A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1729 เผ่าหรง

ชนต่างเผ่าที่พูดอยู่ด้านหลังได้ยินคำพูดของชายชราและหญิงสาวที่อยู่ด้านหน้า แน่นอนว่าย่อมรู้สึกโกรธเกรี้ยวและไม่ได้เอ่ยอันใดต่ออีก ส่วนปากก็เปล่งเสียงหวีดร้องแหลมสูงออกมา

รถศึกเปล่งเสียงคำราม จากนั้นก็มารวมตัวกันกลายเป็นรถศึกคันเดียว

ผลคือลำแสงสว่างวาบ รถศึกแปลกหน้าขนาดใหญ่กว่าเดิมสองสามเท่าปรากฏขึ้น

รถคันนี้มีความยาวสิบจั้งเศษ ทรงเพชร และยิ่งไปกว่านั้นหน้ารถศึกก็มีหัวของอสูรประหลาดที่ดูคล้ายมังกรวารีแต่ก็ไม่ใช่ คล้ายงูเหลือมแต่ก็ไม่เชิง

ชั่วพริบตาที่รถศึกยักษ์ปรากฏขึ้น รอบด้านก็เปล่งแสงเจิดจ้า ปีกยาวๆ สองคู่ที่ดูเหมือนแมลงปอพลันปรากฏขึ้น

หญิงสาวที่อยู่ด้านหน้าและชายชราเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ก็พลันตกตะลึง

“รีบไป!” ชายชรากลับนับว่าไม่คิดอันใดมาก เมื่อเสียงเตือนของฉวี่เอ๋อร์ดังสนั่นขึ้น จากนั้นลำแสงหลีกหนีพลันเปลี่ยนไป รวมตัวกันลำแสงหลีกของหญิงสาวแล้วพุ่งแหวกอากาศออกไป

ความเร็วเหนือกว่าก่อนหน้าหลายเท่า

และแทบจะในเวลาเดียวกันนั้น รถศึกด้านหลังก็สยายปีกทั้งสี่ออก แววตาของหัวอสูรประหลาดด้านหน้าฉายแสงสีแดงสว่างวาบ เสียง “สวบ” ดังขึ้น ชั่วครู่ก็หายวับไปจากที่เดิม

ฉวี่เอ๋อร์มักจะเอ่ยเตือน แน่นอนว่าจิตสัมผัสย่อมสัมผัสได้ถึงฉากด้านหลัง

นางพลันรู้สึกตกตะลึง ผิวเปล่งแสงสีขาวสว่างวาบ และสำแดงเคล็ดวิชาลับเพิ่มความเร็วอย่างไม่เสียดายปราณแท้

แต่เห็นได้ชัดว่าการกระทำนี้สายไปแล้ว

ด้านบนมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ลำแสงสีเขียวเลือนรางเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งออกมา จากนั้นเสียงหัวเราะประหลาดๆ พลันดังขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะมีกรงเล็บยักษ์ขนาดสองสามจั้งบินออกมาจากลำแสงสีเขียว แล้วตะปบลงมาที่ลำแสงหลีกหนี

แม้ว่าฉวี่เอ๋อร์จะไม่ใช่เป้าหมายของพวกเขา แต่ในเมื่อจับได้แล้ว ก็ไม่มีเหตุผลจะปล่อยไป จึงมีเจตนาจะสังหารทิ้ง

เด็กหญิงในลำแสงสีขาว หน้าเปลี่ยนสี กัดฟัน มือหนึ่งร่ายอาคม ชั่วขณะนั้นพลันพ่นใบมีดบางๆ เปล่งแสงเย็นเยียบสองสามร้อยสายออกมา กรูกันเข้าไปสับลงไป

“เอ๋”

เสียงตกตะลึงดังออกมาจากรถศึก แต่กรงเล็บยักษ์กลับไม่มีเจตนาจะหยุดยั้งเลยสักนิด กลับพ่นหมอกลำแสงสีเขียวออกมาจากใจกลางฝ่ามือ หลังจากเสียงอึกทึกดังขึ้น ก็ม้วนเอามีดบินเข้าไปข้างใน นิ้วทั้งห้ายังคงร่อนลงมาด้านล่างอย่างแรงราวกับเสายักษ์

“อ๊า”

เด็กหญิงมองกรงเล็บยักษ์ที่ดูเหมือนเมฆปกคลุมดวงอาทิตย์ ใบหน้าซีดขาวไร้สีโลหิต

นางรู้ดีว่าอิทธิฤทธิ์ของตนไม่อาจรับมือกับการโจมตีที่น่าตกตะลึงเช่นนี้ได้

ในยามนั้นนางจึงแค่นเสียงด้วยความเย็นชา!

เสียงไม่ดังนัก แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดกลับดังชัดในโสตของทุกคน

จากนั้นลำแสงสีเงินพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ตราประทับสีเงินขนาดสองสามหมู่ปรากฏขึ้นกลางอากาศ

เสียงพายุฝนและฟ้าคำรามดังขึ้น ตราประทับยักษ์ทุบลงมาหากรงเล็บยักษ์

เสียง “ตูม” ดังสนั่นขึ้น แม้ว่ากรงเล็บยักษ์จะมีขนาดที่น่าตกตะลึง แต่จะต้านทานการโจมตีราวกับภูเขาขนาดย่อมได้อย่างไร

ชั่วขณะนั้นหลังจากเสียงระเบิดดังขึ้น ก็ละลายหายไปราวกับหิมะที่ละลายไปในวสันตฤดู

“ผู้ใด? บังอาจยุ่งเรื่องของเผ่าหรงของพวกเรา”

ชั่วขณะนั้นท่ามกลางลำแสงสีเขียวพลันมีเสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวดังขึ้น ลำแสงหม่นแสง เผยรถศึกทรงเพชรออกมา ปีกโปร่งใสทั้งสองฝั่งกระพือไปมาไม่หยุด

ด้านบนรถศึกมีเงาร่างคนที่ถูกห่อหุ้มด้วยลำแสงสีเขียวสี่คนยืนอยู่

พวกเขาดูผ่านๆ เหมือนมนุษย์ แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียด กลับแตกต่างจากมนุษย์ธรรมดาๆ ไม่เพียงรอบกายจะถูกขนแข็งๆ สีเขียวมรกตปกคลุมเอาไว้ ศีรษะกลับดูโหดเหี้ยมราวกับหมาป่า

ทำให้ผู้คนมองแล้ว รู้สึกใจหายวาบไม่ได้!

“ในเมื่อพวกเจ้าลงมือกับสาวใช้ของข้า เช่นนั้นก็ลองสมบัติใหม่ของข้าหน่อยเป็นไง” เสียงบุรุษอันเย็นชาดังขึ้นกลางอากาศ

จากนั้นเงาร่างคนพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ชายหนุ่มที่มีปีกโปร่งใสที่แผ่นหลังคนหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ ยามที่ยกมือขึ้น ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ ไม้สีเงินระยิบระยับปรากฏขึ้น

แน่นอนว่าผู้ที่เพิ่งใช้ปีกวายุอัสนีข้ามฟากฟ้ามานั้นคือหานลี่

ตราประทับสีเงินที่เมื่อครู่ปล่อยออกมานั่นก็คือสิ่งที่สร้างขึ้นจากตราประทับดาวจระเข้

เมื่อพลังยุทธ์ของเขาเพิ่มขึ้น อานุภาพของสมบัติที่อยู่ในมือก็ไม่อาจเทียบได้กับในอดีต การโจมตีเมื่อครู่จึงทำลายกรงเล็บยักษ์ที่ชนต่างเผ่าสร้างขึ้นได้อย่างง่ายดาย

หานลี่ในยามนี้ฟื้นฟูพลังปราณครบหมดแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นยังเพิ่งจะหลอมสมบัติสะท้านฟ้าอย่างไม้ผสมปราณเสร็จ แน่นอนว่าจึงไม่ได้หวาดกลัวชนต่างเผ่าสี่คนตรงหน้า ดังนั้นเมื่อเห็นพวกเขาลงมือกับฉวี่เอ๋อร์ ก็เกิดจิตสังหารขึ้น สะบัดข้อมือ ไม้ผสมปราณในมือเปล่งเสียงคำรามไม่หยุด ชั่วขณะนั้นเงาไม้พลันทะลักออกมาตรงหน้า แล้วห่อหุ้มร่างของเขาเอาไว้

“ขอบพระคุณนายท่านที่ช่วยเหลือ!”

“เอ๋ สหายหาน!”

เสียงที่แตกต่างกันสองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน

กลับเป็นฉวี่เอ๋อร์ที่เอ่ยขอบคุณด้วยใบหน้ายินดีปรีดา รวมทั้งชายชราผู้นั้นที่หนีอยู่ด้านหน้าก็ร้องอุทานเสียงหลงออกมา

หานลี่หน้าเปลี่ยนสี สายตามองไปยังลำแสงหลีกหนีที่หยุดอยู่ด้านหน้าแวบหนึ่ง

หญิงสาวผู้นั้นและชายชราเผยเงาร่างออกมา

ชายชราดูคุ้นตาเล็กน้อย ส่วนหญิงสาวผู้นั้นกลับมองปราดเดียวก็จำได้ นั่นก็คือ “เซียนเย่ว์” ที่เข้ามาในแดนกว้างเย็นพร้อมกับเขายามที่อยู่ในเมืองเมฆา

แต่ไหนแต่ไรมาหญิงสาวผู้นี้เป็นผู้เยือกเย็นราวกับสายน้ำ แต่ครานี้สายตาที่มองมายังหานลี่กลับเผยท่าทีประหลาดใจออกมา

ส่วนชายชราผู้นั้นกลับมีท่าทีผ่อนคลายลง

สำหรับชายชราแล้วหากมีผู้ช่วยเพิ่มขึ้นมาล่ะก็ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเผ่าหรง แต่ความหวังที่จะเอาชีวิตรอดกลับเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเขาจำได้ดีว่าหานลี่เป็นผู้นำของอีกกลุ่มหนึ่ง ไม่แน่ว่าใกล้ๆ กันนี้อาจจะมีผู้ช่วยชาวเมฆาสวรรค์คนอื่นๆ

หานลี่รู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกัน แต่แค่พยักหน้าให้ทั้งสองอย่างราบเรียบ เงาไม้บรรทัดตรงหน้าส่งเสียงร้อง แล้วพุ่งมาหาชนต่างเผ่าทั้งสี่คนที่อยู่ตรงข้าม

ลำแสงสีเงินปกคลุมทั่วท้องฟ้า ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด ท่าทางน่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง!

ชนต่างเผ่าเผ่าหรงสี่คนในรถเหาะเห็นฉากนี้พลันตกตะลึง ทันใดนั้นสองในสี่คนก็ลงมืออย่างไม่ต้องขบคิด

คนหนึ่งพลิกฝ่ามือ ธงสีดำสนิทปรากฏขึ้น เงาไม้พลิ้วไหว ชั่วขณะนั้นไอสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนพลันกลายเป็นกระสวยสีดำพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า

อีกคนกลับอ้าปากพ่นกระจกสัมฤทธิ์สีเขียวมรกตออกมา หลังจากหมุนคว้างก็มีขนาดสองสามฉื่อ

ผิวกระจกเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ เปลวเพลิงสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมา ม้วนวนไปกลางอากาศ

อีกสองคนที่อยู่ในรถศึกพิจารณาหานลี่อย่างเย็นชา ไม่มีเจตนาจะลงมือ เห็นได้ชัดว่าคิดว่าทั้งสองคนลงมือก็เพียงพอจะต่อกรกับการโจมตีเหล่านี้ได้แล้ว

หานลี่มองเห็นฉากนี้ มุมปากพลันกระตุก ฝ่ามือที่กุมไม้ผสมปราณเอาไว้เปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ

พลังวิญญาณที่บริสุทธิ์เป็นอย่างยิ่งบรรจุเข้าไปราวกับกระแสน้ำที่ทะลักเข้ามาในสระ

เงาไม้ที่แต่เดิมรางเลืองอยู่กลางอากาศ พลันเปล่งแสงสว่างวาบ ทยอยกันกลายเป็นไม้สีเงินขนาดครึ่งฉื่อ ผิวมีลำแสงอัสนีเปล่งแสงสว่างวาบ ประจุไฟฟ้าสีเงินปรากฏขึ้น

เสียง “ตูมๆ” ดังขึ้น

ไม้สีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาในกระสวยสีดำและเปลวเพลิงสีเขียว โบกสะบัดเล็กน้อยแล้วทยอยกันโจมตีจมหายไป ชั่วครู่ก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ

“เอ๋ มีอิทธิฤทธิ์จริงๆ” ชนต่างเผ่าคนหนึ่งในบรรดาอีกสองคนที่ยังไม่ได้ลงมือในรถเหาะขมวดคิ้ว แล้วสะบัดแขนเสื้อไปทางหานลี่

ลำแสงสีแดงเปล่งแสงสว่างวาบ ไข่มุกทรงกลมสีแดงสดบินออกมา

หลังจากที่สมบัติชิ้นนี้เปล่งแสงสว่างวาบ ก็มีขนาดเท่าศีรษะ ผิวมีอักขระสีแดงหมุนวน เมฆเพลิงปรากฏขึ้นเป็นกลุ่มๆ

หานลี่มองเห็นฉากนี้อยู่ไกลๆ ก็หรี่ตาทั้งสองข้างลง ฉับพลันนั้นฝ่ามือสีดำสนิทราวกับน้ำหมึกก็ตะปบออกมากลางอากาศ

เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น ภูเขาขนาดย่อมสีดำสูงสองสามจั้ง ปรากฏขึ้นเหนือไข่มุกยักษ์และร่อนลงมา

ชนต่างเผ่าที่สำแดงไข่มุกเม็ดนั้นออกมาเห็นฉากนี้พลันตกใจจนสะดุ้งโหยง

สมบัติไข่มุกชิ้นนี้ของเขาไม่ได้เอาไว้ใช้ต้านทานกับสมบัติชิ้นอื่น ทันใดนั้นก็ร่ายคาถาด้วยความร้อนใจ

ไข่มุกสีแดงขนาดใหญ่พลิ้วไหว ฉับพลันนั้นพลันกลายเป็นเงาลวงตาสิบกว่าลูกที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้ว จากนั้นก็เปล่งเสียงร้องคำราม ในเวลาเดียวกันก็สั่นเทาแล้วพุ่งไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน

ดวงตาของหานลี่ที่อยู่ไกลออกไปเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ ชี้ไปที่ยอดเขา

ยอดเขาสีดำที่มีหมอกลำแสงสีเทาหมุนวนพลันหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

แต่ครู่ต่อมาไข่มุกทรงกลมด้านในก็เปล่งแสงสีเทาสว่างวาบ ภูเขาขนาดย่อมสีดำปรากฏขึ้นอีกครั้ง และทุบลงมาอย่างรวดเร็วราวกับฟ้าผ่า

เสียง “ตูม” ดังขึ้น ลำแสงสีเทาและลำแสงสีแดงตัดสลับกันไปมา

ไข่มุกทรงกลมเผยท่าทีไม่มั่นคงออกมา แตกออกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นเมฆาเพลิงแล้วสลายตัวออก

“เจ้ากล้าทำลายสมบัติของข้า!”

ชนต่างเผ่าที่ควบคุมไข่มุกเม็ดนั้นเห็นสมบัติของตนถูกทำลาย ก็ทั้งตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว ไหวไหล่อย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า ลำแสงสีแดงสิบกว่าสายบินออกมา ตรงเข้ามาหาหานลี่

แต่หานลี่ในยามนี้กลับหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา ในใจที่เอาแต่กระตุ้นสมบัติสะท้านฟ้าพลันเปลี่ยนไป

ไม้บรรทัดสีเงินทั่วทั้งท้องฟ้าที่เดิมกำลังกดกระสวยสีดำและเปลวเพลิงสีเขียวพลันเปลี่ยนทิศทาง พุ่งไปยังใจกลาง

ชั่วขณะนั้นไม้ยักษ์ขนาดสองสามจั้ง พลันเปล่งแสงสีเงินแล้วปรากฏขึ้น

ยามนี้ลำแสงสีแดงสิบกว่าสายพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายไป มาอยู่ตรงหน้าของหานลี่

หานลี่แค่ปัดฝ่ามือสีดำสนิทไปด้านหน้าโดยไม่ได้พูดอันใด

ชั่วขณะนั้นหมอกลำแสงสีเทาพลันปรากฏขึ้น ลำแสงสีแดงสิบกว่าสายพุ่งเข้าไปด้านใน ถูกหมอกลำแสงสีเทาม้วนเข้าไป ชั่วขณะนั้นพลันปรากฏร่างเดิม มันหมุนคว้างไปยังจุดที่ไกลออกไปไม่หยุด ไม่อาจขยับมาด้านหน้าเลยแม้แต่ก้าวเดียว

เป็นมีดบินสีแดงสดสิบกว่าเล่ม

แทบจะในเวลาเดียวกัน นิ้วทั้งห้าของหานลี่ที่กุมไม้ผสมปราณในมือพลันเกร็งแน่น และวาดสมบัติในมือไปกลางอากาศ

ชั่วขณะนั้นไม้สีเงินยักษ์ที่อยู่ไกลออกไปพลันเปล่งเสียงร้องยาวๆ ราวกับมังกรคำรามออกมา จากนั้นก็สั่นเทา แล้วพุ่งไปสับรถเหาะอย่างดุดัน

ชนเผ่าหรงอีกสองคนที่อยู่ในรถเหาะเห็นเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมไม่มีทางปล่อยให้เขาร่อนลงมาง่ายๆ ทันใดนั้นก็แยกกันกระตุ้นสมบัติของตนอย่างไม่ต้องขบคิด

ชั่วขณะนั้นกระสวยสีดำพลันเปล่งเสียง “สวบๆ” แหวกผ่านอากาศออกมา ชั่วครู่ก็กลายเป็นตาข่ายสีดำ ต้านทานเอาไว้ด้านล่าง

กระจกที่พ่นเปลวเพลิงสีเขียวออกมาพลันเปลี่ยนทิศทาง เสาลำแสงสีเขียวที่พ่นออกมาจากกระจกมีขนาดใหญ่ขึ้นพลางพุ่งเข้าไปหาไม้ยักษ์

เสียง “ตูม” ดังสนั่นขึ้น

ไม้ยักษ์พลันรางเลือน คาดไม่ถึงว่าจะถูกเสาลำแสงสีเขียวโจมตีจนสลายหายไปอย่างง่ายดายราวกับกระดาษ แตกต่างกับท่าทางน่าตกตะลึงก่อนหน้าเป็นอย่างยิ่ง!

แต่ในยามนั้นเอง ชนเผ่าหรงคนสุดท้ายที่ยังไม่ได้ปริปากใดๆ กลับหน้าเปลี่ยนสีพลางร้องตะโกนออกมาว่า

“ระวัง!”

จากนั้นชนต่างเผ่าก็ปัดมือไปทางรถเหาะ ชั่วขณะนั้นกระบี่ลำแสงสีเทาพลันสับลงมา

เงาสีเงินที่อยู่กลางอากาศพลันสั่นไหว ไม้ยักษ์รางเลือนไป ปรากฏขึ้นตรงนั้นอย่างเงียบเชียบ

ฉากที่แปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น

กระบี่ลำแสงสีเทาโจมตีไปที่ไม้สีเงินชัดๆ แต่กลับแฉลบผ่านไป ราวกับสับโดนเงาลวงตาสายหนึ่งเท่านั้น

หลังจากที่ไม้ยักษ์สีเงินเปล่งแสงสว่างวาบ ก็มาปรากฏอยู่เหนือศีรษะของชนเผ่าหรงที่ควบคุมธงอาคม แล้วร่อนลงมาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Type: Author: ,
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset