“เจ้าไม่รู้จักขวดคว้าสวรรค์หรือ? เหอะ เหมือนว่าเจ้าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับไอ้ทรยศนั่นเลยสินะ เช่นนั้นก็ดี หากสามารถนำเพียงแค่ขวดกลับไปก่อนนับว่าสร้างความประหลาดใจให้พวกเขา ส่วนเรื่องจิตวิญญาณขวดโอสถนั้น คนบนโลกมนุษย์อย่างเจ้าไม่มีสิทธิได้รู้อยู่แล้ว รอข้าจับเจ้าได้แล้ว ข้าจะค้นจิตวิญญาณ พร้อมส่งเจ้าลงหลุมให้แล้วกันนะ”
หม่าเหลียงมีสีหน้ามืดครึ้มอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายเขาก็หัวเราะเสียงเย็นแล้วพูดออกมา
เมื่อเขาพูดจบ ขวดโอสถหมึกสีเขียวก็ไม่ได้อยู่ที่กลางฝ่ามือของเขาอีกต่อไปแล้ว จากนั้นเขาก็โยนตราประทับสีเลือดที่อยู่ในมืออีกข้างออกมา
“ฟิ้วๆ” มีเสียงดังขึ้น ชั่วพริบตาเดียวตราประทับนั้นก็หายไปในอากาศ แม่น้ำโลหิตแปดสายตกลงมาจากฟากฟ้า หลังจากที่ผ่านไปไม่นาน พวกมันก็กลายเป็นมังกรเลือดห้ากรงเล็บ ทันใดนั้นมันก็พุ่งไปที่หานลี่อย่างรวดเร็วและรุนแรง
สิ่งที่เซียนคนนี้คิดคือ มังกรเลือดทั้งแปดตัวนี้มีระดับมหาเมธี น่าจะสามารถจัดการหานลี่และสหายได้อย่างง่ายดาย
แววตาของนักพรตเซี่ยมีประกายสายฟ้าสีเงินสว่างวาบ หลังจากที่เขาม้วนตัวลงที่พื้นแล้ว เขาก็กลายร่างเป็นปูยักษ์สีเหลืองทอง
กล้ามทั้งสองข้างของปูยักษ์ตัวนี้โบกไปมาอย่างดุเดือด จากนั้นก็มีลูกบอลสายฟ้าขนาดใหญ่เท่าบ้านหลังหนึ่ง พุ่งตรงไปที่มังกรโลหิตสองตัวที่ลอยอยู่ หลังจากที่มันเปล่งประกายเปรี๊ยะๆ แล้วมันก็พุ่งตรงไปด้านหน้าอย่างรุนแรง
ท่ามกลางเสียงคำรามของสายฟ้า ปูยักษ์สีทองและมังกรโลหิตสองตัวได้เริ่มต่อสู้กันแล้ว
หานลี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขวดโอสถสีเขียวในฝ่ามือก็หายไปในหน้าอกอย่างไร้ร่องรอย กระบี่สีเขียวจำนวนมากมายที่ลอยอยู่ด้านข้าง ก็ส่งเสียงหึ่งๆ ขึ้นมา หลังจากกระบี่จำนวนมากมายนับไม่ถ้วนได้ส่องแสงสว่างพร้อมกันแล้ว ทันใดนั้นมันก็กลายเป็นเขตอาคมกระบี่แห่งหนึ่ง ที่ครอบคลุมพื้นที่มากกว่าร้อยหมู่
เขาใช้นิ้วหนึ่งชี้ไปยังพื้นที่ว่างที่ในเขตอาคมกระบี่ ตอนนั้นเองใจกลางของเขตอาคมกระบี่ก็มีแสงสีเขียวปรากฏขึ้นมา และเริ่มขยายใหญ่อย่างบ้าคลั่ง
หลังจากนั้นก็มีเสียงมังกรคำรามดังลั่น มังกรยักษ์สีเขียวตัวหนึ่งปรากฏออกมาจากแสงสีเขียว มันมีขนาดมากกว่าร้อยจั้ง
ทั่วทั้งร่างกายของมังกรตัวนี้ปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีเขียว มันส่ายหัวกระดิกหางไปมา ทุกการเคลื่อนไหวของมันเต็มไปด้วยปราณที่เยือกเย็น ทันทีที่มันปรากฏตัวออกมา มันก็พุ่งเข้าโจมตีมังกรโลหิตที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที
เมื่อมังกรโลหิตเห็นดังนั้นมันก็อ้าปากกว้างอย่างไม่ลังเล จากนั้นก็มีลำแสงสีเลือดถูกพ่นออกมา และโจมตีไปโดนมังกรตัวใหญ่ที่ขดไปมาอย่างแม่นยำ
แต่เมื่อมังกรตัวนั้นเห็นดังนั้นปราณเย็นที่อยู่รอบตัวของมันก็ถูกแผ่ออกมาทันที ปราณกระบี่จำนวนมากมายนับไม่ถ้วนก็เข้าโจมตีโรมรันกับลำแสงสีเลือด โดยที่มังกรตัวนั้นไม่ได้รับบาดแผลเลยแม้แต่นิดเดียว
หม่าเหลียงที่ยืนห่างออกไปเห็นดังนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขาไม่ทันไม่ได้คิดอะไร มังกรจำศีลตัวใหญ่สีเขียวก็คำรามเสียงยาวพร้อมเข้าโจมตีพัวพันกับมังกรโลหิตตัวนั้นอย่างดุเดือด
ตอนนั้นเองหมอกโลหิตก็แผ่กระจายมาทั่วทุกสารทิศ เพียงแค่สองอึดใจ มังกรโลหิตตัวนั้นก็โดนมังกรเขียวฆ่าไปแล้ว แต่มังกรตัวอื่นๆ อีกห้าตัวที่อยู่บริเวณใกล้เคียงก็ฉวยโอกาสนี้เข้าโจมตีอีกฝ่ายทันที หลังจากที่มังกรโลหิตคำรามเสียงยาวแบบเดียวกันแล้ว เคล็ดวิชาวิถีโลหิตทุกแขนงก็เปิดใช้งานอย่างมืดฟ้ามัวดิน
มังกรจำศีลสีเขียวก็ไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย มันเพียงสะบัดหัวใหญ่ๆ ไปมาเท่านั้น เกล็ดบนร่างกายของมันก็กลายเป็นกระบี่จำนวนมากมายมหาศาลแล้วพุ่งออกไปทันที
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง มังกรโลหิตตัวนั้นก็เพิ่งโดนฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หมอกโลหิตก็ปกคลุมพื้นที่โดยรอบอีกครั้ง และมีจำนวนหนาแน่นขึ้นอย่างมาก
แม้ว่ามังกรตัวนี้จะสู้หนึ่งต่อห้า แต่ปราณกระบี่ที่ออกมาจากร่างกายของมันก็แข็งแกร่งไร้เทียมทาน แต่เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นร่างกายของมันก็มีแต่รอยบาดแผล หลังจากที่มันฉีกทึ้งมังกรโลหิตอีกตัวอย่างเต็มกำลังแล้ว ตัวของมันก็ถูกเปลวเพลิงโลหิตจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนโจมตี จากนั้นมันก็ระเบิดตัวออกไปกลายเป็นคริสตัลเล็กๆ
มังกรโลหิตที่เหลือต่างดีใจกันมาก มันหมุนตัวเตรียมเข้าไปโจมตีหานลี่
แต่เมื่อหานลี่เห็นดังนั้น เขาจึงยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาร่ายคาถาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ทันใดนั้นตรงหน้าของเขาก็มีกระบี่สีเขียวเล่มหนึ่งกำลังก่อตัวขึ้นมาอย่างเลือนราง จากนั้นมันหายไปกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย
วินาทีถัดมา มังกรโลหิตไม่กี่ตัวก็คำรามเสียงดัง กระบี่สีเขียวก็ปรากฏออกมา ท่ามกลางเสียงร้องคำรามก็มีมังกรจำศีลสีเขียวอีกตัวปรากฏออกมาจากกระบี่เล่มนั้น พริบตาเดียวมันก็เริ่มต่อสู้กับมังกรโลหิตทั้งห้าตัวนั้น
หานลี่ยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ได้ขยับไปไหนเลย ราวกับว่าเขาสามารถกำจัดมังกรทั้งห้าตัวได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็ต้องใช้ปราณครึ่งของร่างกาย เพื่อรักษาเขตอาคมกระบี่โดยไม่ให้ขาดตอน
แม้ว่าเขตอาคมมังกรเขียวจำศีลจะสูงขึ้นตามการบำเพ็ญเพียรของเขา ตอนนี้มันจะแข็งแกร่งอย่างไร้เทียมทาน แต่ปริมาณของปราณที่ใช้ก็มากกว่าเดิมหลายเท่า
แต่นี่เป็นเพราะจิตสัมผัสของหานลี่สูงกว่ามหาเมธีทั่วไป หากเป็นมหาเมธีธรมมดาๆ มาควบคุมเขตอาคมนี้ เขาต้องไม่มีแรงเหลือมาใช้วิชาอื่นๆ แน่นอน
เมื่อหม่าเหลียงเห็นดังนั้น เขาก็เลิกคิ้วขึ้น มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาร่ายคาถา ส่วนปากก็ท่องงึมงำ
ทันใดนั้นเองมีเสียงระเบิดดังขึ้นบนท้องฟ้าเหนือศีรษะของหานลี่ จากนั้นก็มีลำแสงโลหิตจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา และกลายเป็นตราประทับเลือดที่มีขนาดเท่ากับภูเขาลูกหนึ่ง
หลังจากที่เกิดระลอกคลื่นอย่างรุนแรง เงาร่างของตราประทับเลือดนั้นก็พุ่งตรงมาที่หานลี่อย่างรวดเร็ว
“อย่างนี้นี่เอง ปราณแท้ของเจ้าในตอนนี้ ไม่ได้มีระดับเท่ากับตอนแรก คาดไม่ถึงว่าหุ่นเชิดโลหิตวิญญาณสี่ตัว ก็ไม่สามารถรวบรวมออกมาได้” หานลี่ไม่ตกใจแต่กล่าวอย่างดีใจ หลังจากที่เขาหัวเราะเสียงดัง เขาก็สะบัดแขนเสื้ออย่างกะทันหัน ภูเขาลูกเล็กๆ สามลูกก็ปรากฏขึ้น หลังจากที่มันหลอมรวมกันแล้ว มันกลายเป็นภูเขาสามสีลูกหนึ่งที่มีความสวยงามอย่างมาก
หานลี่พูดคำว่า “ขยาย” ออกมา ภูเขาสามสีก็ขยายใหญ่ขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง พริบตาเดียว มันก็กลายเป็นภูเขาขนาดใหญ่ที่มีความสูงมากกว่าหมื่นจั้ง หลังจากที่ยอดเขามันส่องแสงระยิบระยับแล้ว มันก็ระเบิดแสงแสบตาพร้อมกับชนเงาร่างตราประทับอย่างแรง
ทันใดนั้นกลางอากาศก็มีเสียงเหมือนแผ่นดินสั่นสะเทือน หลังจากที่มันทรุดตัวลงพื้น แต่มันก็ขัดขืนเงาร่างตราประทับเลือด จนตอนนี้มันสามารถลอยอยู่บนฟ้าโดยไม่ตกลงมาเลยแม้สักส่วน
ในเวลาเดียวกัน ด้านบนของตราประทับเลือดก็มีระลอกคลื่นที่ค่อยๆ ปกคลุมลงมาด้านล่าง
หานลี่รู้สึกหนาวยะเยือก ตอนนั้นเองการโคจรปราณของเขาก็เดินได้น้อยลง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้ หานลี่ก็ไม่แสดงอาการตื่นตระหนก เขาทำเพียงแค่คำรามเสียงต่ำเท่านั้น ทันทีที่เขาขยับแขน รัศมีลำแสงรูปกระบี่หมึกสีเขียวก็ปรากฏขึ้นมา ส่วนอีกด้านหนึ่งก็มีระลอกคลื่นระเบิดขึ้นมา
“ตู้ม” เสียงดังสนั่น พลังของทั้งสองฝ่ายกระแทกกันราวกับคลื่นยักษ์ แต่ชั่วพริบตาเดียวมันก็หายไปหมดแล้ว
หานลี่นิ่งค้างไปเล็กน้อย ปราณในร่างกายของเขากลับมาเป็นปกติแล้ว
“ภูเขารวมปราณห้าขั้น สมบัติสวรรค์ทมิฬ” เมื่อหม่าเหลียงเห็นผลลัพธ์ดังนั้น เขาก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้ จากนั้นเขาก็โมโหขึ้นมาอีกครั้ง
ตอนที่เขาอยู่ในสมัยหนุ่มๆ ภูเขารวมปราณห้าขั้นยังสร้างไม่เสร็จด้วยซ้ำ สมบัติสวรรค์ทมิฬชิ้นหนึ่งทำไมถึงสามารถป้องกันการโจมตีของผนึกเลือดหมื่นวิญญาณได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น
ปราณแท้ของเขาได้รับความเสียหายอย่างมาก ตอนนี้จึงไม่สามารถใช้พลังของตราประทับโลหิตได้อย่างเต็มที่จริงๆ
ในใจของเซียนผู้นี้มีความลังเลเล็กน้อย ในตอนที่เขากำลังคิดว่าควรจะเปลี่ยนวิชาในการโจมตีอยู่นั้น หานลี่ก็แบมือขึ้นมาท่ามกลางความว่างเปล่า หลังจากที่แสงสีเขียวกลางฝ่ามือของเขาสว่างขึ้น กระบี่ไม้หมึกสีเขียวเล่มหนึ่งก็ปรากฏออกมา ทันใดนั้นเขาก็สาวเท้าใหญ่ๆ ไปข้างหน้า ตอนนั้นเองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านหลังเขาก็พุ่งตัวนำไป พริบตาเดียวก็หายมาอยู่ในร่างกายของเขาอย่างไร้ร่องรอย
วินาทีถัดมา ในร่างกายของหานลี่ก็มีเสียงร้องคำรามออกมา หลังจากรัศมีลำแสงสว่างวาบ กลุ่มแสงหลากสีก็ลอยออกมาพร้อมกัน หลังจากที่มันหมุนไปมาแล้วหนึ่งรอบ จากนั้นก็กลายเป็นเงาร่างของมังกรฟ้า หงส์ ชิงหล่วน และอื่นๆ
หลังจากที่เงาร่างพวกนี้ปรากฏขึ้นมา มันก็แผ่กระจายปราณที่น่าสะพรึงกลัว ในเวลาเดียวกันนั้น หลังจากที่มันคำรามเสียงดังแล้ว มันก็บินเข้าไปในร่างของหานลี่
ร่างกายของหานลี่ก็ปล่อยแสงสีม่วงทองแสบตาออกมา พร้อมขนาดตัวที่ขยายใหญ่อย่างบ้าคลั่ง เกล็ดมังกรสีทองและอักขระวิญญาณสีเงินก็พวยพุ่งออกมาจากผิวหนังอย่างบ้าคลั่ง ในขณะเดียวกันก็มีแสงสีทองปรากฏขึ้นที่หัวไหล่ทั้งสองข้างของเขา
หลังจากเสียงร้องคำรามดังลั่น ปีศาจที่มีส่วนสูงมากกว่าพันจั้ง มารผู้ดุร้ายที่มีสามเศียรหกกร ก็ปรากฏตัวขึ้นมาที่กลางอากาศ
เทพมารองค์นี้มีเขาข้างเดียว ดวงตาที่หกส่องแสงสีเงิน มือข้างหนึ่งของเขาที่กำลังถือกระบี่ไม้หมึกสีเขียวอยู่ นอกจากนั้นมือทั้งห้าที่เหลือก็ไม่ได้ถืออะไร
นี่คือการบำเพ็ญเพียรระดับที่สามของนิพานร่างเทพ
เห็นได้ชัดว่าเขารู้จักมันอย่างดี วิชาเทพทั่วไปกับสมบัติมาทำให้เซียนท่านนี้บาดเจ็บสาหัส เดิมทีเขาไม่จำเป็นต้องทำเรื่องเปลืองแรงอะไรขนาดนี้ แต่เมื่อเขาลงมือต่อสู้ก็ต้องใช้ท่าไม้ตายที่อยู่ลึกที่สุด
ตั้งแต่หานลี่หยิบกระบี่จิตวิญญาณสวรรค์ทมิฬออกมาจนถึงตอนที่เปลี่ยนร่างสำเร็จ เวลาผ่านไปเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น เมื่อเห็นว่าเทพมารสะบัดข้อมือ กระบี่ไม้หมึกสีเขียวก็ส่งเสียงฟิ้วๆ ออกมา ผิวหนังด้านนอกของเขาก็มีอักษรรูนสีเงินปรากฏออกมา
ปราณทั่วทั้งโลกและปราณฟ้าดินต่างหยุดชะงัก ลูกไฟห้าสีจำนวนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา และพุ่งเข้าไปในกระบี่ไม้หมึกสีเขียวอย่างบ้าคลั่ง
หม่าเหลียงที่ยืนอยู่ในระยะไกลเห็นดังนั้น ใบหน้าก็มืดครึ้มขึ้น เขาสะบัดแขนเสื้อโดยที่ไม่ลังเลเลย ยันต์สีเงินเจ็ดแปดแผ่นก็ปรากฏขึ้นมา หลังจากที่โบกไปมาท่ามกลางสายลม มันก็กลายเป็นกระบี่ยักษ์ ค้อนยักษ์ ง้าวยักษ์ และอาวุธชิ้นอื่นๆ อีกเจ็ดแปดชิ้น หลังจากที่มันเลือนราง มันก็กลายเป็นลำแสงเย็นเยียบแล้วพุ่งใส่หานลี่อย่างรวดเร็ว
ในตอนนั้นเอง หานลี่ที่มีสามเศียรหกกรก็รีบชิงลงมือก่อนหนึ่งก้าว เขายกกระบี่หมึกสีเขียวที่ยาวมากกว่าร้อยจั้งขึ้นพร้อมพุ่งไปด้านหน้า
ไร้สุ้มไร้เสียง!
กระบี่หมึกสีเขียวโค้งยาวเป็นเป็นรูปจันทร์เสี้ยวปรากฏออกมา แต่หลังจากที่มันกวัดแกว่งไปมา มันก็ควบแน่นกลายเป็นเส้นหมึกสีเขียวบางๆ และระลอกคลื่นที่มีปราณน่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดขึ้น
“ตู้มๆ” เสียงระเบิดดังขึ้นสองครั้ง หลังจากปราณกระบี่หมึกสีเขียวบางๆ ก็ผ่านแสงสีเงินไป ยันต์ด้านในเจ็ดแปดชิ้นและดาบยักษ์สีเงินก็ค่อยๆ ถูกทำลายไป ไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้งมันได้เลยแม้แต่น้อย
อีกทั้งเส้นบางๆ หมึกสีเขียวนั้นก็เคลื่อนไหวเร็วมาก เกือบจะถึงระดับของค่ายกลส่งตัวแล้ว แสงสว่างวาบสองครั้ง ก่อนที่จะมาถึงตรงหน้าของหม่าเหลียง ตั้งแต่ความเย็นเยียบที่น่าแปลกประหลาด ทำให้เลือดของเซียนผู้เป็นอมตะรู้สึกหนาวสั่นขึ้นมา
รูม่านตาของหม่าเหลียงหดเล็กลง แต่กลับไม่ได้หลบจากจุดเดิมเลย เขาเพียงสะบัดแขนเสื้อมาที่ด้านหน้า ทันใดนั้นอากาศด้านหน้าที่ภาพเลือนราง พร้อมกลายเป็นโล่สีดำขึ้นมากำบังเขาได้อย่างทันท่วงที ในขณะเดียวกันเขาก็อ้าปากขึ้น พร้อมคายกระบี่สีขาวดั่งหยกออกมาเล่มหนึ่ง
“ฟู่” มีเสียงหนึ่งดังขึ้น เมื่อเส้นบางๆ หมึกสีเขียวฟาดลงที่โล่สีดำ มันก็หยุดชะงักไปชั่วครู่ และทุกอย่างก็เงียบเสียงไป
จากนั้นกระบี่สีขาวก็พุ่งออกไปด้วยความเร็ว
หลังจากนั้นก็มีเสียงแปลกประหลาดดังขึ้น ฉากที่น่าอันตรายก็เกิดขึ้น
กระบี่เล่มเล็กสีขาวกับเส้นบางๆ หมึกสีเขียวกำลังสัมผัสกันอยู่ด้านหน้าของหม่าเหลียง ตอนนั้นเองมันก็หยุดนิ่งไม่ขยับไปไหน
วินาทีต่อมา เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น กระบี่เล่มเล็กสีขาวแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ เส้นบางๆ หมึกสีเขียวก็ถูกทำลายและหายไปอย่างไร้เสียง
ในขณะที่กระบี่สีขาวถูกทำลาย เขาก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากแล้วพ่นโลหิตบริสุทธิ์สีทองออกมา
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าทำลายกระบี่สังหารเซียนของข้า ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ตายอย่างทรมาน” ใบหน้าของหม่าเหลียงเต็มไปด้วยความโกรธและตกใจ ราวกับว่าประหลาดใจอย่างมากที่โดนทำลายกระบี่ เขาจึงพูดกับหานลี่อย่างดุร้าย
เหมือนว่ากระบี่เล่มเล็กนี้จะมีความสำคัญต่อเขามากทีเดียว