หานลี่และพวกทั้งสามคนบินมาสองร้อยกว่าลี้ในล้วนเดียว แม้กระทั่งระหว่างทางยังทำให้หนูบินสีดำสนิทฝูงหนึ่งที่หยุดพักอยู่บนยอดเขาลูกหนึ่งตกใจ
มารอสูรเหล่านี้มีขนาดตัวใหญ่กว่าสิบเท่า รูปร่างคล้ายกระรอก แต่แผ่นหลังมีปีกคู่หนึ่ง ในเวลาเดียวกันก็เผยเขี้ยวแหลมคมออกมา เผยท่าทีโหดเ**้ยมเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่ามารอสูรระดับต่ำเช่นนี้ ย่อมไม่อาจถูกหานลี่เห็นอยู่ในสายตา
แม้กระทั่งไม่ต้องให้หานลี่ลงมือ ลำแสงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนบนร่างของเซียนเซียนก็ปรากฏขึ้น พุ่งออกไปราวกับพายุฝนฟ้ากระหน่ำ ชั่วครู่ก็ทะลวงร่างของมารที่กลายเป็นหนูบินจนเป็นรูพรุน คร่าชีวิตของมันไปในทันที
แต่เมื่อเห็นฉากนี้เย่ว์จงกลับไม่ได้เผยสีหน้าดีใจอะไรออกมา กลับบินตรงไปข้างหน้าต่อ หลังจากผ่านไประยะหนึ่งกรงล้อเหาะเหินใต้ฝ่าเท้าก็หยุดลง ถอนหายใจกับทั้งสองคนอย่างแผ่วเบา
“ท่านเซียนเซียน ท่านอาวุโสหาน พวกเราไม่ต้องบินไปด้านหน้าแล้ว อสูรมารตัวนั้นอยู่ด้านหลังมาโดยตลอด และยิ่งไปกว่านั้นความเร็วยังไม่ลดลง อาศัยความเร็วของพวกเราในตอนนี้ ไม่อาจสลัดมันให้หลุดได้”
“เจ้ามั่นใจหรือ?” ลำแสงสีเขียวหม่นแสงลง หานลี่เองก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางลำแสงหลีกหนี เอ่ยปากถาม ในเวลาเดียวกันใบหน้าก็ฉายแววประหลาดใจออกมาเล็กน้อยอย่างไม่อาจสังเกตเห็นได้ง่ายๆ
“ไม่ผิดแน่ แม้ว่าพลังยุทธ์ของข้าจะไม่สูงนัก แต่การสัมผัสมารอสูรที่ติดตามมานั้น ข้ามั่นใจว่าพอมีอุบายอยู่บ้าง” เย่ว์จงเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ
เซียนเซียนได้ยินคำนี้ สีหน้าพลันเคร่งขรึมไปเล็กน้อย
หานลี่ในยามนี้พลันเงียบกริบไม่ปริปากใดๆ
ความจริงแล้วไม่ต้องให้เย่ว์จงพิสูจน์ เขาก็รู้ดีว่าด้านหลังห่างออกไปเจ็ดแปดลี้ มีมารอสูรตัวหนึ่งไล่ตามมาอย่างไม่ลดละจริงๆ
อย่ามองว่าเขาไม่อาจแผ่จิตสัมผัสออกไปได้ไกลขนาดนี้ แต่เมื่อใช้เนตรวิญญาณวารีกระจ่างอมงไป ก็สามารถมองทะลุผ่านไอมารจนมองเห็นเงาร่างของอสูรตัวนั้นได้ลางๆ
แม้ว่าอสูรตัวนี้จะซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางทะเลหมอกสีดำด้านล่างตลอดเวลา และบางครั้งก็หลบอยู่ที่ยอดเขาด้านล่าง แต่ร่างอันใหญ่โตราวกับหอคอยจะซ่อนตัวอย่างไร้ร่องรอยได้อย่างไร
เมื่อทำการทดสอบเมื่อครู่ หานลี่ก็เชื่อมั่นในตัวนักล่ามารอสูรเย่ว์จงผู้นี้แล้ว
ดูแล้วที่อีกฝ่ายเข้าออกเทือกเขามารสีทองได้อย่างปลอดภัยหลายครั้งก็เพราะมีฝีมือจริงๆ มิน่าล่ะเซียนเซียน สตรีผู้นี้เลยจ้างวานคนผู้นี้มา
“ท่านอาวุโสหาน ดูแล้วพวกเราคงต้องวางกับดักสังหารมารอสูรตัวนี้แล้ว” เซียนเซียนมองหานลี่แล้วเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“วางกับดัก? เหตุใดต้องยุ่งยากเพียงนั้น! ในเมื่ออสูรตัวนี้สนใจพวกเราก็ไปฆ่ามันก็พอแล้ว ทั้งสองรอข้าอยู่ตรงนี้สักประเดี๋ยวละกัน!” หานลี่เอ่ยอย่างราบเรียบ ฉับพลันนั้นแผ่นหลังก็มีลำแสงสีเขียวขาวเปล่งแสงสว่างวาบ ปีกนกสีสันแวววาวคู่หนึ่งปรากฏขึ้น
ปีกคู่นี้แค่กระพือเบาๆ ชั่วขณะนั้นเสียงฟ้าผ่าพลันดังขึ้น หานลี่กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวสายหนึ่งพุ่งออกไป
หลังจากกะพริบวาบสองสามครั้งก็อยู่ห่างออกไปสองสามร้อยจั้ง หลังจากเสียงฟ้าคำรามทุ่มต่ำดังขึ้นอีกครั้ง สายฟ้าก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หญิงสาวเผ่าผลึกและเย่ว์จงเห็นเช่นนั้นก็ตะลึงงัน
“ท่านอาวุโสหานจะไปจัดการกับมารอสูรตัวนั้นเพียงลำพัง? แม้ว่ามารอสูรตัวนั้นจะไม่อาจอยู่ในระดับศักดิ์สิทธิ์ แต่ว่าอิทธิฤทธิ์ของมารระดับสูงก็ร้ายกาจมาก แม้กระทั่งในผู้บำเพ็ญเพียรระดับเดียวกันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน” เย่ว์จงเอ่ยพึมพำได้สติขึ้นมาแต่ก็มีท่าทีกังวล
“ในเมื่อท่านอาวุโสหานมั่นใจเช่นนี้ ก็น่าจะเชื่อมั่นได้กระมัง” เซียนเซียนเอ่ยอย่างเชื่องช้าดูเหมือนว่าจะมั่นอกมั่นใจในตัวหานลี่เป็นอย่างมาก
เย่ว์จงได้ยินเช่นนั้นแม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่หัวคิ้วก็ยังขมวดมุ่น
ในตอนนั้นเองไกลออกไปมีเสียงอึกทึกดังสนั่นขึ้น จากนั้นก็ระเบิดเสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวออกมา แต่ทันใดนั้นเสียงคำรามก็เปลี่ยนไป เป็นเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดจากนั้นก็หยุดลง ไกลออกไปเงียบสงัดลงอีกครั้ง
เหตุการณ์ประหลาดเช่นนี้ทำให้เย่ว์จงและเซียนเซียนอดที่จะมองสบตากันไปมาไม่ได้
ผ่านไปอีกชั่วครู่ขณะที่ทั้งสองกำลังรอคอยด้วยความไม่สบายใจนั้น ไกลออกไปมีลำแสงสว่างวาบสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งมา
“เป็นท่านอาวุโสหาน!” เย่ว์จงเห็นสีของลำแสงหลีกหนีก็ผ่อนลมหายใจลง แต่ใบหน้ากลับเผยสีหน้าประหลาดๆ ออกมา
เซียนเซียนในยามนี้ไม่ได้พูดอะไรออกมาแค่มองไปยังสายรุ้งสีเขียวที่พุ่งเข้ามาด้วยแววตาที่เปล่งประกายสว่างวาบ
เสียงแหวกอากาศดังขึ้น หลังจากกะพริบวาบสองสามครั้ง สายรุ้งสีเขียวก็มาอยู่เหนือศีรษะของทั้งสอง
จากนั้นลำแสงสีเขียวพลันหม่นแสงลง หานลี่ปรากฏกายขึ้น
“สหายเย่ว์ดูสิ นี่คือมารอสูรอะไร รูปลักษณ์พิเศษมาก!” หานลี่เอ่ยจบก็โบกมือข้างหนึ่ง ของสีดำสนิทกลุ่มหนึ่งพร้อมกับกลิ่นคาวโลหิตถูกโยนลงมา
เย่ว์จงพลันตกตะลึงใช้มือหนึ่งชี้ไปที่สิ่งนั้นอย่างไม่ต้องขบคิด
ชั่วขณะนั้นเจ้าสิ่งนั้นพลันหมุนวนกลางอากาศ แล้วลอยอยู่ตรงนั้น
สตรีเผ่าผลึกรีบร้อนจ้องเขม็งมองไป
เป็นหัวมารอสูรหัวหนึ่ง มีขนาดประมาณใบหน้ามองแวบแรกมีขนปกคลุมมีหูกลมๆ สองข้างดู คล้ายหัววานร
แต่หลังจากที่มองไปตรงหน้าก็ทำให้สูดลมหายใจเข้าด้วยความตกตะลึง แผ่นหลังเย็นยะเยือก
คิดไม่ถึงว่าใบหน้าของอสูรตนนี้จะไม่มีจมูกและปาก มีขนปุกปุยทั่วแก้มเช่นกัน มีดวงตาปีศาจสีแดงสดสิบกว่าดวงกำลังปรือตาอยู่
รูม่านตาในดวงตาปีศาจเหล่านี้ส่วนใหญ่มีโลหิตไหลเวียนอยู่ และยิ่งไปกว่านั้นในแววตายังเต็มไปด้วยความหวาดผวาเป็นอย่างยิ่ง
“มารหลายตา คิดไม่ถึงว่าจะเป็นมารอสูรชนิดนี้ มารอสูรชนิดนี้เชี่ยวชาญเคล็ดวิชาหลงใหลเคลิบเคลิ้มโดยกำเนิด แม้ว่าอยู่ในส่วนลึกของเทือกเขามารสีทองก็ยังพบเห็นมันได้น้อยมาก มิน่าล่ะอีกามารเหล่านั้นถึงได้ถูกควบคุม” เย่ว์จงมองปราดเดียวก็รู้จักความเป็นมาของศีรษะนี้ ภายใต้ความตกตะลึงก็ถึงบางอ้อขึ้นมา
“มารหลายตา! ข้าก็ว่าเหตุใดตอนแรกอสูรตัวนี้ถึงกะพริบดวงตาประหลาดเหล่านั้นไม่หยุด ที่แท้มันก็คิดจะสำแดงเคล็ดวิชาหลงใหลเคลิบเคลิ้มใส่ข้า หึๆ จะใช้เคล็ดวิชานี้กับข้านับว่ามันโชคร้ายไปหน่อย” หานลี่หัวเราะ หึๆ ขึ้นมาพลางเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
“ทว่าท่านอาวุโสช่างเก่งกาจจริงๆ ไปและกลับแทบจะใช้เวลาไม่ถึงถ้วยน้ำชา ก็สามารถสังหารมารหลายตาระดับสูงตัวหนึ่งได้ อสูรตัวนี้ไม่เพียงจะเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาหลงใหลเคลิบเคลิ้ม ตัวมันยังมีอิทธิฤทธิ์ที่พิเศษหลายอย่าง แม้ว่าจะปะทะกับมนุษย์ที่ระดับสูงกว่ามันหนึ่งถึงสองขั้น ก็ยังต้องปวดหัว” เย่ว์จงยังคงมีสีหน้าแปลกประหลาดขณะเอ่ย
“งั้นหรือ เรื่องนี้ข้าไม่รู้เลย ข้าไม่ได้ให้เวลาให้มันได้สำแดงอะไร และยิ่งไปกว่านั้นลมปราณของมารรอสูรตัวนี้ก็อยู่ระหว่างระดับเผ่าเบื้องบนขั้นที่เจ็ดและแปดเท่านั้น ไม่รับว่าแข็งแกร่งนัก” หานลี่กลับฉีกยิ้มบางๆ ออกมา
เย่ว์จงได้ยินคำนี้ ชั่วขณะนั้นพลันรู้สึกหมดคำพูด
“ชื่อเสียงของมารหลายตา น้องหญิงก็เคยได้ยินมาบ้าง ว่ากันว่าวัตถุดิบในร่างของมารตัวนี้ที่ล้ำค่าที่สุดก็คือดวงตาหลงใหลเคลิบเคลิ้มของมัน พวกมันเป็นวัตถุดิบที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับการผสานยุทธภัณฑ์สงบจิตใจ น่าเสียดายที่ดวงตาของมารหลายตาตัวนี้ไม่ได้อยู่ในระดับศักดิ์สิทธิ์ มิเช่นนั้นคงพอจะใช้พวกมันผสานสมบัติวิเศษที่ใกล้เคียงกับศาสตรายุทธ์ชิ้นหนึ่งได้” เซียนเซียนเอ่ยพลางเปล่งเสียงหัวเราะไปพลาง
“ท่านเซียนเซียนล้อเล่นแล้ว หากพบกับมารหลายตาระดับศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ข้าก็ทำได้เพียงหนีไปให้ไกลเท่านั้น หึๆ ไม่ว่าจะอย่างไร ผู้แซ่หานก็ตามีแววอยู่บ้าง และไม่ได้โยนวัตถุดิบที่สำคัญที่สุดทิ้งไป แต่ซากของอสูรตนนั้นกลับตกลงไปสู่ส่วนลึกของไอมาร ไปเอาได้ยาก” หานลี่หัวเราะน้อยๆ ขณะเอ่ย
“ในเมื่อมารหลายตาตนนี้ถูกจัดการแล้ว หนทางต่อจากนี้ก็มั่นคงขึ้นแล้ว ทว่าต้องขอบคุณท่านอาวุโสหานที่กำจัดมารอสูรตัวนี้ให้จริงๆ มิเช่นนั้นมารหลายตาที่เชี่ยวชาญการควบคุมคงจะร่วมมือกับมารอสูรอื่นๆ โจมตีคู่ต่อสู้ และยิ่งไปกว่านั้นยังเจ้าคิดเจ้าแค้นมาก หากถูกสลัดทิ้ง หายนะคงไม่มีที่สิ้นสุด ทว่าไม่ควรจะรั้งรออยู่ที่นี่นานนัก พวกเราไปกันเถิด อย่าให้การต่อสู้เมื่อครู่ดึงดูดมารอสูรระดับสูงตนอื่นมาเลย” เย่ว์จงเอ่ยอย่างรอบคอบ
“พี่เย่ว์พูดมีเหตุผล ท่านอาวุโสหาน พวกเราไปกันเถิด” เซียนเซียน หญิงสาวผู้นี้ได้ยินพลันเอ่ยสนับสนุน
หานลี่เองก็พยักหน้าอย่างไม่มีความเห็น สะบัดแขนเสื้อไปด้านล่าง ม่านลำแสงสีเขียวม้วนออกไป หัวมารอสูรหายวับไปท่ามกลางลำแสงสีเขียว
ดังนั้นลำแสงหลีกหนีของทั้งสามพลันปรากฏขึ้น แล้วบินไปด้านหน้าต่อ
หานลี่และพวกทั้งสามไม่รู้ว่าหลังจากที่พวกเขาออกจากที่นี่ได้ครึ่งวัน ฉับพลันนั้นก็มีเสียงกรีดร้องแหลมๆ ดังออกมาจากอีกด้าน จากนั้นหมอกสีดำก็หมุนวนกลางอากาศ แผ่ขยายไปทั่วท้องฟ้า ชั่วขณะนั้นก็ปกคลุมท้องฟ้าในรัศมีสองสามลี้เอาไว้
เสียงกรีดร้องเสียดแก้วหูดังออกมาจากเมฆสีดำ เมฆสีดำหมุนวนอย่างเชี่ยวกราก เสาลำแสงสีโลหิตสิบกว่าสายออกมาจากเมฆา ชั่วครู่ก็โจมตีไปยังทะเลหมอกด้านล่าง
เห็นเพียงทุกแห่งที่เสาลำแสงกวาดผ่านไป ไอมารสีดำทยอยกันล่าถอยออกไป จากนั้นเสาลำแสงก็กวนเข้าด้วยกันที่ด้านล่าง มองเห็นได้ในรัศมีสองสามหมู่ ไอมารสองสามร้อยจั้งถูกกวาดไปจนเกลี้ยง เผยร่างของมารอสูรประหลาดไร้หัวด้านล่างออกมา
ซากของอสูรตัวนี้ท่อนล่างราวกับงูเหลือมยักษ์สีเขียว ท่อนบนกลับคล้ายกิ้งก่า แขนสองคู่ที่ใหญ่คู่หนึ่งและเล็กคู่หนึ่งงอกออกมาจากข้างกายทั้งสองฝั่ง ปลายนิ้วมีเล็บสีเขียวมรกตที่แหลมคมเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นซากของมารอสูรนี้ เมฆสีดำกลางอากาศก็มีเสียงกรีดร้องแหลมๆ ด้วยความโศกเศร้าดังขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงนั้นดุดันราวกับเสียงกรีดร้องของภูตผี
“ผู้ใด ผู้ใดข้าบุตรของข้า ข้าจะสับมันเป็นหมื่นชิ้น กระชากวิญญาณของมันออกมา” แม้ว่าน้ำเสียงจะฟังยากมาก แต่ก็พอฟังออกว่าเป็นเสียงแหบแห้งของชายชรา
“จิ่วเยี่ย อู่ชี่ ไปหาเบาะแสของผู้ที่เอาหัวของข้าไปมาเดี๋ยวนี้ พวกเราจะตามไปกลืนกินพวกมันเดี๋ยวนี้” ชายชราตะโกนด้วยความโหดเ**้ยม
“เจ้าค่ะ”
“รับคำบัญชาขอรับ”
เสียงแปลกหูของบุรุษและสตรีดังออกมาจากเมฆสีดำ ทันใดนั้นเมฆสีดำก็แยกออก ลูกบอลลำแสงสองกลุ่มสีเงินและแดงบินออกมา ด้านในมีเงาร่างสองสายอยู่ลางๆ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วมาอยู่ตรงซากของอสูรไร้หัวด้านล่าง
ลำแสงหม่นแสงลง เผยร่างสัตว์ประหลาดครึ่งคนครึ่งอสูรสองตนออกมา
คนหนึ่งหัวมีเขายักษ์สีดำสนิทคู่หนึ่ง เอวหนาใหญ่ สวมเกราะเหล็กสีดำ กายท่อนบนไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ธรรมดาเลยสักนิด แต่ขาทั้งสองกลับเป็นขาของอสูร หงิกงอครึ่งหนึ่ง และมีหนามแข็งๆ สีดำปกคลุมอยู่
หญิงสาวอีกคนกลับมีร่างกายอรชนอ้อนแอ้น ใบหน้าดุจบุปผา แต่ดวงตาทั้งสองเป็นสีเขียวมรกต หูทั้งสองเรียวแหลม ในเวลาเดียวกันตรงก้นก็มีหางบางๆ สีเหลืองราวกับแมวเสือดาวงอกออกมา
เมื่อทั้งสองร่อนลงพื้น ก็วนรอบซากนั้นสองสามรอบ
หลังจากผ่านไปชั่วครู่บุรุษก็ร้องคำรามออกมา พ่นลำแสงสีดำออกมาสายหนึ่ง เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วจมหายเข้าไปในร่าง จากนั้นเขาสีดำบนศีรษะของบุรุษก็เปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วครู่ก็มีลำแสงสีดำปรากฏขึ้น
เห็นเพียงซากศพนั้นสั่นเทา จากนั้นไอสีดำเทากลุ่มหนึ่งก็ถูกลำแสงสีดำห่อหุ้มเอาไว้ ลอยออกมาจากซากศพอย่างแช่มช้า จากนั้นก็เปล่งแสงสว่างวาบกลายเป็นเงาที่จืดจางหาที่เปรียบสายหนึ่ง ลอยนิ่งไม่ไหวติงอยู่ด้านบนซากศพ
ยามนี้จมูกของหญิงสาวผู้นี้พลันดมกลิ่นเล็กฟุตฟิตๆ หรี่ตาทั้งสองข้างลง ฉับพลันนั้นพลันพวยพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ บินวนโคจรอยู่รอบๆ อย่างสะเปะสะปะ
“พบแล้ว คนสังหารนายน้อยน่าจะมีเพียงคนเดียว แต่ใกล้กันนั้นยังมีกลิ่นอายของผู้ที่มาจากภายนอกอีกสองคน ดูแล้วแม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับการตายของนายน้อย แต่ก็น่าจะเป็นสหายร่วมเดินทางกับคนผู้นั้น” ฉับพลันนั้นร่างกายของหญิงสาวพลันหยุดชะงัก แล้วเอ่ยกับผู้ที่อยู่ด้านบนอย่างนอบน้อม