A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1618 พิษประหลาดปรากฏขึ้นอีกครั้ง

 

 

 

ตั้งแต่หานลี่กลายเป็นหงส์หลากสีจนถึงต้องที่สำแดงอิทธิฤทธิ์ด้านห้วงเวลาของวิหควิญญาณหงส์ออกมา ชั่วครู่วิหคเพลิงกลืนวิญญาณและวิหคมารที่กำลังสู้รบกันปรากฏขึ้นห่างออกไปยี่สิบสามสิบจั้ง ทว่าแค่พริบตาเท่านั้น 

 

 

แต่วิหคมารที่อยู่ด้านล่างก่อนหน้านี้เห็นเข็มบางๆ ที่ปล่อยออกมาไม่มีผลต่อหานลี่ ก็รู้สึกตกตะลึง ชั่วพริบตานั้นก็แผ่จิตสัมผัสส่วนหนึ่งไปทางหานลี่  

 

 

ดังนั้นฉากการเปลี่ยนร่างเมื่อครู่ของหานลี่ จึงถูกวิหคมารตัวนั้นมองเห็นอย่างชัดเจน  

 

 

ใบหน้าสตรีของวิหคมารเผยท่าทีหวาดกลัวออกมา 

 

 

ถึงอย่างไรเสียจิตวิญญาณเที่ยงแท้หงส์สวรรค์ก็เลื่องชื่อว่าเป็นราชันของหมู่วิหค ต่อให้เป็นอีกาทองที่เป็นจิตวิญญาณเที่ยงแท้เช่นเดียวกัน เผชิญหน้ากับหงส์สวรรค์ ก็จำใจต้องถูกควบคุมไปกว่าครึ่งตามธรรมชาติ 

 

 

แน่นอนว่าหานลี่แค่อาศัยเคล็ดวิชานี้สร้างภาพลวงตาหงส์หลากสีขึ้น ไม่อาจเทียบกับหงส์สวรรค์ได้จริงๆ แต่โลหิตหงส์สวรรค์เที่ยงแท้ในร่างกลับเป็นของจริง ส่วนวิหคมารก็ไม่ได้เป็นอีกาสีทองจริงๆ แค่ได้รับการถ่ายทอดโลหิตและกลายพันธุ์มาเท่านั้น 

 

 

ดังนั้นถึงได้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเฉพาะที่แผ่ออกมาจากโลหิตเที่ยงแท้ในร่างของหงส์หลากสี จากนั้นวิหคมารตัวนั้นก็อดที่จะรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้ 

 

 

ประกอบกับความร้ายกาจของวิหคเพลิงกลืนวิญญาณก่อนหน้า คาดไม่ถึงว่าจะสามารถกลืนกินเพลิงเที่ยงแท้อีกาสีทองได้ ทำให้อิทธิฤทธิ์ของมันในอดีตที่แทบจะราบรื่นไร้การติดขัด ถูกควบคุมไว้ไม่ได้ 

 

 

หลังจากที่วิหคมารตัวนี้เกิดความคิดที่จะถอย ปากก็เปล่งเสียงร้องแหลมๆ ออกมาอย่างไม่ต้องขบคิด ฉับพลันนั้นก็พ่นเสาลำแสงสีขาวนวลสายหนึ่งออกมา จากนั้นเปลวเพลิงสีขาวบนเรือนร่างก็หดเล็กลง คิดจะปลีกตัวหนีไป 

 

 

แต่ร่างของวิหคเพลิงกลืนวิญญาณก็เป็นร่างที่หานลี่สร้างขึ้นจากเพลิงวิญญาณในร่าง เชื่อมโยงกับจิตสัมผัสของหานลี่เหนือกว่าสมบัติปประจำกายปกติหลายส่วน 

 

 

วิหคมารจะหนีไปง่ายๆ เช่นนี้ หานลี่แค่ขบคิด วิหคเพลิงสีเงินก็อ้าปากออกพ่นเส้นไหมบางๆ สีทองเงินออกมาเส้นหนึ่งเช่นกัน 

 

 

นั่นก็คือคลื่นลำแสงภยันตรายที่เพลิงกลืนวิญญาณหลอมขึ้นในปีนั้น! 

 

 

เสาลำแสงสีขาวนวลมีความหนาเท่าปากชาม เส้นบางๆ สีทองเงินดูเหมือนเส้นไหม แต่เมื่อทั้งสองปะทะกัน กลับทำให้เสาลำแสงหยุดชะงัก พุ่งกลับไปหาวิหคมารทางเดิมทันที 

 

 

แม้ว่าพลังยุทธ์ของวิหคมารจะไม่ธรรมดา แต่การโจมตีของตนเองสะท้อนกลับมา ย่อมทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นระลอกหนึ่ง  

 

 

มันสยายปีกสองข้างออกมาด้วยความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว เปลวเพลิงลำแสงสีขาวสองกลุ่มม้วนวนออกมาจากทั้งสองด้าน แล้วถึงได้ฝืนต้านทานเสาลำแสงนี้อาไว้  

 

 

แต่ในยามนั้นเส้นบางสีทองเงินก็เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วมาอยู่ตรงหน้าของมันแล้ว 

 

 

วิหคตัวนี้เองรู้ว่าเส้นบางสีทองเงินแปลกประหลาดมาก จะกล้ารับมันตรงๆ ได้อย่างไร ร่างกายจึงคิดจะหลบหลีกอย่างพลิ้วไหว 

 

 

แต่ในยามนั้นเหนือหัวของมันพลันมีเสียงวิหคดังขึ้น ลำแสงสีเขียวผืนใหญ่ห่อหุ้มลงมาอย่างแปลกพิกล ความเร็วมิอาจเทียบเทียมได้ 

 

 

นั่นก็คือหงส์หลากสีที่หานลี่สร้างขึ้นซึ่งบินออกมาจากรอยแยกอย่างสมบูรณ์แล้ว แค่ขนยาวๆ พลิ้วปลิวไสว ลำแสงวิญญาณสีเขียวก็กวาดออกมาอย่างเงียบเชียบ 

 

 

จากความเร็วของวิหคมาร ก็พอจะหลบหลีกได้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเปลวเพลิงสีเงินที่กำลังตัดสลับพัวพันกันกับเพลิงเที่ยงแท้อีกาสีทองก็พลันหยุดชะงักแล้วม้วนวนกลับไป ชั่วขณะนั้นพลังมหาศาลก็ส่งออกมา ภายใต้การดึงฉุดของความสามารถ ชั่วครู่ก็ทำให้ร่างของวิหคมารที่ไม่ได้ตั้งรับสั่นไหว 

 

 

ชั่วขณะนั้นพลันถูกลำแสงสีเขียวห่อหุ้มเอาไว้ข้างใน  

 

 

แม้ว่าเรือนร่างของวิหคตัวนี้จะถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยเปลวเพลิงสีขาว แต่เมื่อสัมผัสกับลำแสงสีเขียว กลับทยอยกันละลายราวกับหิมะละลายในวสันตฤดู  

 

 

ไม่รู้ว่าลำแสงสีเขียวนี้มีอิทธิฤทธิ์ใด คาดไม่ถึงว่าจะควบคุมเพลิงเที่ยงแท้อีกาสีทองได้อย่างพอดิบพอดี 

 

 

และเมื่อร่างของวิหคมารถูกลำแสงสีเขียวห่อหุ้มเอาไว้ ก็รู้สึกร่างกายถูกตึงแน่น ร่างกายหนักอึ้งราวกับยกภูเขาไท่ซานเอาไว้ 

 

 

วิหคมารตัวนี้พลันหน้าถอดสี แต่ไม่ใช่เพราะถูกกักขัง แต่เป็นเพราะเส้นบางสีทองเงินมาถึงหว่างคิ้วตน ยามนั้นไม่มีทางหลบหลีกได้อีก 

 

 

การร่วมมือกันระหว่างหานลี่และวิคหกเพลิงกลืนวิญญาณ ช่างสอดคล้องกันอย่างพอดิบพอดี 

 

 

ภายใต้ความจนปัญญานั้น ใบหน้าของวิหคมารพลันเป็นสีเขียวคล้ำ แต่ก็อ้าปากออกสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เฮือกหนึ่ง 

 

 

แต่เดิมที่ลอยตัวอยู่ใกล้ๆ กับแกนมารสีขาว ก็เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วเคลื่อนย้ายมาอยู่ตรงหน้าของวิหคมาร 

 

 

คาดไม่ถึงว่ามันคิดจะใช้สิ่งนี้ ต้านทานเอาไว้ชั่วคราว 

 

 

ที่วิหคมารทำเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมเชื่อมั่นใจความแข็งแกร่งของแกนมารของตนเอง เชื่อว่าแม้จะเผชิญหน้ากับการโจมตีด้วยสมบัติระดับสุดยอด ก็จะปลอดภัยไร้อันตราย 

 

 

เรื่องที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้น  

 

 

เมื่อเส้นบางๆ สีทองเงินโจมตีเข้ากับแกนมาร กลับเงียบกริบ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งผ่านไปราวกับไม่มีอะไรขวางกั้นอยู่ 

 

 

เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น ตรงกลางระหว่างตาทั้งสี่ของวิหคมารมีดวงหน้าเล็กๆ สีดำสนิทปรากฏขึ้น  

 

 

เส้นบางๆ สีทองเงินตัดทะลุผ่านไปอย่างคาดไม่ถึง 

 

 

เสียงกรีดร้องแหลมสูงดังออกมาจากปากของวิหคมาร เปลวเพลิงสีขาวบนผิวของมันที่แต่เดิมหม่นแสงลงเป็นอย่างมาก ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าตามเสียงร้องของมัน 

 

 

สยายปีกทั้งสองข้างออก ทำให้ลำแสงสีเขียวที่เดิมกักขังอยู่รอบๆ แตกออกเป็นเสี่ยงๆ! 

 

 

จากนั้นวิหคตัวนี้ก็ไม่สนใจการโจมตีอันดุดันของวิหคเพลิงวิญญาณฝั่งตรงข้าม ชั่วพริบตานั้นเปลวเพลิงสีเงินบนร่างที่กำลังยืนกรานอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กับเปลวเพลิงสีขาวก็ถูกตัดออกในเวลาเดียวกัน 

 

 

จากนั้นมันก็กระพือปีกทั้งสองข้างสองสามครั้ง เสาเพลิงสีขาวกลุ่มหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าจากร่างของมัน หมุนวนติ้วๆ ปล่อยพลังเพลิงวายุออกมาในเวลาเดียวกัน ชั่วพริบตาก็กลายเป็นทะเลเพลิงสีขาว 

 

 

วิหคมารตัวนั้นที่อยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงสีขาวดุดัน ดิ้นรนกระพือปีกทั้งสองข้างไม่หยุด ส่วนแกนมารที่อยู่กลางอากาศก็มีเงาลวงตาของวิหคประหลาดขนาดยักษ์ยาวสิบจั้งเศษปรากฏขึ้นเหนือทะเลเพลิง 

 

 

เงาลวงตานั้นมีเรือนกายสีทองอ่อน ดวงตาทั้งสองเป็นสีดำสนิท ราวกับอีกาตัวหนึ่ง แต่กายท่อนล่างกลับมีกรงเล็บสามกรงเล็บ 

 

 

“เทวรูปอีกาทอง! มีเลือดเนื้อของจิตวิญญาณเที่ยงแท้นี้หลายส่วนดังคาด!” 

 

 

หงส์หลากสีที่อยู่กลางอากาศมีลำแสงประหลาดหมุนวนโคจรอยู่รอบร่างระลอกหนึ่ง หานลี่กลายร่างเป็นร่างมนุษย์อีกครั้ง และมองไปทางเงาลวงตาอีกาสีทองที่อยู่ท่ามกลางทะเลเพลิง พลางเอ่ยพึมพำ 

 

 

และในยามนั้นเองวิหคมารที่อยู่ท่ามกลางทะเลเพลิงก็ชูคอกู่ร้อง ชั่วขณะนั้นเปลวเพลิงสีขาวที่เดือดพล่านสี่ชนิดพลันบินหมุนวนไปทางเงาลวงตาอีกาสีทองกลางอากาศพร้อมกันราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ 

 

 

หลังจากที่เพลิงสีขาวเหล่านั้นสัมผัสกับเงาลวงตา ก็จมหายเข้าไปอย่างไร้สุ้มเสียงทันที 

 

 

แค่ชั่วลมหายใจ เงาลวงตายักษ์ก็ดูดเพลิงเที่ยงแท้อีกาสีทองเหล่านั้นเข้าไป รอบกายเป็นสีทองเรืองรอง คาดไม่ถึงว่าร่างกายจะเข้มขึ้นราวกับเป็นของจริง แต่ผิวของขนนกสีทองพลันมีเปลวเพลิงสีขาวชั้นหนึ่งลุกไหม้ในเวลาเดียวกัน  

 

 

และท่ามกลางเปลวเพลิงสีขาวเหล่านั้น อักขระสีเงินหมุนวนโคจรไปมา อานุภาพเหนือกว่าเดิมหลายเท่า 

 

 

วิหคมารที่อยู่ด้านล่างมีสีหน้าโหดเ**้ยม จ้องเขม็งมายังหานลี่อย่างดุดัน เผยให้เห็นว่าครู่ต่อมาจะควบคุมเทวรูป กระตุ้นการโจมตีที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิม  

 

 

แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือ หานลี่มองไปยังวิหคสีทองยักษ์กลางอากาศ แล้วก้มหน้ากวาดสายตาไปยังวิหคมารด้านล่างแวบหนึ่ง ฉับพลันนั้นพลันหัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นมือหนึ่งพลันชี้ไปที่วิหคมาร ปากก็เปล่งเสียงคำว่า “ล้ม” ออกมาสามครั้ง  

 

 

วิหคมารได้ยินพลันตกตะลึง แต่ทันใดนั้นก็สยายปีกออกด้วยความโกรธเกรี้ยว เตรียมจะเคลื่อนไหว 

 

 

แต่ในยามนั้นเองความเปลี่ยนแปลงก็ปรากฏขึ้น! 

 

 

วิหคมารร่างกายสั่นเทา ฉับพลันนั้นเสียงร้องโหยหวนก็ดังลงมาจากฟากฟ้า และขดตัวระหว่างที่ร่อนลงมา ผิวเปลี่ยนเป็นสีม่วงดำ ในเวลาเดียวกันกลิ่นเหม็นเน่าก็โชยออกมา คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นของเหลวสีม่วงดำในชั่วพริบตา แม้แต่จิตวิญญาณดั้งเดิมก็ไม่เห็นว่าหนีออกมาทัน 

 

 

นั่นก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากคลื่นลำแสงภยันตรายผสมพิษ 

 

 

พิษนี้ไม่เพียงเป็นพิษประหลาด และยิ่งไปกว่านั้นหลังจากถูกแล้วตอนแรกยังไม่มีความผิดปกติเลยสักนิด 

 

 

ทว่าเมื่อเทียบกับแมลงเม่าประหลาดในตอนแรก เห็นได้ชัดว่าอีกาสีทองตัวนี้ต้านทานพิษได้น้อยกว่าเป็นอย่างมาก ไม่เพียงจะสัมผัสถึงพิษได้ช้าเกินไป และเมื่อกำเริบก็จะกลายเป็นแอ่งน้ำพิษ ไม่อาจต้านทานได้ 

 

 

เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ หานลี่พลันรู้สึกผ่อนคลายลง วิหคเพลิงสีเงินกลับกรีดร้องด้วยความดีใจ สยายปีกทั้งสองออก พลางกระโจนลงไปด้านล่าง คาดไม่ถึงว่าจะกลืนวิหคมารที่กลายเป็นแอ่งน้ำพิษลงไปในท้องในคำเดียว 

 

 

หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนั้นพลันตะลึงงัน แต่หลังจากลังเลเล็กน้อย ก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร 

 

 

แม้ว่าโลหิตเที่ยงแท้อีกาสีทองจะล้ำค่ามาก แต่เคล็ดวิชาแปลงกายที่เขาฝึกฝนอย่างเคล็ดวิชาตื่นจากแปลงกายสิบสองครั้งกลับไม่มีเคล็ดวิชาอีกาสีทอง ต่อให้ได้มาก็ไม่อาจกระตุ้นประสิทธิภาพได้มากนัก 

 

 

เช่นนั้นแน่นอนว่าย่อมไม่สู้ให้วิหคเพลิงกลืนวิญญาณกลืนลงไป ดูว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ดีกว่าหรือ? 

 

 

ถึงอย่างไรเสียวิหคเพลิงนี้ก็มีสติปัญญา การยอมกลืนเจ้าสิ่งนี้เข้าไปปกติแล้วต้องมีประโยชน์ต่อการพัฒนาของมันเป็นอย่างมาก 

 

 

หลังจากที่วิหคเพลิงตัวนี้กลืนวารีพิษเข้าไป ก็ไม่ได้หันกลับมา แต่บินขึ้นไปกลางอากาศอีกครั้ง 

 

 

จะว่าไปแล้วก็แปลก หลังจากที่วิหคมารตัวนั้นเพลี่ยงพล้ำ เทวรูปอีกาทองยักษ์ตัวนั้นกลับไม่ได้สลายหายไป แค่ดวงตาสีดำสนิททั้งสองเปล่งประกายแล้วสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อราวกับหุ่นเชิด 

 

 

เมื่อวิหคเพลิงสีเงินกระโจนเข้ามาในร่างของอีกาสีทองยักษ์ พลันก็อ้าปากออก กลืนเทวรูปอีกาทองตัวนั้นไปจนหมด 

 

 

และไม่รู้ว่าถึงเวลาแล้วหรือว่ากลืนเพลิงเที่ยงแท้อีกาสีทองไปมากเกินไป หลังจากที่วิหคเพลิงกลืนเปลวเพลิงดวงสุดท้ายลงไปในท้อง ผิวของมันก็เปล่งแสงสว่างวาบ กลับมามีขนาดสองสามฉื่ออีกครั้ง และพุ่งมาทางหานลี่โดยไม่ได้ปริปากใดๆ 

 

 

สุดท้ายก็จมหายเข้าในร่างของหานลี่อย่างไร้ร่องรอย 

 

 

เช่นนั้นจากนี้นอกจากแกนมารสีขาวดวงนั้นและเข็มบางเปล่งแสงระยิบระยับซึ่งลอยอยู่ไกลๆ ก็ไม่มีสิ่งอื่นอีก 

 

 

หานลี่เองก็ไม่เกรงใจ สะบัดแขนเสื้อ ลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งม้วนวนออกมา 

 

 

แกนมารและเข็มบางสองสามร้อยเล่มเปล่งแสงสว่างวาบท่ามกลางลำแสงสีเขียว แล้วสลายหายไปทั้งหมด 

 

 

ยามนี้หานลี่หันกายไปมองม่านลำแสงสีเขียวที่สร้างขึ้นจากเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์แวบหนึ่ง ใบหน้าเผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา 

 

 

มือข้างหนึ่งร่ายอาคม ม่านลำแสงสีเขียวแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นดอกบัวสีเขียวเป็นชั้นๆ ก็สลายหายไป สุดท้ายก็กลับคืนเป็นกระบี่บินสีเขียวเจ็ดสิบสองเล่ม กรีดร้องต่ำๆ ไม่หยุดพลางลอยอยู่ทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน 

 

 

และกระบี่บินเหล่านี้ที่อยู่ตรงใจกลาง ซากวิหคมารทั้งสี่ถูกสับออกเป็นชิ้นๆ พลันลอยนิ่งอยู่ตรงนั้น 

 

 

คิดไม่ถึงว่าวิหคมารระดับสูญสุญตาขั้นต้นสี่ตัวจะถูกอานุภาพของเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์สังหารรวดเดียวขณะที่เขตอาคมกระบี่กำลังโกลาหล 

 

 

ฉากลงดาบของหานลี่กลับไม่ได้เผยสีหน้าแปลกประหลาดใจออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วบินไปที่ด้านข้างซากศพ ลังเลเล็กน้อย แล้วเก็บซากศพทั้งหมดเข้าไปในถุงเก็บของท่ามกลางม่านลำแสงที่หมุนวน  

 

 

แม้ว่าจากความรู้สึกของเขา ดูเหมือนโลหิตเที่ยงแท้อีกาสีทองในร่างของวิหคมารจะมีอยู่เบาบางมาก แต่ก็ยังมีอยู่เล็กน้อย เช่นนั้นวันข้างหน้าย่อมรอให้วิหคกลืนวิญญาณหลอมเพลิงก่อนหน้าให้เสร็จสิ้น แล้วค่อยให้มันกินต่อได้ 

 

 

แม้ว่าโลหิตของจิตวิญญาณเที่ยงแท้เช่นนี้จะล้ำค่าเป็นอย่างยิ่งในแดนวิญญาณ เขาก็ไม่มีทางฟุ่มเฟือยแน่!  

 

 

หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น ร่างของหานลี่ก็เปล่งแสงสว่างวาบอีกสองสามครั้ง คนก็กลับมาอยู่ข้างกายของทั้งสอง และเอ่ยอย่างคร่าวๆ ว่า 

 

 

“เอาล่ะ จัดการเรียบร้อยแล้ว พวกเราไปกันเถิด” 

 

 

เมื่อได้ยินน้ำเสียงราบเรียบของหานลี่ เย่ว์จงก็ตกตะลึงจนตาค้างไปชั่วครู่ 

 

 

ในความคิดของเขาแม้ว่าหานลี่จะร้ายกาจแต่มากสุดก็คงอยู่ในระดับเผ่าเบื้องบนขั้นที่เก้าเท่านั้น 

 

 

แต่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นมันคืออะไร? คนผู้นี้เพิ่งจะอยู่ในระดับเผ่าเบื้องบนขั้นที่เจ็ด คาดไม่ถึงว่าจะสังหารวิหคมารระดับสูงจำนวนมากภายในเวลาหนึ่งถ้วยน้ำชา แถมยังมีท่าทีสบายๆ เช่นนี้ 

 

 

วิหคมารเหล่านี้ไม่เพียงมีตัวที่อยู่ในระดับเผ่าเบื้องบนขั้นที่เก้าอยู่ และยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นวิหคมารกลายพันธุ์จากโลหิตของจิตวิญญาณเที่ยงแท้! 

 

 

ทุกอย่างนี้ทำให้เย่ว์จงตกตะลึงอย่างขีดสุด ยังคงไม่เชื่อสิ่งที่ตนเห็นเมื่อครู่ 

 

 

เขาแค่มองหานลี่ด้วยความตกตะลึง ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ 

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Type: Author: ,
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset