A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 2410 อสูรเฮยหนี

หลังจากที่หยางลู่ฟังจบก็หน้าเปลี่ยนสี ดวงตาทั้งสองข้างกวาดไปรอบด้าน แต่ทุกแห่งที่กวาดสายตาไปล้วนเป็นไอทมิฬสีดำสนิท จิตสัมผัสทำได้แค่ครอบคลุมในรัศมีสิบลี้เศษเท่านั้น มองไม่ออกว่าจุดที่ไกลออกไปมีคนซุ่มอยู่หรือไม่

“ไม่ต้องกังวล ไม่ใช่ว่าเดาไว้แล้วหรือว่าผู้แข็งแกร่งในแผ่นดินใหญ่นี้จะทำเช่นนี้หรือ! นี่คือเจตนาเดิมของข้า ขอแค่กำจัดคนเหล่านี้ได้ ทั้งแดนวิญญาณก็จะไม่มีผู้ใดกล้าหยาบคายกับข้าอีก” หม่าเหลียงเอ่ยด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มเย็นชา

“นายท่านระวังด้วย จากที่ข้ารู้พันธมิตรเฮ่อเหลียนซางของแดนวิญญาณนี้มีพละกำลังที่น่าตกตะลึงมาก หากใช้ศักยภาพทั้งหมด เกรงว่าคงมีวิธีการควบคุมมากมาย” หยางลู่ยังคงเตือนอย่างรอบคอบ

“วิธีการควบคุม? แค่แดนล่างแดนหนึ่งจะมีวิธีการอันใดที่ข่มขู่ข้าได้ ต่อให้พวกเขารู้วิธีการใช้โซ่กฎเกณฑ์ ครั้งนี้ก็ไม่มีผลต่อข้า” หม่าเหลียงหาววอด ท่าทางไม่คิดเช่นนั้น

หยางลู่เห็นหม่าเหลียงมีท่าทีมั่นใจ ย่อมชื่นชมว่า “ใช่” แล้วไม่กล้าพูดอันใดอีก

ยามนี้สายธารโลหิตที่หมุนวนและสำเภาเหาะแวววาวบุกเข้าไปในส่วนลึกของแดนหมิงซาแล้วตามลำดับ

ฉับพลันนั้นสำเภาเหาะด้านหน้าพลันเลือนราง คาดไม่ถึงว่าจะเปล่งแสงสว่างวาบหายไปท่ามกลางลำแสงหลีกหนี

รูม่านตาของหม่าเหลียงที่อยู่บนมังกรโลหิตหดเล็กลง สะบัดแขนเสื้อ สายธารโลหิตทั้งตัวที่ส่งเสียงอึกทึกแล้วหยุดลง พลางหยุดอยู่กลางอากาศ

หยางลู่เห็นเช่นนี้ก็ใจหายวาบ ผิวมีลำแสงสีเหลืองเปล่งแสงสว่างวาบ เกราะสงครามสีเหลืองหนาๆ ปรากฏขึ้นบนเรือนร่างทันใด

ในยามนั้นท้องฟ้าพลันมีเสียงฟ้าผ่า ทั่วฟ้าดินพลันหมุนวนกลับตาลปัตร ทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านมีเสียงอึกทึกดังขึ้นไม่หยุด ไอทมิฬสีดำสนิทหมุนวนออกมา ธงปรากฏขึ้นกลางอากาศเต็มไปหมด และขยายใหญ่ขึ้นกลางอากาศ ทยอยกันขยายใหญ่จนมีขนาดร้อยจั้งเศษ สายธารโลหิตทั้งสายที่ดูราวกับต้นไม้ยักษ์ค้ำฟ้าพลันถูกกักอยู่ในนั้น

ในเวลาเดียวกันกลางอากาศพลันมีจันทราทรงกลดสีเขียวปรากฏขึ้น ด้านบนมีเงาร่างนักพรตสิบกว่าคนยืนอยู่ด้วยกันลางๆ และต่างมองมาทางทะเลโลหิตด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน

นั่นคือหมิงจวิน อิ๋นกังจื่อและพวกผู้แข็งแกร่ง หกปีก ปิงเฟิงที่แต่เดิมสลายหายไปพลันยืนหน้าซีดขาวอยู่ในนั้น

หม่าเหลียงมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แค่กวาดตามองธงยักษ์เหล่านั้นแวบหนึ่ง ฝ่ามือข้างหนึ่งตบออกไปกลางอากาศ

เสียงอึกทึกดังขึ้น!

สายธารโลหิตเดือดพล่านทันใด ฝ่ามือยักษ์สีโลหิตขนาดสองสามหมู่พลันปรากฏขึ้น แล้วพลันตบไปด้านล่างในทิศทางเดียวกัน

เสียง “ปัง” ดังขึ้น ธงยักษ์เกือบร้อยธงที่มีลำแสงหมุนวนโคจรอยู่พลันรวมตัวกันอยู่ตรงหน้าจนเป็นกระจกลำแสงห้าสียักษ์

ฝ่ามือยักษ์สีโลหิตตบไปที่กระจกลำแสง คาดไม่ถึงว่าจะเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปข้างใน ไม่มีเสียงใดๆ ดังออกมาเลยสักนิด

ในเวลาเดียวกันมุมหนึ่งที่รกร้างของแดนหมิงซา ฝ่ามือโลหิตพลันทะลักออกมากลางอากาศ แล้วโจมตีไปยังคนที่อยู่บนพื้น

เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังสนั่นขึ้น พื้นดินบุ๋มลงไป เผยหลุมยักษ์ขนาดสองสามลี้ออกมา

“เอ๋ เคลื่อนย้ายห้วงเวลา! เขตอาคมนี้ดูเหมือน…” หม่าเหลียงร้องเอ๋ออกมาเบาๆ ประหลาดใจเล็กน้อย

แต่ในยามนั้นธงยักษ์เหล่านั้นพลันส่งเสียงอึกทึกดังขึ้น กระจกลำแสงห้าสีรวมตัวกันเช่นกัน

ยามนั้นรอบๆ สายธารโลหิตพลันมีรัศมีลำแสงเรืองรอง เงาร่างอสูรประหลาดและคนจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาลางๆ ทำให้ผู้คนมองไปแล้วจมเข้าสู่ภวังค์ทันที

หม่าเหลียงเห็นสถานการณ์เช่นนี้พลันมีสีหน้าเคร่งขรึม มือหนึ่งพลันร่ายอาคม ไอสีดำขาวที่แผ่นหลังพลันทะลักออกมา รวมตัวกันกลายเป็นกระจกโบราณสีดำขาวสองสีเช่นกัน

ยามแรกกระจกบานนี้มีขนาดแค่ฝ่ามือ แต่หลังจากกระตุ้นอาคม ก็หมุนวนแล้วขยายใหญ่มีขนาดเท่าอ่างล้างหน้า ผิวมีลายไทเก๊กสีดำขาวปรากฏขึ้น เสาลำแสงสีดำขาวพ่นออกมา

เห็นเพียงกลางอากาศมีเสียงฉีกขาดดังขึ้น กระจกลำแสงห้าสีรอบๆ สายธารโลหิตพลันถูกเสาลำแสงสีดำขาวทะลวงจนฉีกขาด กลายเป็นลำแสงวิญญาณสลายหายไป

ระดับมหายานที่อยู่บนจันทร์ทรงกลดเห็นฉากนี้ก็หน้าเปลี่ยนสี ชายร่างใหญ่หัวโล้นหันหน้าไปเอ่ยถามหมิงจวิน

“พี่หมิง อาคมสองธงสลายธุลีถูกเจ้าเทิดทูนเช่นนั้น หรือว่าอานุภาพแค่นี้คู่ต่อสู้จะทลายได้ทุกเวลา”

