A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 2406 รวมพลผู้แข็งแกร่ง

นอกจากหมิงจวินแล้วในห้องโถงยังมีบุรุษอีกสามคนและสตรีสองคน

บุรุษสามคนคนหนึ่งร่างกายสูงใหญ่สวมชุดเกราะสีดำ หน้าตาโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย ท่าทางแก่ชรามือกุมไม้เท้าหัวมังกรสีทองเอาไว้

บุรุษคนสุดท้ายกลับเป็นชายหนุ่มสวมชุดนักปราชญ์หน้าตาหมดจดคนหนึ่ง ดูแล้วมีอายุไม่เกินยี่สิบปีเศษ แต่แผ่นหลังกลับสะพายกระบอกไม้ไผ่สีเขียวที่แปลกประหลาดยิ่ง

หญิงสาวสองคนกลับเป็นสตรีผู้งดงามที่รูปร่างไม่เหมือนกัน คนหนึ่งใบหน้าดุจพระจันทร์เต็มดวง อายุสามสิบปีเศษ สวมชุดนักพรตสีเหลือง คาดไม่ถึงว่าจะเป็นนักพรตหญิง

หญิงสาวอีกคนที่ผิวออกดำ แต่เรือนผมเต็มไปด้วยไข่มุก สวมชุดชาววังสีเขียวอ่อน ดวงตาทั้งสองเปล่งประกายสว่างวาบ

“อิ๋นกังจื่อ ครั้งนี้เจ้ามาสาย หากข้าจำไม่ผิดล่ะก็ การต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ เจ้าคงชอบมากที่สุด แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยตกเป็นรองผู้ใด” ชายร่างใหญ่สวมชุดเกราะผู้นั้นลูบศีรษะโล้นๆ ฉับพลันนั้นก็หัวเราะร่าใส่อิ๋นกังจื่อ

“หึๆ ยามมาผู้แซ่อิ๋นพบกับปัญหาเล็กน้อย จึงล่าช้าไปสองสามวัน มิเช่นนั้นจะต้องมาเร็วกว่าสหายฮั่วอิ่งแน่” อิ๋นกังจื่อดูเหมือนคุ้นเคยกับชายหัวโล้นจึงตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจเลยสักนิด

“การแปลงกายของพี่อิ๋นนั้นข้าได้ยินมาเนิ่นนานแล้ว แต่ได้พบกับสหายอิ๋นสองสามครั้งล้วนไม่มีวาสนาได้พบ ครั้งนี้คู่ต่อสู้คือเซียนจากแดนเซียน น่าจะไม่พลาดสินะ” หญิงสาวสวมชุดชาววังเอ่ยพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ ออกมา

“อิทธิฤทธิ์ของฮูหยินอูถึงจะเรียกว่าเป็นเลิศในแดนวิญญาณ อิทธิฤทธิ์เพียงจิ๊บจ๋อยของน้องจะมีค่าอันใด” อิ๋นกังจื่อเผชิญหน้ากับหญิงสาวชาววัง คาดไม่ถึงว่าจะไม่กล้าดูแคลนใดๆ ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้ม

ส่วนคนที่เหลือทั้งสามคนแม้ว่าจะไม่ได้พูดคุยกับอิ๋นกังจื่อ แต่สายตาที่มองมาทางอิ๋นกังจื่อก็เจือรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าไม่นับว่าเป็นคนแปลกหน้า

มิน่าล่ะ!

ในบรรดาคนเหล่านี้ไหนเลยที่ไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งระดับมหายานที่มีชื่อเสียง ประกอบกับใช้ชีวิตมาไม่รู้กี่หมื่นปีย่อมได้คบหากันบ้างไม่มากก็น้อย

เทียบกันแล้วพวกเขาย่อมสนใจหานลี่ที่เป็นหน้าใหม่ผู้นี้มากกว่า

“พี่หมิง สหายผู้นี้คือผู้ใด ก่อนหน้าดูเหมือนว่าพวกเราจะไม่เคยพบมาก่อน” นักพรตหญิงผู้นั้นมองหานลี่สองสามแวบในที่สุดก็ฉีกยิ้มพลางเอ่ยถาม

“ผู้นี้คือสหายหานของเผ่ามนุษย์ แม้ว่าจะบรรลุระดับมหายานได้ไม่นาน แต่ชื่อเสียงของเขาเชื่อว่าทุกคนคงเคยได้ยินมาแน่” หมิงจวินได้ยินก็ตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม

“หานลี่? คือระดับมหายานเผ่ามนุษย์ที่สังหารมารดาแมลงผู้นั้นหรือ?” นักพรตหญิงได้ยินก็ตกตะลึงไปสองส่วน

“สังหารมารดาเผ่าแมลงได้ไม่ใช่ฝีมือของข้าคนเดียว โลกภายนอกล่ำรือกันเกินไป” หานลี่หัวเราะน้อยๆ พลางตอบกลับ

ชายร่างใหญ่หัวโล้นและหญิงสาวสวมชุดชาววังต่างเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา

เห็นได้ชัดว่ามารดาแมลงผู้นี้ร้ายกาจมาก ผู้แข็งแกร่งในบรรดาระดับมหายานเหล่านี้ล้วนรู้มาบ้างไม่มากก็น้อย

“จุ๊ๆ ไม่ว่าอย่างไร มารดาแมลงผู้นั้นก็เป็นสิ่งที่แม้แต่เซียนก็ยังกำราบไม่ได้ ครั้งนี้มีสหายเข้าร่วม พวกเราน่าจะมั่นใจขึ้นหนึ่งส่วน” ชายร่างใหญ่หัวโล้นส่งเสียงจุ๊ๆ ชื่นชมพลางเอ่ย

“สหายหาน เจ้าเพิ่งจะบรรลุระดับมหายานได้ไม่นาน เกรงว่าก่อนหน้านี้คงไม่ค่อยได้รู้จักกับสหายเหล่านี้เท่าไหร่สินะ ให้ตาเฒ่าแนะนำเถิด ผู้นี้คือสหายฮั่วอิ่งของเผ่าจวี๋โส่ว เชี่ยวชาญการอำพรางตัวจนมีชื่อเสียงในแผ่นดินใหญ่ นี่คือฮูหยินอูของเผ่ากู่หลี อานุภาพเพลิงเทวะหลอมละลายประจำกายนั้นไร้เทียมทาน เรียกได้ว่าต้มทะเลหลอมภูเขาได้…” หมิงจวินชี้ชายร่างใหญ่หัวโล้น หญิงสาวสวมชุดชาววังและพวก และเป็นฝ่ายแนะนำให้หานลี่

แม้ว่าปกติแล้วคนเหล่านี้จะไม่มีชื่อเสียงในบรรดาผู้ฝึกตนธรรมดา แต่พวกเขานั่นแหล่ะคือระดับสุดยอดที่แท้จริงของแดนวิญญาณอย่างไม่ต้องสงสัย

“พี่หมิงครั้งนี้ต้องต่อกรกับเซียน คงไม่ได้มีแค่พวกเราสินะ” อิ๋นกังจื่อและหานลี่เพิ่งจะแยกกันนั่งลง ก็เอ่ยถามหมิงจวินอย่างสงบ

“แน่นอนว่าไม่ใช่ นอกจากสหายตรงหน้า สหายเหลิ่งของเผ่าจินสือ สหายอวิ๋นต้านเย่ว์หลิวทั้งสองของเผ่าเทียนฉานรวมทั้งซวนจิ่วหลิงก็จะมาในอดีตไม่ช้า” หมิงจวินตอบกลับอย่างไม่ต้องขบคิด

“อวิ๋นต้านเย่ว์หลิว”

“ซวนจิ่วหลิง”

อิ๋นกังจื่อและชายหนุ่มนักปราชญ์ที่ไม่ได้เอ่ยอันใดเลยก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน

นอกจากหานลี่แล้ว คนอื่นๆ ก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะหวาดกลัวทั้งสามคนนั้น

“ดาวร้ายอย่างอวิ๋นต้านเย่ว์หลิวทั้งสองรับปากว่าจะร่วมมือ นี่เป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่ง พี่หมิง เจ้าไปเกลี้ยกล่อมพวกเขาสองพี่น้องอย่างไร?” นักปราชญ์หนุ่มเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“หึ ซวนปาปลิงนั้นเปลี่ยนชื่อเป็นซวนจิ่วหลิงแล้ว ดูแล้วเขาคงสังหารจิตวิญญาณเที่ยงแท้ของโลกภายนอกได้อีกตัว แม้ว่าเจ้าบ้าผู้นี้จะฝึกฝนจนคล้ายกับมารคลั่ง แต่อิทธิฤทธิ์ก็ยิ่งลึกล้ำยากจะคาดเดาเรื่อยๆ ข้าเองก็สนใจมาก เจ้าไปเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไร” อิ๋นกังจื่อเองก็เอ่ยถามด้วยสีหน้าดูไม่ได้

“ง่ายมาก อวิ๋นต้านเย่ว์หลิวนั้น ข้าแค่สัญญาว่าจะช่วยพวกเขาสามเรื่องหลังจากเสร็จเรื่องเท่านั้น และบังเอิญที่ทั้งสองมีเรื่องสำคัญต้องขอร้องพันธมิตรเราพอดี ส่วนสหายซวนจิ่วหลิงนั้น ข้าไม่เคยเกลี้ยกล่อมอันใด แค่บอกว่าครั้งนี้ต้องต่อกรกับเซียนผู้นั้น เขาก็รับปากทันที หึๆ สำหรับเขาแล้วได้ประมือกับเซียนสักคน ก็เป็นของตอบแทนที่ดีที่สุดแล้ว” หมิงจวินเอ่ยอย่างราบเรียบ

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง จากนิสัยของเจ้าบ้านั่นก็เป็นไปได้” อิ๋นกังจื่อเอ่ยพึมพำ

ส่วนนักปราชญ์หนุ่มก็มีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใสชั่วครู่ สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยอันใดอีก

“เดิมยังเชิญสหายคนอื่นอีก แต่พวกเขามาไม่ทัน มีธุระสำคัญ เกรงว่าคงไม่อาจมาเข้าร่วมการร่วมมือในครั้งนี้ได้ มิเช่นนั้นคงมั่นใจเรื่องนี้ได้อีกหนึ่งถึงสองส่วน” หมิงจวินเอ่ยอย่างเสียดายเล็กน้อย

“เซียนจากแดนเซียนน่ากลัวขนาดนั้น! ฟังจากคำพูดของสหาย มีพวกเราคอยช่วย ดูเหมือนจะไม่ได้มั่นใจสิบส่วน แต่ตามที่ตาเฒ่าค้นหาในคัมภีร์มา เทพเซียนที่เคยปรากฏตัวในแดนของเราในอดีต ถูกพลังแห่งกฎเกณฑ์ของแดนกดเอาไว้ แม้ว่าจะแข็งแกร่งว่าจิตวิญญาณเที่ยงแท้โบราณเหล่านั้น แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งจนต้านทานไม่ได้กระมัง” ชายชราที่ถือไม้เท้าหัวมังกรสีทองกระแอมไอเบาๆ แล้วเอ่ยถามอย่างประหลาดใจเล็กน้อย

“เรื่องนี้ผู้แซ่หมิงจะไปรู้ได้อย่างไร หากเป็นเซียนธรรมดาๆ พวกเราร่วมมือกันย่อมเหลือเฟือ แต่หากเซียนผู้นี้เป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงล่ะ?” หมิงจวินได้ยินพลันเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา

“ผู้แข็งแกร่งของเซียน?” ชายชราตกตะลึงไปเล็กน้อย

คนอื่นๆ ได้ยินก็อดที่จะมองสบตากันแวบหนึ่งไม่ได้

“ใช่แล้ว จากที่เซียนผู้นี้สำแดงอิทธิฤทธิ์ในดินแดนอื่น ข้าก็มั่นใจได้ว่าเขาไม่ใช่เซียนธรรมดาที่เคยปรากฏตัวขึ้นที่แดนเราในอดีต แต่เป็นระดับสุดยอดในบรรดาเซียนเหมือนกับพวกเราและระดับมหายานธรรมดาๆ ถึงอย่างไรเสียเขาก็สังหารระดับมหายานไปสิบกว่าคนที่แดนสวรรค์โลหิตภายในรวดเดียว หนึ่งในนั้นคือลี่ว์อิงและสหายอีกสามคนที่พละกำลังไม่ด้อยไปกว่าพวกเรา ข้าไม่อาจดูแคลนได้” หมิงจวินเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“เบาะแสของสหายลี่ว์อิงอยู่ในมือของเขา ข้าย่อมรู้ แม้กระทั่งข่าวที่ว่าจิตวิญญาณเที่ยงแท้ของแดนสายฟ้าทั้งสามร่วมมือกันต่อกรเขาข้าก็ได้ยินมา แต่ข้าได้ยินว่าครั้งนี้เซียนผู้นี้ปรากฏตัวที่แผ่นดินใหญ่เฟิงหยวน ข้างกายยังมีคนรับใช้อีกคนหนึ่ง ดูเหมือนจะมีพละกำลังไม่อ่อนแอ เขาคือผู้ใด สหายหมิงตรวจสอบแล้วหรือยัง?” ฮูหยินอูหลิงแววตาเปล่งประกายขณะเอ่ยถาม

“ฮูหยินอูรู้ข่าวไวมาก แน่นอนครั้งนี้ข้างกายของเซียนผู้นั้นมีผู้ติดตามคนหนึ่ง ส่วนฐานะของเขาพันธมิตรของเราตรวจสอบมาแล้ว หากข่าวของพันธมิตรเราไม่ผิดพลาด เขาคือหยางลู่หนึ่งในสามจิตวิญญาณเที่ยงแท้ที่เผ่าเขาแมลงส่งมา” หมิงจวินขมวดคิ้วแล้วถึงได้ตอบกลับอย่างแช่มช้า

