ประชาชนจากเผ่าวิญญาณเขียวพวกนั้นกลายเป็นกองขี้เถ้าท่ามกลางเสียงดังกึกก้องโดยพลัน
จากพันกว่าคนเหลือเพียงไม่กี่สิบคนในพริบตา
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เหล่าเผ่าวิญญาณเขียวที่เหลือต่างก็หวาดกลัวและกระจัดกระจายไปโดยทันที ทันใดนั้น พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าศัตรูบนเรือลำใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่สิ่งที่จะรับมือได้ จึงหันหลังหลีกหนีไป
หานลี่จ้องมองภาพด้านหน้าอย่างเย็นชา แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะไล่ตามไป ในตอนที่คิดจะหันหลังกลับเข้าไปในห้องโดยสารบนเรือ ก็มีเสียงทะลุท้องฟ้าด้านหลังของเขา ลำแสงแวบวาบสามสายพุ่งออกมา
หานลี่หรี่ตา ยืนอยู่ที่หัวเรือแล้วมองไปทางด้านหลังอย่างสงบ
ทันใดนั้น ลำแสงอันน่าตกใจสามสายมาบรรจบกัน กลายเป็นหญิงหนึ่งชายสองซึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งของเผ่าวิญญาณเขียว
คนทั้งสามตกใจและโกรธเคืองเมื่อเห็นว่ารอบตัวมีผู้คนของเผ่าตนถูกสังหารและได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นจำนวนมาก
แม้ว่าพวกเขาจะคาดการณ์ว่าอีกฝ่ายจะมีอิทธิฤทธิ์มหาศาลและกลุ่มคนเหล่านี้จะไม่สามารถหยุดยั้งการเดินหน้าต่อของอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน ทว่าแม้ใช้พลังที่สามารถหยิบยืมได้จากทะเลสีเขียวช่วยเสริม ก็ยังมีผู้คนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ
ท้ายที่สุด จากเวลาที่ปรึกษากันเล็กน้อยไปจนถึงเหาะไล่ตามมา นับดูแล้วก็ไม่เกินเวลาหนึ่งกาน้ำชา
หลังจากที่วิญญาณสีเขียวทั้งสามจ้องมองไปที่หานลี่ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ และต่างก็เห็นความประหลาดใจในสายตาของสหายเช่นกัน
“ระดับมหาเมธี…ที่แท้เป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับมหาเมธีของเผ่ามนุษย์จริงๆ ด้วย!”
หานลี่มองทั้งสามคนเล็กน้อย ในเวลาเดียวกันก็มองออกว่าพลังยุทธ์ของพวกเขาอยู่ในระดับผสานอินทรีย์ขั้นกลางถึงท้ายเพียงเท่านั้น โดยพื้นฐานแล้วไม่จำเป็นต้องใส่ใจอันใด
“ที่แท้เผ่ามนุษย์มีผู้บำเพ็ญระดับมหาเมธีปรากฏขึ้นจริงๆ ไม่ทราบว่าท่านมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอันใด และด้วยพลังยุทธ์ของท่านลงมือจัดการกับชนรุ่นหลังเหล่านี้ ไม่คิดว่าเป็นการรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าหรอกหรือ” หลังจากเผ่าวิญญาณเสียงสูดหายใจเข้าลึกๆ บางคนก็เอ่ยปากด้วยความโกรธ
“รังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า? พวกเขากล้าที่จะขัดขวางการเดินทางของข้า หากไม่สังหารไปเสียบ้าง เกรงว่าเมื่อนักพรตท่านอื่นๆ ในระดับเดียวกันรู้เข้า คงจะถูกเยาะเย้ยอย่างแน่นอน ส่วนชื่อของข้า พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้” หานลี่ตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“นายท่านมาจากโลกด้านนอกหรือ” ชายร่างกำยำได้ยินบางอย่างจากคำพูดของหานลี่ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปโดยทันที
“ใช่แล้วอย่างไร ไม่ใช่แล้วอย่างไร!” หานลี่เอ่ยอย่างสงบ
“หากท่านมาจากโลกภายนอกจริงๆ เพื่ออนาคตของทุกเผ่าในเสี่ยวหลิงเทียน พวกเราสามคนคงต้องขอให้ท่านนนักพรตอยู่ที่ทะเลเขียวเป็นการชั่วคราว” ชายหน้าเรียวกล่าวด้วยประกายตาเย็นเยียบ
“เป็นแค่ระดับผสานอินทรีย์สามคน กล้าที่จะพูดจาใหญ่โตเช่นนี้ต่อหน้าข้า เป็นเพราะพึ่งพาวิญญาณบรรพบุรุษต้นไม้โบราณใช่หรือไม่” หานลี่หัวเราะ เอ่ยด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“นายท่านรู้จักวิญญาณบรรพบุรุษของต้นไม้โบราณ ดูเหมือนว่าท่านนักพรตจะไม่ได้เข้ามาในโลกนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ” ม่านตาของชายร่างกำยำหดตัวลงและเอ่ยอย่างครุ่นคิด หานลี่หัวเราะเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ตอบอันใดกลับไป
“นักพรตทั้งสอง ดูเหมือนว่าอย่างอื่นคงไร้ประโยชน์แล้ว สิ่งเดียวที่ทำได้คืออัญเชิญวิญญาณบรรพบุรุษมาประทับร่าง เพื่ออนาคตความอยู่รอดของเผ่าพวกเรา ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องจับตัวคนคนนี้ไว้ให้ได้ พวกเรามีสาม ศัตรูมีหนึ่ง ไม่ว่าจะมองอย่างไรโอกาสที่จะชนะของพวกเราก็มีมากกว่า” หญิงสาวเผ่าวิญญาณเขียวเอ่ยด้วยความเคร่งขรึม
ชายหนุ่มอีกสองคนได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้า
พวกเขาทั้งสามเลือกที่จะเชื่อมั่นในพลังของวิญญาณบรรพบุรุษต้นไม้โบราณที่เห็นได้จากความสำเร็จก่อนหน้า แม้แต่ในการเผชิญหน้ากับระดับมหาเมธีที่ไม่เคยปรากฏขึ้นที่เสี่ยวหลิงเทียนมาก่อน พวกเขาก็ยังมั่นใจ
จากนั้นทั้งสามคนก็ยกแขนซ้ายขึ้นพร้อมกัน แขนเสื้อยาวที่ปกคลุมอยู่ด้านนอกก็แตกออกพร้อมกัน มีตราประทับรูปต้นไม้โบราณที่เหมือนจริงปรากฏขึ้นที่แขนของแต่ละคน
ตราประทับรูปต้นไม้โบราณทั้งสามไม่เหมือนกัน ต้นหนึ่งมีสีเขียวชอุ่ม ทั้งกิ่งและใบหนาแน่น อีกต้นหนึ่งมีรูปร่างสูงตรงและมีแสงสีเงินส่องประกายทั่วลำต้น ใบไม้แหลมคมราวกับกระบี่
ต้นไม้โบราณต้นสุดท้ายมีสีสันสวยงามมาก กิ่งก้านเต็มไปด้วยดอกไม้แปลกตาหลายขนาด
“ร่างวิญญาณบรรพบุรุษ”
สามเผ่าวิญญาณสีเขียวใช้มืออีกข้างทำท่าร่ายคาถาพร้อมกัน ต่างก็ส่งเสียงต่ำ ทันใดนั้น แขนทั้งสามข้างถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีเขียว และต้นไม้ต้นเล็กๆ ที่มีความสูงประมาณหนึ่งฉื่อก็ปรากฏขึ้นในแต่ละคน
พลังแห่งฟ้าดินในป่าทึบเบื้องล่างผันผวนอย่างกะทันหันและด้ายสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนถูกดึงออกมาจากต้นไม้ต่างๆ จากนั้นภาพมายาของต้นไม้เล็ก ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนแขนของเผ่าวิญญาณสีเขียวราวกับกระแสน้ำ
ในชั่วพริบตา แสงสีเขียวบนพื้นผิวของภาพมายาต้นไม้เล็กๆ สามต้นก็ส่องประกายอย่างรุนแรง และค่อยๆ โหมกระหน่ำ ในที่สุดก็กลายเป็นต้นไม้สูงตระหง่านที่สูงกว่าร้อยจั้ง
เผ่าวิญญาณเขียวทั้งสามได้หายไปจากจุดที่เคยอยู่อย่างไร้ร่องรอย
บนลำต้นของต้นไม้ทั้งสาม ต่างก็มีใบหน้าปรากฏอย่างพร่ามัว
เมื่อมองดูใบหน้าทั้งสามอย่างถี่ถ้วน เห็นได้ชัดว่าเป็นชายสองคนและหญิงหนึ่งคนจากเผ่าวิญญาณเขียวที่หายตัวไป
“นี่คือวิญญาณบรรพบุรุษต้นไม้โบราณงั้นหรือ ช่างน่าสนใจจริงๆ กลิ่นอายวิญญาณไม้บริสุทธิ์เป็นอย่างมาก!”
หานลี่สัมผัสได้ถึงรัศมีอันทรงพลังที่เล็ดลอดออกมาจากต้นไม้ยักษ์สามต้น ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
ในเวลานี้ ต้นไม้ยักษ์สามต้นก็พร่ามัวและบิดเบี้ยวครู่หนึ่ง จากนั้นจึงแปลงร่างเป็นยักษาสามตนที่มีรูปร่างต่างกัน
หนึ่งเป็นยักษาที่มีผมสีเขียวและผ้าคลุมไหล่ บนเรือนร่างสวมเกราะไม้สีเขียว สองมือว่างเปล่า
สองคือยักษาที่มีรูปร่างเรียว ปีกอันสวยงามคู่หนึ่งอยู่บนหลัง และมีดาบยักษ์สีเขียวอยู่ในมือ
สุดท้ายคือยักษาที่สูงที่สุด สวมเกราะสีเงินที่ปกคลุมไปด้วยหนามและถือค้อนยักษ์สีเงินไว้ในมือแต่ละข้าง
ยักษาทั้งสามปรากฏขึ้น หนึ่งในนั้นก็พูดด้วยเสียงอันกึกก้อง
“ตอนนี้ยังทันหากนายท่านยินยอมที่จะหยุดมือ พวกข้าเพียงแค่อยากให้ท่านอยู่ที่นี่ไม่กี่วันเป็นการชั่วคราว หลังจากที่แน่ใจว่าทางเข้าของโลกใบนี้ตั้งอยู่ที่ใด ท่านก็สามารถออกไปด้วยตนเองได้ มิฉะนั้นเมื่อวิญญาณบรรพบุรุษที่ติดอยู่เริ่มลงมือ พวกข้าก็ไม่อาจควบคุมมันได้ หากท่านนักพรตตกอยู่ในน้ำมือของพวกมัน คงสายเกินไปที่จะนึกเสียใจ”
“ช่างเป็นวาจาโอหังยิ่งนัก อย่าว่าแต่พวกเจ้าที่หยิบยืมพลังจากภายนอกเลย แม้แต่ผู้ที่อยู่ระดับมหาเมธีที่แท้จริง ก็ไม่อยู่ในสายตาของข้า ทว่าเคล็ดวิชาลับนี้ค่อนข้างน่าสนใจ รอให้ข้าจับพวกเจ้าได้เสียก่อน ข้าจะศึกษามันอย่างแน่นอน”
“พูดเรื่องไร้สาระอันใดกัน! เผ่าพันธุ์มนุษย์เดิมเป็นศัตรูของเผ่าวิญญาณสีเขียวของเรา คงคิดว่าตัวเองเป็นมหาเมธี จึงกล้าที่จะดูถูกพวกเรา เช่นนั้นข้าจะทำให้เขาประจักษ์ว่าวิญญาณบรรพบุรุษต้นไม้โบราณนั้นน่ากลัวเพียงใด” ยักษาอีกตนที่มีรูปร่างผอมเพรียว ส่งเสียงตะโกนด้วยความโกรธจัดโดยพลัน
ทันที่ที่เอ่ยคำเหล่านี้ออกมา ยักษาทั้งสามก็ไม่เอ่ยอะไรอีก ก้าวยาวไปด้านหน้า มุ่งหน้าไปยังเรือยักษ์วิญญาณน้ำหมึก
หานลี่ที่ยืนอยู่ที่หัวเรือยักษ์ จ้องมองยักษาทั้งสามที่ก้าวเดินกลางอากาศเข้ามาหาอย่างโครมคราม กลับหัวเราะขึ้นมา สะบัดแขนเสื้อหนึ่งที
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ประจุสายฟ้าสีเงินพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของเขา หลังจากที่แสงสายฟ้ารวมตัวกัน นักพรตหนุ่มก็ปรากฏตัวขึ้นจากด้านข้างด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
“พี่เซี่ย พลังอาคมของท่านเหมาะแก่การยับยั้งวิญญาณบรรพบุรุษต้นไม้โบราณทั้งสาม ดังนั้นข้าจะปล่อยให้ท่านจัดการเพียงคนเดียว ทางที่ดีไว้ชีวิตไว้ให้ข้าสักหนึ่งคน” หานลี่สั่งการ
“ผู้แข็งแกร่งธาตุไม้! เยี่ยมมาก ให้เป็นหน้าที่ของข้าเถิด” นักพรตเซี่ยกวาดตามองยักษาสามตนที่อยู่ไกลๆ ผงกหัวรับเล็กน้อย เท้าหนึ่งก้าวออกไปโดยทันที
เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้น
เขาพุ่งเข้าหายักษาทั้งสามท่ามกลางรัศมีแสงไฟฟ้าสีเงินนับไม่ถ้วน และระหว่างทางด้วยการหนุนนำของสายลม ก็แปรเปลี่ยนร่างเป็นปูยักษ์สีเหลืองทองขนาดหลายหมู่
ขาหน้าทั้งสองของปูยักษ์ยื่นไปด้านหน้า ทันใดนั้นเขาอ้าปากพ่นเส้นแสงสายฟ้าสีเงินออกมา หลังจากวูบวาบครู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของยักษารูปร่างผอมเพรียว
ยักษาตัวสูงใหญ่และยักษาที่ปล่อยผมขยับตัวเข้าหากัน เงาร่างของปูยักษ์สองเงาปกคลุมทั้งสองไว้ด้านใต้แสงสายฟ้าสีเงิน
ยักษาที่แปลงร่างเป็นวิญญาณบรรพบุรุษต้นไม้โบราณทั้งสามต่างก็ตกตะลึง
พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าสิ่งที่อีกฝ่ายอัญเชิญออกมา จะลงมืออย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ อีกทั้งยังเป็นพลังธาตุสายฟ้าที่พวกเขาหวาดกลัวที่สุด ทั้งสามตกตะลึงแต่ก็รีบปล่อยพลังออกมาต่อต้านโดยทันที
ยักษาตัวสูงใหญ่ขยับแขน ค้อนยักษ์สีเงินในสองมือกลายเป็นเงาค้อนนับไม่ถ้วนและทุบไปทางเงาร่างของปูยักษ์
ยักษ์ปล่อยผมสองมือประกบกันร่ายคาถา มีแสงสว่างวาบบนเกราะไม้สีเงินบนร่างกายของเขา ทันใดนั้นเถาวัลย์ยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้น ควบแน่นกันลอยขึ้นไปยังท้องฟ้า แปรเปลี่ยนเป็นตาข่ายขนาดยักษ์ห่อหุ้มไปทางปูยักษ์
สำหรับยักษ์รูปร่างผอมเพรียว ก็เผชิญหน้ากับเสาสายฟ้าสีเงินที่อยู่ข้างหน้า เขาได้ผลักดาบยักษ์ที่อยู่ในมือไปด้านหน้าด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
ทันทีหลังจากที่ดาบยักษ์บิดไปครู่หนึ่ง มันก็กลายเป็นโล่ยักษ์สีเขียว โดยมีอักขระวิญญาณนับไม่ถ้วนจารึกอยู่บนพื้นผิว ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าเขา
เสียงตะโกนดังสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วผืนปฐพีดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจากยักษาทั้งสาม ประจุสายฟ้าสีเงินขนาดใหญ่ค่อยๆ ปรากฏออกมา แล้วค่อยๆ ระเบิดออกเป็นกลุ่มก้อนสายฟ้าหลายกลุ่ม
ในเวลานี้ปูยักษืสีเหลืองทองส่งเสียงคำรามต่ำ ทันใดนั้นอักษรสายฟ้าสีเงินนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาจากกระดองด้านหลัง หลังจากที่รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ก็ปรากฏเขตอาคมสายฟ้าขนาดใหญ่
เขตอาคมสายฟ้านี้เพียงแค่หมุนวนไปเรื่อยๆ และหายไปในความว่างเปล่าด้วยเสียงกึกก้อง
วินาทีถัดมา ท้องฟ้าเหนือยักษาทั้งสามก็ผันผวนอย่างรุนแรง เขตอาคมสายฟ้าขนาดใหญ่ที่อยู่ท่ามกลางการปกคลุมของประจุสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา
ร่างของปูยักษ์สีเหลืองทองจางลง แล้วไปปรากฏขึ้นที่ด้านบนเขตอาคมนั้นโดยไร้เสียง หลังกลิ้งไปมา ก็หายไปในเขตอาคมนั้นอย่างไร้ร่องรอย
เสียงดังกึกก้องขึ้น เขตอาคมสายฟ้าขนาดใหญ่ค่อยๆ ร่วงหล่นลงมา
ยักษาสามตนที่อยู่เบื้องล่างส่งเสียงคำรามด้วยความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด ในทันที กลิ่นอายอันบ้าคลั่งก็ถูกปล่อยออกมา ทว่าเมื่อสัมผัสกับเขตอาคมสายฟ้าขนาดใหญ่แล้ว พวกเขาก็ถูกฉีกกระชากด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวของสายฟ้า
เวลาถัดมา เขตอาคมสายฟ้าก็เปลี่ยนเป็นเมฆสายฟ้าที่ทำให้ยักษาทั้งสามจมอยู่ในนั้นโดยสมบูรณ์
ชั่วขณะหนึ่ง เสียงกัมปนาทดังขึ้นจากภายในเมฆสายฟ้า ยักษาตะโกนและคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด และสามารถเห็นกลุ่มของแสงที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่ภายใน
เมื่อหานลี่เห็นทั้งหมดนี่ หัวเราะเล็กน้อย แล้วหันหลังเดินกลับไปยังห้องโดยสารโดยไม่ลังเล
สำหรับนักพรตเซี่ยที่แม้แต่บรรพชนทั้งสามของแดนมารยังหวาดกลัวในอิทธิฤทธิ์อันน่าเกรงขาม มหาเมธีสามคนนี้จะสามารถต้านทานเขาได้นานเพียงใด
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผลการยับยั้งของวิทยายุทธ์ของทั้งสองท่าน ดังนั้นเพียงแค่เห็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ ก็กลับเข้าไปในห้องโดยสารด้วยความสบายใจเป็นอย่างมาก
หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งกาน้ำชา ด้านนอกห้องโถงของโดยสารขนาดใหญ่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้า เป็นนักพรตเซี่ยที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
หานลี่ที่นั่งโคจรพลังอยู่เงียบๆ บนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่กลางห้องโถงใหญ่ เงยหน้าขึ้นมาทันที แล้วยิ้มพลางถามนักพรตเซี่ยว่า “ท่านนักพรตสังหารหมดเลยทั้งสามคน?”
“แน่นอนว่าไม่…ไม่ใช่ว่าท่านต้องการให้ข้าไว้ชีวิตไว้สักคนหรอกหรือ” นักพรตเซี่ยเอ่ยอย่างช้าๆ สะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง ขวดสีเงินใบเล็กก็ลอยออกมา
หานลี่คว้าขวดยาไว้ในฝ่ามือด้วยมือเดียว ใช้จิตสัมผัสกวาดดูภายในขวดใบเล็ก ก็พบทารกปราณที่สูงหลายชุ่นหดตัวอยู่ภายใน
เมื่อมองไปที่ใบหน้าของเขา มันคือชายร่างผอมเพรียวของเผ่าวิญญาณเขียว
หานลี่พยักหน้าแสดงท่าทางพอใจ เขาไม่ได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้แข็งแกร่งอีกสองคนของเผ่าวิญญาณเขียว ที่มีส่องประกายแสงวิญญาณ แล้วเก็บขวดใบเล็กเข้าสู่กำไลเก็บของ
ที่ด้านนอก หลังเรือยักษ์วิญญาณน้ำหมึกสั่นสะเทือน ก็เคลื่อนตัวออกเดินทางอีกครั้ง
ในครานี้ ท่ามกลางเผ่าวิญญาณเขียวไม่มีใครกล้าที่จะขัดขวางการเดินทางของเรือยักษ์อีกต่อไป