“หึ ทลายได้ตลอดเวลา? หากข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ กระจกดำขาวบานนั้นน่าจะไม่ด้อยไปกว่าสมบัติสวรรค์ทมิฬ เจ้าคิดว่าการโจมตีเช่นนี้จะทลายพลังลวงตาของเขตแดนนี้ได้หรือ ทว่าอีกฝ่ายคิดจริงๆ หรือว่าฝีมือแค่นี้จะทลายเขตแดนได้ นั่นผิดมหันต์” หมิงจวินจ้องเขม็งไปที่สายธารโลหิตด้านล่าง กลับเอ่ยโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา

“เป็นเช่นนี้จริงหรือ?” ชายร่างใหญ่หัวโล้นดูเหมือนจะมีท่าทีไม่ค่อยเชื่อถือนัก

คนอื่นๆ มองสบตากันแวบหนึ่ง และมีท่าทีเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

ทว่าดูเหมือนจะเป็นการยืนยันคำพูดของหมิงจวิน ครู่ต่อมากระจกลำแสงห้าสีด้านล่างก็ถูกเสาลำแสงสีดำทลายออกจนเกลี้ยง สายธารโลหิตรอบๆ ปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็สุดจะรู้ได้ อักขระยันต์สีขาวขนาดเท่าเมล็ดข้าวสารเริ่มบางตา แต่ชั่วพริบตาก็ร่อนลงมาจากท้องฟ้าราวกับหิมะ

แทบจะในเวลาเดียวกัน พลังแห่งกฎเกณฑ์พลันห่อหุ้มไปทั้งสายธารโลหิต

หม่าเหลียงที่อยู่ในสายธารโลหิตรู้สึกเพียงว่าร่างกายเย็นเยียบ กลางอากาศรอบด้านเปลี่ยนเป็นข้นเหนียว หน้าเปลี่ยนสีรีบร่ายอาคมโคจรพลังปราณในร่าง กลับพบว่าพลังมากกว่าสามส่วนเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ

หยางลู่ที่อยู่ด้านข้างก็ยิ่งแย่ ชั่วพริบตาที่พลังแห่งกฎเกณฑ์มากระทบร่าง ก็รู้สึกเพียงว่าร่างกายหนักอึ้งราวกับภูเขาไท่ซาน พลังปราณกว่าครึ่งในร่างไม่อาจใช้การได้ ทันใดนั้นก็เผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา

“แม้แต่ข้าก็ยังถูกกัก เป็นเขตอาคมลับของแดนเซียนดังคาด พวกเจ้ามีฝีมือนัก คาดไม่ถึงว่าจะวางเขตอาคมนี้ได้ในแดนล่าง น่าเสียดายที่มันไม่สมบูรณ์ หากข้าจะทลายออกไปก็ไม่ใช่เรื่องยากนัก” หม่าเหลียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง แล้วเอ่ยพร้อมกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

จากนั้นเขาพลันอ้าปากออกพ่นร่มสีเขียวมรกตออกมาคันหนึ่ง แค่ใช้นิ้วชี้ไปกลางอากาศ

ชั่วขณะนั้นร่มคันเล็กก็ส่งเสียงกรีดร้องดังขึ้น แล้วบินไปกลางอากาศเหนือสายธารโลหิต เลือนรางแล้วขยายใหญ่ขึ้น จนมีขนาดสองสามลี้ และทยอยกันเปิดออก

ร่มยักษ์สีเขียวมรกตม้วนวนอยู่ในม่านลำแสง สายธารโลหิตทั้งสายห่อหุ้มลงมา

กลุ่มนั้นส่งผลกระทบต่อพลังแห่งกฎเกณฑ์รอบๆ หลังจากถูกม่านลำแสงสีเขียวบดบัง คาดไม่ถึงว่าจะอ่อนแรงไปเจ็ดแปดส่วน

หยางลู่ที่เดิมได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากในสายธารโลหิต ทันใดนั้นร่างกายพลันผ่อนคลายลง พลังปราณในร่างฟื้นฟูกลับมาดังเดิมแปดเก้าส่วน

ส่วนหม่าเหลียงยิ่งดูเหมือนถูกปลดออกจากพันธนาการ หลังจากหัวเราะร่า ก็ยกเท้าขึ้นย่ำไปที่มังกรโลหิตด้านล่าง

เสียงมังกรคำรามดังสนั่น!

มังกรโลหิตห้ากรงเล็บแปดตัวที่ซ่อนอยู่ในสายธารโลหิตพลันกระโจนออกมาจากสายธารโลหิตทันใด ผิวมีประจุไฟฟ้าสีเงินหมุนวน คาดไม่ถึงว่าจะแผ่กลิ่นอายอันน่ากลัวของระดับมหายานออกมา แล้วกระโจนไปหาหมิงจวินและพวกบนจันทร์ทรงกลด

“ลงมือเถิด ยามนี้เขาต้องต้านทานกับเขตอาคมเซียนด้านหนึ่ง และยังต้องกระตุ้นสายธารโลหิตเมื่อต่อกรกับพวกเรา ไม่อาจยื้อเวลาไว้นานได้ ข้าเองก็จะเรียกจิตวิญญาณเที่ยงแท้ทั้งสี่ออกมาช่วยพวกเรา” หมิงจวินเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็ร้องตะโกนอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด มือหนึ่งตะปบออกไปกลางอากาศ ในมือพลันมีแผ่นป้ายสีม่วงแดงปรากฏขึ้น แล้วโยนไปด้านหน้า

เสียงฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ พลันดังขึ้น!

แผ่นป้ายพลิ้วไหวกลายเป็นอักขระยันต์สีม่วงแดงขนาดใหญ่

เสียง “ปัง ปัง ปัง ปัง”! ดังขึ้นสี่ครั้ง มุมของสายธารโลหิตพลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น แท่นสูงสีดำทั้งสี่ปรากฏออกมา ด้านบนมีอสูรประหลาดสีดำสนิทรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัวหมอบอยู่

อสูรประหลาดทั้งสี่ตัวมีรูปร่างเหมือนกันทุกระเบียบนิ้ว มีความยาวสิบจั้งเศษ หัวมังกรตัวพยัคฆ์ เมื่อปรากฏตัวบนแท่นสูง ดวงตาที่เดิมหลับสนิทอยู่ก็ลืมขึ้น และยืนขึ้นพร้อมกัน ชูคอเปล่งเสียงร้องคำรามราวกับพยัคฆ์ออกมา

“อสูรเฮยหนี คาดไม่ถึงว่าจะมาทีเดียวสี่ตัว ฮ่าๆ พี่หมิงเจ้าปิดบังพวกเรามาตั้งนาน มีพวกมันช่วยเหลือล่ะก็ สงครามครั้งนี้ถ้าไม่ชนะก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว” อิ๋นกังจื่อเห็นอสูรสีดำทั้งสี่ ทันใดนั้นก็เอ่ยด้วยความตกตะลึงระคนดีใจ

ฮูหยินอูหลิงและคนอื่นๆ ก็เผยสีหน้าดีใจเกินคาดออกมา

อสูรเฮยหนีจัดอยู่ในระดับใกล้เคียงกับมังกรสวรรค์และหงส์เที่ยงแท้ระดับสุดยอดของจิตวิญญาณเที่ยงแท้ นับว่าไม่ด้อยไปกว่ากิเลนเท่าใดนักเมื่อเทียบกัน ยามนี้ปรากฏตัวทีเดียวสี่ตัว แน่นอนว่าย่อมทำให้ทุกคนเชื่อมั่นมากขึ้น

เมื่อผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นเห็นอสูรเฮยหนีสี่ตัวสะบัดตัว พายุประหลาดสีดำต่างก็กระโจนไปทางสายธารโลหิต แน่นอนว่าย่อมทยอยกันกลายเป็นลำแสงหลีกหนีอย่างไม่ต้องขบคิด บ้างก็สำแดงอิทธิฤทธิ์ บ้างก็กระตุ้นสมบัติพุ่งไปหามังกรโลหิตแปดตัวด้านล่าง

ยามนั้นเห็นเพียงรัศมีลำแสงหลากสีกลางอากาศทะลักออกมา หมอกสีโลหิตหมุนวน เสียงระเบิดดังสะเทือนเลื่อนลั่น

แต่ยามที่อสูรเฮยหนีสี่ตัวก็กระโจนไปหาสายธารโลหิต หม่าเหลียงแค่หัวเราะอย่างเคร่งขรึม มือหนึ่งร่ายอาคม

พริบตานั้นพายุทมิฬพลันก่อตัวขึ้นในสายธารโลหิต วารีโลหิตพลันม้วนวน คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นมนุษย์ยักษ์สีโลหิตสูงร้อยจั้งเศษ เรือนผมโล้นเกลี้ยง สวมกระโปรงเกราะสีแดงโลหิต ยกกำปั้นทุบไปทางอสูรเฮยหนี

กำปั้นขนาดยักษ์ยังไม่ทันได้ร่อนลงมาจริงๆ กลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้งก็โชยมา

อสูรเฮยหนีสี่ตัวส่งเสียง “สวบ” คาดไม่ถึงว่าจะหลบหลีกไอโลหิตพร้อมกัน และมาปรากฏตัวด้านหลังมนุษย์ยักษ์สีโลหิตราวกับเคลื่อนย้าย ขาหน้าแค่โบกไปมา ใบมีดลำแสงสีดำยาวก็เปล่งแสงสว่างวาบ หัวยักษ์สี่หัวร่วงลงมา

อสูรเฮยหนีเหล่านั้นไม่คิดจะหยุดเลยสักนิด พลิ้วกายแล้วบุกเข้าไปในทะเลโลหิต

แต่ในยามนั้นเสียง “อัด” ก็ดังขึ้นจากปากของหม่าเหลียง

อสูรเฮยหนีทั้งสี่พลันรู้สึกว่าในหัวมีเสียง “ครืน” ดังขึ้น ร่างกายเชื่องช้าลงอย่างไม่รู้ตัว

เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น หนวดสีโลหิตสิบกว่าสายถูกชักออกมาจากด้านหลังของมัน แล้วโจมตีไปที่ร่างของอสูรเฮยหนีสี่ตัวราวกับสายฟ้า

อสูรทั้งสี่แค่ร้องคำรามต่ำๆ ไอสีดำทั่วเรือนกายก็โจมตีจนสลายออกถูกลากออกไปยี่สิบสามสิบจั้ง ในเวลาเดียวกันเรือนร่างก็มีเปลวเพลิงสีโลหิตหมุนวนโคจรอยู่

ครู่ต่อมาในเปลวเพลิงสีโลหิตพลันมีเสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว พายุสีดำสี่สายพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ทำให้เปลวเพลิงโลหิตทั้งหมดม้วนวน อสูรยักษ์สีดำขนาดใหญ่กว่าเดิมสองสามเท่าสี่ตัวพลันเดินออกมา

และในยามนี้ด้านหลังอสูรยักษ์ไม่ไกลนัก มนุษย์ยักษ์สีโลหิตทั้งสี่ที่เดิมน่าจะถูกสังหารไปแล้วแล้วยังคงยืนอยู่ที่เดิม แต่แผ่นหลังกลับมีหนวดสีโลหิตตวัดไปมางอกออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็สุดจะรู้ได้ และใช้ดวงตาที่ไร้ซึ่งความรู้สึกจ้องเขม็งไปที่อสูรยักษ์สีดำทั้งสี่

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Fan Ren Xiu Xian Chuan, Phàm Nhân Tu Tiên, RMJI, 凡人修仙传
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset