ยามอาทิตย์อัสดงเซี่ยงจือหลี่ก็มาดังคาด และยิ่งไปกว่านั้นยังพูดคุยกับหานลี่ตกย่ำค่ำ
หานลี่รู้เรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับเมืองเมฆาและสิบสามเผ่าเมฆาสวรรค์จากปากของเซี่ยงจื่อหลี่
จนถึงตอนท้องฟ้าเริ่มสดใส เซี่ยงจือหลี่ถึงได้หยัดกายลุกขึ้นขอตัวลา
แต่เมื่อหานลี่มาส่งเขาที่ประตูนั้น เซี่ยงจือหลี่ก็ดูเหมือนว่าจะนึกอะไรขึ้นได้ ฉับพลันนั้นก็หันกายมาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าลังเล
“ศิษย์น้องหาน ข้ากลับไปเผ่ามนุษย์ไม่ได้แล้ว แต่เจ้ากลับยังมีโอกาส หากศิษย์น้องอยากไปจากเมืองเมฆาวันไหน จะไปยังที่ที่ไกลแสนไกล มาหาศิษย์พี่สักครั้งได้หรือไม่ ข้ามีของอยากให้ศิษย์น้องหาน และมีเรื่องจะฝากฝัง ทว่าศิษย์น้องวางใจ ขอแค่กลับไปยังเผ่ามนุษย์ได้ เรื่องนี้ก็เป็นแค่เรื่องที่ง่ายดายสำหรับศิษย์น้อง และยิ่งไปกว่านั้นยังมีประโยชน์มาก”
“อ๋อ เรื่องอะไรพูดตอนนี้ไม่ได้หรือ? ข้าไม่แน่ใจนัก หากเกิดเรื่องเข้า ก็ไม่แน่ว่าจะมากล่าวลาศิษย์พี่เซี่ยงได้” หานลี่ได้ฟังพลันตกตะลึง หลังจากลังเลเล็กน้อย ก็เอ่ยถามเช่นนี้ออกไป
“ไม่ปิดบังศิษย์น้อง เรื่องนี้ไม่สะดวกที่จะพูดตอนนี้ และยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ต้องใช้เวลาถึงจะเตรียมของเหล่านั้นได้ ศิษย์น้องมาให้ได้เถิด มิเช่นนั้นหากพลาดไป เจ้ากับข้าก็อาจจะรู้สึกเสียดายมาก” เซี่ยงจือหลี่สั่นศีรษะ และเอ่ยอย่างมีเลศนัย
เมื่อได้ยินเซี่ยงจือหลี่กล่าวเช่นนี้ หานลี่ย่อมเอ่ยคำพูดว่า “จะพยายาม” มาเป็นคำสัญญา
เซี่ยงจือหลี่พยักหน้า แล้วถึงได้หันกายออกไปจากห้อง
หานลี่มองเซี่ยงจือหลี่หายไปจากประตูห้อง ใบหน้ากลับเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา ฉับพลันนั้นมือหนึ่งพลันตะปบไปที่ประตูห้อง ชั่วขณะนั้นพลังมหาศาลก็สูบเข้ามา ประตูห้องที่ทำจากไม้สั่นไหว ชั่วพริบตาก็ปิดลงอีกครั้ง
แทบจะในเวลาเดียวกันกำแพงรอบห้องก็มีลำแสงสีขาวปรากฏขึ้น เขตอาคมทำงานโดยอัตโนมัติ ปกคลุมห้องทั้งห้องเอาไว้
หานลี่เดินไปที่มุมห้องอย่างไม่รีบร้อน นั่งสมาธิลงบนฟูกอีกครั้ง ใบหน้าเผยรอยยิ้มจางๆ ออกมาเพราะเหตุใดก็สุดจะรู้ได้ แต่ดวงตาทั้งสองข้างกลับฉายแววเย็นชา ไม่รู้จะพูดอะไรอีก
วันที่สองหานลี่พักผ่อนอยู่ภายในห้อง และไม่ได้มีเจตนาจะออกจากห้องเลยสักนิด
เมื่อมาถึงเช้าวันที่สาม ประตูห้องถึงได้เปิดออกอย่างช้าๆ เขาถึงได้เดินออกจากด้านในอย่างเงียบเชียบ
เขาไม่ได้ไปหาเซี่ยงจือหลี่ที่ห้องโถงด้านล่าง แต่ตรงไปที่ทางออกของชั้นตนเอง และร่อนลงไปอย่างช้าๆ ไปถึงถนนที่โรงเตี๊ยมตั้งอยู่
หานลี่ดูเหมือนจะคิดเอาไว้ตั้งนานแล้วว่าจะไปที่ใด เรียกรถอสูรมาคันหนึ่ง เอ่ยชื่อสถานที่ที่จะไป รถอสูรแล่นไปบนถนน
มองผ่านหน้าต่างของรถอสูร หานลี่มองทุกอย่างบนถนนได้อย่างชัดเจน
เมื่อสายตากวาดไปที่ลูกบอลยักษ์ที่อยู่ไกลกำแพงเมืองมากที่สุด หานลี่พลันใจเต้นระรัวเบาๆ
หลังจากผ่านการพูดคุยกับเซี่ยงจือหลี่เมื่อครู่ แน่นอนว่าเขารู้ว่าหน้าตาของสิ่งมหึมานี้คืออะไร ลูกบอลยักษ์เหล่านี้คือหุ่นเชิดต่อสู้ขนาดยักษ์สิบสามตัว ว่ากันว่าอานุภาพของมันเพียงพอจะต้านทานกับระดับผสานอินทรีย์ขั้นต้นได้
ส่วนหุ่นเชิดสิบสามตัวนั้นก็มีตัวหนึ่งที่สิบสามเผ่าเมฆาสวรรค์หน้าที่ดูแลพอดี
มีหุ่นเชิดต่อสู้ที่น่ากลัวขนาดนี้ พลังป้องกันเมืองเมฆาสวรรค์จะแข็งแกร่งแค่ไหนแค่คิดก็รู้แล้ว มิน่าล่ะเผ่าเมฆาสวรรค์ถึงได้ใช้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางของการต้านทานเผ่าแมลงมีเขา อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ต้องกังวลว่าเผ่าแมลงมีเขาจะส่งทหารมาโจมตีเมืองนี้อย่างฉับพลัน
สายตาของหานลี่ถอนออกมาจากลูกบอลที่อยู่ไกลออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วหลับตาทั้งสองข้างลง
ที่ที่เขาไปอยู่ไม่ไกลกันนัก รถอสูรเคลื่อนไปครึ่งชั่วยามก็มาถึงถนนสายเปลี่ยว
หานลี่โยนศิลาวิญญาณไปสองสามก้อน แล้วกระโดดลงจากรถอสูร และมองไปทางซ้ายทีขวาที
อย่ามองว่าถนนสายนี้ไม่สะดุดตา แต่เห็นได้ชัดว่าจำนวนคนบนถนนนั้นมากกว่าถนนสายหลักเป็นอย่างมาก
ส่วนร้านค้าทั้งสองฝั่งถนนก็ไม่ใหญ่โตนัก แต่คนที่เข้าๆ ออกๆ กลับมีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ธุรกิจรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก!
หานลี่พยักหน้า มองไปยังร้านค้าร้านหนึ่งที่อยู่ใกล้แค่คืบ มองไปยังแผ่นป้ายที่แขวนอยู่บนประตู ทันใดนั้นก็เดินเข้าไปด้วยสีหน้าราบเรียบ
ร้านมีขนาดประมาณยี่สิบสามสิบจั้ง รอบด้านล้วนมีชั้นวางของเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ด้านบนมีแผ่นหิน จานหยก แผ่นเงินจำพวกคัมภีร์ต่างๆ วางเรียงอย่างหนาแน่น แต่ทั้งหมดล้วนถูกม่านลำแสงแวววาวบดบังเอาไว้
คาดไม่ถึงว่านี่จะเป็นร้านขายคัมภีร์โดยเฉพาะร้านหนึ่ง
จากที่เซี่ยงจือหลี่กล่าว แม้นว่าร้านค้าต่างๆ ในเมืองเมฆาจะมีมากมายดังขนนก แต่ร้านค้าที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงซึ่งหานลี่สนใจนั้น กลับมารวมตัวกันอยู่ที่ถนนสายนี้
ยามนี้แค่มองไปก็รู้แล้วว่าเป็นความจริง
แม้ว่าร้านค้าจะไม่ใหญ่นัก แต่คัมภีร์ต่างๆ ก็ดูเหมือนจะมีอยู่ไม่น้อย
ส่วนชนต่างเผ่าสองสามคนที่อยู่ในร้าน ต่างกำลังมองอะไรสักอย่างอยู่บนชั้น ล้วนอยู่ในระดับหลอมรวม
ชนต่างเผ่าเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะตั้งใจเลือกของอยู่ และไม่ได้สังเกตเห็นการมาถึงของชนชั้นสูงระดับเผ่าเบื้องบนอย่างหานลี่
ส่วนเจ้าของร้านกลับเป็นชนต่างเผ่าเพศหญิงวัยดรุณีคนหนึ่ง
ดูแล้วมีอายุเพียงสิบเจ็ดสิบแปดปี แต่ผิวกลับเป็นสีขาวราวกับหิมะ หูทั้งสองข้างเรียวแหลม หว่างคิ้วมีผลึกศิลาสีขาวนวลขนาดเท่าเมล็ดถั่วฝังอยู่ ดวงตาคู่งามฉายแววลึกล้ำ ให้ความรู้สึกชาญฉลาด
“เผ่าผลึก”
เมื่อเห็นรูปร่างของหญิงสาว หานลี่กลับตะลึงงัน
เขาในยามนี้แน่นอนว่าย่อมรู้จักเผ่าต่างๆ ของสิบสามเผ่าไม่น้อย
“เผ่าผลึก” คือหนึ่งในสิบสามเผ่าเมฆาสวรรค์ แต่เผ่านี้กลับมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นอย่างมาก ไม่เพียงคนคนในเผ่าจะน้อยจนน่าประหลาดใจ ว่ากันว่าจำนวนทั้งหมดมีไม่ถึงหนึ่งล้านตน และยิ่งไปกว่านั้นยังอ่อนแอกว่าเผ่าอื่นๆ แต่เผ่านี้กลับมีอายุขัยยืนยาว แทบจะมากกว่าเผ่ามนุษย์สามถึงสี่เท่า และยิ่งไปกว่านั้นหน้าตาของเผ่าผลึกทุกตนยังงดงาม ฉลาดเป็นกรด ล้วนมีความสามารถด้านการปรุงยา สร้างเขตอาคม เขียนยันต์วิเศษที่สูงส่งกันแทบทุกคน
ดังนั้นเผ่าผลึกจึงได้รับการต้อนรับจากเผ่าอื่นๆ เป็นอย่างมาก แม้ว่านิสัยพื้นฐานจะไม่ชอบการต่อสู้แย่งชิง แต่ก็จัดอยู่ในอันดับที่ไม่ได้ต่ำต้อยในสิบสามเผ่าเมฆาสวรรค์
หญิงสาวเผ่าผลึกผู้นี้สังเกตเห็นหานลี่ ดวงตาสีดำขลับคู่งามกวาดไปบนร่างของหานลี่ ใบหน้าเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา คาดไม่ถึงว่าจะดูเหมือนมองระดับพลังยุทธ์ของหานลี่ออก
นางหยัดกายลุกขึ้นเดินเข้ามาคารวะอย่างอ่อนช้อยในทันที
“ยินดีต้อนรับท่านอาวุโสมาเยือนร้านเล็กๆ แห่งนี้ ไม่ทราบว่าชนรุ่นหลังมีอะไรพอจะช่วยท่านอาวุโสได้หรือไม่เจ้าคะ!”
หญิงสาวเอ่ยอย่างมีจริตจะก้าน ไม่เห็นว่านางจะมีท่าทางที่เกินงามอะไร แต่แค่เคลื่อนไหว ก็ให้ความรู้สึกที่สง่างาม
เหมือนกับในตำนานเผ่านี้เหนือกว่าชนต่างเผ่าอื่นๆ ที่ตนเคยพบเห็นมาจริงๆ
หานลี่ชื่นชมอยู่ในใจ แต่กลับไม่เผยสีหน้าใดๆ ออกมา แค่เอ่ยอย่างราบเรียบ
“ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้น ฉันจะเลือกดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน สหายไปจัดการธุระของตนเถิด”
“เช่นนั้นเชิญท่านอาวุโสตามสบายเจ้าค่ะ!” หญิงสาวเผ่าผลึกพยักหน้าอย่างรู้หน้าที่ ไม่ได้เอ่ยอะไรอีกแล้วทำความเคารพ ถอยกลับไปโดยอัตโนมัติ
ทว่าการกระทำของหญิงสาวเผ่าผลึก กลับทำให้ผู้ที่เลือกคัมภีร์อยู่ภายในร้านตกใจ
เสียง “ซื้ด” ดังขึ้น พวกเขาใช้สายตาตื่นตะลึงมองมาทางนี้
ผลคือล้วนสูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่ง แน่นอนว่าพวกเขาย่อมดูระดับพลังของหานลี่ไม่ออก แต่พลังยุทธ์ที่ลึกล้ำยากจะคาดเดา ก็เพียงพอจะทำให้พวกเรารู้ระดับความสูงส่งของหานลี่ ว่าไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะจินตนาการได้
ชนต่างเผ่าเหล่านั้นหน้าเปลี่ยนสีเป็นไม่สบายใจ บางคนหันกายจากไปในทันที บางคนกลับเลือกคัมภีร์มาเล่มหนึ่ง ทันใดนั้นก็รีบร้อนจากไปจากที่นี่
ชั่วพริบตาทั้งร้านก็เหลือเพียงหานลี่และหญิงสาวเผ่าผลึก
หานลี่ทำเป็นมองไม่เห็นเรื่องที่เกิดขึ้น เดินไปหน้าชั้นที่อยู่ใกล้เคียง และพิจารณาคัมภีร์ต่างๆ บนนั้น
แค่ภายนอกย่อมดูไม่ออกว่าคืออะไร หานลี่ใช้จิตสัมผัสแทรกเข้าไปในม่านลำแสงและกวาดไปบนแผ่นหินแผ่นหนึ่ง
ม่านลำแสงเหล่านี้มีความวิเศษดังคาด จิตสัมผัสอ่านได้เพียงข้อมูลง่ายๆ บนแผ่นหินเท่านั้น หากอยากอ่านข้อมูลที่เป็นทางการ กลับถูกกั้นเอาไว้ด้วยเขตอาคม
แน่นอนว่าจากจิตสัมผัสที่แข็งแกร่งของเขา หากอยากแทรกเข้าไป เขตอาคมบางๆ เหล่านี้ย่อมไม่อาจขวางกั้นได้ แต่เช่นกันการกระทำเช่นนี้ย่อมไม่อาจไม่ถูกเจ้าของร้านพบได้ ผู้ที่มีฐานะหน่อย จะทำเช่นนี้ได้อย่างไร
หานลี่มองคัมภีร์บนชั้นสองสามแวบ พบว่าส่วนใหญ่ล้วนเป็นการแนะนำประเพณีวิถีชีวิตของเผ่าต่างๆ แน่นอนว่าย่อมไม่สนใจ ทันใดนั้นพลันสาวเท้าไปสองสามก้าว ร่างกายมาอยู่ตรงหน้าอีกชั้นหนึ่ง ใช้จิตสัมผัสกวาดออกไปอีกครั้ง
ครั้งนี้ดูเหมือนจะเจอเป้าหมาย หานลี่แค่ดูสองครั้ง ใบหน้าก็เผยสีหน้ายินดีออกมา
ทันใดนั้นมือหนึ่งก็โบกลงจานหยกสีฟ้า ชั่วขณะนั้นพลันบินออกมาอยู่ในมือของเขา
เช่นนั้นหานลี่จึงค่อยๆ หาไปทีละอย่างๆ ชั่วพริบตาก็ได้คัมภีร์มามากกว่ายี่สิบม้วน
จากนั้นเขาถึงได้เดินไปอยู่ข้างกายของหญิงสาวเผ่าผลึกด้วยความพึงพอใจ นำของทุกอย่างวางลงบนโต๊ะตรงหน้าของนาง ปากก็เอ่ยถามอย่างราบเรียบว่า
“เท่าไหร่ ของเหล่านี้ข้าเอาทั้งหมด!”
หญิงสาวเผ่าผลึกมองกองสิ่งของตรงหน้า ใบหน้าเผยสีหน้าตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด แต่แววตาคู่งามแค่กลอกไปมา ฉับพลันนั้นก็ยิ้มแล้วเอ่ยสิ่งที่ทำให้หานลี่ประหลาดใจออกมา
“ของเหล่านี้มีค่าแค่ไม่กี่ศิลาวิญญาณ ท่านอาวุโสเอาไปเถิดเจ้าค่ะ”
“อันใดสหายคิดว่าข้าจ่ายไม่ไหวหรือ?” หานลี่พลันตกใจ แต่ทันใดนั้นก็มีสีหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงเย็นชา
“แน่นอนว่าชนรุ่นหลังไม่ได้เจตนาเช่นนั้น แต่ชนรุ่นหลังมีของชิ้นหนึ่ง บางทีท่านอาวุโสอาจจะสนใจ หากท่านอาวุโสอยากได้ คัมภีร์เหล่านี้ก็นับว่าชนรุ่นหลังมอบให้ท่านอาวุโสก็ได้เจ้าค่ะ” หญิงสาวเผ่าผลึกฉีกยิ้มเบิกบาน คาดไม่ถึงว่าจะเอ่ยเช่นนี้ออกมา
“อ๋อ อะไรล่ะ รีบเอาออกมาดูเถิด” หานลี่พลันตกตะลึง สีหน้าผ่อนคลายลงขณะเอ่ย
“ชนรุ่นหลังขอเวลาสักครู่ ของสิ่งนี้ค่อนข้างล้ำค่า ชนรุ่นหลังวางไว้ในห้อง” หญิงสาวเผ่าผลึกได้ยินหานลี่ตอบเช่นนี้ ก็ฉีกยิ้ม ทันใดนั้นก็หันกายเดินเข้าไปในร้าน
หานลี่ไม่ได้ใส่ใจ รออยู่ตรงนั้นอย่างสงบนิ่ง
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ หญิงสาวก็ถือกล่องธาตุทองสีดำสนิทออกมา
“ท่านอาวุโสดูของที่อยู่ในกล่องเถิด ชนรุ่นหลังเชื่อว่าของสิ่งนี้มีประโยชน์ต่อท่านอาวุโส มิเช่นนั้นชนรุ่นหลังคงไม่มีทางเป็นฝ่ายบอกว่าจะนำออกมา” หญิงสาวเผ่าผลึกฉีกยิ้มให้หานลี่ขณะเอ่ย ดูเหมือนว่าจะรู้อะไรบางอย่าง