หานลี่ซ่อนตัวอยู่ในเขตอาคมกระบี่ เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้พลันรู้สึกจิตใจหนักอึ้ง
อีกฝ่ายคู่ควรกับที่เป็นสิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์ ตัวอยู่ในเขตอาคมกระบี่แต่ก็ยังสามารถเชื่อมต่อกับพลังปราณฟ้าดินได้สร้างแรงกดที่แข็งแกร่งให้เขตอาคมกระบี่ได้
ทว่านี่เป็นเพราะระดับพลังยุทธ์ของเขาห่างชั้นกับอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก
มิเช่นนั้นหากอยู่ในระดับเดียวกัน เขาก็สามารถอาศัยพลังของเขตแดน โจมตีพลังปราณฟ้าดินให้สลายหายไปได้อย่างง่ายดาย
ถึงอย่างไรเสียการโจมตีให้สลายหายไปก็ง่ายกว่าการเรียกพลังปราณฟ้าดินเป็นอย่างมาก
นี่เป็นสาเหตุที่การต่อสู้ของระดับหลอมสุญตาขึ้นไป มักจะไม่ค่อยใช้พลังปราณฟ้าดินมาโจมตีอีกฝ่าย แม้ว่าจะทำเช่นนั้นจริง ก็ต้องสูญเสียพลังรวบรวมพลังปราณฟ้าดินมาอย่างยากลำบาก เพราะว่าระดับต่างกันเกินไป จึงถูกอีกฝ่ายแย่งชิงอำนาจการควบคุมได้อย่างง่ายดาย เช่นนั้นจึงได้ไม่คุ้มเสีย
แม้ว่าในบางครั้งการต่อสู้จะเกิดเหตุการณ์การใช้พลังปราณฟ้าดิน แต่กว่าครึ่งล้วนเป็นเพราะอยากสำแดงอิทธิฤทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ ลมปราณในร่างไม่อาจควบคุมได้ ดังนั้นจึงจำใจต้องเรียกใช้พลังปราณฟ้าดินมาชดเชยสิ่งที่ตนสำแดงออกไป
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากไม่มีใครคอยช่วยเหลือ อิทธิฤทธิ์ที่จะสำแดงออกมาก็ต้องเป็นเคล็ดวิชาเฉพาะที่สามารถเรียกพลังปราณฟ้าดินไม่ถูกอีกฝ่ายแย่งชิงไปได้ง่ายๆ
ทว่าการเรียกใช้พลังปราณฟ้าดินมาต่อกรกับศัตรูโดยไม่สนใจสิ่งใดนั้น เดิมทีก็สามารถเรียกได้แค่ร้อยลี้หรือพันลี้เท่านั้น บ่อยครั้งที่มักจะเป็นการเรียกใช้แค่ในระยะยี่สิบสามสิบลี้ เพื่อเป็นการรักษาระดับความมั่นคงในการควบคุมระหว่างที่สำแดงออกมา
เมื่อเห็นว่าชายชราเห็นว่าหานลี่ระดับแตกต่างกับตนเอง ถึงได้กล้าเรียกพลังปราณฟ้าดินจำนวนมากออกมาโจมตีเขตอาคมกระบี่อย่างกำแหงเช่นนี้
เมื่อเผชิญหน้ากับวิธีการนี้ หานลี่ย่อมรู้สึกกลัดกลุ้ม
ทว่าตอนแรกชิงหยวนจื่อใช้พลังยุทธ์ระดับหลอมสุญตาก็สามารถต้านทานศัตรูระดับผสานอินทรีย์ได้ เมื่อต่อกรกับการโจมตีจากพลังปราณฟ้าดินที่แข็งแกร่งก็ต้องหาวิธีการรับมือเอง
หานลี่พ่นลมหายใจออกมา นิ้วทั้งสิบร่ายไปมาอย่างรวดเร็ว อาคมสายแล้วสายเล่าพุ่งเข้าไปในเขตอาคมกระบี่ราวกับไม่ต้องใช้ลมปราณ
ส่วนเสาเพลิงที่อยู่ด้านในเขตอาคมกระบี่และแรงกดจากพลังฟ้าดินที่ด้านนอก ม่านลำแสงสีเขียวพลันกะพริบวาบๆ กระบี่ลำแสงในส่วนลึกของปราณแท้ด้านนอกเขตอาคมกระบี่พลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปในเวลาเดียวกัน
จากนั้นม่านลำแสงที่ถูกพลังวิญญาณฟ้าดินกดเอาไว้ พลันขยายใหญ่และหดเล็กลง กลีบดอกบัวสีเขียวเหล่านั้นบานออกพร้อมกัน หมุนคว้างอยู่กลางอากาศ
พริบตาลำแสงต่างๆ ก็เปล่งแสงสว่างวาบกลายเป็นระลอกคลื่นสีเขียว ปรากฏขึ้นบนผิวของม่านลำแสง
พลังปราณฟ้าดินที่เหนียวข้นเป็นอย่างยิ่งเหล่านั้น ทยอยกันจมหายเข้าไปในระลอกคลื่นเหล่านั้น
ชั่วพริบตาพลังปราณฟ้าดินที่กดลงมาพลันถูกเขตอาคมกระบี่ดูดซับไปจนเกลี้ยง
ม่านลำแสงที่แต่เดิมเริ่มสั่นไหว พลันกลับมาหนาแน่นขึ้นอีกครั้ง
ชายชราในเขตอาคมกระบี่ที่เดิมกำลังกระตุ้นเสาเพลิงวายุ ให้ทะลวงขึ้นมาจากม่านลำแสง
พลังปราณฟ้าดินด้านนอกเปลี่ยนแปลงไป แน่นอนว่าย่อมถูกค้นพบเป็นคนแรกทันที
ชายชราพลันตะลึงงัน คิดไม่ถึงเลยว่าเขตอาคมกระบี่นี้จะมีอิทธิฤทธิ์ที่ลึกลับเช่นนี้
เช่นนั้นละก็เขารวบรวมพลังปราณฟ้าดิน ไม่เป็นการเสริมอานุภาพของเขตอาคมกระบี่หรือ
ภายใต้อารามตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว ชายชราพลันร้องตะโกนออกมาอย่างไม่ต้องขบคิด
เขตอาคมกระบี่พลันเปล่งเสียงอึกทึก
พลังปราณฟ้าดินที่รวมตัวกันอยู่ด้านนอกเขตอาคมกระบี่เปล่งเสียงเปรี้ยงราวกับอัสนีฟ้าฟาด ถูกพายุประหลาดที่ปรากฏขึ้นกลางอากาศพัดผ่านจนแตกกระจายตัวออกไป
หลังจากที่พลังปราณฟ้าดินถูกเขตอาคมกระบี่ดูดซับไปแล้ว ม่านลำแสงสีเขียวก็แทบจะเป็นสีเขียวมรกต ระดับความหนามากกว่าเดิมตั้งไม่รู้กี่เท่า
ตนเองเรียกพลังปราณฟ้าดินออกมา กลับไปช่วยอีกฝ่ายโดยไม่ทันระวัง หากเรื่องที่ตนปล่อยไก่แพร่ออกไป จะไม่ทำให้คนในเผ่าหัวเราะจนฟันร่วงหรือ
ชายชราแซ่ถูรู้สึกโกรธเกรี้ยวเหลือคณา แต่กลับหัวเราะอย่างเยือกเย็นออกมาสามครั้ง
จากนั้นเขาพลันใช้มือหนึ่งตบไปที่หน้าผากของตนเอง ชั่วขณะนั้นทำให้ลำแสงวิญญาณสีแดงเหลืองสองสีบินพุ่งออกมา พลิ้วไหวเล็กน้อย เผยเงาร่างลวงตาขนาดยักษ์ที่มีเครื่องหน้าไม่ชัดเจนออกมา
ไม่รอให้หานลี่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเงาลวงตานี้ เงาลวงตาพลันกระโจนไปหาชายชรา ชั่วขณะนั้นพลันสิงร่างของเขา
ชายชราแซ่ถูเงยหน้ากู่ร้องคำราม นับว่าหน้าตางดงาม ชั่วครู่ก็เปล่งแสงสว่างวาบเปลี่ยนเป็นหน้าตาโหดเ**้ยม ร่างกายสูงใหญ่หกเจ็ดจั้ง หว่างคิ้วมีเขาสีแดงขนาดเล็ก ยาวออกมาครึ่งฉื่อ ผิวหนังมีเกล็ดสีแดงสดปรากฏขึ้น
ชั่วพริบตานั้นชายชราพลันเปลี่ยนเป็นดั่งมารปีศาจที่น่ากลัว