“อันใด คือหยางลู่ มันไม่ได้ถูกเซียนสังหาร กลับถูกกำราบ” ครานี้ทุกคนพลันทยอยกันหน้าเปลี่ยนสี

หานลี่ลูบใต้คางแล้วเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา

“ไม่เลว ความจริงก็เป็นเช่นนั้น เหล่าสหายในยามนี้น่าจะเข้าใจแล้วว่าเหตุใดตาเฒ่าถึงรอบคอบเช่นนี้กระมัง ดังนั้นครั้งนี้นอกจากสหายทุกท่านแล้ว ข้ายังเชิญจิตวิญญาณเที่ยงแท้ที่แข็งแกร่งที่พันธมิตรของเราบูชาสี่คนด้วย นอกจากนี้ยังใช้สมบัติสวรรค์ทมิฬสองชิ้นวางเขตอาคมสองธงทลายธุลีเพื่อทำลายหนทางการหนีของเขาด้วย”

“จิตวิญญาณทั้งสี่ สมบัติสวรรค์ทมิฬสองชิ้น! ครั้งนี้พันธมิตรของเรา ได้กำไรครั้งใหญ่สินะ” อิ๋นกังจื่อได้ยินก็สูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่ง

คนอื่นๆ ก็เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา

“ไม่มีอันใด พันธมิตรของเราทำเพื่อความมั่นคงของแดนวิญญาณ ต่อให้เป็นเซียนจากแดนเบื้องบนก็ไม่อาจทำลายความสมดุลของแดนเราได้ แน่นอนว่าพันธมิตรของเราลงแรงขนาดนี้ หากกดเซียนผู้นี้สำเร็จ สมบัติในร่างของเขาก็ต้องให้พันธมิตรของเราเป็นฝ่ายเลือกก่อนหนึ่งในสามส่วน ส่วนที่เหลือก็แบ่งให้ทุกท่านอย่างเท่าเทียมจุดนี้เหล่าสหายคงไม่มีความเห็นสินะ” หมิงจวินเอ่ยอย่างราบเรียบ

เมื่อเอ่ยคำนี้หญิงสาวสวมชุดชาววังและพวกก็อดที่จะมองสบตากันแล้วเงียบขรึมไม่ได้

หมิงจวินเองก็ไม่ได้รบเร้า แค่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งหลักและรอคำตอบจากคนอื่นเงียบๆ

หานลี่เห็นฉากนี้กลับหัวเราะน้อยๆ แล้วชิงเอ่ยปากถาม

“จากการลงทุนของพันธมิตรข้าในครั้งนี้ เลือกสมบัติก่อนหนึ่งในสามส่วนก็ไม่นับว่าเกินไป แต่ผู้แซ่หานยังมีเงื่อนไขอีกข้อหนึ่ง หากพบเคล็ดวิชาลับของแดนเซียนในตัวของเซียนผู้นี้ ข้าหวังว่าทุกท่านจะได้สำเนาไปชุดหนึ่ง”

“อืม ข้อเสนอของสหายหานดีมาก ข้าเองก็คิดเช่นนั้น”

“ไม่เลว ข้าน้อยไม่มีความเห็นใด ขอแค่มีเงื่อนไขนี้ก็พอแล้ว”

ฮูหยินอูหลิง ชายร่างใหญ่หัวโล้นและพวกได้ยินคำพูดของหานลี่ก็ทยอยกันได้สติล้วนตอบรับเต็มปากเต็มคำ

หมิงจวินเห็นสถานการณ์เช่นนั้นก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย แต่หลังจากลังเลเล็กน้อย ก็ตอบตกลง

เช่นนี้ทุกคนจึงเผยสีหน้าพึงพอใจออกมา สายตาของระดับมหายานคนอื่นๆ ที่มองมายังหานลี่เองก็เผยแววเป็นมิตรขึ้นมาสองสามส่วน

เวลาที่เหลือทุกคนจึงปรึกษาว่าจะจัดการกับเซียนผู้นั้นอย่างไร สองสามชั่วยามต่อจากนั้นก็ขอตัวลาออกจากตำหนัก

ทุกคนล้วนพักอยู่ในสิ่งปลูกสร้างของเมืองสวรรค์เหนือสวรรค์ชั่วคราว

หานลี่เองก็ไม่ต้องให้ผู้ใดอยู่เป็นเพื่อน เขาตามหาศิลายักษ์ขนาดสองสามร้อยจั้งในจุดที่ไกลออกไปหน่อยตามลำพัง และเข้าพักในสิ่งปลูกสร้างรูปทรงเหมือนหอคอยที่เป็นระเบียบเรียบร้อยหลังหนึ่ง

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Fan Ren Xiu Xian Chuan, Phàm Nhân Tu Tiên, RMJI, 凡人修仙传
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset