แท้การสั่นสะเทือนที่รุนแรงนี้ก็เป็นเพราะการต่อสู้ของระดับที่เหนือกว่ามหาเมธี นำเรือศักดิ์สิทธิ์มุ่งไปทางนั้น ดูว่าเป็นสิ่งใดที่กำลังต่อสู้อยู่ด้านหน้า” หานลี่สังการโดยไม่ลังเลหลังหรี่ตามองไปยังผืนทะเลที่อยู่ไกลออกไปด้านหน้า
“ขอรับ อาจารย์หาน!” บรรพชนฮวาสือตอบรับแล้วรีบไปกระตุ้นหุ่นเชิดพวกนั้นที่บังคับเรือเหาะอยู่
ทันทีที่เรือศักดิ์สิทธิ์วิญญาณน้ำหมึกสั่นสะท้าน หลังจากเบี่ยงทิศทาง ก็มุ่งไปยังด้านหน้าด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิมหลายเท่าตัว
ขณะที่เรือขนาดยักษ์แล่นไปข้างหน้า เสียงระเบิดและความผันผวนจากด้านหน้าก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเกาะเล็กๆ ปรากฏขึ้นอย่างเลือนรางที่ด้านหน้าของเรือขนาดยักษ์ ในที่สุดก็มองเห็นได้ชัดเจนถึงกลุ่มรัศมีแสงที่ส่องสว่างไม่หยุดเหนือเกาะ คลื่นความผันผวนอันน่าสะพรึงกลัวที่ปล่อยออกมาเกือบจะกดพื้นผิวของทะเลให้ลึกลงไปหลายสิบจั้งจากอากาศ
เกาะเล็กๆ แห่งนี้พังทลายไม่สมบูรณ์มานานแล้ว ส่วนที่โผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำทั้งหมด ก็ถูกบางอย่างกวาดล้างออกไปจนหมดสิ้น
ทำให้เกาะเล็กๆ แห่งนี้ดูแบนราบผิดปกติ
หานลี่ยืนอยู่ที่หัวเรือ หรี่ตาลงเล็กน้อยก็มองเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้านหน้าได้อย่างชัดเจน
ท่ามกลางแสงที่ระเบิดออกมา อสูรทะเลขนาดใหญ่ที่ดุร้ายสามตัวกำลังล้อมรอบมังกรวารีสีเงินตัวหนึ่ง
อสูรทะเลตัวที่หนึ่งมีรูปลักษณ์เป็นม้าน้ำขนาดใหญ่ที่ถูกขยายขึ้นหลายร้อยเท่า ตัวที่สองเป็นเต่ายักษ์สีเขียวและตัวสุดท้ายเป็นปลาหมึกยักษ์สีน้ำเงินเข้มที่ดูเหมือนเขาลูกเล็กๆ
กลิ่นอายบนร่างของอสูรทะเลทั้งสามตัวนั้นเต็มไปด้วยความรุนแรงและดุร้าย บางตัวพ่นลูกเพลิงสายฟ้า บางตัวอาละวาดด้วยร่างกายที่แข็ง บางตัวก็โบกสะบัดหนวดของมันอย่างบ้าคลั่ง ล้อมรอบมังกรน้ำสีเงินและโจมตีมันอย่างไม่จบสิ้น
อสูรทะเลทรงพลังทั้งสามตัวนั้นมีพลังที่เกือบจะถึงระดับมหาเมธี ร่างกายเต็มไปด้วยรอยบาดแผลที่มีมาอย่างช้านาน
กระดองของเต่าสีเขียวมีรอยแตกร้าวหลายจุดและเต็มไปด้วยเลือดสีเขียว
บนร่างของปลาหมึกยักษ์มีรอยไหม้เกรียมสีดำและหนวดหลายเส้นก็ขาดหายไป
มีเพียงม้าน้ำเท่านั้นที่ดูเหมือนร่างกายจะไม่บุบสลาย แต่ตัวของมันครึ่งหนึ่งก็ถูกรัดไว้ด้วยวงแหวนทองคำ ทำให้มันเคลื่อนที่ไปด้านหน้าได้ช้ากว่าสองตัวที่เหลือ
มังกรวารีที่ถูกล้อมรอบโดยอสูรทะเลสามตัวนั้นช่างน่าเวทนายิ่งนัก ไม่เพียงแต่หางและกรงเล็บด้านหน้าข้างหนึ่งที่หายไป เกล็ดสีเงินส่วนใหญ่บนร่างกายก็หลุดร่วงลงมา เลือดพุ่งกระฉูดออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างไม่หยุด
แต่ถึงกระนั้น ในขณะที่มังกรวารีตนนี้กำลังบินวนเวียน ความว่างเปล่าโดยรอบยังคงส่องรัศมีแสงสีเงินออกมาไม่หยุด ส่งเสียงดังสนั่นที่น่าตกใจออกมาจากมัน และไม่สามารถต้านทานการโจมตีของอสูรทรงพลังทั้งสามได้
ดวงตาของหานลี่เป็นประกาย ครู่หนึ่งก็ตกลงที่ท้องส่วนหนึ่งของมังกรวารี
ที่ตรงนั้นมีอสูรตัวน้อยสีม่วงกำลังขดตัวเป็นวงกลม กรงเล็บทั้งสองของมันจับเกล็ดสีเงินที่ท้องของมังกรวารีไว้อย่างแน่นหนา ทว่าร่างกายของมันไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ดูไม่ออกว่าเป็นหรือตาย
ทันทีที่หานลี่เห็นอสูรน้อยสีม่วงตนนี้ รูม่านตาหดลงเล็กน้อย พลันบังเกิดความรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมากสายหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดขึ้นมา
ด้วยขนาดที่ใหญ่โตของเรือศักดิ์สิทธิ์วิญญาณน้ำหมึกและการที่พุ่งมาอย่างไม่ปิดบัง ย่อมไม่สามารถหลบซ่อนจากหูตาของอสูรทะเลทั้งสามและมังกรวารีสีเงินได้
ทว่าในขณะนี้ทั้งสี่กำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย รับรู้ได้ชัดเจนถึงการมาของผู้บุกรุก ทว่ากลับไม่สามารถหยุดมือได้อีกต่อไป ตรงกันข้ามการต่อสู้กลับยิ่งรุนแรงมากขึ้นอีกหลายส่วน
มังกรวารีนั้นต่อสู้แบบหนึ่งต่อสาม แม้แสงสีเงินที่เปล่งออกมาจะดูลึกลับมาก ทว่าเห็นได้ชัดว่าเสียเปรียบเป็นอย่างมาก สถานการณ์อันตรายขึ้นหลายส่วน
เมื่อเห็นว่าเรือยักษ์กำลังจะพุ่งเข้าสู่กลุ่มการต่อสู้ หานลี่ก็เอ่ยคำสั่งหยุดออกมาเบาๆ
เสียงของหานลี่ไม่ได้นับว่าดัง แต่ก็สามารถส่งถึงหูของอสูรทั้งสี่ที่อยู่ด้านหน้าราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ
ร่างของอสูรทั้งสี่สั่นสะท้าน ต่างเก็บพลังพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย ต่างก็สะดุ้งถอยหลัง
อสูรทะเลทั้งสามกำลังลงมือสำเร็จ ทว่ากลับถูกคนขัดจังหวะ ย่อมรู้สึกโกรธเคืองเป็นอย่างมาก พวกมันต่างจ้องไปที่หานลี่อย่างดุร้าย ในเวลาเดียวกันพลังปราณที่น่าสะพรึงกลัวสามสายก็รวมตัวกันราวกับภูเขาขนาดใหญ่สามลูก มุ่งตรงไปที่เรือขนาดยักษ์
หานลี่พ่นลมหายใจเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ร่ายคาถาด้วยมือข้างหนึ่ง แสงสีทองส่องประกายมาจากด้านหลัง ทันใดนั้นเทวรูปสามเศียรหกกรที่สูงพันกว่าจั้งก็ปรากฏขึ้น
ทันทีที่ดวงตาทั้งหกของเทวรูปสีทองที่ราวกับเทพเจ้าเปิดออก แรงกดดันทางวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัวกว่าพลังปราณทั้งสามสายของฝ่ายตรงข้ามพุ่งออกจากร่างของหานลี่โดยพลัน
เสียง “ตูม” ดังขึ้น
หลังจากที่พลังปราณทั้งสี่ปะทะกัน อสูรทะเลทั้งสามที่อยู่ตรงข้ามก็บินถอยหลังออกไปโดยไร้เสียงและกลิ้งออกไปมากกว่าร้อยจั้ง ก่อนจะกลับมายืนตั้งตัวใหม่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“นายท่านเป็นใครกัน เหตุใดจึงมายุ่งกับธุระของพวกข้า พวกเราคือผู้อาวุโสของพระราชวังเจิ้นไห่ หากท่านต้องการทำให้ข้าขุ่นเคือง แม้ว่าท่านจะมีอิทธิฤทธิ์มากมายเท่าไหร่ หลังจากนี้การเดินทางในทะเลคงเป็นเรื่องยากเสียแล้ว” หลังจากสายตาของม้าน้ำจ้องมองมาก็เอ่ยถาม
ในคำพูดนั้นแฝงความคุกคามต่อหานลี่อยู่เล็กน้อย
“พระราชวังเจิ้นไห่…ไม่เคยได้ยิน หลีกทางให้ข้า มิเช่นนั้นข้าก็ไม่รังเกียจที่จะนำกระดูกและหนังของอสูรทะเลทั้งสามไปทำวัตถุดิบในการหลอมอาวุธ” หานลี่กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
อสูรทะเลทั้งสามโกรธเคืองเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันทางวิญญาณอย่างท่วมท้นของหานลี่เมื่อครู่ หลังจากที่มองหน้ากันเองแล้ว ทำได้เพียงแค่หันหลังกลับอย่างช่วยไม่ได้ และหานลี่ลงไปในทะเลเบื้องล่าง
“ข้าน้อยถูเหย่า ขอบคุณสำหรับความเมตตาของท่านนักพรต” มังกรวารีสีเงินตนนั้นหลังจากที่พลิกตัวครั้งหนึ่งก็กลายเป็นชายหนุ่มในชุดคลุมสีเงินที่มีใบหน้าซีดขาวและเลือดไหลจากดวงตาทั้งสองจับจูงเด็กสาวในชุดสีม่วงที่ยืนด้านข้าง ทำความเคารพเล็กน้อยไปยังหานลี่ที่อยู่ไกลออกไป
แม้ว่ามังกรวารีตนนี้จะมีนิสัยหยิ่งทะนงเป็นอย่างมาก ทว่าหลังจากที่ได้สัมผัสถึงอิทธิฤทธิ์ที่หานลี่ปลดปล่อยออกมาเมื่อครู่ ก็แอบตกใจและไม่กล้าที่จะทำให้หานลี่ขุ่นเคืองเลยแม้แต่น้อย
“ถูเหย่า ที่แท้ข้าไม่ได้จำผิดคน เป็นท่านนักพรตจริงๆ”
“เอ…ข้าน้อยก็คุ้นหน้าท่านเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้เราเคยพบกันมาก่อนหรือไม่” เมื่อมังกรวารีที่เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ในชุดคลุมสีเงินได้ยินดังนั้น จ้องมองหานลี่อย่างละเอียดอีกครา อดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมา
ตามหลักการแล้ว พลังอันทรงพลังที่อีกฝ่ายแสดงออกมา หากตนเองได้พานพบย่อมจำได้ขึ้นใจอย่างแน่นอน ความประทับใจนั้นจะคลุมเครือเช่นนี้ได้อย่างไร
“ท่านพ่อเจ้าคะ เขาคือคนคนนั้นไง พี่ชายที่มีกลิ่นอายของท่านแม่ที่ข้าได้พบเจอที่งานประมูลในตอนที่ข้าถูกคนร้ายลักพาตัวไป” สาวน้อยในอาภรณ์สีม่วงที่อยู่ด้านข้าง จมูกดมกลิ่นอยู่ไม่กี่ที พลันคว้าจับที่ชายเสื้อของชายในอาภรณ์สีเงินแล้วรีบเอ่ยออกมา
ชายผู้นี่คือคือมังกรวารีหน้าคนระดับมหาเมธีที่สร้างความวุ่นวายให้แก่การประมูลที่เมืองเมฆาในตอนนั้น ส่วนเด็กหญิงคนนั่นก็คืออสูรตัวน้อยที่ถูกลักพาตัวไปประมูลโดยทายาทสายตรงของนาง
“เจ้าหนูน้อยผู้นี้เพียงแค่เห็นก็จำข้าได้แล้ว” หานลี่จ้องมองที่สาวน้อยชุดม่วงด้วยรอยยิ้มบาง
“เป็นเจ้า!” มังกรวารีหน้าคนได้ยินคำพูดนั้น ในที่สุดหลังจากที่เปรียบเทียบนักพรตระดับหลอมสุญตาที่เคยพบหน้ากันครั้งหนึ่งในวันนั้นกับหานลี่ผู้ที่มีพลังยุทธ์ที่ยากจะหยั่งถึงที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าแสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“ข้าก็ไม่คิดว่าจะได้บังเอิญพบท่านนักพรตถูที่นี่เช่นเดียวกัน ข้ากับท่านแม้จะเคยพบกันเพียงหนึ่งครา แต่ก็ถือว่ารู้จักกันมานาน ทว่าด้วยสถานะของท่านนักพรต เหตุใดจึงอยู่ในสภาพที่น่าอดสูเช่นนี้ได้เล่า ข้าไม่สนหรอกว่าท่านจะมีความแค้นเคืองอันใดกับพระราชวังเจิ้นไห่ อสูรทะเลสามตนนั้นแม้ว่าจะเก่งกาจ แต่ก็ยังไม่ได้เข้าสู่ระดับมหาเมธีอย่างแท้จริง ตามหลักแล้วคงไม่มีทางที่จะเอาชนะท่านได้” หานลี่หุบแล้วถามอย่างช้าๆ
“หากข้าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ผู้อาวุโสทั้งสามของวังเจิ้นไห่ย่อมไม่อยู่ในสายตาข้า แต่ระหว่างการหลบหนีครั้งก่อน ข้าตกอยู่ในแผนการลับของศัตรูตัวฉกาจ ตอนนี้ข้าไม่สามารถใช้อิทธิฤทธิ์ที่เหนือกว่ามหาเมธีได้ ทำได้เพียงพึ่งพาพลังของตนเองและกายเนื้อเพื่อต่อกรกับศัตรู” ถูเหย่าถอนหายใจเฮือกหนึ่ง สีหน้าตกใจแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มขมขื่น
“ที่แท้เป็นเช่นนี้ หากท่านนักพรตไม่ว่าอะไร ข้าขอดูสภาพร่างกายภายในของท่านหน่อย” หานลี่พยักหน้า แต่จู่ๆ ก็ถามขึ้น
“นี่…” มังกรวารีได้ยินคำถามนั้นอดไม่ได้ที่จะสงสัยเล็กน้อย
“ฮ่าๆ สิ่งที่ข้าเอ่ยเมื่อครู่ค่อนข้างจะเสียมารยาท อย่างไรก็ตามท่านนักพรตอาจจะสามารถค่อยๆ หาวิธีแก้ปัญหาของร่างกายท่านเองได้ ทว่าข้าเกรงว่าลูกสาวของท่านจะไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป” สายตาของหานลี่เหลือบมองสาวน้อยชุดม่วงด้านข้างอย่างใจเย็น ทว่ากลับเอ่ยคำพูดที่ทำให้มังกรวารีตกใจขึ้นมา