ยามนี้เสาลำแสงสีดำสองสายและลำแสงสีเหลืองสิบกว่าสายพลันพุ่งเข้าไปหาวิหคยักษ์ หมายจะโจมตีไปบนร่างของวิหคยักษ์ขนาดมหึมา
แต่ฉับพลันนั้นพลันมีลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ ม่านลำแสงแวววาวชั้นหนึ่งปรากฏออกมาจากในร่างของวิหคยักษ์
เสาลำแสงสองสายและลำแสงสีเหลืองสิบกว่าสายโจมตีไปยังลำแสงแวววาว คราแรกพลันหยุดชะงัก จากนั้นพลันเปลี่ยนทิศทาง คิดไม่ถึงว่าจะบินออกมาจากผิวของวิหคยักษ์ และโจมตีเข้ากับความว่างเปล่า
เสาลำแสงสองสายเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปจากกลางอากาศ ส่วนลำแสงสีเหลืองสิบกว่าสายพลันกะพริบวาบสองสามครั้ง แล้วหมุนวนพุ่งกลับไปหาวิหคยักษ์อีกครั้ง
แต่วิหคยักษ์แค่กระพือปีกทั้งสองข้าง
ชั่วขณะนั้นพายุสีขาวลูกยักษ์พลันปรากฏขึ้น เมื่อลำแสงสีเหลืองเข้ามาประชิดร่าง ก็ถูกม้วนไปที่ใดก็สุดจะรู้ได้
จากนั้นผิวของวิหคยักษ์พลันมีประกายไฟฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบ ร่างกายพลิ้วไหว กระโจนเข้าหาคนแคระท่ามกลางเสียงฟ้าคำรามอย่างต่อเนื่อง
คนแคระมองเห็นหานลี่สังหารหญิงชราได้อย่างง่ายดายและยิ่งไปกว่านั้นการโจมตีของตนเองยังถูกดีดกระเด็นไปต่อหน้าต่อตา สีหน้าก็ดูไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง เมื่อเห็นวิหคยักษ์กระโจนเข้ามาอีก สีหน้าก็ซีดเผือด
แต่พลันใช้เท้าข้างหนึ่งตบลงไปบนเมฆสีเงินอย่างแทบไม่ต้องขบคิด ชั่วขณะนั้นพลันกลายเป็นลำแสงสีเงินกลุ่มหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบอย่างต่อเนื่อง
ครู่ต่อมาพลันปรากฏขึ้นด้านข้างชายประหลาดเท้าเปลือย
จากนั้นเขาพลันชี้นิ้วไปที่ชามไม้สีเขียวมรกตข้างกาย สิ่งนั้นกลายเป็นม่านลำแสงสีเขียว คุ้มครองร่างของเขาเอาไว้
ชายประหลาดเท้าเปลือยพลันมีสีหน้าเขียวคล้ำเป็นพิเศษ หลังจากร้องตะโกนออกมา บนปลอกแขนสีดำสนิททั้งสองข้างพลันมีหมอกสีดำทะลักออกมา ชั่วพริบตาก็กลืนเขาและคนแคระที่อยู่ข้างกายเข้าไปพร้อมกัน
หมอกสีดำหมุนตัวไปทั่วสารทิศ และกระจายตัวออกมาไม่หยุด ชั่วพริบตาก็กินพื้นที่สามสิบจั้งเศษ และยิ่งไปกว่านั้นยังแผ่ออกมาไม่หยุด
เสียงกรีดร้องของภูตผีดังออกมาจากม่านหมอกสีดำ และยิ่งไปกว่านั้นเงาภูตยังปรากฏออกมารางๆ เป็นสายๆ
ส่วนกลิ่นอายของชายประหลาดเท้าเปลือยและคนแคระต่างก็สลายหายไปท่ามกลางเมฆหมอก
ยามนี้หานลี่ที่กลายเป็นวิหคยักษ์ เป็นเพราะคนแคระชิงหนีไปก่อน แน่นอนว่าจึงเปลี่ยนทิศทาง กลับไปมองทะเลหมอกสีดำที่ทะลักออกมา
“ไอทมิฬ!” เขาแทบจะรู้โฉมหน้าที่แท้จริงของหมอกสีดำเหล่านี้ได้ในปราดเดียว และยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นไอทมิฬที่บริสุทธิ์เป็นอย่างยิ่ง
หากผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดาไม่ทันระวัง แล้วถูกหมอกนี้ม้วนเข้าไป เกรงว่าคงกลายเป็นซากแห้งในชั่วพริบตา
แต่เมื่อหานลี่มองเห็นผลลัพธ์ของหมอกทมิฬเหล่านี้ แววตาที่แปลงเป็นวิหคยักษ์ก็ฉายแววแปลกประหลาด
ไม่รอให้เขาที่กลายเป็นวิหคยักษ์แสดงท่าทีใดๆ อสูรวิญญาณครวญที่มองการต่อสู้อยู่ด้านข้างไกลออกไป ก็เปล่งเสียงร้องด้วยความตื่นเต้นดีใจออกมา ปากก็เปล่งเสียงเพรียกอันไพเราะออกมาเช่นกัน ปีกทั้งสองกระพือออก ประจุไฟฟ้าบนร่างระเบิดออกมา กลายเป็นลูกบอลไฟฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบอยู่เหนือหมอกสีดำ
และเมื่อสายฟ้ากะพริบวาบแล้วสลายหายไปแล้ว เสียงฟ้าผ่าดัง “เปรี้ยง” ก็ดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีขาวราวกับโอ่งน้ำสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นบนหมอกสีดำ
วิหคยักษ์ร่างกายราวกับภูเขาขนาย่อมเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นท่ามกลางประจุไฟฟ้า และหลังจากหมุนวน ก็ทำท่าเหมือนจะร่วงดิ่งลงสู่หมอกด้านล่าง
“รนหาที่ตาย!” แน่นอนว่าชายประหลาดเท้าเปลือยที่เอาแต่แอบอยู่ในหมอกสีดำ แค่ในมือมีธงสีดำปรากฏขึ้นด้ามหนึ่ง เมื่อเห็นท่าทางของหานลี่ ก็ไม่โกรธแต่กลับดีใจ
หลังจากเสียงตะโกนดังขึ้น ธงสีดำในมือของเขาพลันพลิ้วไหว
ชั่วขณะนั้นหมอกสีดำผืนใหญ่พลันรวมตัวกันแล้วหมุนวนไปบนท้องฟ้า หน้าผีสีดำขนาดสองสามหมู่พลันปรากฏขึ้น และดูราวกับมีชีวิตอย่างไรอย่างนั้น ดวงตาทั้งสองข้างของหน้าผีเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ อ้าปากออกพุ่งเข้าไปหาวิหคยักษ์กลางอากาศ
แต่ในยามนั้นเองลำแสงเทวะดูดวิญญาณกลับเปล่งแสงสว่างวาบแล้วม้วนวนจนมาถึงตรงนี้
วินาทีที่ลำแสงสีเหลืองเปล่งแสงสว่างวาบ เพิ่งจะบินมาถึงหน้าผี พริบตานั้นก็เผยสีหน้าหวาดผวาพลางร้องครวญครางออกมา
หน้ายักษ์เริ่มบิดเบี้ยว จากนั้นเสียง “สวบ” ก็ดังขึ้นกลายเป็นไอสีดำจำนวนนับไม่ถ้วน ถูกลำแสงสีเหลืองม้วนเข้าไปข้างใน
ไม่เพียงแค่นั้นพริบตาที่ลำแสงสีเหลืองปรากฏขึ้น หมอกสีดำทั้งผืนเบื้องล่างพลันหมุนวน
ทุกแห่งที่ลำแสงสีเหลืองกวาดผ่านไป หมอกสีดำพลันกลายเป็นเส้นไหมสีดำจำนวนนับไม่ถ้วน ทยอยกันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป
หากเปลี่ยนเป็นอสูรวิญญาณครวญในอดีต แม้ว่าจะพลังควบคุมพลังทมิฬ แต่อยากดูดซับไอทมิฬจำนวนมากขนาดนี้ ก็ต้องเสียแรงเป็นอย่างมาก
แต่หลังจากผ่านการพัฒนาระดับขั้นมามากมายขนาดนี้ ลำแสงเทวะดูดวิญญาณจึงเพิ่มอานุภาพขึ้นไม่น้อย กลายเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา
หมอกสีดำจำนวนมากขนาดนี้แทบจะถูกม้วนไปกว่าครึ่งได้ในชั่วพริบตา
ชายประหลาดเท้าเปลือยและคนแคระที่เดิมที่ซ่อนตัวอยู่ในหมอกสีดำ ปรากฏตัวขึ้นรางๆ ท่ามกลางม่านหมอกที่จางลง และยิ่งไปกว่านั้นครู่ต่อมาก็เผยร่างกายออกมาอย่างหมดจด
ชายประหลาดเท้าเปลือยถือธงด้วยสองแขน ใบหน้าเผยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา
ในเวลาเดียวกันที่ทั้งสองเผยร่างออกมา วิหคยักษ์พลันโฉบลงมาหาทั้งสอง กรงเล็บยักษ์ทั้งสองแยกออก ตะปบไปหาทั้งสองคน
สิ่งที่ถึงชีวิตยิ่งกว่าก็คือ ปีกทั้งสองข้างของวิหคยักษ์มีลำแสงสีเขียวสว่างวาบ ค่อยๆ กระพือไปด้านล่างพร้อมกัน
ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คนประหลาดและคนแคระกลับรู้สึกว่าบรรยากาศรอบด้านตึงเครียด จากนั้นพลังมหาศาลไร้รูปร่างก็กดลงมาที่ไหล่ของทั้งสองคนราวกับภูเขาไท่ซาน
ชายประหลาดเท้าเปลือยยังพอว่า แค่ขาสั่นเทา อาศัยพลังยุทธ์ที่ไม่อ่อนแอ พอฝืนต้านทานเอาไว้ได้
แต่คนแคระที่มีพลังยุทธ์สู่สหายร่วมวิถีไม่ได้ ผลคือแค่นเสียงด้วยความกลัดกลุ้มออกมา ชั่วครู่ก็ถูกกดจนขาข้างหนึ่งคุกลงไปกับพื้น ลำแสงสีเขียวบนร่างของเขาเริ่มบิดเบี้ยวจนถึงขีดสุด ในเวลาเดียวกันเหนือหัวก็เริ่มเว้าลงมา สั่นเทาอย่างหนักไม่หยุด ราวกับว่าจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ
นี่จึงทำให้คนแคระผู้ที่รู้จักพลังป้องกันของสมบัติของตนเองดี รู้สึกตกตะลึงจนหาที่เปรียบมิได้
แต่เมื่อทั้งสองเห็นกรงเล็บยักษ์ตะปบลงมา แม้ว่าร่างกายในยามนั้นจะหนักอึ้ง ก็ไม่อาจหลบหลีกได้เลยสักนิด แต่แน่นอนว่าย่อมไม่มีทางยอมนิ่งงันรอความตาย
ทันใดนั้นชาวประหลาดเท้าเปลือยก็ฝืนยกแขนที่สั่นเทา ธงสีดำในมือไม่เพียงหมุนคว้าง กลายเป็นมังกรวารีหมอกพุ่งออกไปกลางอากาศ ปลอกแขนสีดำทั้งสองข้างมีลำแสงประหลาดไหลเวียนไปมาเป็นระลอกๆ เงาลวงตาสายหนึ่งบินออกมาจากด้านใน
หานลี่เพ่งพินิจมองไป คาดไม่ถึงว่าจะเป็นภูตอัปลักษณ์สีแดงและเขียวสองตัว หน้าตาของภูตผีดูโหดเ**้ยม บนหัวมีเขางอกออกมาคู่หนึ่ง ในเวลาเดียวกันกายท่อนบนกลับเปลือยเปล่า กายท่อนล่างมีหนังอสูรนิรนามบดบังอยู่ แขนทั้งสองของภูตชูขึ้น ชั่วขณะนั้นลำแสงสีดำผืนหนึ่งพลันบินไล่ตามมังกรวารีหมอกออกมา
ส่วนคนแคระที่อยู่ด้านข้างพลันเปิดส่วนตรงหน้าผากออก กระบี่เล่มเล็กสีขาวหยกเล่มหนึ่งบินออกมา สั่นเทาเล็กน้อย ชั่วขณะนั้นพลันกลายเป็นสายรุ้งเจิดจ้า ฟันไปที่กรงเล็บยักษ์
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังร้อนใจ ก็ดูเหมือนว่าจะพยายามสู้จนสุดชีวิตแล้ว
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอีกครั้ง เรือสงครามสีทองลำนั้นปล่อยเสาลำแสงสีขาวออกมา พุ่งตรงไปหาวิหคยักษ์
วิหคยักษ์ยังพุ่งลงไปด้านล่างอย่างไม่มีท่าทีจะหยุดยั้งเลยสักนิด แต่ลำแสงแวววาวบนร่างกลับเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นโล่แวววาวใบหนึ่งบินออกมาจากร่าง
ยามแรกโล่ใบนั้นมีขนาดแค่สองสามจั้ง แต่หลังจากบินออกมาก็กลายเป็นโล่ยักษ์ขนาดยี่สิบกว่าจั้งในพริบตา
แวววาวโปร่งใส ดูงดงามท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมา!
เสาลำแสงเหล่านั้นทยอยกันโจมตีไปบนโล่ยักษ์ จากนั้นลำแสงพลันเปล่งประกาย ทำให้การโจมตีเหล่านั้นบิดเบี้ยวพุ่งไปทางอื่น
การโจมตีของเรือสงครามไม่อาจสร้างผลกระทบต่อการโจมตีของหานลี่ได้แม้เพียงนิด
“ปัง” เสียงดังขึ้น กระบี่เล่มเล็กสีขาวหยกกลายเป็นสายรุ้ง ชิงไปอยู่บนกรงเล็บก่อน
แต่ครู่ต่อมาก็ถูกดีดออกมาอย่างง่ายดาย แต่ทันใดนั้นกรงเล็บยักษ์พลันประสานกัน คิดไม่ถึงว่าจะตะปบสายรุ้งสีขาวเอาไว้ในมือ
ปล่อยให้มันดิ้นรนเอาชีวิตรอด แต่กลับไม่อาจออกจากพันธนาการของกรงเล็บนี้ได้
จากนั้นเสียงก้องกังวานพลันดังขึ้น คิดไม่ถึงว่ากระบี่บินเล่มนี้จะถูกพลังมหาศาลของกรงเล็บยักษ์บีบจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ชั่วขณะนั้นคนแคระที่อยู่ด้านล่างพลันร้องคร่ำครวญออกมา กระอักโลหิตสดๆ ออกมาสองสามครั้ง
กรงเล็บยักษ์จึงถือโอกาสนี้กดลงมา แค่กะพริบวาบ ก็ตะปบม่านลำแสงสีเขียวด้านล่างเอาไว้ได้
แม้จะเป็นคนแคระในม่านลำแสง ยามนั้นก็หน้าถอดสี
แต่ลำแสงสีเขียวก็ไม่ธรรมดา แม้ว่าจะถูกการประสานมือของกรงเล็บยักษ์ ก็ยังเปล่งเสียงกึกๆ ของแรงเสียดสีออกมา แต่ยามนั้นคาดไม่ถึงว่าจะยังไม่พังทลาย
อีกด้านมังกรวารีหมอกตัวนั้นดูดซับหมอกสีดำเข้าไปในร่าง ร่างกายก็ดูเสมือนจริงขึ้น เผยเกล็ดสีดำเงามะเมื่อมออกมา ร้องคำรามด้วยท่าทีอันดุดัน สะบัดหัวสะบัดหางชนเข้ากับกรงเล็บยักษ์อีกข้างหนึ่ง
กรงเล็บยักษ์นี้หยุดชะงัก คิดไม่ถึงว่าจะถูกมังกรวารีสีดำต้านทานเอาไว้จนไม่อาจลดระดับลงมาได้
แววตาของหานลี่เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา แต่วิหคยักษ์พลันอ้าปาก พ่นลูกบอลเพลิงสีเงินออกมา ในเวลาเดียวกันหัวก็จิกไปอีกด้าน
ชั่วขณะนั้นเสียง “ตูม” พลันดังขึ้น มังกรวารีสีดำที่ต้านกรงเล็บยักษ์เอาไว้ถูกลูกบอลเพลิงโจมตี เผาไหม้ท่ามกลางเปลวเพลิงสีเงิน
มังกรวารีหดเล็กลงด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ ราวกับถูกเปลวเพลิงสีเงินกลืนกินอย่างไรอย่างนั้น
และยามนั้นเองปากที่แหลมคมของวิหคยักษ์ก็จิกลงไปที่ม่านลำแสงสีเขียวที่กรงเล็บยักษ์อีกข้างตะปบอยู่
หลังจากเสียงกึกก้องดังขึ้น ม่านลำแสงที่แต่เดิมสั่นไหวไปมา ก็ไม่อาจต้านทานได้อีกมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
คนแคระที่อยู่ด้านในไม่อาจต้านทานได้อีก ถูกกรงเล็บยักษ์บีบจนระเบิดออก แม้แต่จิตวิญญาณดั้งเดิมที่ซ่อนอยู่ภายในก็ไม่อาจหนีออกมาได้ สลายหายไปท่ามกลางหมอกโลหิต
สถานการณ์ของชายประหลาดเท้าเปลือยด้านล่างก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าใดนัก เพราะมังกรวารีสีดำกลางอากาศหดเล็กลงหนึ่งในสามส่วน จึงไม่อาจต้านทานพลังมหาศาลของกรงเล็บยักษ์ได้ ถูกตะปบจนสลายหายไปอย่างง่ายดาย
จากนั้นกรงเล็บยักษ์นี้ก็ถูกเปลวเพลิงสีเงินห่อหุ้ม แล้วตะปบไปทางชายประหลาดเท้าเปลือย
วินาทีที่ชายประหลาดเท้าเปลือยเห็นคนแคระถูกสังหาร พลันหน้าเปลี่ยนสี ตอนนี้มองเห็นว่าตัวเองอาศัยสมบัติ คิดไม่ถึงว่าจะต้านทานไม่ไหว ในที่สุดแววตาก็เผยสีหน้าหวาดหวั่นออกมา แต่ครู่ต่อมาก็กัดฟัน เปล่งเสียงร้องแหลมๆ ยาวๆ ออกมา
เสียง “ตูม” ดังสนั่นขึ้น ผิวของชายประหลาดเท้าเปลือยมีลำแสงโลหิตปรากฏขึ้น ร่างกายระเบิดออกอย่างไม่คาดคิด
ลำแสงโลหิตเจิดจ้ากลุ่มหนึ่งกะพริบเรืองๆ กลายเป็นดวงอาทิตย์โลหิตขนาดเท่าล้อรถดวงหนึ่ง
แม้ว่ากรงเล็บยักษ์จะห่อหุ้มเปลวเพลิงสีเงินเอาไว้ แต่ก็ถูกดวงอาทิตย์ดีดออกมาได้อย่างง่ายดาย ยามนี้ไม่อาจต้านทานได้เลยสักนิด
และถือโอกาสนี้เงาโลหิตจางๆ สายหนึ่งพุ่งออกมาจากลำแสงสีโลหิตได้ยี่สิบสามสิบจั้ง แล้วเคลื่อนไหวอีกครั้ง จนออกห่างมาร้อยจั้งเศษ ห่างจากเรือสงครามที่ไร้ความเสียหายไม่ไกลนัก
หานลี่มีเนตรวิญญาณวารีกระจ่าง แน่นอนว่าย่อมไม่มีทางไม่เห็นเงาโลหิตนี้ ทันใดนั้นก็ไม่สนลำแสงสีโลหิตด้านล่าง ร่างกายบิดเบี้ยว ไล่ตามไปในทันใด
แต่ในยามนั้นเองเสาลำแสงสีทองสายหนึ่งพลันพุ่งออกมาจากอีกด้านอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน เงียบเชียบไร้สุ้มเสียง แค่กะพริบวาบก็โจมตีเข้ากับเงาโลหิตที่ปรากฏตัวอีกครั้งด้านบนเรือสงครามอย่างพอดิบพอดี
หลังจากเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นบนร่างของเงาโลหิต
หลังจากที่เงาโลหิตเปล่งเสียงร้องครวญครางออกมา ก็กลายเป็นกลุ่มควันแล้วหายวับไปท่ามกลางประจุไฟฟ้าสีทอง
“อัสนีเทวาปัดเป่าภยันตราย!”
เมื่อเห็นฉากที่คุ้นเคย หานลี่พลันตะลึงงัน!