ด้วยความเร็วของทั้งสามคน พวกเขาจึงมาหยุดที่ใจกลางของเกาะภายในพริบตา
เมื่อมองออกไปก็จะเห็นว่ามียอดเขาที่ดูเหมือนธรรมดาอยู่ด้านหน้าของพวกเขา
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงดังกึกก้องมาจากยอดเขาแห่งนั้น พร้อมลำแสงสีขาวก็พุ่งออกมาด้วย
จากนั้นภาพที่อยู่ข้างหน้าก็คล้ายกับว่าเป็นรอยร้าวของกระจกที่แตกหัก จากนั้นก็มียอดเขาสีเขียวมรกตสองลูกและยอดเขาปราณหนึ่งลูกปรากฏขึ้น
ลำแสงสีขาวนั้นพุ่งจากยอดเขาไปยังท้องฟ้าด้านบน
“เสานภาเมฆาวิญญาณ”
เมื่อหานลี่เห็นลำแสงนั้นปรากฏขึ้น ใบหน้าของเขาก็มีความประหลาดฉายชัดออกมา
ตอนที่เขามาเมื่อครั้งที่แล้ว เสาจิตวิญญาณนี้จะปรากฏออกมาก็ต่อเมื่อเขาทำลายเขตต้องห้ามเท่านั้น
แต่ตอนนี้คนยังไม่ได้ไปถึง ทำไมเสาต้นนี้ถึงออกจากหุบเขาทุกขวิญญาณด้วยตนเองเช่นนี้ได้
ความคิดของหานลี่เปลี่ยนไปในทันที ในตอนที่กำลังคิดถึงเรื่องเหตุผลนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงคำรามออกมาจากร่างกายของเขา ทันใดนั้นกลุ่มแสงสีเขียวก็ลอยออกมาจากแขนเสื้อ หลังจากที่มันเลือนรางแล้ว มันก็กลายเป็นลำแสงวิญญาณแล้วพุ่งออกไปในระยะไกลทันที
สีหน้าของหานลี่เปลี่ยนไปอย่างมาก เขายกมือข้างหนึ่งแล้วพุ่งไปด้านหน้า ขณะเดียวกันพลังมหาศาลที่ไร้รูปร่างก็ปรากฏขึ้น ตอนนั้นเองแสงสีเขียวที่อยู่ห่างออกไปร้อยจั้งก็สว่างขึ้น
หลังจากแสงสีเขียวสว่างวาบขึ้น แสงนั้นคือขวดสีเขียวใบเล็ก
ในตอนนั้นเองขวดใบเล็กสีเขียว ภายนอกมีอักษรรูนหมึกสีเขียวปรากฏขึ้นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน และสั่นสะเทือนอย่างไม่หยุดยั้ง ราวกับว่าต้องการจะสลัดให้หลุดจากการกักขังนี้ให้ได้
แทบจะในเวลาเดียวกัน ลำแสงสีขาวที่ห่างออกไปไม่ไกลก็มีเสียงหวีดร้องดังขึ้น ด้านในก็มีแสงสีเหลืองสว่างขึ้น ร้อมพุ่งเข้าหาหานลี่เหมือนกับฝนดาวตก
หานลี่ชะงักไปเล็กน้อย มือใหญ่อีกข้างคว้ามันเอาไว้โดยไม่ทันคิด
ทันใดนั้นแสงสีเหลืองที่อยู่บนท้องฟ้าก็เกิดความผันผวนขึ้น มือขนาดใหญ่สีทองขนาดหลายจั้งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ นิ้วทั้งห้าขยายใหญ่ขึ้น และคว้าแสงสีเหลืองที่พุ่งเข้ามาราวกับฟ้าผ่า
ทันใดนั้นนั้นแสงสีเหลืองนั้นก็เกิดระเบิดขึ้น
เส้นไหมสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนก็พวยพุ่งออกมา มือยักษ์สีทองที่มั่นคงแข็งแรง ชั่วพริบตาเดียวก็ถูกเจาะทะลุเป็นร้อยๆ รู หลังจากนั้นมันก็สั่นสะเทือนอีกครั้ง จากนั้นก็กลายเป็นลำแสงเล็กๆ และหายไปในที่สุด
