คนเหล่านี้พูดกันคนละหนึ่งประโยค น้ำเสียงดูตามอำเภอใจเป็นอย่างมาก ดูราวกับว่ามีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวต่อกัน
“ส่งตัว?”
หานลี่กลับจับจุดสำคัญในบทสนทนานี้ออก สายตากวาดไปยังเรือสงครามทั้งสองลำ ในที่สุดก็คลายข้อสงสัยการปรากฏตัวของคนเหล่านี้ได้
เรือสงครามเหล่านี้คาดไม่ถึงว่าจะมีเขตอาคมส่งตัวอยู่ ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ
ทว่าเขตอาคมส่งตัวประเภทนี้ ย่อมแตกต่างกับเขตอาคมส่งตัวธรรมดาๆ เกรงว่าราคาในการส่งตัวคงไม่น้อย
และยิ่งไปกว่านั้นฟังจากน้ำเสียงของคนเหล่านี้ เดิมทีน่าจะมีคนอีกกลุ่มหนึ่งถูกส่งตัวมา แต่เป็นเพราะเรืออีกลำถูกทำลาย จึงมีเพียงพวกเขาที่ถูกส่งตัวมาที่นี่
เพื่อผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลงคนหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะใช้ผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตามากมายขนาดนี้ ดูแล้วชนต่างเผ่าที่ควบคุมหุ่นเชิดผู้นี้ คงจะเป็นบุคคลที่สำคัญมากจริงๆ
ทว่าคนเหล่านี้มองปราดเดียวก็รู้ที่มาที่ไปของเขา ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ!
ระดับผสานอินทรีย์ผู้นั้นของเมืองแสงมรกต ยังไม่ยอมเลิกละ ไม่ ต้องกล่าวว่ายังไม่ยอมแพ้ต่อกล่องหยกสองใบในกำไลเก็บของของเขา
ดูแล้วของที่อยู่ในกล่องคงจะไม่ธรรมดาเช่นกัน ชายหัวโตผู้นั้นไม่ได้พูดเกินจริง
ส่วนหานลี่พลันมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ชั่วพริบตาก็นึกเรื่องราวทั้งหมดได้
ยามนี้อสูรมิคาทนและวิญญาณครวญเองก็เลิกไล่ล่านักรบชุดเกราะเผ่าแมลงมีเขาแล้ว มันบินกลับมาข้างกายของหานลี่อย่างเงียบเชียบ จากนั้นก็จ้องเขม็งไปยังทั้งสี่คนด้วยสายตาโหดเ**้ยม
พวกมันรู้ดีว่าคนเหล่านี้ไม่เหมือนกับผู้ที่มันสังหารมาทั้งหมด จึงไม่ได้บุ่มบ่ามเข้าโจมตี
เมื่อชายประหลาดเท้าเปลือยเปล่าที่อยู่ตรงข้าม ได้ฟังคำพูดของสหายตน แววตาก็เปล่งประกายอย่างต่อเนื่อง อ้าปากออก ดูเหมือนว่าจะอยากเอ่ยอะไรกับหานลี่
แต่ในยามนั้นเองหานลี่กลับสะบัดแขนเสื้อไปทางทั้งสี่คน
เสียงแหวกอากาศดังขึ้น เส้นไหมสีเขียวยี่สิบกว่าสายแยกกันเป็นสี่กลุ่มพุ่งออกไปหาทั้งสี่คน
ความเร็วของมันเรียกได้ว่าศิลาเพลิงสายฟ้า แค่กระพริบวาบก็มาอยู่ตรงหน้าทั้งสี่คน
ชั่วขณะนั้นระดับหลอมสุญตาของเผ่าแมลงมีเขาทั้งสี่คนรวมทั้งชายประหลาดเท้าเปลือยเปล่าพลันตกใจจนสะดุ้งโหยง
ต้องเข้าใจว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่หานลี่ควบคุมกระบี่เส้นไหมสังหารนักรบชุดเกราะคนอื่นๆ ล้วนตกอยู่ในครรลองสายตาของคนเหล่านั้น แต่ความเร็วของกระบี่เส้นไหมในยามนั้นยังไม่เท่าตอนนี้ ไม่อาจเทียบกับตอนนี้ได้เลย
ผลคือทั้งสองคนพลันตกตะลึงระคนโกรธขึ้ง ทยอยกันเบี่ยงตัวหลบหลีกต้านทาน
ร่างของคนประหลาดเท้าเปลือยผิวไหว ควันสีขาวทะลักออกมาจากที่เดิมแล้วหายวับไป
หญิงชรากลับมีลำแสงสว่างวาบขึ้นบนเรือนร่าง กลายเป็นภาพลวงตาสองสามสายที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้ว หลังจากที่เส้นไหมสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ เงาลวงตาก็ปริแตกออก แต่กลับไม่เห็นเงาร่างของหญิงชรา
ชั่วพริบตาที่เส้นไหมสีเขียวพุ่งมาหาคนแคระผู้นั้น เขาพลันหน้าเปลี่ยนสี สองมือพลันร่ายอาคม ชั่วขณะนั้นใต้ฝ่าเท้าพลันมีแสงสีเงินสว่างวาบ หมอกเมฆาสีเงินกลุ่มหนึ่งปรากฏออกมา
เมื่อเมฆาก้อนนี้เคลื่อนไหว ชั่วขณะนั้นพลันรองคนแคระเอาไว้ กลายเป็นลำแสงกลุ่มหนึ่งพุ่งถอยร่นไป
คิดไม่ถึงว่าความเร็วจะไม่ต่างอะไรกับเส้นไหมสีเขียวมากนัก
มีเพียงชายร่างใหญ่ที่สวมผ้าคลุมหนังอสูรผู้นั้น มือหนึ่งมีลำแสงสีแดงสว่างวาบอย่างไม่ต้องขบคิด ขวานยักษ์เปลวเพลิงสีแดงสดปรากฏขึ้นในมือ จับไปที่ด้ามอย่างหนักแน่น
แขนขยับ ขวานยักษ์ต้านทานอยู่เบื้องหน้า ราวกับโล่ยักษ์อย่างไรอย่างนั้น!
ขวานนี้สร้างขึ้นจากวัตถุดิบธาตุเพลิงหลากหลายชนิด อานุภาพนั้นยังไม่ต้องพูดถึง ความแข็งแกร่งของขวานไม่ด้อยไปกว่าสมบัติป้องกันตัวระดับสุดยอดเลยสักนิด ดังนั้นแม้ว่าชายร่างใหญ่จะเห็นว่าเมื่อครู่หานลี่ใช้กระบี่เส้นไหมสับนักรบชุดเกราะออกเป็นหลายส่วนราวกับหั่นผัก ก็ยังคงใช้สมบัติชิ้นนี้ออกมาต้านทานเส้นไหมสีเขียวอย่างไม่ใส่ใจเลยสักนิด
แต่เมื่อชายร่างใหญ่ชูขวานยักษ์ขึ้น ก็รู้สึกเพียงว่าเบื้องหน้ามีลำแสงสีเขียวสว่างวาบ จากนั้นในมือพลันเบาโหวงลง
คาดไม่ถึงว่าขวานยักษ์จะถูกสับออกเป็นเจ็ดแปดส่วนในพริบตา
ส่วนชายร่างใหญ่นั้นไม่ทันแม้กระทั่งจะเปล่งเสียงร้องออกมา ก็กลายเป็นชิ้นเนื้อกองหนึ่ง แม้แต่จิตวิญญาณดั้งเดิมก็ไม่อาจหนีทัน เปล่งแสงสว่างวาบพร้อมเส้นไหมสีเขียวแล้วกลายเป็นฝุ่นควัน
“หา! สหายหลี…” เงาร่างคนประหลาดเท้าเปลือยปรากฏตัวห่างออกไปสามสิบจั้งเศษ มองปราดเดียวก็เห็นวินาทีที่ชายร่างใหญ่ถูกสับ จึงร้องตะโกนออกมาด้วยความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว
จุดที่เหลือล้วนเผยร่างของหญิงสาวและคนแคระออกมา เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ก็ตกตะลึงจนหน้าถอดสีเช่นกัน
แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าหานลี่มีอิทธิฤทธิ์ไม่น้อย แต่ก็คิดไม่ถึงว่าสหายร่วมวิถีของตนเองจะถูกสังหารเพียงปะหน้าเท่านั้น
แต่ทั้งสามคนก็ไม่ทันได้ลงมือช่วยแก้แค้นแทนชายร่างใหญ่ เส้นไหมสีเขียวก็เปล่งแสงสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง แล้วพุ่งตัวไล่ตามทั้งสามคนมา
ส่วนคนประหลาดเท้าเปลือยและพวกมองเห็นความแหลมคมของเส้นไหมสีเขียวเหล่านี้ด้วยตาของตนเอง ไหนเลยจะกล้าใช้สมบัติอะไรมาตั้งรับอีก ทำได้เพียงทยอยกันสำแดงอิทธิฤทธิ์หลบหลีกด้วยความจนปัญญาอีกครั้ง
ยามนี้สิ่งมีชีวิตระดับหลอมสุญตาเดียวกันกับหานลี่ กลับทำได้เพียงพยายามหลบหนีกระเจิดกระเจิงเต็มท้องฟ้า ดูเหมือนว่าแม้แต่พลังในการเอาคืนก็ไม่มี
หานลี่ยืนนิ่งงันอยู่ที่เดิม แค่กระตุ้นกระบี่เส้นไหมให้ไล่สังหารคู่ต่อสู้อีกสามคนด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกไม่หยุด
ในยามนั้นกลางอากาศพลันมีเสียงอึกทึกดังขึ้น
จากนั้นหานลี่พลันรู้สึกว่าเหนือศีรษะมีลำแสงสีขาวสว่างวาบ เสาลำแสงนับร้อยนับพันต้นลดระดับลงมาจากท้องฟ้า
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเรือสงครามที่ไม่ได้รับความเสียหายลำนั้น เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ของทั้งสามคนไม่สู้ดี ก็ทำการโจมตีช่วยเหลือ
หานลี่ยืดคอขึ้น มองเสาลำแสงด้วยดวงตาที่หรี่ลงเล็กน้อย ร่างกายไร้ซึ่งเจตนาจะหลบหลีก
ผลคือเสียงหวีดร้องดังขึ้น ร่างของหานลี่หายวับไปจากลำแสงสีขาว
ส่วนเส้นไหมสีเขียวที่กำลังไล่ตามทั้งสามคนนั้น ก็ดูเหมือนว่าจะได้รับผลกระทบบางอย่าง ฉับพลันนั้นพลันหยุดพุ่งตรงไป
คนประหลาดเท้าเปลือยและหญิงชราและพวกพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วร่างกายถึงได้กลับมามั่นคงอีกครั้ง ทยอยกันสำแดงสมบัติสองสามชิ้นออกมาอย่างร้อนรน
หญิงชราชูมือขึ้น ปล่อยภาพประประหลาดเปล่งแสงสีทองเรืองรองออกมา มีภาพเขตอาคมสีทองที่ดูลึกลับซับซ้อนสลักอยู่
คนแคระกลับอ้าปากออกพ่นชามไม้สีเขียวมรกตออกมา อีกมือหนึ่งพลันตวัดไป หอกซัดสีเหลืองพลันบินโฉบออกมาสิบกว่าด้าม วนโคจรไปมาอยู่รอบกาย
ส่วนคนประหลาดเท้าเปลือยกลับใช้สองมือถูกันไปมา บนแขนมีปลอกแขนเปล่งแสงสีดำเป็นมันเงาปรากฏขึ้นคู่หนึ่ง ผิวของมันมีลายดอกไม้อยู่แน่นขนัด ไม่รู้ว่ามีความลึกลับด้านใด
สมบัติทั้งสามเปล่งประกาย ยังคงไม่มีสีหน้าผ่อนคลายเลยสักนิด ต่างฝ่ายต่างยืนมองลำแสงสีขาวอยู่ไกลๆ
พวกเขาไม่เชื่อว่าหานลี่จะถูกสังหารอย่างง่ายดายเช่นนี้จริงๆ
กลางลำแสงสีขาวมีเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นขึ้น จากนั้นลำแสงสีเขียวพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ฉับพลันนั้นวิหคยักษ์ตัวหนึ่งก็พุ่งออกมาจากลำแสงสีขาว
ตอนแรกมีขนาดแค่สองสามตั้ง แต่ระหว่างทางพลันมีลำแสงวิญญาณไหลวนโคจร ชั่วพริบตานั้นร่างกายพลันขยายใหญ่ขึ้น กลายเป็นร่างมหึมาขนาดเจ็ดสิบแปดสิบจั้ง
จากนั้นปีกทั้งสองแค่กระพือ ก็กลายเป็นพายุบ้าคลั่งเหนือศีรษะของหญิงชรา แล้วปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
เสียงฟ้าผ่าพลันดังสนั่นขึ้น!
ผิวของวิหคยักษ์มีประจุไฟฟ้าสีขาวหนาเท่าปากชามสองสามสายปรากฏขึ้น กรงเล็บยักษ์ขนาดเท่าบ้านตะปบลงมาพร้อมกับสายฟ้า
กรงเล็บยักษ์ยังไม่ทันได้ตะปบลงมาจริงๆ พลังแรงกดงมหาศาลราวกับภูเขาไท่ซานก็ชิงกดลงมาก่อน
“ระวัง!”
คนประหลาดเท้าเปลือยและคนแคระที่อยู่ไกลออกไปเห็นสถานการณ์เช่นนี้ล้วนตกตะลึง แทบจะร้องอุทานออกมาในเวลาเดียวกัน
ชั่วขณะนั้นสองแขนของคนประหลาดพลันโจมตีไปกลางอากาศ ผิวของปลอกแขนมีเสียงภูตผีหวีดร้องดังขึ้น เสาลำแสงสีดำสองสายเปล่งแสงสว่างวาบแล้วถูกพ่นออกไป
ส่วนเบื้องหน้าของคนแคระพลันมีหอกซัดสีเหลืองสิบกว่าด้ามลอยวนเวียนอยู่ กลายเป็นลำแสงสิบกว่าสายพุ่งออกไป
ทั้งสองคิดจะยับยั้งการโจมตีของหานลี่ที่กลายเป็นวิหคยักษ์
ยามนี้พวกเขาล้วนสัมผัสได้ว่า อิทธิฤทธิ์ของหานลี่เหนือกว่าระดับพลังยุทธ์ของพวกเขา ไม่ใช่ผู้ที่พวกเขาจะต่อสู้เพียงลำพังได้
ขณะที่พวกเขากำลังรู้หวาดผวา ก็ไม่ยอมให้หานลี่โจมตีทะลวงเข้ามาอีก
ร่างของหญิงชราสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของพลังแรงกดที่แฝงมาจากกรงเล็บยักษ์ สีหน้าพลันซีดเผือดไร้สีโลหิต
วิหคยักษ์มีท่าทางเคลื่อนไหวรวดเร็วเกินไป อยากหลบก็ไม่อาจหลบทัน
ภายใต้ความจนปัญญานั้น หญิงชราพลันทำได้เพียงกัดฟัน อ้าปากออกพ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมาใส่ม้วนภาพเบื้องหน้า
ชั่วขณะนั้นเสียง “ปัง” พลันดังขึ้น หมอกโลหิตกลุ่มหนึ่งระเบิดออก ชั่วพริบตาพลันถูกม้วนภาพดูดซับเข้าไป
และแทบจะในเวลาเดียวกันนั้น ม้วนภาพก็ปล่อยลำแสงสีทองเจิดจ้าออกมา จากนั้นเขตอาคมสีทองที่สลักอยู่บนม้วนภาพก็พุ่งออกมา หลังจากหมุนคว้าง ก็มีขนาดสิบจั้งเศษ พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
วิหคยักษ์ดูเหมือนจะไม่สนใจการโจมตีจากเสาลำแสงสีดำและลำแสงสีเหลืองสิบกว่าสายเลยสักนิด ครู่ต่อมากรงเล็บยักษ์ข้างหนึ่งก็ตะปบไปบนเขตอาคมสีทอง
หลังจากเสียง “ตูมๆ” ดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีขาวและลำแสงสีทองก็ตัดสลับกันไปมา และระเบิดลำแสงที่น่าตกตะลึงออก บรรยากาศรอบด้านระเบิดออก แล้วเริ่มรางเลือนบิดเบี้ยว
หานลี่ที่กลายเป็นเป็นวิหคยักษ์ยังคงมีท่าทางไม่แยแส แต่พริบตานั้นหญิงชราที่อยู่ใต้เขตอาคมส่งตัวพลันแค่นเสียงอย่างเ**้ยมเกรียม จากนั้นพลันหน้าซีดขาว กระอักโลหิตสดๆ ออกมาจากปาก
แต่คาดไม่ถึงว่าเขตอาคมสีทองจะฝืนต้านทานกรงเล็บยักษ์ที่ตะปบลงมาข้างนั้นได้
แต่ใบหน้าของหญิงชรากลับไม่ได้เผยรอยยิ้มออกมา แววตาของวิหคยักษ์ฉายแววเย็นชา กรงเล็บยักษ์อีกข้างหนึ่งตะปบมาอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
“แย่แล้ว” หญิงชราเห็นสถานการณ์เช่นนั้น จิตใจพลันตกลงไปถึงตาตุ่ม แต่ภายใต้ความจนปัญญา ก็ทำได้เพียงอ้าปากออก พ่นโลหิตบริสุทธิ์อีกกลุ่มหนึ่งออกมาจมหายเข้าไปในเขตอาคมสีทองกลางอากาศ
ทำให้เขตอาคมขยายใหญ่ขึ้นหลายส่วน
นางทำได้เพียงหวังว่าสมบัติชิ้นนี้จะแข็งแกร่งพอที่จะต้านทานการโจมตีนี้ได้ ขอแค่ชั่วครู่สหายร่วมวิถีคนอื่นๆ ก็จะมาเสริมทัพ นางก็สามารถถอนตัวและมารวมตัวกับพวกเขาได้
แม้ว่าคู่ต่อสู้เบื้องหน้าจะมีอิทธิฤทธิ์หน้าตกตะลึง แต่หากทั้งสามคนร่วมมือกันแน่นอนว่าย่อมมีหวังในการสังหารอีกฝ่าย
ชั่วพริบตาหญิงชราพลันตัดสินความได้เปรียบเสียเปรียบได้ในพริบตา
แต่หญิงชราประเมินคาถาตื่นจากจำศีล ‘วิหคคุนเผิงแปรเปลี่ยน’ ของหานลี่ต่ำเกินไป
ต้องเข้าใจว่าการแปลงกายนี้ห้าชนิดนี้ หานลี่เรียนรู้อย่างถ่องแท้มาหนึ่งชนิด ประกอบกับที่ดูดซับโลหิตวิญญาณเที่ยงแท้ที่เหลืออีกสี่ชนิดไป และยังมีการฝึกฝนการแปลงกายที่เหลืออีกสี่ชนิดเพิ่มเติม
เกรงว่าอานุภาพการแปลงกายเป็นวิหคคุนเผิงของหานลี่ จะไม่ต่างอะไรกับวิหควิญญาณที่สืบทอดโลหิตของวิหคคุนเผิงมาโดยตรงเท่าใดนัก
ประกอบกับกายเนื้อของหานลี่แข็งแกร่งจนถึงขีดสุด ทั้งสองผนวกกันจึงกลายเป็นเหมือนเสือติดปีก!
มองเห็นกรงเล็บยักษ์ทั้งสองตะปบไปบนเขตอาคมสีทองพร้อมกัน แววตาของวิหคยักษ์ฉายแววเย็นเยียบ อ้าปากออก ประจุไฟฟ้าหนาสายหนึ่งโจมตีไปยังเขตอาคมติดๆ
ทำให้เขตอาคมสีทองสั่นคลอนอย่างหนัก และในยามนั้นเองกรงเล็บยักษ์อีกข้างหนึ่งก็ตะปบไปที่ลำแสงสีทองอย่างรุนแรง
เสียงพื้นดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น!
ลำแสงสีทองที่แผ่ออกมาจากเขตอาคมแค่กะพริบวาบสองสามครั้ง ก็ดูเหมือนว่าจะถูกกรงเล็บยักษ์สองข้างฉีกออกจากซ้ายและขวาราวกับผ้าขาดๆ
ชั่วขณะนั้นหญิงชราพลันตกใจจนขวัญกระเจิง แต่ไม่รอให้นางคิดจะสำแดงอิทธิฤทธิ์ใดๆ อีก กรงเล็บยักษ์ข้างหนึ่งก็ตะปบผ่านไป ชั่วขณะนั้นกรงเล็บลำแสงพลันเปล่งประกาย ร่างของหญิงชรากลายเป็นสองสามส่วน หมอกโลหิตสาดกระเซ็นไปทั่วท้องฟ้า