เขาหัวเราะอย่างเ**้ยมเกรียมออกมา พลิกฝ่ามือทั้งสอง
ในมือมีธงสีทองอ่อนปรากฏขึ้น ด้านบนมีหมอกเพลิงพลันรัดอยู่
อีกมือหนึ่งมีถุงประหลาดสีฟ้าเข้มปรากฏขึ้น
ทั้งสองถูกโยนขึ้นไปกลางอากาศอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด ชั่วขณะนั้นหลังจากที่ชายชราแปลงร่างแล้วก็เปล่งเสียงบริกรรมคาถาประหลาดที่หานลี่ฟังไม่เข้าใจออกมา
ธงด้ามเล็กปลิวสะบัด พ่นเปลวเพลิงสีทองอ่อนกลุ่มหนึ่งออกมา หลังจากที่ถุงผ้าตุงนูนแล้ว กลับพ่นพายุทรายสีฟ้าออกมากลุ่มหนึ่ง
ชายชราพลันอ้าปากออก พ่นเมฆเพลิงสีแดงราวกับโลหิตออกมา
เมื่อทั้งสามม้วนเข้าด้วยกัน คาดไม่ถึงว่าจะผสมรวมตัวกันกับเสาเพลิงในเขตอาคมกระบี่
พริบตานั้นลำแสงสีแดง ฟ้า ทอง สามสีก็ตัดสลับกันไปมา จากนั้นกลายเป็นพายุเพลิงสามสี อานุภาพที่สามารถสั่นสะเทือนยุทธภพได้อย่างน่าตกตะลึงพลันระเบิดออกมาจากเขตอาคม
หานลี่เห็นท่าไม่ดีแล้ว พลันกระตุ้นเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์ให้เปลี่ยนรูปไปอย่างต่อเนื่อง เคล็ดวิชาลวงตาที่มีอานุภาพไม่ธรรมดาถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง
แต่ไม่อาจจะแปลงเป็นสิ่งใด ล้วนถูกพลังพายุเพลิงสามสีม้วนเข้าไป ทยอยกันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป
อานุภาพของเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์ ไม่อาจต้านทานสิ่งนี้ได้
ม่านลำแสงสีเขียวถูกพลังพายุเพลิงชนิดนี้โจมตีมาไม่หยุด ทันใดนั้นก็เริ่มหม่นแสง
หานลี่สูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่ง
ทว่าเขาตื่นตกใจเช่นนี้ กว่าครึ่งเป็นเพราะพลังของพายุเพลิงสามสี อีกครึ่งกลับเป็นเพราะถุงหน้าสีฟ้าที่ชายชราควักออกมาหลังจากแปลงกายเสร็จแล้ว
เขารู้สึกคุ้นตากับสมบัติชิ้นนี้เป็นอย่างมาก ดูเหมือนจะเป็น ‘ถุงยุ่งเหยิง’ หนึ่งในสมบัติวิญญาณโกลาหลในตำนาน แม้ว่าสมบัติชิ้นนี้จะถูกจัดอยู่ในอันดับกรางๆ ของสมบัติวิญญาณหุ้นตุ้น แต่กลับมีความสามารถอันน่าเหลือเชื่อที่สมบัติชิ้นอื่นไม่มี ดังนั้นจึงมีชื่อเสียงไม่น้อย
หลายปีก่อนสมบัติชิ้นนี้เคยตกอยู่ในมือของผู้ที่มีความสามารถคนหนึ่ง แต่สุดท้ายผู้นี้ก็เกิดอุบัติเหตุเพลี่ยงพล้ำไป สมบัติชิ้นนี้ก็หายสาบสูญไป ตอนนั้นมีผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงจำนวนมากพลิกเผ่ามนุษย์และปีศาจทั้งสองเผ่าตามหาสมบัติชิ้นนี้ไปรอบหนึ่ง แต่ก็ไร้ร่องรอย
ยามนี้ไปตกอยู่ในมือของเผ่าแมลงมีเขาในแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนีได้อย่างไร?
หานลี่รู้สึกหนักใจ แต่หลังจากขบคิดอย่างรวดเร็วแล้ว พลันร้องอุทานออกมาเบาๆ ใบหน้าเผยสีหน้าตกตะลึงระคนสงสัยออกมา
ตามในตำนานถุงยุ่งเหยิงใบนี้ไม่ได้มีอานุภาพแค่ที่สำแดงในเขตอาคมกระบี่
หรือว่าเป็นของลอกเลียนแบบ? หรือว่าตนเองมองผิดไป เป็นสมบัติชนิดอื่นที่คล้ายคลึงกันหรือ!
หานลี่ไม่อาจยืนยันได้ว่าเป็นแบบใด แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาขบคิดเรื่องนี้
เมื่อเห็นเขตอาคมกระบี่ต้านทานไม่ไหว หานลี่พลันหรี่ตาลง ประกายเย็นเยียบฉายแวบผ่าน
ในตำนานที่ชิงหยวนจื่อใช้เขตอาคมกระบี่นี้ต่อกรกับสิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์นั้น แม้จะเป็นความจริง แต่กว่าครึ่งล้วนเป็นเพราะชิงหยวนจื่อฝึกฝนเคล็ดวิชากระบี่มรกตดั้งเดิมขั้นสุดท้ายไปสองสามขั้นแล้ว ดังนั้นถึงได้กระตุ้นอานุภาพของเขตอาคมกระบี่ได้เต็มอัตรา แล้วทำเรื่องเช่นนั้นได้
แม้ว่าเขาจะใช้กระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาที่ฝึกฝนมาเช่นกัน แต่เคล็ดวิชาการฝึกฝนกลับไม่ได้เตรียมมาเพื่อเขตอาคมกระบี่นี้โดยเฉพาะ จึงไม่อาจสำแดงอิทธิฤทธิ์สังหารบางชนิดออกมาได้
ดังนั้นหลังจากที่กักชายชราตรงหน้าได้แล้ว ชั่วขณะนั้นเขตอาคมกระบี่ก็อยู่ในสภาวะไร้เทียมทาน
ทว่าหลังจากที่ดูดซับพลังปราณฟ้าดินไปจำนวนมาก ก็ดูเหมือนว่าจะพอสำแดงความสามารถที่ไม่ธรรมดาของเขตอาคมกระบี่ออกมาได้
หานลี่แววตาเปล่งประกาย ชั่วครู่พลันนึกอะไรขึ้นมาได้
อิทธิฤทธิ์ที่ร้ายกาจนี้ เมื่อสำแดงออกไปไม่ว่าจะมีผลหรือไม่ เกรงว่าตัวเขตอาคมกระบี่คงจะสลายหายไปในทันที
แต่สถานการณ์เบื้องหน้านี้ดูเหมือนว่ามีเพียงต้องลองดูเท่านั้น
หากไร้ผลละก็ ก็มีเพียงต้องใช้วิชาตื่นจากจำศีลแปลงกายสิบสองครั้ง สู้กับอีกฝ่ายสักตั้งแล้ว หากไม่ไหวจริงๆ เขาก็ยังมีไพ่ตายอย่างยันต์วิเศษสองสามชนิดและแมลงกลืนทองอยู่
ดังนั้นแม้ว่าจะสู้รบกับชายชราระดับผสานอินทรีย์ขั้นต้นมาถึงครานี้ ก็ยังคงเผยท่าทีเยือกเย็นออกมา
ครู่ต่อมาปากของหานลี่จึงบริกรรมคาถา
ชั่วขณะนั้นฉากที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้น
เห็นเพียงม่านลำแสงสีเขียวบนท้องฟ้ารางเลือน พืชรูปร่างคล้ายเถาวัลย์ปรากฏออกมา แทงเข้าไปในม่านลำแสง และเครือเถาวัลย์พลันห้อยลงมา
ยามที่มันปรากฏตัวออกมานั้นมีขนาดแค่สองสามชุ่น แต่พริบตานั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นสองสามจั้งด้วยความเร็วที่สัมผัสได้ด้วยตาเนื้อ
เถาวัลย์บิดเบี้ยวเป็นวงอย่างรวดเร็ว แล้วผลิดอกออกผล ท่ามกลางสายตาตื่นตกใจของชายชราพลันเรียกน้ำเต้าสีเขียวมรกตออกมาทันที
น้ำเต้ามีขนาดแค่ฝ่ามือ ท่าทางดูธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง
แต่ครู่ต่อมาดอกบัวสีเขียวในม่านลำแสงพลันสั่นเทา พ่นเงากระบี่ยาวสองสามชุ่นออกมาสองสามสาย เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วจมหายเข้าไปในน้ำเต้าอย่างไร้ร่องรอย
จากนั้นผิวของน้ำเต้าพลันมีสัญลักษณ์กระบี่สีเขียวสายหนึ่งปรากฏขึ้น!
ยามแรกนั้นรางเลือนจนแทบมองไม่เห็น
แต่หลังจากที่หมอกลำแสงห้าสีเลื้อยไปตามเถาวัลย์เข้าไปในน้ำเต้าแล้ว สัญลักษณ์กระบี่ก็แจ่มชัดขึ้น และเปล่งแสงห้าสีระยิบระยับ
แม้ว่าชายชราแซ่ถูจะไม่รู้ว่าคืออิทธิฤทธิ์ชนิดใด แต่น้ำเต้าปรากฏความแปลกประหลาดนี้ แน่นอนว่าย่อมรู้สึกไม่สบายใจ
ทันใดนั้นพลันใช้มือหนึ่งตะปบไปทางน้ำเต้าอย่างไม่ต้องขบคิด
ชั่วขณะนั้นพายุเพลิงสามสีในเขตอาคมพลันหมุนวน กลายเป็นมือยักษ์สามสี ตะปบไปทางน้ำเต้าอย่างดุดัน
หากน้ำเต้าเป็นสมบัติธรรมดาๆ จากพลังที่น่ากลัวของพายุเพลิงสามสีก่อนหน้า เกรงว่ามือยักษ์คงไม่จำเป็นต้องสัมผัส ก็สามารถทำให้น้ำเต้าเถาวัลย์หายไปในพริบตาได้แล้ว
แต่ชั่วพริบตานั้นพลันมีเสียงคำว่า “สับ” ของหานลี่ดังขึ้นกลางอากาศ
น้ำเต้าหมุนคว้าง ฉับพลันนั้นพลันคว่ำหัวลง ลำแสงไหลทะลักออกมา เปล่งแสงสว่างวาบ พ่นกระบี่ลำแสงยาวสองสามฉื่อออกมา
กระบี่ลำแสงห้าสีเปล่งแสงระยิบระยับ อักขระน้อยใหญ่ลอยพลิ้วไสวอยู่บนกระบี่ลำแสง
น้ำเต้าลูกนั้นและเถาวัลย์พ่นกระบี่ลำแสงออกมาในเวลาเดียวกัน กลายเป็นดวงลำแสงแล้วสลายหายไป
กระบี่ลำแสงแค่กะพริบวาบ ก็มีขนาดสองสามจั้ง
จากนั้นกระบี่ยักษ์ก็พุ่งเข้าไปสับมือยักษ์สามสี
ไร้สุ้มเสียง ดูเหมือนไม่มีพลานุภาพอย่างไรอย่างนั้น
แต่มือยักษ์สามสีกลับแยกออกเป็นสองส่วนอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน และเปล่งเสียงระเบิดดัง “ปัง” ขึ้น
จากนั้นกระบี่ยักษ์พลันเปลี่ยนทิศทาง ชี้ไปทางชายชราที่แปลงร่างซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
ชายชราแซ่ถูเห็นเช่นนั้น ชั่วขณะนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี!