A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1596 ประเมินราคา

เมื่อหานลี่เดินออกจากหอฉุนเซียงอีกครั้ง ฝั่งตรงข้ามก็เริ่มมีคนเดินเข้าไปในประตูหลักของหอประมูลเป็นจำนวนมากแล้ว ดูเหมือนว่างานประมูลจะเริ่มขึ้นแล้ว

หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันเปลี่ยนสีหน้าเดินเข้าไปอย่างไม่ลังเล

ตรงประตูหลักของหอแห่งนี้ใหญ่กว่าประตูด้านข้างทั้งสองฝั่งเกือบสามถึงสี่เท่า ยิ่งไปกว่านั้นจำนวนของผู้พิทักษ์ผู้รักษาการณ์ที่สวมชุดสีฟ้าตรงประตูก็ไม่อาจเทียบเคียงได้

ทว่าผู้พิทักษ์เหล่านี้นอกจากจะดูแลความสงบเรียบร้อยแล้วก็ไม่ได้มีท่าทีใด ๆ

หานลี่เดินปะปนเข้าไปในฝูงชนด้วยสีหน้าเรียบเฉย

เมื่อเดินเข้าไปในประตูหอ เบื้องหน้าของหานลี่ก็มีลำแสงเจิดจ้า

เห็นเพียงห้องโถงห้องหนึ่งที่มีทางเดินเรียงกันไปสองสามสายตรงหน้า ตรงทางเข้าทางเดินทั้งหมดมีแผ่นป้ายแขวนอยู่ด้านข้าง ด้านบนเขียนตัวอักษรโบราณง่าย ๆ อย่างคำว่า ‘ประเมินราคา’ ‘จำนำ’ ‘หอหลัก’ เอาไว้ ด้านข้างแผ่นป้ายเหล่านี้ยังมีชายหนุ่มท่าทางเหมือนเด็กรับใช้ยืนอย่างนอบน้อมอยู่คนหนึ่ง

แววตาของหานลี่กวาดไปบนแผ่นป้าย ใบหน้าฉายแววประหลาดใจ แต่หลังครุ่นคิดครู่หนึ่งก็สาวเท้ายาว ๆ เข้าไปข้างใน

“ประเมินราคา นี่หมายความว่าอย่างไร” หานลี่ยืนอยู่ตรงทางเข้าทางเดิน ชี้ไปที่แผ่นป้ายด้านข้าง แล้วเอ่ยถามอย่างเคร่งขรึม

“ตอบผู้อาวุโส นี่คือสถานที่ประเมินราคาสิ่งของภายในงานประมูล หากผู้อาวุโสมีของล้ำค่าอันใด ก็สามารถนำเข้างานประมูลโดยการประเมินราคาได้” เด็กรับใช้หน้าตาหมดจดคนนั้นค้อมตัวแล้วเอ่ยตอบ

“อ๋อ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” หานลี่พยักหน้า เดินเข้าไปในทางเดินตรงหน้าอย่างไม่ลังเลอีก

แม้ไฉ่หลิวอิงกล่าวว่าจะยอมจ่ายศิลาวิญญาณครึ่งหนึ่งในการใช้เขตอาคมส่งตัวระดับสุดยอดให้ แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ยังคงเป็นจำนวนมหาศาล และเขาต้องเป็นคนจัดการเอง

ดังนั้นหานลี่จึงคิดจะดำเนินการตามแผนเดิม จึงเอาของที่เตรียมมาไปขายในงานประมูล

ทางเดินไม่ยาวนัก หานลี่เดินไปแค่ยี่สิบถึงสามสิบจั้ง ก็เลี้ยวเข้าประตูสีแดงเข้มบานหนึ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้า

ประตูห้องเปิดกว้างแต่ถูกม่านลำแสงสีเขียวบดบังเอาไว้ชั้นหนึ่ง ด้านหน้าม่านลำแสงมีผู้บำเพ็ญเพียรชนต่างเผ่าเจ็ดแปดคนยืนเรียงแถวกันอยู่ กำลังรออยู่อย่างเงียบสงบ

หานลี่รู้สึกประหลาดใจ แต่ก็เดินเข้าไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยยืนอยู่หลังสุดของทุกคน

ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ ม่านลำแสงเปิดออก ชนต่างเผ่าผมสีแดงคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านในพร้อมแสยะยิ้ม ราวกับพบเรื่องดี ๆ อะไรข้างใน

ชนต่างเผ่าผู้นี้ไม่ได้สนใจหานลี่และพวกที่อยู่หน้าประตู เพียงเดินผ่านฝูงชนไปตามทางด้วยท่าทียินดี

ส่วนชนต่างเผ่าอีกคนที่อยู่ใกล้กับม่านลำแสงที่สุดก็เดินเข้าไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ผ่านไปชั่วจิบชา คนตรงหน้าหานลี่ทั้งหมดก็เดินเข้าและออกไปหมดแล้วพร้อมด้วยท่าทีมีความสุขเป็นอย่างมาก และเช่นกันด้านหลังหานลี่ก็มีคนเพิ่มขึ้นมาสี่ห้าคน

ดูแล้วคนจำนวนไม่น้อยคงคิดไม่ต่างจากหานลี่เท่าใดนัก เมื่องานประมูลเริ่มขึ้นถึงได้เข้ามาประมูลที่นี่

เมื่อชนต่างเผ่าคนหนึ่งเดินออกมาจากม่านลำแสงสีเขียวด้วยสีหน้าเศร้า ๆ แล้ว หานลี่ก็สาวเท้าเดินเข้าไปข้างใน

ด้านหลังม่านลำแสงมีลำแสงสีขาวนวลเจิดจ้า เป็นห้องขนาดยักษ์กว้างสามสิบจั้งเศษ รอบด้านล้วนเป็นหินศิลาสีเทาขาว แต่ผิวของมันกลับมีอักขระเปล่งแสงระยิบระยับ เป็นการรับประกันถึงความลึกลับของที่นี่

ทว่าตรงกลางห้องนี้นอกจากโต๊ะหยกหนึ่งตัวและเก้าอี้ไม้สามตัวแล้ว ก็มีเพียงเขตอาคมส่งตัวง่าย ๆ ตรงมุมหนึ่งเท่านั้น

และบนเก้าอี้ทั้งสามตัวล้วนมีเงาร่างคนที่เรือนกายเป็นสีขาวโพลนนั่งอยู่

เมื่อมีลำแสงปกปิด จึงทำให้มองเห็นใบหน้าของทั้งสามคนไม่ชัดเจน ไม่อาจตัดสินใบหน้าที่แท้จริงได้

หานลี่แผ่จิตสัมผัสไปตามความรู้สึก

ไม่รู้ว่าเงาร่างสามสายพกสมบัติอะไรไว้กับตัว ทุกจุดที่จิตสัมผัสกวาดไปล้วนไร้ซึ่งกลิ่นอายชีวิต ไม่อาจตัดสินพลังยุทธ์ได้

หานลี่พลันใจสั่น

“สหายมีของอะไรอยากนำมาประมูลในครั้งนี้ สามารถนำออกมาให้พวกเราทั้งสามชมได้เลย แต่บอกเอาไว้ก่อนว่างานประมูลสี่เผ่าของพวกเราประมูลแค่สมบัติวัตถุดิบระดับสุดยอดเท่านั้น หากเป็นสินค้าระดับรอง เชิญสหายไปขายที่หอด้านข้าง นอกจากนี้หากไม่พอใจกับการประเมินราคาของเราทั้งสามก็สามารถเสนอออกมาได้ เราจะเปลี่ยนคนประเมินราคาอีกสามคนมาให้ท่าน” เงาร่างคนตรงกลางเอ่ยปาก น้ำเสียงไพเราะเสนาะหูเป็นดรุณีคนหนึ่ง

“ขอบพระคุณสหายที่เอ่ยเตือน ผู้น้อยทราบแล้วขอรับ” หานลี่พยักหน้าโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า พลันสะบัดแขนเสื้อพลิกฝ่ามือในมือทั้งสองก็ปรากฏสิ่งของขึ้น

เป็นขวดหยกสีเขียวมรกตขวดหนึ่งและกล่องหยกขาวเนียนไร้ที่ติอีกกล่องหนึ่ง

หานลี่ไม่ได้เดินเข้าไป เพียงโยนของในมือออกไป

ทันใดนั้นก็มีมือไร้ลักษณ์ข้างหนึ่งรองรับของทั้งสองเอาไว้ให้ลอยไปหาทั้งสามอย่างเชื่องช้า แล้วร่อนลงเบื้องหน้าอย่างมั่นคงในที่สุด

เงาร่างคนสองสายที่ไม่ได้เอ่ยปากเมื่อครู่ใช้มือหนึ่งคว้าขวดและกล่องหยกเอาไว้ในมืออย่างไม่เกรงใจ

เมื่อขวดถูกเปิดออกกลิ่นยาเข้มข้นก็ฟุ้งโชยมาปะทะกับจมูก จากนั้นก็มีเสียงคำรามของมังกรดังแว่วออกมาจากภายในพร้อมกับลำแสงสีเขียวที่ลอยออกมา

เงาร่างคนสายนั้นร้องอุทานออกมาเบา ๆ รีบร้อนปิดฝาขวด แล้วทันใดนั้นแขนเสื้ออีกข้างหนึ่งก็มีลำแสงสีขาวพุ่งออกมาม้วนเอาลำแสงสีเขียวเข้าไปคว้าเอาไว้ในมือ

เขาพินิจมองชั่วแวบหนึ่ง

เห็นคาดไม่ถึงว่าในลำแสงสีเขียวจะเป็นเพียงยาลูกกลอนสีเขียวเม็ดหนึ่ง ผิวของมันเรียบลื่นกลมมน สลักลายมังกรสีเงินดูเสมือนจริงไว้

เงาร่างคนใช้สองนิ้วคีบยาลูกกลอนขึ้นมาดมใต้จมูก จากนั้นก็ก้มหน้าลงพิจารณาประเมินราคา

อีกด้านหนึ่ง เงาร่างคนอีกสายเปิดกล่องหยกสีขาวออก

ด้านในมีไม้ไผ่สีเขียวมรกตยาวครึ่งฉื่อวางอยู่ท่อนหนึ่ง

เงาร่างคนผู้นั้นพิจารณาจากนั้นก็ใช้มือข้างหนึ่งลูบไปบนไม้ไผ่ ผลคือเกิดเป็นเสียงฟ้าร้องดังขึ้น มีประจุไฟฟ้าสีทองหนาเท่านิ้วมือดีดออกมาจากตัวไผ่อย่างคาดไม่ถึง

“นี่คือไผ่อัสนีทอง!” เงาร่างคนร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง

“ไผ่อัสนีทอง! ท่านพี่ลองพิจารณาอย่างละเอียดดูอีกทีซิ” หญิงสาวที่อยู่ตรงกลางดูเหมือนจะตะลึงไปเช่นกัน แต่ปากก็สั่งการออกมา

“ท่านเซียนโปรดวางใจ ข้าจะพิจารณาอย่างถี่ถ้วน” เงาร่างคนที่พิจารณาไผ่สีเขียวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือก แล้วตอบกลับเสียงขรึม

หานลี่เห็นเช่นนั้นก็ฉีกยิ้มน้อย ๆ สองมือกอดอกยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

จากนั้นเงาร่างคนผู้นี้ก็ใช้มือหนึ่งควานในแขนเสื้ออีกข้าง ควักน้ำเต้าสีดำสนิทราวกับน้ำหมึกขนาดสองสามชุ่นลายวิจิตรงดงามออกมา

เงาร่างคนเทปากขวดน้ำเต้าลงไปทางไม้ไผ่ในกล่องหยก อีกมือก็ตบไปที่ก้นน้ำเต้าเบา ๆ

ปากขวดน้ำเต้ามีลำแสงสีดำสว่างวาบ พ่นไอสีดำขนาดเท่ากำปั้นออกมา ปะทะกับไผ่เขียว

เมื่อทั้งสองสัมผัสกัน เสียงฟ้าผ่าดัง “เปรี้ยง ๆ” ก็ดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองสองสามสายเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง จากนั้นก็โจมตีไอสีดำจนแหลกสลายไป

หลังจากที่เงาร่างคนผู้นั้นทำทุกอย่างเสร็จสิ้น ก็ไม่ได้หดมือกลับไป ควักกระปุกสีเขียวมรกตออกมา ด้านในมีไอสีเขียวสายหนึ่งพ่นออกมา ก็ถูกประจุไฟฟ้าสีทองที่ไม้ไผ่ปล่อยออกมาโจมตีจนแหลกสลายไปเช่นเดิม

“ไม่ผิด คือไผ่อัสนีทองไม่ผิดแน่ ผู้อาวุโสมั่นใจ” เงาร่างคนพ่นลมหายใจยาว ๆ ออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างมั่นใจ

“รบกวนแล้ว! สหายยาลูกกลอนเช่นไรดี มีจิตวิญญาณเต็มเปี่ยมได้จะต้องไม่ใช่ของธรรมดาแน่” หญิงสาวพยักหน้า แล้วหันหน้าไปซักถามเงาร่างคนอีกคนหนึ่ง

“ยาลูกกลอนนี้มีธาตุไม้เป็นหลัก ธาตุดินและทองเป็นธาตุเสริม สรรพคุณของยาเหนือชั้น เหมาะกับระดับเผ่าเบื้องบนขั้นที่เจ็ดและแปด หากขั้นที่เก้าใช้ล่ะก็ ผลลัพธ์อาจจะไม่ถึงหนึ่งในสิบจากเดิม ยาลูกกลอนชนิดนี้จัดอยู่ในอันดับยาชั้นหนึ่งได้” เงาร่างคนอีกสายหนึ่งที่พิจารณาอยู่นานเมื่อครู่ ไม่รู้ว่าใช้ขั้นตอนใด คาดไม่ถึงว่าจะกล่าวสรรพคุณของยาลูกกลอนมังกรทะยานออกมาได้อย่างไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย

หานลี่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ใบหน้าอดฉายแววตะลึงเสียมิได้

“แสดงความยินดีกับสหาย ไม่ว่าจะไผ่อัสนีทองหรือยาลูกกลอนเหล่านี้ ล้วนสามารถเข้าร่วมงานประมูลในครั้งนี้ได้ โดยเฉพาะอย่างแรกยิ่งสามารถเข้าไปอยู่ในรายการตอนท้ายสุดได้ ใช่แล้ว ยาลูกกลอนเหล่านี้มีชื่อหรือไม่ นอกจากนี้ข้าจะเสนอราคาต่ำสุดในการเปิดประมูลให้สหาย สหายลองดูว่าพอใจหรือไม่” หญิงสาวหันหน้าไปพิจารณาหานลี่อย่างละเอียดแวบหนึ่ง ฉับพลันนั้นก็หัวเราะอย่างแผ่วเบาออกมา

จากนั้นนางไม่รอให้หานลี่ตอบกลับอะไร ก็ยกมือขึ้นใช้ปลายนิ้วเขียนตัวหนังสืออะไรสักอย่างลงไปบนแผ่นป้ายหยกสีขาวอ่อนแผ่นหนึ่งบนโต๊ะหยกอย่างรวดเร็ว และโยนให้หานลี่

