แมลงกลืนทองนั้นไม่ต้องพูดถึง ลำแสงกระบี่สามสีเป็นอิทธิฤทธิ์ที่ไม่เหมือนกับการรวมร่างกับปราณแท้ที่หานลี่เรียนรู้มาจากเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้
เคล็ดวิชาลับนี้สามารถกระตุ้นเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้ได้ในเวลาเดียวกัน รวมทั้งอิทธิฤทธิ์สามชนิดอย่างคาถาวัชระ และอาศัยเทวรูปมารเที่ยงแท้สำแดงออกมาขณะทำการโจมตี
เคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้และคาถากระมรกตดั้งเดิมนั้นก็ไม่เห็นจะมีอะไรดี!
คาถาวัชระนั้นเดิมทีก็เป็นเคล็ดวิชาการฝึกฝนร่างกาย ปราณแท้ที่ผสมอยู่ในนั้นสามารถสำแดงออกมาได้ด้วยวิธีนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่หาได้ยากมากแล้ว
ที่ถูกหานลี่เรียกว่า ‘ประหารไตรปราณ’ นั้น เพราะว่าปราณแท้ที่ไม่เหมือนกันสักกระผีกสามชนิดช่วยส่งเสริมกันและกัน อานุภาพจึงมากกว่าการโจมตีปราณแท้ชนิดเดียวมากกว่าสองสามเท่า
และการลงดาบเมื่อครู่ก็ดูดปราณแท้ในร่างของหานลี่ไปกว่าครึ่ง
ดังนั้นแม้ว่าลำแสงกระบี่สามสีที่ถูกบีบอัดจะดูไม่สะดุดตาเลยสักนิด แต่การลงดาบมาครั้งนี้ก็แทบจะผ่าภูเขาแหวกทะเลได้
ประกอบกับการโจมตีอื่นที่โจมตีขนาบกัน ขอแค่วานรมารสีดำตัวนั้นรับมืออย่างยากลำบาก หานลี่ก็มั่นใจว่าจะฟันกระบี่ของเขาลงมาสังหารมันได้ในคราเดียวเจ็ดส่วน
ยามนี้มองเห็นประจุไฟฟ้าสีเขียวชิงโจมตีไปยังเกราะสงครามสีม่วงที่ปกปิดผิวกายของวานรยักษ์ ในเขตอาคมกลับมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น!
ผิวของเตียงโลหิตมีอักขระเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะปล่อยลำแสงโลหิตที่เปล่งแสงเจิดจ้าจนแสบตาออกมา ชั่วครู่ก็บดบังเกราะสีม่วงที่วางอยู่บนนั้นเอาไว้ ประจุไฟฟ้าทยอยกันโจมตีไปที่ลำแสงสีโลหิตอย่างดุเดือด
ไม่รู้ว่าเตียงโลหิตนั้นมีสมบัติอันใดอยู่ เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่น่าตกตะลึงเช่นนี้ ลำแสงสีโลหิตที่ปล่อยออกมากลับแค่พลิ้วไหว คาดไม่ถึงว่าจะต้านทานเอาไว้ได้
ทว่าครู่ต่อมาลำแสงกระบี่สามสีและแมลงเกราะสีทองสองตัวก็ชนเข้ากับลำแสงสีโลหิตตามลำดับ
หลังจากเสียง “ปังๆๆ” ดังสนั่นขึ้น ทั้งห้องโถงก็สั่นคลอนอย่างรุนแรง ชั่วพริบตาก็ถูกลำแสงหลากสีสันกลืนกิน
ราวกับว่าดวงอาทิตย์สีสันสดใสดวงหนึ่งปรากฏขึ้นตรงใจกลางของเขตอาคม ช่างสะดุดตายิ่งนัก!
หานลี่ที่อยู่ไกลออกไปแววตาฉายแสงสีฟ้าสว่างวาบ แต่สองมือกลับไม่หยุดพักสักกระผีกริ้น
มือข้างหนึ่งตะปบไปกลางอากาศที่ไกลออกไป มืออีกข้างหนึ่งกลับร่ายอาคม กระตุ้นเทวรูปพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์เหนือศีรษะ
เสียงไพเราะดังขึ้น ไม่รอให้เสียงระเบิดที่ห้องโถงใหญ่ด้านล่างหยุดลง วิหคเพลิงกลืนวิญญาณพลันหุบปีกทั้งสองข้างแล้วพุ่งลงมาถลาเข้าไปในลำแสง
ชั่วขณะนั้นดวงอาทิตย์สีเจิดจ้าก็มีเปลวเพลิงสีเงินเพิ่มขึ้นมา หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบ ก็สลายหายไป
หานลี่กลับกระตุ้นเทวรูปสีทองเหนือศีรษะ กระบี่ยักษ์ในมือทั้งหกสลายหายไปพร้อมกัน ลูกทรงกลมลำแสงสีทองปรากฏขึ้นแทน พุ่งออกมาจากใจกลางฝ่ามืออย่างหนาแน่น
ท่ามกลางเสียงอึกทึก พายุหมุนสีทองกลุ่มหนึ่งพลันพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ชั่วครู่ก็ม้วนเอาทุกอย่างในห้องโถงเข้าไปข้างใน
พายุหมุนลูกยักษ์กดลงมาที่ใจกลางแล้วสลายออก แม้ว่าหานลี่จะยืนอยู่ไกลกับประตู ก็ยังถูกแรงกดมหาศาลกลุ่มนี้กดจนต้องถอยหลังออกไปสองก้าว
ฉับพลันนั้นเขาพลันหน้าเปลี่ยนสี เทวรูปเหนือศีรษะหยุดการโจมตี
และในเวลาเดียวกันหานลี่พลันสะบัดแขนเสื้อทั้งสอง ม่านลำแสงสีเทาชั้นหนึ่งและเปลวเพลิงลำแสงห้าสีพลันปรากฏขึ้นด้านหน้าแล้วม้วนกลับไป ชั่วครู่ก็ห่อหุ้มเรือนกายเอาไว้อย่างหนาแน่น
และมีโล่ผลึกวารีใบเล็กบินออกมาจากแขนเสื้อ ต้านทานเอาไว้เบื้องหน้า
หานลี่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยความสงบ มองไปยังจุดที่ไกลออกไปโดยไม่ต้องพูดอะไร
แม้ว่าจะมีอิทธิฤทธิ์เนตรวิญญาณ แต่ท่ามกลางลำแสงที่ระเบิดออกจนเจิดจ้าแสบตานั้น เขาไม่อาจมองเห็นอะไรได้ แต่ในใจกลับรู้สึกตงิดๆ ขึ้นมา
ไม่ว่าวานรมารระดับศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้จะได้รับบาดเจ็บหนักมาจากอันใด แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังคงไม่ยอมเปล่งเสียงพูดใดๆ ตรงใจกลางที่ระเบิดออกกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ
มันแปลกไปหน่อยแล้ว
สิ่งมีชีวิตระดับอินทรีย์ตนหนึ่ง ต่อให้ถูกเขาสังหารในดาบเดียว ก็ไม่มีทางเงียบกริบขนาดนี้
ขณะที่หานลี่กำลังขบคิด จิตสัมผัสพลันกระจายออกกวาดไปยังบริเวณรอบๆ
แต่ในยามนั้นเองเสียงหัวเราะประหลาด “คิกๆ” พลันออกมาจากห้องโถง
หานลี่ใจหายวาบ ชั่วพริบตานั้นพลันเก็บจิตสัมผัสกลับมา มองไปทางพายุหมุนสีทอง
เสียงฟ้าผ่า “เปรี้ยง” ดังขึ้น
พายุหมุนสีทองและลำแสงยักษ์ที่ห่อหุ้มอยู่ด้านในมีรอยบากสีม่วงบางๆ สองสามสายสว่างวาบ ปริแตกออกจากด้านใน
จากนั้นท่ามกลางเสียงระเบิด ชั่วพริบตาทั้งสองก็สลายหายไป
เขตอาคมยักษ์ตรงใจกลางปรากฏขึ้นอีกครั้ง
หานลี่จ้องเขม็งมองไป หางตาอดที่จะกระตุกสองสามครั้งไม่ได้
เขตอาคมสีม่วงทั้งหมดถูกทำลายจนแตกละเอียด
ไม่เพียงขอบของเขตอาคมจะเป็นหลุมเป็นบ่อมากมายจนนับไม่ถ้วน ส่วนหนึ่งยังสลายหายไป
ตรงกลางเขตอาคมมีร่องสีดำกว้างสองสามจั้งปรากฏขึ้น แยกพื้นดินในห้องโถงออกเป็นสองส่วน
แต่สิ่งที่ทำให้หานลี่ตกตะลึงก็คือเตียงโลหิตเตียงนั้นอยู่ในร่องนั้นอย่างพอดิบพอดี กลับมีรูปร่างสมบูรณ์แบบไม่ได้รับความเสียหายใด
เงาร่างคนสายหนึ่งลุกขึ้นนั่งบนเตียงโลหิตแล้ว!
นั่นก็คือวานรมารสีดำสวมเกราะสีม่วงตนนั้น!
แต่แค่อสูรมารตัวนี้นอกจากเขาแหลมๆ สีเหลืองสามเขาบนศีรษะ ทุกระเบียบนิ้วบนร่างก็ถูกเกราะสงครามปกปิดเอาไว้อย่างแน่นหนา ไม่โผล่ออกมาภายนอกเลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งดวงตาทั้งสองบนเกราะบนใบหน้า ก็ถูกผลึกวารีสีขาวสองก้อนวางแทน ทำให้มองไม่ออกว่ากำลังรู้สึกอย่างไร
หากมองไกลๆ อสูรตัวนี้ดูเหมือนหุ่นเชิดธาตุทองขนาดยักษ์ก็ไม่ปาน
เกราะสงครามสีม่วงกลับไม่ใช่ไม่ได้รับความเสียหาย ไม่เพียงหลายๆ จุดที่แตกออกเป็นชิ้นๆ มีอีกหลายจุดที่ไหม้เกรียม
ทว่ามือยักษ์สองข้างที่ถูกแผ่นเกราะปกคลุม กลับตะปบไปทางลำแสงสีทองแน่นท่ามกลางลำแสงสีดำที่เปล่งแสงสว่างวาบ
นั่นก็คือแมลงกลืนทองโตเต็มวัยสองตัวของหานลี่
แมลงยักษ์สองตัวนี้เองก็ไม่เกรงใจมันพากันกัดไปบนนิ้วตัวละนิ้ว ไม่มีท่าทีจะคลายออกเช่นกัน
ไม่รู้ว่าเกราะสงครามนี้สร้างขึ้นจากวัตถุดิบใดกันแน่ ไม่เพียงจะต้านทานการโจมตีที่น่าตกตะลึงนี้ได้ แม้แต่แมลงกลืนทองก็ยังไม่อาจกัดมันขาดได้ในระยะเวลาสั้นๆ
เห็นได้ชัดว่าวานรมารตัวหนึ่งหวาดกลัวแมลงกลืนทองเป็นอย่างมาก มันยอมพลีนิ้วไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจับแมลงสองตัวนี้เอาไว้ให้ได้
มิเช่นนั้นหากถูกแมลงกลืนทองหาจุดอ่อนภายใต้เกราะสงครามสีม่วงพบ มันก็จะต้องปวดเศียรเวียนเกล้ามากแน่
แต่ทุกอย่างนี้ล้วนยังไม่ใช่สิ่งที่ดึงดูดสายตามากที่สุด
ชั่วพริบตาที่สายตาตกไปอยู่ด้านหน้าของอีกฝ่าย สิ่งที่เปล่งแสงระยิบระยับพลันลอยขึ้น
นั่นคือใบมีดชำรุดความยาวครึ่งฉื่อ
เปล่งแสงสีม่วงระยิบระยับ แต่ใบมีดท่อนบนกลับหายไป แต่ตัวมีดกลับเป็นกึ่งโปร่งใส ด้านในมีอะไรสักอย่างลอยพลิ้วไปมาไม่หยุด
“นั่นคือ…”
หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง กลับมองเห็นสิ่งที่อยู่ด้านในใบมีดที่ชำรุดสีม่วงได้อย่างชัดเจน
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสิ่งที่คล้ายกับมังกรวารีแต่ก็ไม่ใช่ คล้ายหงส์แต่ก็ไม่ใช่
สาเหตุที่กล่าวเช่นนี้ก็เพราะหากมองปราดเดียวก็ดูคล้ายกับมังกรวารีขนนกของเผ่าแมลงมีเขา แต่หากพิจารณาดูแล้วกลับไม่เหมือนกันเลยสักนิด
แม้ว่าจะมีปีกยักษ์เช่นกัน ร่างกายคล้ายกับมังกรวารี แต่ปีกคู่นี้กลับไม่มีขนสักเส้น ผิวถูกเกล็ดสีม่วงปกคลุมอยู่ และยิ่งไปกว่านั้นแผ่นหลังยังไม่ได้มีปีกแค่คู่เดียว แต่มีสองคู่และยิ่งไปกว่านั้นยังใหญ่หนึ่งคู่เล็กหนึ่งคู่
สิ่งที่สะดุดตายิ่งกว่าก็คือบนจมูกของเจ้าสิ่งนี้ยังมีเขาเดี่ยวสีทองอยู่เขาหนึ่ง ทำให้มันดูน่าขบขัน
ทว่าใบหน้าของหานลี่กลับไม่มีรอยยิ้มเลยสักนิด รูม่านตาพลันหดเล็กลงขณะมองไป
เมื่อสิ่งนิรนามนี้แหวกว่ายไปมา ใบมีดชำรุดก็เปล่งแสงเจิดจ้าตามมัน
พลังแรงกดมหาศาลที่แผ่ออกมา ทำให้หานลี่อดที่จะสูดลมหายใจอันเย็นยะเยือกเข้าไปไม่ได้
เจ้าสิ่งนี้ชำรุดไปแล้ว ยังมีพลังแรงกดมหาศาลเช่นนี้ หากมันยังสมบูรณ์แบบ อานุภาพของมันจะไม่มากมายจนน่าเหลือเชื่อหรือ
ดูแล้วแม้ว่าอสูรมารระดับศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้จะได้รับบาดเจ็บหนัก แต่สมบัติในร่างก็ยังไม่ธรรมดา หากจะจัดการอีกฝ่ายก็ไม่ได้สบายๆ อย่างที่ตนคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า
หานลี่ขบคิดในใจอย่างรวดเร็ว
ยามนี้เสียงหัวเราะประหลาดๆ ในเกราะสงครามสีม่วงพลันหยุดลง บนเกราะมีลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ ร่างใหญ่ยักษ์ยืนขึ้นบนเตียงสีโลหิต และเดินโซเซลงมา
มุมปากของหานลี่กระตุก ฉับพลันนั้นมือหนึ่งก็ตะปบไปกลางอากาศที่ไกลออกไป
หลังจากเสียง “ครืน” ดังขึ้น เปลวเพลิงสีเงินขนาดเท่าเมล็ดถั่วจำนวนนับไม่ถ้วน ก็ปรากฏขึ้นใกล้ๆ กับวานรมาร จากนั้นก็เปล่งแสงสว่างวาบ พุ่งเข้าไปหาวานรยักษ์ราวกับห่าฝน
และในเวลาเดียวกันกำแพงรอบด้านของห้องโถงก็มีลำแสงสว่างวาบ ยันต์วิเศษสองสามร้อยใบปรากฏขึ้น แต่ทันใดนั้นก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป
ตรงเพดานห้องโถงเหนือศีรษะของวานรยักษ์มีเขตอาคมสีเงินระยิบระยับปรากฏขึ้น
ใจกลางของเขตอาคมลำแสงมีเงาลวงตาของวิหารขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นรางๆ ราวกับว่าไม่ใช่สถานที่ในแดนมนุษย์อย่างไรอย่างนั้น
วิหารนั้นเปล่งแสงสีเงินเรืองรอง อักขระจำนวนนับไม่ถ้วนลอยวนโคจรไปมา เสียงดนตรีดังแว่วออกมาจากในนั้น
แต่หากมีคนตั้งใจฟังดีๆ เสียงดนตรีกลับหายไปแล้ว
นั่นก็คือยันต์เก้าวิมานสวรรค์!
เขตอาคมลำแสงแค่หมุนคว้าง ก็พ่นเสาลำแสงสีเงินสายหนึ่งออกมา
ชั่วพริบตานั้นการโจมตีทั้งสองชนิดก็มาอยู่ด้านหน้าวานรมารพร้อมกัน
แต่วานรนี้กลับไม่มีเจตนาจะหลบหลีกเลยสักนิด หลังจากที่เปล่งเสียงหัวเราะประหลาดๆ ออกมาผ่านเกราะบนใบหน้าอีกครั้ง แขนข้างหนึ่งก็กำหมัดโบกไปมาอย่างรางเลือนเล็กๆ
หลังจากเสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้น ไอคลื่นสีดำก็ระเบิดออกมาจากร่างของมัน
เมื่อเจ้าพวกนั้นเข้าประชิดเปลวเพลิงสีเงิน ชั่วพริบตาก็ถูกม้วนออกไป และถูกทำลายไปจนเกือบหมด
ส่วนเสาลำแสงสีเงินเหนือศีรษะก็ถูกไอคลื่นนั้นผลักออกไป และชะงักเล็กน้อยถูกต้านทานเอาไว้กลางอากาศ ไม่อาจตกลงมาได้
หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันมีสีหน้าเคร่งขรึม กระตุ้นอาคมโดยไม่ได้ปริปากพูดใดๆ
เสียงดนตรีท่ามกลางเขตอาคมลำแสงดังขึ้น วิหารเงาลวงตาขยายใหญ่ขึ้นสองสามเท่า ตกลงมาท่ามกลางเขตอาคมลำแสง แล้วห่อหุ้มลงมาที่วานรมาร
วิหารเงาลวงตานั้นดูเสมือนจริง นอกจากนี้เมื่อมองมาด้านล่างก็มีท่าทีน่าตกตะลึง
วานรมารอดที่จะเงยหน้าที่มีเกราะบดบังขึ้นมองไม่ได้ ชะเง้อคอคิดจะมองไปกลางอากาศ
ครู่ต่อมาใบมีดชำรุดด้านหน้าก็ดูเหมือนว่าจะเคลื่อนไหว รอยตวัดสีม่วงปรากฏขึ้นกลางอากาศ
หลังจากลำแสงสีม่วงเปล่งแสงสว่างวาบ เงาลวงตาของวิหารที่ร่อนลงมาด้านล่างและเขตอาคมลำแสงกลางอากาศก็ถูกแยกออกเป็นสองส่วน เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป
หานลี่เห็นฉากนี้ใบหน้าพลันอดเปลี่ยนสีไม่ได้ แต่ไม่รอให้เขาคิดจะสำแดงอะไรออกมา
ใบมีดชำรุดเล่มนั้นก็ตั้งตรง จากนั้นก็พุ่งมาทางหานลี่ แล้วสะบัดเล็กน้อย
รอยบาดสีม่วงอีกสายหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าหานลี่
และในเวลาเดียวกันวานรมารที่ดูเหมือนเชื่องช้าแค่หยักไหล่ทั้งสอง ร่างกายก็สลายหายไป
ครู่ต่อมาลำแสงสีม่วงพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ร่างที่ถูกเกราะสงครามสีม่วงปกคลุมปรากฏขึ้นด้านข้างหานลี่ มือใหญ่ยักษ์ข้างหนึ่งทุบลงมาที่ศีรษะของหานลี่ตรงๆ
ทั้งๆ ที่มีม่านลำแสงสองชั้นต้านทานอยู่เบื้องหน้า แต่กำปั้นไม่ทันมาถึง หานลี่ก็รู้สึกว่าโสตทั้งสองมีเสียงดัง “เกร๊ง” คลื่นเสียงไร้รูปร่างทะลวงผ่านม่านลำแสง มาปรากฏขึ้นข้างหูของเขา
“ชิ้ง”
“ปัง”
เสียงทั้งสองที่แตกต่างกันแทบจะดังขึ้นในห้องโถงในเวลาเดียวกัน
รอยบากสีม่วงเปล่งแสงสว่างวาบ ไอคลื่นสีขาวกลืนกินจุดที่หานลี่ยืนอยู่เข้าไป