หานลี่ได้ฟังคำพูดของหญิงสาวเผ่าผลึก ก็ไม่ได้เสียเวลาพูดอะไรอีก กลับรับหมอกสีดำเอาไว้ กวาดจิตสัมผัสเข้าไปในกล่อง
แม้ว่าฝากล่องจะมียันต์วิเศษแปะอยู่ กลับไม่อาจขวางกั้นจิตสัมผัสของเขาให้สัมผัสอะไรไม่ได้
“เอ๋!” หานลี่เปล่งเสียงอุทานเบาๆ ออกมา มองไปยังหญิงสาวเผ่าผลึกแวบหนึ่ง ใบหน้าเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา
“ดูแล้วเหมือนว่าเจ้าจะรู้อะไรนะ ไม่ได้โอ้อวดจริงๆ!” หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลงแล้วเอ่ยอย่างแช่มช้า
“ชนรุ่นหลังคาดเดาเอาไว้ครึ่งหนึ่ง เหตุใดท่านอาวุโสถึงไม่เปิดออกดู จากนั้นค่อยตัดสินใจว่าเป็นของจริงหรือไม่? ใช่แล้ว ที่นี่ไม่ค่อยสะดวกนัก เราสองคนต้องไปคุยกันที่อื่น” หลังจากที่หญิงสาวกลอกตาอันเปล่งประกายไปมา ก็ฉีกยิ้มเบิกบาน
จากนั้นนางพลันพลิกฝ่ามือมือหนึ่ง ในมือมีจานอาคมปรากฏขึ้น มองไปทางประตูแวบหนึ่ง มือหนึ่งร่ายอาคม ในเวลาเดียวกันปากก็ร่ายคาถาและชี้ไปที่จานอาคม
ชั่วขณะนั้นจานอาคมพลันเปล่งแสงเจิดจ้า หมอกลำแสงห้าสีบินม้วนวนออกมาจากทั้งสี่ทิศแปดด้าน
หญิงสาวผู้นี้และหานลี่ถูกหมอกลำแสงห่อหุ้มเอาไว้
หานลี่เลิกคิ้ว สัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นที่ไม่อ่อนแอในม่านลำแสงห้าสี
แววตาของเขาเปล่งประกาย สองเท้ากลับนิ่งงันอยู่ที่เดิม ไม่มีเจตนาจะหลบหลีกเลยสักนิด
หมอกลำแสงเหล่านี้วนล้อมรอบหานลี่แล้วกลายเป็นเขตอาคมห้าสี
หานลี่รู้สึกเพียงว่าทัศนียภาพรอบด้านรางเลือน คนตกอยู่ในห้วงเวลาสีเทาขมุกขมัว
ห้วงเวลานี้แคบเล็กนัก มีขนาดแค่สิบจั้งเศษ นอกจากโต๊ะหนึ่งตัวและเก้าอี้สองตัวตรงมุมแล้ว ก็ไร้ซึ่งสิ่งใดอีก
ทว่าใต้ฝ่าเท้าของหานลี่กลับมีเขตอาคมส่งตัวลำแสงห้าสีเปล่งประกายระยิบระยับ
หญิงสาวเผ่าผลึกด้านข้างพลันยืนอยู่ด้านข้างด้วยรอยยิ้ม
“ที่นี่คือรอยแยกห้วงเวลาขนาดเล็กที่ข้าเชิญให้คนมาเปิดออกโดยเฉพาะ หากพูดคุยกันอีกครั้ง จะไม่มีทางถูกคนตรวจสอบได้ แน่นอนว่าจากอิทธิฤทธิ์ของท่านอาวุโส แม้ว่าจะไม่มีจานอาคม ก็สามารถกลับไปมิติเวลาเดิมได้อย่างง่ายดายดุจพลิกฝ่ามือ” หญิงสาวเผ่าผลึกเม้มริมฝีปากแดงก่ำ เอ่ยอย่างสง่างาม
เมื่อจิตสัมผัสของหานลี่สัมผัสกำแพงกั้นรอบด้าน แน่นอนว่าย่อมสัมผัสสิ่งที่หญิงสาวพูดถึงได้ ทันใดนั้นก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ มือหนึ่งปัดไปบนกล่องอย่างไม่เกรงใจ
ชั่วขณะนั้นลำแสงสีเขียวพลันเปล่งประกาย ยันต์วิเศษสองแผ่นร่อนลงมาทันที ฝากล่องถูกเปิดออก
ไอสีดำกลุ่มหนึ่งพวยพุ่งออกมาจากในกล่อง วนล้อมรอบกล่องเอาไว้ แล้วคลี่ขยายตัวไปทั่วทั้งสี่ทิศ
แต่หานลี่กลับดูเหมือนจะคาดเดาฉากนี้เอาไว้ตั้งนานแล้ว ฉับพลันนั้นพลันอ้าปากออกหมอกสีทองพุ่งออกมาจากปาก
ไอสีดำทั้งหมดถูกหมอกลำแสงม้วนวนเข้าไป กลายเป็นเสาหมอกสีดำเสาหนึ่ง ถูกหานลี่ดูดเข้ามาแล้วกลืนลงไปในท้อง
“ไอมารบริสุทธิ์!” หานลี่มีลำแสงสีทองไหลโคจรอยู่บนใบหน้า คาดไม่ถึงว่าจะเอ่ยราวกับไม่แยแส
ไอสีดำเหล่านี้คือไอมารบริสุทธิ์ แต่สำหรับหานลี่ที่ฝึกฝนเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์นั้น ขอแค่ไม่ดูดซับพลังไปจำนวนมากในทีเดียว แน่นอนว่าย่อมสามารถเปลี่ยนมันเป็นพลังปราณของร่างได้อย่างง่ายดาย
หญิงสาวเผ่าผลึกเห็นสถานการณ์เช่นนี้ แววตาพลันฉายแววตกตะลึง
ไอมารที่แผ่ออกมาจากในกล่องทรงพลังเพียงไหน ผู้อื่นไม่รู้ นางจะไม่รู้ได้อย่างไร
ยามที่นางเปิดใช้งานทุกครั้ง ก็จะเพิ่มพลังป้องกันของตนเองตั้งไม่รู้กี่เท่า ถึงได้กล้าเข้าใกล้ของในกล่อง
มิเช่นนั้นหากไม่ทันระวังถูกไอมารรุกรานเข้า เบาหน่อยก็พลังยุทธ์ถดถอย หนักหน่อยก็ถึงชีวิต
ยามนี้หานลี่ใช้มือหนึ่งตะปบไปกลางอากาศทางกล่องใบนั้น ของสีดำสนิทชิ้นหนึ่งบินออกมา หมุนวนโคจรแล้วร่อนลงในมือ
เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะสงครามสีม่วงขนาดครึ่งฉื่อ ไม่เพียงจะมีรูปทรงน่ากลัว ตรงหัวไหล่มีหนามแหลมสองสามอัน ผิวมีลวดลายสีดำเรียงตัวกันเต็มไปหมด ไอมารสูงเสียดฟ้า
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเกราะสงครามแปลงมาร
ทว่าทรวงอกของเกราะใบนี้มีรูขนาดใหญ่อยู่ ตรงขอบแตกออกเป็นชิ้นๆ คาดไม่ถึงว่าจะมีท่าทางได้รับความเสียหายหนัก
หานลี่จ้องมองเกราะสงครามในมือ เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
จากระดับการฝึกฝนเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ของเขา แน่นอนว่าย่อมสัมผัสได้ถึงพลังที่น่าเหลือเชื่อซึ่งแฝงอยู่ในเกราะมารตรงหน้า เป็นเกราะสงครามที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยเห็นมาตั้งแต่เข้ามาในยุทธภพเทพเซียน
และยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังอยู่ในสถานการณ์ที่เกราะได้รับบาดเจ็บ หากซ่อมแซมแล้ว อานุภาพจะไม่เพิ่มจนไปอยู่ในระดับที่ยากจะเชื่อหรือ
หานลี่จ้องเขม็งไปยังเกราะมารบนร่างของเทวรูป สีหน้าเคร่งขรึมสลับกับสดใสไปมา
“นี่คือเกราะมารสีม่วง ชนรุ่นหลังได้สมบัติชิ้นนี้มาโดยบังเอิญ ตอนแรกก็ไม่รู้ที่มาที่ไปของเจ้าสิ่งนี้ แต่ต่อมาหลังจากตรวจสอบแล้ว ถึงได้รู้ว่าของสิ่งนี้คือเกราะมารเหนือฟ้าในตำนาน ดูแล้วคงเป็นเกราะสงครามที่ร้ายกาจของมารเหนือฟ้าโดยกำเนิด ทว่าดูจากระดับความเสียหายของเกราะมารนี้ เจ้าของเดิมของมันคงเพลี่ยงพล้ำไปแล้ว ตอนนี้อานุภาพของเกราะนี้น่าจะมีอานุภาพไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วน แน่นอนว่าหากซ่อมแซมมันใหม่ละก็ น่าจะฟื้นฟูพลังของมันได้สองสามส่วน” หญิงสาวเผ่าผลึกเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“มารเหนือฟ้า! นั่นเป็นมารที่เข้าใกล้กับระดับวิญญาณเที่ยงแท้แล้ว มิน่าล่ะเกราะชิ้นนี้ถึงได้มีไอมารที่บริสุทธิ์แฝงอยู่ขนาดนี้ มันเป็นสิ่งที่หายากมาก” หานลี่สูดลมหายใจลึกๆ เข้าเฮือกหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
จากนั้นเขาพลันโยนเกราะมารขนาดเล็กในมือขึ้นไปกลางอากาศ มือหนึ่งร่ายอาคมสีทองโจมตีออกไป
ลำแสงสีทองสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในเกราะสีม่วง
ชั่วขณะนั้นอักขระบนผิวของเกราะมารพลันเปล่งประกาย ขนาดขยายใหญ่ขึ้นสองสามเท่า ไอมารที่แผ่ออกมาในเวลาเดียวกันหนาแน่นขึ้นสองสามส่วน แล้วม้วนวนไปรอบด้าน
หญิงสาวเผ่าผลึกเห็นไอสีดำกระโจนเข้ามา หน้าเปลี่ยนสี ฉับพลันนั้นมือหนึ่งพลันชูขึ้น ยันต์วิเศษสีขาวสองสามแผ่นบินออกมา ทันใดนั้นก็ระเบิดออก กลายเป็นม่านลำแสงสีขาวชั้นหนึ่งปกป้องตนเองอยู่ในนั้น
เมื่อไอมารสัมผัสกับม่านลำแสง เสียงร้องประหลาดก็เปล่งออกมา และถูกต้านทานเอาไว้ด้านนอก
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนั้น เผยสีหน้าอมยิ้มออกมา สองมือพลันร่ายอาคม ลำแสงสีทองเปล่งประกาย รัศมีสีทองปรากฏขึ้นบนศีรษะ เทวรูปสามเศียรหกกรปรากฏขึ้น
เทวรูปสามเศียรบริกรรมคาถา แขนทั้งหกชี้ไปทางเกราะสงครามที่แผ่ไอมารออกมา
พ่นเสาลำแสงสีทองหกเสาออกมา โจมตีไปยังเกราะสงครามสีม่วง
ฉากที่น่าตกตะลึงพลันปรากฏขึ้น
เกราะมารสีม่วงที่ถูกลำแสงสีทองโจมตีหมุนคว้าง ฉับพลันนั้นพลันพลิ้วไหวแล้วหายไปท่ามกลางลำแสงสีทอง
ครู่ต่อมาเทวรูปสีทองก็มีไอสีดำหมุนวน เกราะมารสีม่วงปรากฏขึ้นบนผิว สวมอยู่บนร่างของเทวรูป
ชั่วพริบตาเมื่อสวมเกราะแห่งนี้ เทวรูปก็ขยายร่างขึ้นสองสามเท่า ในเวลาเดียวกันไอสีดำบนร่างก็หมุนวน ร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยไอมาร
หานลี่เงยหน้าขึ้นมองเทวรูปกลางอากาศ ใบหน้าเผยสีหน้ายินดีออกมา
ไอวิญญาณในเกราะใบนี้ยังไม่หมดสิ้นไป และยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถถูกเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ควบคุม
นั่นก็ไม่แปลก
เดิมทีเคล็ดวิชานี้ถือกำเนิดจากเคล็ดวิชาลับในแดนมารโบราณ แม้ว่ามารโบราณเหล่านี้และมารเหนือฟ้าจะไม่เหมือนกัน แต่ก็มีพลังต้นกำเนิดมาจากมารเที่ยงแท้ จุดนี้ล้วนเหมือนกัน
แน่นอนว่าหากเกราะมารเหนือฟ้านี้ไร้ความเสียหาย ไอวิญญาณสมบูรณ์ หรือเจ้าของมันยังอยู่ คิดจะเก็บเกราะมารเหนือฟ้านี้ไป กลับเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้
“เยี่ยมมาก เกราะมารนี่มีประโยชน์ต่อข้า แต่น่าเสียดายมันชำรุดไปแล้ว มิเช่นนั้น…” หานลี่พยักหน้า แต่ก็เอ่ยด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยความเสียดาย
“หากเกราะนี้ไม่เสียหาย เกรงว่าคงไม่มีทางตกมาอยู่ในมือของชนรุ่นหลัง ทว่าหากท่านอาวุโสยอมจ่ายค่าตอบแทน ชนรุ่นหลังก็มีวิธีซ่อมแซมมัน อย่างน้อยก็สามารถฟื้นฟูพลังของเกราะใบนี้ได้สองสามส่วน” แม้ว่าหญิงสาวเผ่าผลึกจะจ้องเขม็งไปยังเทวรูปกลางอากาศ ในใจพลันรู้สึกตกตะลึง แต่กลับเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ
“เจ้าซ่อมเกราะใบนี้ได้ อ๋อ ข้าเกือบลืมไป สหายคือคนของเผ่าผลึก ซ่อมแซมเกราะใบนี้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งที่เจ้าเรียกว่าค่าตอบแทนมันคืออะไร? นอกจากนี้สหายคิดจะขายเกราะนี้ให้ข้าอย่างไร?” หานลี่ฉีกยิ้ม ก้มหน้าลงเอ่ยกับผู้ที่อยู่ตรงข้าม
“หากให้พูดถึงของสิ่งนี้น่าจะไร้ราคา แต่น่าเสียดายที่เกราะมารชิ้นนี้ นอกจากมารผู้บำเพ็ญเพียรแล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่อาจควบคุมเกราะใบนี้ได้ ส่วนมารผู้บำเพ็ญเพียรในแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนีก็มีอยู่น้อยมาก ส่วนผู้ที่ฝึกฝนจนอยู่ในระดับเดียวกับท่านอาวุโส ตั้งแต่ที่ชนรุ่นหลังได้สมบัติชิ้นนี้มา ก็เพิ่งเคยพบเป็นครั้งแรก มิเช่นนั้นเกราะใบนี้คงไม่มีทางอยู่จนมาถึงทุกวันนี้”
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน หากท่านอาวุโสมีวัตถุดิบและยาวิเศษที่หายากอะไรก็เอาออกมาเถิด บวกกับสิลาวิญญาณระดับสุดยอด ชนรุ่นหลังก็พอจะไตร่ตรองขายเกราะให้ท่านอาวุโสได้” หญิงสาวเผ่าผลึกดูเหมือนจะขบคิดเรื่องนี้มานานแล้ว ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยอย่างไม่ลังเล
“ง่ายดายเช่นนี้หรือ?” หานลี่ได้ฟังคำตอบของหญิงสาวผู้นี้ พลันตกตะลึง
เงื่อนไขนี้มันธรรมดาเกินไปหน่อย
หญิงสาวเผ่าผลึกได้ยิน กลับฉีกยิ้มไม่ปริปาก
“เจ้าพูดมาก่อนว่าจะซ่อมแซมเกราะใบนี้อย่างไร?” หานลี่หน้าเปลี่ยนสี ทันใดนั้นก็เอ่ยปากตอบรับทันที ย้อนถามเรื่องซ่อมเกราะมารแทน
หญิงสาวเผ่าผลึกเผยสีหน้าลังเลออกมา แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งแล้วเอ่ยว่า
“หากอยากซ่อมเกราะนี้นั้นง่ายมาก ขอแค่ท่านอาวุโสมี ‘แก่นมาร’ เพียงพอ ชนรุ่นหลังก็สามารถซ่อมแซมเกราะมารใบนี้ได้อย่างง่ายดาย”
“แก่นมาร คืออะไร?” หานลี่ขมวดคิ้ว เพิ่งเคยได้ยินชื่อวัตถุดิบนี้เป็นครั้งแรก
“ความจริงแล้วแก่นมารที่พูดถึงคือแก่นของมารอสูรระดับสูง หากจะมีประโยชน์ต่อเกราะมารเหนือชั้นชิ้นนี้ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องใช้แก่นมารหลายร้อยแก่น และยิ่งไปกว่านั้นล้วนต้องเป็นอสูรมารระดับเผ่าเบื้องบนขึ้นไป วัตถุดิบหลักในการซ่อมแซมเกราะมาร ระดับสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ทางที่ดีที่สุดควรเป็นแก่นมารอสูรระดับศักดิ์สิทธิ์” หญิงสาวเอ่ยอย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“อสูรมารระดับศักดิ์สิทธิ์? หรือว่าสหายล้อกันเล่น แก่นระดับสูงจำนวนมากขนาดนั้น ผู้แซ่หานจะไปหามาจากไหน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงระดับศักดิ์สิทธิ์เลย เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าการซ่อมแซมมันแพงกว่าราคาของเกราะใบนี้อีก สหายอย่าพูดจาเหลวไหลเลย” หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยอย่างไม่เกรงใจ
“ท่านอาวุโสคิดผิดแล้ว ผลที่เพิ่มขึ้นจากการซ่อมแซมนั้น มันขึ้นอยู่กับแก่นมารหลักครึ่งหนึ่ง หากแก่นมารมีระดับต่ำหน่อย ชนรุ่นหลังก็ซ่อมแซมได้ แต่ผลกลับจะลดลงเป็นอย่างมาก หากใช้ระดับศักดิ์สิทธิ์ซ่อมแซม อานุภาพก็น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองถึงสามส่วน ผลที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ค่าตอบแทนสูงหน่อยก็เป็นเรื่องปกติ และยิ่งไปกว่านั้นในเมื่อชนรุ่นหลังเอ่ยถึงแก่นมารระดับศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่าย่อมมีเบาะแส ข้ามีข่าวอยู่สองเรื่องที่จะบอกท่านอาวุโสได้โดยไม่คิดเงิน ล้วนเป็นเรื่องที่จะได้แก่นมารระดับศักดิ์สิทธิ์มา” หญิงสาวเผ่าผลึกหัวเราะคิกคัก ดูเหมือนว่าจะขบคิดเรื่องนี้อย่างละเอียดมาตั้งนานแล้ว