เมื่อได้ยินคำนี้ชั่วขณะนั้นอสูรประหลาดหัวกวางนามว่า ‘หยางลู่’ ก็หน้าเปลี่ยนสี นกกระจอกยักษ์สีเทาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังกลับดีใจ จ้องเขม็งไปที่สหายร่วมวิถีที่สายตาที่เปลี่ยนเป็นกระหายเลือด หลังจากที่ทั้งสองมองสบตากันชั่วครู่ ก็แทบจะร้องตะโกนออกมาพร้อมกัน ร่างขยายใหญ่ขึ้นเป็นร้อยเท่า ผิวมีเกราะหนาๆ สีเหลืองมีหนามแหลมปรากฏขึ้น
อีกตัวกระพือปีกผิวที่มีเปลวเพลิงสีเทากลายเป็นพายุเพลิงม้วนวนไปฝั่งตรงข้าม
ร่างทั้งสองพลิ้วไหวเสียงร้องดังขึ้น เสียงระเบิดดังขึ้นชั่วครู่ก็ดังก้องไปทั่วท้องฟ้า
ชายหนุ่มชุดคลุมสีดำเห็นเช่นนี้พลันหัวเราะหึๆ ออกมา หลังจากหันกายไปร่างทั้งร่างรวมทั้งตราประทับยักษ์สีโลหิตก็จมหายไปกลางอากาศด้านหลังอย่างไร้ร่องรอย
เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น
ชายหนุ่มชุดคลุมสีดำที่อยู่กลางระลอกคลื่นปรากฏตัวเหนือกองหินระเกะระกะที่เป็นหลุมเป็นบ่อของแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนี ในมือกลับรองขวดเล็กสีดำอมเขียวที่สั่นเทาเล็กน้อยเอาไว้ และกวาดตามองไปรอบๆ แวบหนึ่ง
เขาเห็นรอบด้านว่างเปล่า ไม่มีผู้ใดสักคน แล้วพลันหัวเราะอย่างเย็นชา สะบัดแขนเสื้อทันใดนั้นก็กลายเป็นสายรุ้งสีทองสายหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนฟ้า
ครึ่งวันต่อมาลำแสงสีทองก็ร่อนลงมาจากภูเขาขนาดย่อมที่ดูธรรมดาๆ ลูกหนึ่ง หลังจากที่ชายหนุ่มปรากฏตัว ก็โยนขวดเล็กๆ สีดำเขียวในมือออกไปตรงหน้า
ชั่วขณะนั้นขวดก็เทลง ปากขวดชี้ไปทางรัศมีลำแสงที่ม้วนวนออกมา เงาร่างสูงใหญ่พลิ้วไหวปรากฏขึ้น แม้ว่าเรือนกายจะเต็มไปด้วยบาดแผล เกราะสงครามปริแตก แต่เห็นได้ชัดว่าคืออสูรประหลาดตัวหมีหัวกวาง
“ข้าเดาไม่ผิด เจ้ายังมีชีวิตอยู่ดังคาด” ชายหนุ่มชุดดำกวาดตามองอสูรประหลาดแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ
“หยางลู่คารวะนายท่าน!” อสูรประหลาดหัวกวางคุกเข่าลงตรงหน้าชายหนุ่มโดยไม่พูดไม่จา
“เยี่ยมมาก เจ้ารู้จักวางตัวดีมาก และมีความกล้าหาญดี หากไม่ใช่ว่าเจ้ามาขอพึ่งพิงข้าก่อน ข้าก็ไม่มีทางหลุดจากพันธนาการได้ง่ายๆ แต่วางใจเถิด ในเมื่อเจ้าทำเรื่องที่ข้าเสนอได้ ข้าย่อมไม่ผิดสัญญา จะต้องมอบยาลูกกลอนวิญญาณเที่ยงแท้ให้เจ้าแน่นอน และจะต้องพาเจ้ากลับไปที่แดนเซียน ทว่าก่อนหน้านี้ส่งจิตวิญญาณหลักส่วนหนึ่งของเจ้ามาก่อน ทำสนธิสัญญาเป็นข้ารับใช้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน และถือโอกาสนี้ช่วยเจ้าตัดความสัมพันธ์ทุกอย่างกับแดนนั้น” ชายหนุ่มชุดดำเอ่ยด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
“ขอรับ นายท่าน” หยางลู่แค่ลังเลเล็กน้อยแล้วอ้าปากออกพ่นลำแสงสีเขียวอ่อนออกมา ด้านในมีอสูรน้อยหัวกวางที่หดเล็กลงหลายเท่าอยู่ลางๆ กำลังชูคอแผดเสียงคำรามอันใดอยู่
“นี่นับว่าเจ้าได้เปรียบ ขอแค่ทำสัญญาลงไปบนคัมภีร์เซียนวิญญาณม้วนนี้ เจ้าก็จะได้รับผลกระทบจากพลังของเขตแดน เข้าไปในแดนเซียนได้อย่างไร้กังวล ข้ากลับไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกกี่ปีถึงจะสำแดงสมบัติชิ้นนี้ได้อีกครั้ง” ชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีดำจ้องเขม็งไปที่ลำแสงแวบหนึ่ง แล้วอ้าปากออกเช่นกัน พลางพ่นรัศมีลำแสงหมื่นสายที่มีคัมภีร์สีทองอยู่ข้างในออกมา
“ปล่อยจิตใจ อย่าขัดขืน มิเช่นนั้นจะเกิดอันใดขึ้น ข้าก็ไม่รับประกัน” ชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีดำเอ่ยปากพูด มือหนึ่งร่ายอาคม นิ้วหนึ่งชี้ไปที่ม้วนสีทองอย่างรวดเร็ว
ครู่ต่อมาม้วนสีทองที่มีรัศมีลำแสงหมื่นสาย พลันมีอักขระยันต์สีทองจำนวนนับไม่ถ้วนบินออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วทยอยกันจมหายเข้าไป วนล้อมรอบอสูรจิ๋วไปมา
เสียงคำรามต่ำๆ ดังขึ้น!
อสูรประหลาดหัวกวางเอาสองมือกุมหัวแล้วเผยสีหน้าเจ็บปวดออกมา ยามนั้นพลันสัมผัสได้ว่ามีของจำนวนนับไม่ถ้วนทะลวงเข้ามาในจิตวิญญาณของตนเอง ทำให้เขาเข้าใจประสิทธิภาพของม้วนสีทองรวมทั้งเนื้อหาคร่าวๆ ในสนธิสัญญาเป็นข้ารับใช้ที่ได้ลงนามลงไป
อสูรตัวนี้ฝืนระงับความเจ็บปวดอ่านอย่างละเอียดรอบหนึ่ง ในใจกลับรู้สึกผ่อนคลายลง
คัมภีร์สนธิสัญญากล่าวเอาไว้ว่าผู้รับใช้ต้องได้รับการควบคุมจากเจ้านาย แต่เมื่อเผชิญอันตรายถึงชีวิต ขอแค่จ่ายค่าตอบแทนที่เหมาะสม ก็ไม่จำเป็นต้องทำตาม และยิ่งไปกว่านั้นสนธิสัญญานี้ก็ไม่ได้อยู่ตลอดไป ในนั้นสามารถเขียนข้อยกเว้นเอาไว้ได้เช่นกัน แม้ว่าจะดูแล้วทารุณเกินไป แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ไม่มีหวัง
นี่จึงทำให้อสูรตัวนี้รู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ
ชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีดำดูเหมือนจะมองสิ่งที่อสูรตัวนี้คิดในใจออก พลันมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แต่ในใจกลับหัวเราะอย่างเย็นชาไม่หยุด
เมื่ออ่านเนื้อหาด้านในสัญญาจบ ก็รู้สึกว่าไม่มีปัญหาใดๆ อีก และยิ่งไปกว่านั้นยังสบายกว่าที่คิดไว้มาก หยางลู่ก็ไร้ซึ่งความลังเลใดๆ อีก ปล่อยจิตสัมผัสออกไป
ในเวลาเดียวกันพลังที่ต้านทานอยู่ที่ผิวของอสรูตัวน้อยในลำแสงก็สลายหายไป อักขระยันต์สีทองเหล่านั้นทยอยกันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไป
หยางลู่ร่างกายสั่นเทาหลับตาทั้งสองข้างลงแล้วล้มตึงไป
ยามนี้ชายหนุ่มชุดคลุมสีดำถึงได้สะบัดแขนเสื้อไปอย่างไม่รีบร้อน รัศมีลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบแล้วเก็บม้วนสีทองกลับมา
อสูรน้อยที่ถูกห่อหุ้มอยู่ในลำแสงถึงได้ขยับแล้วบินกลับมา พลางจมหายเข้าไปในร่างของหยางลู่แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
ทว่าหลังจากผ่านไปไม่รู้นานเท่าไหร่ เมื่ออสูรตัวนี้ยืนขึ้นอีกครั้งด้วยตัวที่สั่นงันงด ก็สัมผัสได้ว่าจิตวิญญาณทั้งหมดเหมือนกับก่อนหน้าก็ไม่ปาน แต่สัมผัสได้ถึงพลังรัดแปลกประหลาดที่ซับซ้อนบางอย่าง
ดูแล้วนี่คือพลังของสนธิสัญญาของม้วนสีทอง
เมื่อถอนหายใจเงียบๆ ทันที แล้วคารวะชายหนุ่มชุดคลุมสีดำอีกครั้ง
ชายหนุ่มชุดคลุมสีดำยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ราวกับว่าไม่เคยขยับมาก่อน
“เยี่ยม ในเมื่อเจ้าลงนามแล้ว สิ่งที่ข้าสัญญาไว้ย่อมไม่มีทางไม่ให้ได้” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างราบเรียบ
สิ้นเสียงตรงหน้าของหยางลู่ก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ยาลูกกลอนสีทองเรืองรองขนาดเท่าไข่ไก่ปรากฏขึ้น
ยาลูกกลอนชนิดนี้ดูเหมือนสิ่งไร้ชีวิต แต่ผิวมีลำแสงสีทองเจิดจ้า มีไอสีขาวนวลห้อมล้อมอยู่ และมีกลิ่นหอมที่อธิบายไม่ถูกแผ่ซ่านออกมา
หยางลู่แค่ได้กลิ่น ทันใดนั้นก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างหาที่เปรียบมิได้ ร่างทั้งร่างมีความรู้สึกเหมือนจะลอยขึ้นไปสู่ท้องฟ้า ทันใดนั้นก็อดที่จะทั้งตกตะลึงทั้งดีใจไม่ได้
“นี่คือยาลูกกลอนจิตวิญญาณเที่ยงแท้ เจ้ากินได้เลย แล้วรออีกเดี๋ยวค่อยกินอีกครั้งก่อนที่จะพาเจ้ากลับไปในแดนเซียน หากข้าเป็นเจ้าล่ะก็ จะเลือกอย่างหลัง ยาลูกกลอนชนิดนี้ทำให้พลังจิตวิญญาณของเจ้าดีขึ้นดังคาด และจะทำให้พลังแห่งกฎเกณฑ์ของแดนนี้เกิดพลังกีดกันเจ้า ทำให้พละกำลังของเจ้าได้รับผลกระทบอย่างหนัก” ชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีดำพลันเอ่ยอย่างแช่มช้า
“ขอรับ นายท่าน ผู้น้อยจะเก็บไว้กินทีหลัง เช่นนั้นก็จะช่วยนายท่านได้อีกแรง” หยางลู่ลังเลเล็กน้อย แล้วเอ่ยเช่นนี้ออกมาอย่างนอบน้อม
จากนั้นมันพลันอ้าปากออกอีกครั้งแล้วพ่นกล่องไม้สีม่วงแดงออกมา ใช้มือชี้ไปที่จิตวิญญาณสีทอง แล้วเก็บมันเข้ามาอย่างระมัดระวัง
“จากนี้ข้าจะเข้าไปพักผ่อนในสมบัติลับชั่วคราว เจ้าก็คอยรักษาการณ์อยู่ด้านนอกจนกว่าข้าจะออกมาเถิด” ชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีดำพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แล้วออกคำสั่งอย่างไม่เกรงใจ
“ขอรับ นายท่าน!” แม้ว่าหยางลู่จะตกตะลึง แต่ทันใดนั้นก็ตอบรับอย่างนอบน้อมทันที
ร่างของชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีดำบิดพลิ้วกลายเป็นลูกบอลลำแสงดวงหนึ่งพลางบินเข้าไปในขวดเล็กสีดำเขียวที่อยู่กลางอากาศ พลางเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในปากขวดอย่างไร้ร่องรอย
เสียงอึกทึกดังขึ้น!
หลังจากที่ขวดเล็กมีรัศมีลำแสงม้วนวนออกมา คาดไม่ถึงว่าจะร่วงลงมาอย่างรวดเร็วราวกับหนักเป็นพันชั่ง แล้วจมหายเข้าไปในโคลน พลางร่วงลงไปยังส่วนลึกของสันเขาของภูเขา ถึงได้เปล่งแสงสว่างวาบแล้วนิ่งงันไม่ขยับเขยื้อน
หยางลู่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ไม่กล้าดูแคลน มือหนึ่งร่ายอาคม ผิวพลันมีลำแสงสีเหลืองปรากฏขึ้น และจมหายเข้าไปในโคลนอย่างเงียบเชียบ
เมื่อเขาเลือนรางแล้วปรากฏตัวใกล้ๆ กับขวดสีเขียว แค่กวาดตามองรอบๆ แวบหนึ่ง แล้วนั่งขัดสมาธิลงด้วยสีหน้าแข็งทื่อ
ขวดเล็กอยู่กลางอากาศ
ชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีดำเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง แค่พิจารณาเล็กน้อยเป็นเพราะการต่อสู้ก่อนหน้าทำให้ห้วงเวลาเปลี่ยนไป ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วสะบัดแขนเสื้อ
ชั่วขณะนั้นหมอกรอบด้านก็หมุนวนแล้วเปลี่ยนไป รอยแยกทุกอย่างก่อนหน้าล้วนถูกกำจัดไปอย่างไร้ร่องรอย
ชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีดำยกมือข้างหนึ่งขึ้น กลางอากาศมีแสงเจิดจ้า เมฆเจ็ดสีปรากฏขึ้น และเปล่งแสงสว่างวาบแล้วบินลงมา
เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น
เมฆหลากสีกลายเป็นฟูกลำแสง หยุดอยู่ใกล้ๆ อย่างไม่ขยับเขยื้อน
ชายหนุ่มร่างกายเลือนรางแล้วปรากฏขึ้นบนฟูกอย่างเงียบเชียบ นั่งขัดสมาธิลง พลางหลับตาทั้งสองข้างแล้วเริ่มมองเข้าไปข้างใน
“ยุ่งยากหน่อยจริงๆ ก่อนหน้านี้ที่ถูกสมบัติของเจ้าพวกเผ่าเขาแมลงเหล่านั้นระเบิดออกจนปราณแท้ได้รับบาดเจ็บ และถูกพลังแห่งกฎเกณฑ์ม้วนวนเข้าไป ดูแล้วครั้งนี้หากไม่ใช่เวลาสองสามปีคงไม่อาจกำจัดบาดแผลภายในได้ ทว่าโชคดีที่การลงมายังแดนล่างในครั้งนี้นอกจากยันต์วิเศษแผ่นนั้นแล้ว บรรพชนท่านปู่ยังมอบสมบัติลอกเลียนแบบชิ้นนั้นมาให้ด้วย แม้ว่าว่ากันว่ายังไม่ถึงหนึ่งในหมื่นส่วนของของจริง แต่ก็ทำให้เวลาฝึกฝนของข้าลดลงมากกว่าสิบเท่า” ชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีดำพลันเบิกตาทั้งสองข้างขึ้นอีกครั้ง แล้วเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมาขณะเอ่ยพึมพำ
จากนั้นก็เห็นเขาร่ายอาคม ปากก็บริกรรมคาถา
ฉับพลันนั้นอากาศทั้งหมดพลันสั่นเทา บรรยากาศรอบด้านมีรัศมีลำแสงสีเขียวม้วนวนออกมา เงาลวงตาของบุปผาประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นรอบด้านอย่างต่อเนื่อง และชั่วพริบตาก็หนาแน่นเต็มไปหมด แทบจะกินพื้นที่ทุกระเบียบนิ้วของอากาศ
บรรยากาศทั้งหมดเปลี่ยนเป็นเปี่ยมล้นด้วยไอวิญญาณ ราวกับว่ากลับมามีชีวิตก็ไม่ปาน
ชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีดำหยุดร่ายอาคม มือหนึ่งตะปบไปกลางอากาศ ลำแสงสีดำเขียวในมือเปล่งแสงสว่างวาบ เงาลวงตาขวดเล็กๆ สีดำรวมตัวกันที่ฝ่ามือ และสะบัดโยนออกไปกลางอากาศ
เงาลวงตาขวดเล็กเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งไปกลางอากาศ ชั่วพริบตาก็จมหายเข้าไปในเมฆหมอกแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
“พิรุณมาแล้ว”
ผิวของชายหนุ่มมีสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ สีหน้าเคร่งขรึมใช้นิ้วชี้ๆ ไปกลางอากาศ เสียงคำรามต่ำๆ ดังออกมาจากปาก
เสียงอึกทึกดังขึ้น!
เมฆที่อยู่กลางอากาศหมุนวน เงาขวดขนาดยักษ์เส้นผ่าศูนย์กลางร้อยจั้งปรากฏออกมา และเทปากขวดลง
เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น ปากขวดยักษ์มีของเหลวสีเขียวราวกับระลอกคลื่น ขยายใหญ่ขึ้นกลางอากาศแล้วกลายเป็นพิรุณวิญญาณปกคลุมทั่วท้องฟ้า
ฉากที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้น
บุปผาวิญญาณที่อยู่กลางอากาศเหล่านั้นถูกพิรุณวิญญาณรดลงไป คาดไม่ถึงว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ
ชั่วพริบตาดอกไม้ยักษ์ขนาดเท่าปากชาม เงาลวงตาต้นหญ้าวิญญาณราวกับต้นไม้ขนาดย่อมๆ ก็ปรากฏสู่สายตาเต็มไปหมด
และยิ่งไปกว่านั้นบุปผาเหล่านี้ล้วนสดใหม่กว่าเดิมกว่าครึ่ง แผ่กลิ่นหอมที่น่าตกตะลึงออกมา แทบจะเป็นของจริงก็ไม่ปาน
ชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีดำเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ไม่ตกตะลึงเลยสักนิด อาคมในมือกลับเปลี่ยนไป บุปผารอบด้านทยอยกันมีกลิ่นหอมโชยออกมา ทะลักไปที่ร่างของเขาราวกับแม่น้ำไหลกลับ
ชายหนุ่มสูดกลิ่นยาเข้าไปลึกๆ เฮือกหนึ่ง ไอสีเขียวปกคลุมอยู่พลางหลับตาลงอย่างช้าๆ
ยามนี้เงาขวดยักษ์ที่อยู่กลางอากาศถึงได้มีเสียง “ปัง” ดังขึ้น กลายเป็นดวงลำแสงสลายหายไปโดยอัตโนมัติ