“ของเหลวเคลือบเพลิงสวรรค์ ชื่อนี้หานลี่ย่อมเคยได้ยินมาก่อน แม้แต่คะนึงถึงอยู่ช่วงหนึ่ง
เพราะของเหลวชนิดนี้เป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลับที่ชิงหยวนจื่อมอบหมายให้เขาไปรวบรวมมาหลอมยาลูกกลอนที่จำเป็นสำหรับระดับหลอมร่าง ว่ากันว่าของเหลวชนิดนี้ไม่ต้องนำไปปรุงยาหรือหลอมอาวุธ แค่กินเปล่า ๆ หยดหนึ่งก็สามารถลดเวลาการฝึกบำเพ็ญเพียรไปได้หลายปี
ดังนั้นมูลค่าของมันจะมากแค่ไหนแค่คิดก็รู้แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นของสิ่งนี้ไม่ได้เกิดมาจากศิลาและไม้ แต่เกิดจากการหลอมด้วยเพลิงเหนือฟ้าที่หายาก จึงหายากกว่าสมุนไพรวิญญาณในระดับเดียวกัน
หลังจากที่หานลี่เห็นข้อมูลในคัมภีร์แล้ว ก็รู้สึกว่าวัตถุดิบที่ชิงหยวนจื่อให้รวบรวมนั้นค่อนข้างเป็นไปไม่ได้
แต่ยามนี้ของเหลวเพลิงชนิดนี้ปรากฏขึ้นในงานประมูลครั้งนี้ ยิ่งไปกว่านั้นราคาเปิดประมูลยังต่ำเสียจนน่าเหลือเชื่อ
ต้องเข้าใจว่าระดับความหายากของของเหลวเคลือบเพลิงสวรรค์ จัดอยู่ในอันดับสุดท้ายในการประมูลได้อย่างเหลือเฟือ
แม้ว่าศิลาวิญญาณสิบแปดล้านจะไม่น้อย แต่เทียบกับมูลค่าของเหลวชนิดนี้แล้ว แน่นอนว่าย่อมถูกอย่างน่าเหลือเชื่อ
หานลี่ขบคิดอย่างรวดเร็วรู้สึกว่าสิ่งที่เซียวปู้อีจะพูดต่อจากนี้จะต้องเป็นการอธิบายว่าเหตุใดถึงได้ราคาเท่านี้แน่
ในหอประมูล ผู้ที่มีความคิดเช่นนี้ไม่ได้มีเพียงหานลี่คนเดียว คนจำนวนไม่น้อยก็มีสีหน้าแปลกประหลาดใจในเวลาเดียวกัน ใบหน้าเคร่งขรึมสลับกับสดใส
ดังคาดเซียวปู้อีเห็นปฏิกิริยาของผู้คนก็หัวเราะน้อย ๆ ออกมา จากนั้นก็เอ่ยว่า “ข้ารู้ว่าราคาเปิดประมูลของของเหลวเคลือบเพลิงสวรรค์ทำให้เหล่าสหายตกตะลึง แต่ที่ราคาต่ำเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมมีเหตุผล แม้ว่าของเหลวเพลิงชนิดนี้จะถูกหลอมขึ้นจากเพลิงเหนือชั้น แต่ตอนที่หลอมกลับเกิดตำหนิขึ้น จึงมีข้อบกพร่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับวัตถุดิบสำเร็จรูป แต่จุดนี้ผู้แซ่เซียวรับประกันได้ว่ายังมีคุณสมบัติหลัก ๆ ของของเหลวเคลือบเพลิงสวรรค์อยู่อย่างแน่นอน แต่แค่สรรพคุณลดลงหน่อยเท่านั้น”
“ของมีตำหนิ!” ฝูงชนที่แต่เดิมเกิดเสียงอื้ออึงเปลี่ยนเป็นเงียบสงัดลง
คนจำนวนมากขมวดคิ้วมุ่น!
สมุนไพรวิญญาณหรือแม้กระทั่งสมบัติวิเศษที่มีตำหนิไม่ใช่ว่าไม่เคยปรากฏขึ้นในรายการสินค้าประมูลของงานประมูลมาก่อน
แต่ทุกชิ้นที่ซื้อกลับไป ว่ากันว่าใช้การได้ไม่ดีนัก ส่วนใหญ่ล้วนไม่อาจเทียบกับของคุณภาพได้ ถึงอย่างไรเสียไม่ว่าการปรุงยาหรือหลอมอาวุธล้วน เน้นจำนวนวัตถุดิบและประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญ แค่ผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจจะทำให้การปรุงยาลูกกลอนและการอาวุธล้มเหลวได้
ผู้ที่เดิมทีตื่นเต้นดีใจไม่น้อยถูกสาดด้วยน้ำเย็นก็ได้สติกลับคืนมา
“ของมีตำหนิเสนอราคาสิบแปดล้าน เดิมทีก็คิดว่ามันต่ำไปหน่อย แต่ตอนนี้ดูแล้วกลับสูงเกินไปมาก” ยังคงเป็นบุรุษนิรนามที่ชั้นสามผู้นั้นหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา
“สหายเลี่ย หากไม่สนใจของเหลวเพลิงนี้ เหตุใดต้องสนใจว่าราคาจะสูงหรือต่ำด้วย แต่จากร่างเปลวเพลิงของสหาย เกรงว่าของเหลวเคลือบเพลิงสวรรค์คงจะใช้ได้พอดีสินะ” เซียวปู้อีมองไปยังห้องบนชั้นสามแวบหนึ่ง ปากก็เอ่ยถามย้อนกลับอย่างไม่แข็งข้อและไม่อ่อนน้อม
“หากเป็นของมีคุณภาพ ผู้แซ่เลี่ยย่อมต้องอยากได้อยู่แล้ว แต่หากเป็นของมีตำหนิล่ะก็ ย่อมมีประโยชน์กับข้าเพียงเล็กน้อย ข้าจะเอามันไปทำไม” บุรุษแซ่เลี่ยตอบกลับอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด
แต่ครั้งนี้เซียวปู้อีฉีกยิ้มเล็กน้อยไม่ได้ตอบอะไร แต่สะบัดแขนเสื้อไปทางฝาขวดในมือ
ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบชั่วขณะนั้นฝาขวดพลันบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
เสียง “ฟู่ ๆ” ดังขึ้น เสาลำแสงสีแดงสดต้นหนึ่งพุ่งออกมาจากปากขวด จากนั้นของเหลวสีแดงก็บินออกมาจากปากขวดตามเสาลำแสง
สีสันแวววาว สีแดงระเรื่อ!
แววตาของเซียวปู้อีเคร่งขรึม มือหนึ่งโบกสะบัดลำแสงสีขาวเปล่งแสงสว่างวาบ ในมือมีกระบี่บินยาวสองสามฉื่อเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น
ลำแสงเย็นเยียบเปล่งประกาย รูปทรงวิจิตรโบราณ แค่มองก็รู้ว่าเป็นของคุณภาพดี
เซียวปู้อีสะบัดข้อมือ ชั่วขณะนั้นกระบี่บินพลันกลายเป็นลำแสงเย็นเยียบ สับลงมาที่ของเหลวสีแดง
ฉากที่น่าตกตะลึงพลันปรากฏขึ้น
ชั่วพริบตาที่ลำแสงเย็นเยียบปะทะกับของเหลว คาดไม่ถึงว่าจะเปล่งเสียง “กึก ๆ” ประหลาด ๆ และไอสีขาวออกมา จากนั้นกระบี่บินทั้งเล่มก็หลอมละลายเป็นสีแดง เพียงกระพริบวาบสองสามครั้งก็สลายหายไป
คิดไม่ถึงว่าของเหลวชนิดนี้จะมีอานุภาพที่น่ากลัวปานนี้!
“เหล่าสหายคงได้เห็นแล้ว แม้ว่าของเหลวเพลิงสวรรค์เหล่านี้จะเป็นของมีตำหนิ แต่ยังคงมีประสิทธิภาพในการหลอมทองคำ มีสรรพคุณในการปรุงยาและมีประสิทธิภาพในการหลอมอาวุธเป็นอย่างดี” เซียวปู้อีมองเห็นความลังเลของคน ณ ที่นั้นก็เอ่ยอธิบายออกมา
จากนั้นบุรุษวัยกลางคนก็อ้าปากออกพ่นไอสีเขียวออกมากลุ่มหนึ่ง ชั่วครู่ก็ปกคลุมของเหลวเพลิงนั้นเอาไว้
เสียง “ครืน ๆ” ต่ำ ๆ ดังขึ้นของเหลวเพลิงลุกไหม้ราวกับหงส์ฟื้นคืนชีพอย่างไรอย่างนั้น กลายเป็นลูกไฟขนาดเท่าศีรษะลูกหนึ่ง
ความร้อนระอุแผ่ออกมาจากเวที และแผ่ขยายไปอย่างรวดเร็ว
ยามนั้นทั่วทั้งหอตกอยู่ในอุณหภูมิที่ร้อนระอุ ชนต่างเผ่าสองสามแถวที่อยู่ใกล้กับเวทีมากที่สุดราวกับตกอยู่ในทะเลเพลิงก็ไม่ปาน
ผู้คนในหอแต่ละคนย่อมมีความสามารถ จึงไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ต่ออุณหภูมิร้อน แต่คนจำนวนไม่น้อยก็ยังต้องเปลี่ยนสีหน้า
จากประสบการณ์ของผู้คนแน่นอนว่าย่อมมองออกว่าเมื่อครู่เซียวปู้อีแค่ใช้ไอวิญญาณบริสุทธิ์ของตนเองดึงดูดคลื่นเพลิงกลุ่มนี้เท่านั้น ปฏิกิริยาการระเบิดออกในตอนนี้ล้วนเป็นเพราะอานุภาพของของเหลวเพลิง
ของเหลวเคลือบเพลิงสวรรค์มีตำหนิก็มีอานุภาพยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ช่างอยู่นอกเหนือความคาดหมายของคนส่วนใหญ่จริง ๆ
เดิมทีหอที่เงียบสงัดพลันมีเสียงพึมพำดังขึ้นอีกครั้ง สายตาของคนจำนวนไม่น้อยที่มองไปยังของเหลวเพลิงเปลี่ยนเป็นเล่าร้อนขึ้นมา
เซียวปู้อีรู้ว่าบรรลุเป้าหมายของตนแล้วก็สะบัดแขนเสื้อไปทางลูกไฟอีกครั้ง
หลังจากม่านลำแสงพุ่งออกไปเปลวเพลิงก็มอดลง เผยของเหลวเพลิงออกมาอีกครั้ง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในปากขวด
เซียวปู้อีใช้มือหนึ่งตะปบไปกลางอากาศ ฝาขวดเปล่งแสงสว่างวาบแล้วลดระดับลงมาปิดฝาลงอีกครั้งส่วนขวดก็ร่อนลงมาในฝ่ามืออย่างเชื่องช้า
“จากนี้การประมูลของเหลวเคลือบเพลิงสวรรค์เริ่มขึ้นได้!” บุรุษวัยกลางคนประกาศออกมาอย่างไม่ลังเลอีก
“สามสิบล้าน!” ราคาที่น่าตกตะลึงดังขึ้นมาจากมุมหนึ่งของหอ เรียกราคามากกว่าราคาเปิดประมูลไปเกือบครึ่ง
คนจำนวนไม่น้อยที่คิดจะเสนอราคาพลันตกตะลึง อดที่จะทยอยมองมาไม่ได้
เห็นเพียงคนที่เรียกราคาเป็นบุรุษใบหน้าซีดขาว สวมชุดคลุมสีดำยาวตัวหนึ่ง
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นหานลี่!
เมื่อเห็นคนแปลกหน้าผู้นี้ ชนต่างเผ่าท้องถิ่นของเมืองเมฆาสวรรค์จำนวนไม่น้อยต่างก็ซุบซิบนินทากัน และล้มเลิกความคิดที่จะเสนอราคา
แม้ว่าของเหลวเพลิงสวรรค์ที่มีตำหนิจะยังคงเป็นของล้ำค่า แต่ของมีตำหนิก็ยังเป็นของมีตำหนิ ราคาสูงขึ้นขนาดนี้แน่นอนว่าย่อมรู้สึกได้ไม่คุ้มเสีย
ส่วนหานลี่นั้นกลับนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน สีหน้าดูเยือกเย็น แต่ในใจกลับตื่นเต้นอยู่เล็ก ๆ
แม้ว่าของเหลวเพลิงจะเป็นของมีตำหนิ ประสิทธิภาพลดลงเป็นอย่างมากแต่ก็ยังเป็นของเหลวเคลือบเพลิงสวรรค์ของแท้ ย่อมต้องมีประโยชน์ต่อชิงหยวนจื่อเป็นแน่ หากทิ้งโอกาสนี้ไปวันข้างหน้าก็คงไม่มีหวังที่จะได้ของเหลวเคลือบเพลิงสวรรค์มีคุณภาพมาอยู่แล้ว ดังนั้นแม้ว่าจะเป็นของมีตำหนิ เขาก็ต้องได้มันมาให้ได้
ดังนั้นหานลี่จึงไม่เกรงใจ เรียกราคาสูงเช่นนี้ไปตั้งแต่แรก
ทว่าเขากลับไม่ได้คาดหวังว่าจะประมูลของชิ้นนี้ได้ง่าย ๆ แต่อย่างน้อยก็ล้มเลิกความคิดของคนส่วนใหญ่ไปได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน
เขาไม่อยากให้พ่อค้าที่ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าท่ามกลางฝูงชนดีดราคาของเหลวชนิดนี้จนแม้แต่ตนเองก็ไม่อาจรับได้
เห็นได้ชัดว่าวิธีของหานลี่นั้นได้ผล หลังจากได้ยินราคานี้ใบหน้าของคนส่วนใหญ่ก็มีสีหน้าตกตะลึงและทยอยกันฟื้นฟูกลับมาเรียบgCp
ทั่วทั้งหอตกอยู่ในความเงียบสงบอีกครั้ง
“สหายผู้นี้เรียกราคาสามสิบล้าน ยังมีผู้ใดจะเสนอราคาอีกหรือไม่ หลังจากถามสามครั้งของเหลวเพลิงสวรรค์ขวดนี้จะเป็นของสหายผู้นี้” เซียวปู้อีกวาดสายตามายังตำแหน่งของหานลี่แวบหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยเสียงอันดัง
“ครั้งที่หนึ่ง!”
“สามสิบสองล้าน!” เซียวปู้อีเพิ่งจะถาม เสียงแหบแห้งอีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
หานลี่ได้ฟังแล้วพลันขมวดคิ้ว หันหน้ามองไปทางนั้นแวบหนึ่ง
คนที่เสนอราคากลับเป็นชายชราสวมชุดสีเหลืองซึ่งอยู่ตรงใจกลางของหอ เส้นผมสีเหลืองกรอบแต่มีขนคิ้วดกดำและดวงตาสีฟ้า
“คาดไม่ถึงว่าจะเป็นฝูเหล่า เหตุใดเขาถึงสนใจของเหลวเพลิงชนิดนี้ด้วย” คนอื่น ๆ เห็นคนที่เสนอราคา ชั่วขณะนั้นคนจำนวนไม่น้อยก็พลันซุบซิบกันไปมา ดูเหมือนว่าชายชราผู้นี้จะมีชื่อเสียงในเมืองเมฆาเป็นอย่างมาก
“สี่สิบล้าน”
ไม่รอให้หานลี่คิดไตร่ตรองราคาให้ดีอีกเสียงหนึ่งก็ดังออกมาจากชั้นสาม แต่ไม่ใช่บุรุษแซ่เลี่ยคนก่อนหน้า กลับเป็นเสียงของสตรีอันไพเราะคนหนึ่ง
ฝูเหล่าที่เสนอราคาที่เดิมทีมีสีหน้าเยือกเย็นพลันเผยสีหน้าลังเลออกมาในทันที มองไปยังผู้เสนอราคาชั้นสาม ริมฝีปากขยับพะงาบ ๆ สุดท้ายก็ส่ายศีรษะแล้วหุบปากไม่พูดอะไร
“สี่สิบล้านครั้งที่หนึ่ง!”
“สี่สิบล้านครั้งที่สอง!”
“เซียวปู้อีเรียกราคาสองครั้งอย่างรวดเร็วด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าราคานี้สูงกว่าที่เขาคิดเอาไว้ ประกอบกับเผ่าศักดิ์สิทธิ์ที่ลงมือจากชั้นสามจึงรู้สึกว่าคงไม่มีผู้ใดเสนอราคาอีก
“สี่สิบห้าล้าน”
หานลี่กลับเรียกราคาออกไปอีกครั้งด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ไม่ใช่แค่ผู้คนในหอ แม้แต่เซียวปู้อีก็ยังทนไม่ไหว มองมาทางหานลี่อีกแวบหนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด
ผู้ที่กล้าแย่งประมูลกับเผ่าศักดิ์สิทธิ์ในงานประมูล มีอยู่ไม่มากจริง ๆ
“สี่สิบเจ็ดล้าน!” หญิงสาวเผ่าศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนชั้นสามผู้นั้นกลับดูเหมือนว่าจะโกรธเกรี้ยวเล็กน้อย จึงเสนอราคาออกมาอีกครั้งอ
หานลี่ได้ยินราคานี้หางตาพลันกระตุกแต่ก็เรียกราคา “ห้าสิบล้าน” ออกไปอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ศิลาวิญญาณจำนวนมากขนาดนี้แทบจะเป็นทั้งหมดที่เขามี หากมากกว่านี้ล่ะก็ แม้จะเสียดายแต่ก็ต้องยอมแพ้
แต่โชคดีที่สตรีชั้นสามผู้นั้นดูเหมือนจะรู้สึกว่าหากเสนอราคาออกไปจะไม่คุ้มค่า หลังจากแค่นเสียงออกมาอย่างเย็นชาแล้ว ก็ไม่เสนอราคาออกมาอีก
“เยี่ยม ห้าสิบล้านศิลาวิญญาณ ของเหลวเพลิงครึ่งขวดนี้เป็นของสหายผู้นี้ เชิญสหายมาแลกเปลี่ยนศิลาวิญญาณที่หอด้านข้าง” เซียวปู้อีถามสามครั้งอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็ตัดสิน
หานลี่รู้สึกผ่อนคลายลงทันใดนั้นก็หยัดกายลุกขึ้นเดินไปที่เวทีด้านหน้า
เมื่อมาถึงเวทีเขาก็ควักศิลาวิญญาณระดับสุดยอดถุงหนึ่งที่นับเอาไว้ดีแล้วเอาออกมามอบให้อีกฝ่าย
เซียวปู้อีแผ่จิตสัมผัสไปในถุงก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ส่งขวดสีขาวนวลให้หานลี่
หานลี่แค่เปิดฝาขวดดูแวบหนึ่ง ใบหน้าเผยสีหน้ายินดีออกมา ค้อมตัวให้เซียวปู้อีเล็กน้อยแล้วลงจากเวทีกลับไปยังที่นั่งเดิมอย่างไม่รีบร้อน
ระหว่างขั้นตอนนี้แน่นอนว่าหานลี่ย่อมรู้สึกได้ว่ามีสายตาจำนวนไม่น้อยกวาดมาบนตวเขา ไม่ต้องพูดถึงว่าในบรรดาสายตาเหล่านั้น มีสายตาประสงค์ร้ายอยู่เท่าใหร่