ลำแสงสีเหลืองก็เกิดการพร่าเบลออีกครั้ง จากนั้นมันก็ปรากฏอยู่ด้านข้างของขวดสีเขียวใบนั้น เพียงห่างออกไปไม่กี่ลี้
หลังจากม่านแสงสีเหลืองหายไปแล้ว ขวดสีเหลืองก็ปรากฏออกมา
ขนาดและรูปร่างภายนอกของขวดใบนี้เหมือนกับขวดสีเขียวไม่มีผิดเพี้ยนเลย เพียงแต่ว่ามันมีสีเหลืองอ่อนเท่านั้น ขวดใบนั้นส่องแสงกะพริบไม่หยุดหย่อน
ทันทีที่ของชิ้นนั้นปรากฏตัวขึ้นมา มันก็พุ่งไปหาขวดสีเขียวอย่างไม่รอช้า รวมกับว่าจะทำการหลอมรวมร่างกันทันที
“ตู้ม” เสียงหนึ่งดังขึ้น
ขวดสีเขียวก็มีแสงสว่างขึ้น อักษรหมึกแสงสีเขียวก็ปรากฏขึ้นมาทันที พริบตาเดียวขวดสีเหลืองก็กระเด็นออกไป
จากนั้นขวดใบนั้นก็กลิ้งออกไปหลายจั้ง จากนั้นก็ค่อยหยุดนิ่ง
แสงสีเหลืองสว่างวาบขึ้นที่ด้านนอกของขวดสองครั้ง จากนั้นก็มีลูกตาดำขนาดเท่าเม็ดถั่ว สองเม็ด ปรากฏขึ้น มันดูน่าแปลกอย่างมาก และสิ่งนั้นมันทำให้คนที่เห็นรู้สึกตกใจอย่างมากเช่นกัน
หลังจากขวดสีเหลืองขยับอีกหนึ่งครั้ง แสงสีเขียวที่อยู่รอบๆ ขวดใบนั้นก็พวยพุ่งขึ้นมา แต่ไม่ว่ามันจะใช้วิธีใด อักษรหมึกแสงสีเขียวก็ผลักมันออกมาอยู่ดี มันจึงไม่สามารถเข้าใกล้ขวดใบเล็กสีเขียวได้เลย
ดวงตาสีดำที่อยู่บนขวดสีเหลืองนั้นก็กะพริบตาอย่างบ้าคลั่ง แสดงท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก
แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง ในพื้นที่ที่ไม่ไกลกันนั้น หานลี่ที่กำลังร่ายคาถาวิชาเซียนอยู่นั้น เมื่อได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เพราะเขาได้หลอมรวมขวดจำลองและขวดจริงเข้าด้วยกัน ตอนนี้จึงสามารถควบคุมขวดใบนี้ได้ชั่วคราว และมีผลต่อจิตวิญญาณขวดอย่างมาก มิน่าล่ะ หม่าเหลียงผู้นี้จึงได้รับขวดจำลองใบนี้มา เก้าในสิบส่วนของปรมาจารย์จิ่วหยวนก็ต้องวางแผนที่ใกล้เคียงกันแน่นอน
เมื่อหานลี่คิดได้เช่นนั้น แต่ใบหน้ากลับไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา หลังจากที่เขาหมุนตัวกลับมาแล้ว เขาก็เดินไปหาขวดทั้งสองอย่างช้าๆ
ด้านหลังของเขายังมีบรรพชนหยวนเหยี่ยนที่เดินตามมา เขาก็มีสีหน้าตกใจจนอ้าปากค้างเช่นกัน
เขากับบรรพชนอีกสองท่าน ปกปักรักษาเกาะทุกขวิญญาณมาเป็นเวลานานมาก เกือบหมื่นๆ ปี แต่ทำไมเขาถึงไม่เคยรู้มาก่อนว่าบนเกาะแห่งนี้มีสมบัติเช่นนี้อยู่
แม้ว่าขวดสีเหลืองนี้จะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงสภาพที่แท้จริงได้ แต่เห็นได้ชัดว่ามันมีจิตวิญญาณที่แท้จริง เกรงว่าระดับจะต้องไม่ต่ำกว่าสมบัติสวรรค์ทมิฬแน่นอน
แล้วหานลี่รู้อย่างไรว่าสมบัติเช่นนี้อยู่ที่นี่ อีกทั้งยังมีของที่คล้ายกับสมบัติชิ้นนี้อยู่ในร่างเขาด้วย ผู้สร้างแห่งเผ่ามารไม่อยากจะหาเหตุผลใดๆ อีกต่อไป
ในใจของเขากลับร้อนรนขึ้นมา เขาอยากจะเดินตามหานลี่ไปต่ออีกหน่อย
แต่ในตอนนี้ รอบข้างกลับมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ไม่รู้ว่านักพรตเซี่ยมาขวางทางเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ประจุสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนโผล่ออกมาจากร่างกายของเขา พร้อมมองเขาด้วยเสียงเย็นเยียบ แต่ไม่พูดไม่จา
บรรพชนหยวนเหยี่ยนชะงักไปครู่หนึ่ง และหยุดฝีเท้าลงในทันที ดวงตาสีม่วงได้แต่มองแผ่นหลังของหานลี่ที่ค่อยๆ เดินจากไป จากนั้นก็หันมามองใบหน้าไร้อารมณ์ของนักพรตเซี่ย เขาจึงอดแสดงความลังเลเล็กน้อยไม่ได้ ตอนนั้นเขายังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรจะตามไปหรือไม่
แม้ว่าเขาจะยังไม่เคยประมือกับหานลี่ในตอนที่เขาอยู่ระดับมหาเมธีแล้ว แต่ในตอนที่อีกฝ่ายอยู่ในระดับหลอมรวมก็ชนะมาอย่างยากลำบากแล้ว แต่เมื่อเขาอยู่ในระดับมหาเมธี ได้ยินข่าวลือว่าฝีมือของเขาน่ากลัวไม่น้อย นอกจากนี้เขาก็ยังมีสัตว์เซียนระดับมหาเมธียืนจ้องเขาอยู่ด้วย
แม้ว่าเขาจะตามใจตัวเองอยู่เสมอ แต่ก็ไม่คิดว่าตนเองจะมีโอกาสชนะอีกฝ่ายได้ ส่วนเรื่องที่จะแย่งสมบัติชิ้นนั้นก็เป็นเพียงฝันกลางวันเท่านั้น หากลงมือไปนั้นอาจจะทำให้อีกฝ่ายโมโหขึ้นมาจริงๆ ได้ จนสามารถหาความตายมาให้ตนเองได้
หลังจากที่หยวนเหยี่ยนคิดอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็ถอนหายใจออกมา พร้อมละทิ้งความคิดอื่นๆ ออกไป เขาจึงกลับมายืนอยู่ที่เดิมอย่างสงบ พร้อมมองการกระทำของหานลี่ไปด้วย
ผู้สร้างเผ่ามารท่านนี้ ไม่รู้เลยว่าตัวเองพลาดโอกาสที่ดีที่สุดไปแล้ว
สมบัติสื่อวิญญาณชิ้นนี้นั้นเป็นสมบัติที่ปรมาจารย์แดนเซียนต่างให้ความสำคัญอย่างมาก
หากเขารู้ประวัติที่แท้จริงของขวดคว้าสวรรค์ ต่อให้มีความเป็นไปได้หนึ่งในหมื่น บรรพบุรุษเผ่ามารท่านนี้จะต้องเข้าไปแย่งชิงสมบัติชิ้นนี้กับหานลี่อย่างแน่นอน
ในขณะเดียวกัน หานลี่ก็ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ๆ ขวดทั้งสองใบอย่างระมัดระวัง ใบหน้าของเขาดูจริงจังอย่างมาก
แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพียงจิตวิญญาณขวดที่ไม่มีรูปร่าง แต่เห็นได้จากเมื่อครู่ที่มันสามารถกำจัดวิชาลับของเขาได้อย่างง่ายดาย เขาก็เพิ่มการระวังมากขึ้นเป็นสิบสองส่วน เขาไม่กล้าปฏิบัติกับอีกฝ่ายเหมือนจิตวิญญาณทั่วไปแน่นอน
หลังจากที่ขวดสีเหลืองพุ่งเข้าไปหาขวดสีเขียวมากกว่าสิบครั้ง ในที่สุดเขาก็หยุดลง พร้อมยืนอยู่กลางอากาศบริเวณใกล้เคียง จากนั้นก็ใช้ดวงตาดำขลับคู่นั้นมองมาที่หานลี่ที่อยู่ข้างๆ
มันรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่ก็แสดงสีหน้าจริงจังออกมา
เมื่อหานลี่เห็นดังนั้น เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
จิตวิญญาณขวดใบหน้าไม่ได้โจมตีเขาแล้วหนีไป นั้นก็ทำให้ขั้นตอนต่อมาง่ายขึ้นมากแล้ว
ในใจของเขาคิดเช่นนั้น จากนั้นก็สะบัดมือข้างหนึ่ง ยันต์สีทองก็ระเบิดออกมาจากด้านในอย่างไร้เสียง
ในตอนนั้นเองหมอกหนาก็ลอยออกมาแขนเสื้อของเขา หลังจากที่มันพวยพุ่งออกมา มันก็ปกคลุมพื้นที่บริเวณนี้ไว้ทั้งหมด
สถานการณ์ของหานลี่และขวดสองใบปกคลุมด้วยหมอกอย่างหนาแน่น ทำให้ผู้มีพลังวิเศษอย่างหยวนเหยี่ยน ก็ไม่สามารถมองเหตุการณ์ด้านในได้
เมื่อผู้สร้างเผ่ามารท่านนี้เห็นดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็แอบดีใจที่เมื่อครู่ตนเองไม่ได้ลงมืออะไรไป
อย่าว่าแต่เรื่องอื่นเลย เพียงแค่อีกฝ่ายสามารถใช้วิชาปกปิดจิตวิญญาณของตนเองได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวมากพอแล้ว
เวลาค่อยๆ ผ่านไป ภายในหมอกสีเขียวก็ยังคงไร้เสียง และไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย
เมื่อหยวนเหยี่ยนเห็นดังนั้น เขาก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้น แต่เขาก็ไม่วางใจที่จะให้หานลี่อยู่ในเกาะแห่งนี้คนเดียว
หลังจากที่เขาถอนหายใจออกมาแล้ว เขาก็ยกมือข้างหนึ่งเพื่อเรียกมังกรสามหัว จากนั้นก็ไปนั่งสมาธิบนหัวของมัน
สิ้นสุดการรอคอย ในที่สุดเวลาก็ผ่านมาเจ็ดวันเจ็ดคืน
หยวนเหยี่ยนเริ่มหมดความอดทนแล้ว เขากำลังคิดว่าตัวเองจะเข้าไปสำรวจในทะเลหมอกนั้นสักหน่อยดีหรือไม่ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามยาวเหมือนกับว่าดีใจ ดังขึ้นมาจากในทะเลหมอกนั้น
หมอกสีเขียวม้วนตัวขึ้นมาอีกครั้ง
จากนั้นก็มีแสงสว่างขึ้น พร้อมสายรุ้งสีเขียวก็พุ่งออกมา
พร้อมเงาคนอีกคนหนึ่ง
หานลี่มาปรากฏอยู่ตรงหน้าของหยวนเหยี่ยนดูท่าทางกระปรี่กระเปร่า หลังจากที่มองหน้าเขาแล้ว ก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“อ่า สหายยังไม่ได้ไปไหนหรือ ทำให้พี่หยวนต้องรอนานแล้ว”
“หึ เกาะแห่งนี้อยู่ในทะเลกำเนิดมาร ข้าจะปล่อยให้คนต่างเผ่าอยู่ที่นี่คนเดียวได้อย่างไร เจ้าหมดธุระแล้วใช่หรือไม่ ในเมื่อได้ของวิเศษแล้ว ก็รีบออกไปจากที่นี่เถอะ” หยวนเหยี่ยนลุกขึ้นจากบนหัวมังกรยักษ์ แล้วพูดขึ้นอย่างอารมณ์เสีย
“สหายไม่พูด ข้าน้อยก็ไม่อยากอยู่ที่นี่นาน คิกๆ ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนจะได้พบกันอีกครั้ง” หานลี่หาวขึ้น แต่ความสุขในใจไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย
จากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกับผู้สร้างเผ่ามารอีก หลังจากทักทายนักพรตเซี่ยแล้ว ทั้งสองคนก็รีบบินออกตามทางที่เคยมาทันที
หยวนเหยี่ยนมองทั้งสองคนบินจากไปด้วยสีหน้าที่มืดมน
…
ห้องลึกลับในเรือยักษ์สีดำ หานลี่หยิบขวดสีเขียวมรกตขึ้นมาไว้ในมือ มุมปากก็ยังมีรอยยิ้มอยู่
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เก็บขวดใบนั้นลง และหลับตานั่งสมาธิอีกครั้ง
ขั้นตอนการปราบจิตวิญญาณขวดนั้น ใช้เวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน ภายในหมอกเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
ไม่ว่าหานลี่จะกลับไปที่เผ่ามนุษย์ หรือขึ้นไปอยู่แดนเซียน ตอนที่เป็นหนึ่งในแดนเซียน ก็ไม่เคยเปิดเผยเรื่องราวนี้ให้ใครได้รู้แม้แต่ครึ่งส่วน
ทำให้สหายและศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักจำนวนไม่น้อยต้องคาดเดากันไปแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ
…
หลายเดือนหลังจากนั้น หุบเขาลึกไม่เห็นก้นบึ้งแห่งหนึ่งของแดนมาร เรือยักษ์สีดำปรากฏขึ้นกลางอากาศ หานลี่และนักพรตเซี่ยที่อยู่ข้างนอก กลับมองเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่ด้านล่าง
“ทำลายเขตแดนตรงนี้ออกไป สามารถไปถึงที่เกาะมังกร ที่อยู่ใกล้กับแดนก้านสัมผัสได้ ฝานเผาจือ
หมอนั่นพูดอย่างคลุมเครือ บอกว่าที่แดนแห่งนี้จะมีราชทูตมารับส่งพวกเราโดยเฉพาะ แต่กลับไม่ได้บอกตำแหน่งที่ชัดเจน กลับทำให้ยุ่งยากขึ้นแล้ว” หานลี่หัวเราะขื่นๆ จากนั้นก็ร่ายคาถาไปยังเรือยักษ์สีดำ
ตอนนั้นเองเรือศักดิ์สิทธิ์วิญญาณน้ำหมึกก็หดขนาดเล็กลง จากนั้นก็บินเข้าไปในแขนเสื้อของหานลี่
หลังจากหานลี่สะบัดมือขึ้นมาจากความว่างเปล่า รอยแผลเป็นสีเขียวที่แขนก็ปรากฏขึ้น ในตอนนั้นกลางฝ่ามือของเขาก็มีกระบี่ไม้หมึกสีเขียวปรากฏขึ้น จากนั้นเขาก็ฟันมาลงไปอย่างแรง