หานลี่คว้าแผ่นป้ายหยกเอาไว้ มองแล้วก็พยักหน้า

“ราคาเปิดประมูลทั้งสองใช้ได้ ถึงอย่างไรผู้น้อยก็เชื่อว่าของเหล่านี้ไม่อาจใช้ราคาต่ำ ๆ แลกเปลี่ยนได้ ส่วนยาลูกกลอนเหล่านี้ มีชื่อว่า ‘ยาลูกกลอนมังกรทะยาน’ การหลอมพวกมันนั้นไม่ง่ายเลย”

“ยาลูกกลอนมังกรทะยาน ได้ พวกเราจะเอาชื่อนี้ในการเปิดประมูล สหายเก็บแผ่นป้ายหยกในมือเอาไว้ หลังจากงานประมูลจบลง ให้เอาของสิ่งนี้มาแลกเปลี่ยนศิลาวิญญาณ” หญิงสาวเอ่ยอย่างเชื่องช้า

“ผู้น้อยทราบแล้ว! หากไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ข้าจะไปรอให้งานประมูลจบลงที่หอหลัก” หานลี่ประสานกำปั้นให้ทั้งสามกล่าวลาอย่างราบเรียบ

“โชคดีสหาย! ของเหล่านี้พวกเราสามคนจะนำไปแลกเปลี่ยนเป็นอย่างดี” หญิงสาวยิ้มตอบกลับ

หานลี่พยักหน้าหมุนกายเดินกลับไป

และไม่รู้ว่าในบรรดาทั้งสามคนนั้นผู้ใดควบคุมเขตอาคมในห้อง ไม่เห็นทั้งสามมีท่าทีใด ๆ ม่านลำแสงของประตูห้องก็เปล่งแสงสีเขียวเจิดจ้าแล้วเปิดออก

หานลี่เดินออกมาจากห้อง และไม่สนใจคนอื่น ๆ ที่อยู่ตรงประตู เดินไปตามทางเดินอย่างไม่รีบร้อน

ดูเหมือนว่าชนต่างเผ่าในห้องโถงจะมีมากกว่าเดิม เดินเข้าไปในทางเดินที่มีป้ายบ่งชี้ว่าคือหอหลักในการประมูลไม่ขาดสาย

หานลี่ก็เดินเข้าไปด้านในเช่นเดียวกัน

ผ่านทางเดินที่มีลำแสงสีเหลืองสายหนึ่งมา หานลี่มาปรากฏตัวในห้องโถงขนาดยักษ์แห่งหนึ่ง

กวาดสายตามองรอบ ๆ หานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย

ห้องโถงนี้ไม่เพียงมีขนาดกว้างใหญ่จนน่าตกใจ ด้านในยังแบ่งออกเป็นสามชั้นอย่างคาดไม่ถึง

ไม่รู้ว่าชั้นกลางและชั้นบนสร้างขึ้นจากวัตถุอะไร ทุกอย่างล้วนเป็นสีขาวบริสุทธิ์ ลอยตัวอยู่กลางอากาศได้อย่างเงียบสงบโดยไม่มีผู้ใดควบคุม ดูลึกลับเป็นอย่างมาก

ชั้นกลางและชั้นล่างเป็นโต๊ะเก้าอี้ธรรมดาวางเรียงกันไปสองสามจั้ง ส่วนชั้นบนเพียงหนึ่งเดียวเป็นห้องขนาดน้อยใหญ่แตกต่างกัน ยิ่งไปกว่านั้นบางครั้งก็มีลำแสงสว่างวาบขึ้นมาที่ผนังห้อง ราวกับมีการวางเขตอาคมอะไรสักอย่างเพิ่มลงไป

เห็นได้ชัดว่าห้องเหล่านี้เตรียมเอาไว้เพื่อผู้ที่มีตำแหน่งและฐานะในเมืองเมฆาสวรรค์

หานลี่เพียงมองชั่วแวบหนึ่งก็ชักสายตากลับมาอย่างรู้จักเจียมตัว หามุมที่ไม่สะดุดตามุมหนึ่งแล้วนั่งลง

รอคอยให้งานประมูลเริ่มขึ้นอย่างเงียบ ๆ

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Type: Author: ,
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset