ทว่าหานลี่ไม่ได้มีเจตนาจะประมือกับระดับผสานอินทรีย์ขั้นต้นผู้นี้ที่นี่ สองปีกกระพือออกอย่างไม่ลังเล ลำแสงวิญญาณเปล่งประกาย กลายเป็นเส้นไหมสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกไป
ความเร็วในการหลบหนีเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ไม่ด้อยไปกว่าลำแสงสีแดงที่ไล่อยู่ด้านหลังเท่าใดนัก
ทั้งสองพุ่งออกไป แค่สองสามอึดใจ ก็หายลับไปจากขอบฟ้า
เงาร่างคนในลำแสงสีแดงด้านหลัง แน่นอนว่าย่อมเป็นชายชราแซ่ถูของเผ่าแมลงมีเขาผู้นั้น
เขาอาศัยพลังจานตาข่ายสวรรค์ทมิฬ หาตำแหน่งของหานลี่ได้อย่างง่ายดาย แต่คิดไม่ถึงว่าคนไม่ทันเข้าใกล้ อีกฝ่ายก็เพิ่มความเร็วหนีไปทันที
นี่จึงทำให้ชายชราตะลึงงัน ทันใดนั้นก็รู้สึกยินดี
อีกฝ่ายดูเหมือนจะมีอิทธิฤทธิ์ไม่อ่อนแอ ในตัวอาจจะมีสิ่งที่ตัวเองอยากแย่งชิง
ทันใดนั้นพลันกระตุ้นละแสงสีแดงบนร่าง ไล่ตามไปอย่างไม่ลดละเช่นกัน
ทั้งสองดูเหมือนดาวตกบนท้องฟ้าก็ไม่ปาน ไล่ตามไปอย่างไม่ปิดบัง บินไล่กันไปเป็นพันลี้
ลำแสงสีแดงด้านหลังไม่อาจไล่ตามเส้นไหมสีเขียวด้านหน้าได้เลยแม้สักกระผีก
ชายชราที่อยู่ในลำแสงสีแดงพลันชักสีหน้า!
แม้ว่าเขาจะไม่เชี่ยวชาญในเคล็ดวิชาหลีกหนี แต่ใช้จิตสัมผัสกวาดไปทางอีกฝ่ายแล้ว เขาเป็นแค่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับเผ่าเบื้องบนขั้นที่เจ็ดคนหนึ่งเท่านั้น ตอนนี้คาดไม่ถึงว่าจะตนเองบินมาไกลขนาดนี้จะยังจับอีกฝ่ายไม่ได้
ช่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก!
ทว่าถึงอย่างไรเสียเท้าครึ่งหนึ่งของชายชราก็เหยียบย่ำอยู่ในระดับผสานอินทรีย์แล้ว แน่นอนว่าประสบการณ์การต่อสู้จึงเฟื่องฟูเป็นพิเศษ
ลำแสงหลีกหนีสีแดงหยุดลง จากนั้นพลันหม่นแสง เผยร่างของชายชราออกมา
เขาพลิกมือหนึ่งด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ในมือมียันต์สีม่วงแผ่นหนึ่งปรากฏออกมา
โบกไปมาเล็กน้อย หมอกเมฆาสีม่วงกลุ่มหนึ่งพลันระเบิดออก พริบตาก็แผ่ขยายไปสิบจั้งเศษ ห่อหุ้มชายชราแซ่ถูไว้ทั้งหมด
หานลี่ที่จับจ้องการเคลื่อนไหวของศัตรูที่อยู่ด้านหลังมาโดยตลอด เห็นฉากนั้นก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
ลำแสงหลีกหนีของเขาพลันหยุดชะงักอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ปรากฏร่างของตนเองขึ้นในลำแสงสีเขียวเช่นกัน จากนั้นสองตาพลันหรี่ลงมองกลับไป
เขากลับรู้สึกประหลาดใจเล็กๆ อีกฝ่ายจะทำอะไรกันแน่!
เห็นเพียงหมอกเมฆาสีม่วงหมุนวน พริบตาก็สลายหายไป ผลคือเงาร่างชายชราที่ยืนอยู่ในเมฆาสีม่วงพลันหายไป เหลือแต่ความว่างเปล่า
หานลี่หน้าเปลี่ยนสี ชั่วพริบตานั้นพลันปล่อยจิตสัมผัสออกไปในระยะสิบลี้อย่างไม่ต้องขบคิด
ผลคือชายชราแซ่ถูยังคงหายไปไร้เงา ราวกับว่าหายไปจากบริเวณรอบอย่างไรอย่างนั้น
หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม มือหนึ่งร่ายอาคมอย่างรวดเร็ว รูม่านตาเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ ชั่วขณะนั้นพลันใช้อิทธิฤทธิ์เนตรวิญญาณวารีกระจ่าง
ผลคือสายตากวาดออกไปอย่างรวดเร็ว ท้องฟ้านั้นว่างเปล่า ไม่พบเงาร่างของชายชราผู้นั้น
ยามนี้หานลี่พลันรู้สึกจิตใจหนักอึ้งแล้วจริงๆ
ระดับผสานอินทรีย์เดิมทีก็เป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัว ตอนนี้ยังอำพรางกายจนไม่อาจเห็นร่องรอยได้ จะไม่อันตรายถึงชีวิตหรือ
แต่หานลี่ก็ไม่ใช่คนธรรมดา ความคิดเคลื่อนไหว ทันใดนั้นลำแสงหลีกหนีพลันเปล่งแสงสว่างวาบอย่างไม่ลังเลอีก กลายเป็นเส้นไหมสีเขียวสายหนึ่งหักเลี้ยวหนีไป
แม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหลบอยู่ที่ใด แต่หากหยุดอยู่เป็นเวลานานล่ะก็ แน่นอนว่าย่อมเป็นสิ่งที่อันตราย
ทว่าถ้าหากอีกฝ่ายไล่ตามมาต่อ เขาก็ไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายยังคงรักษาสภาพไร้ร่องรอยต่อไปได้
เสียงแหวกอากาศดังขึ้น ชั่วอึดใจเส้นไหมสีเขียวก็พุ่งออกไปร้อยจั้ง ไปถึงขอบฟ้าอีกด้าน เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป
หานลี่บินหนีไปพลาง ใช้เนตรวิญญาณตรวจสอบด้านหลังเป็นครั้งคราวไปพลาง
หลังจากผ่านไปเพียงชั่วครู่ เขาพลันขมวดคิ้ว พบแล้ว
หลังเขาห่างออกไปสองสามลี้ที่ใต้ดิน เงาร่างคนสีม่วงกลุ่มหนึ่งกำลังพุ่งมาจากใต้ดินอย่างไม่มีสิ่งใดขัดขวางได้เลยสักนิด
นั่นก็คือชายชราเผ่าแมลงมีเขาที่หายไปก่อนหน้า
ไม่รู้ว่าคนผู้นี้สำแดงอิทธิฤทธิ์ชนิดใด คาดไม่ถึงว่าจะอาศัยหมอกสีม่วงอำพรางกายแล้วเคลื่อนย้ายอยู่ใต้ดินลึกลงไปยี่สิบสามสิบจั้งได้ นั่นทำให้หานลี่ในยามนั้นรู้สึกชะล่าใจ คาดไม่ถึงว่าจะเผยร่องรอยออกมา
ทว่าแม้ว่าอีกฝ่ายจะใช้เนตรวิญญาณวารีกระจ่าง ร่างกายก็ยังคงเผยออกมารางๆ เห็นได้ชัดว่าวิชาการอำพรางกายไม่ธรรมดา และยิ่งไปกว่านั้นลี้ธรณีของคนผู้นี้ก็เป็นเคล็ดวิชาหลีกหนีที่ไม่ธรรมดา ความเร็วที่อยู่ใต้ดินเร็วกว่าอยู่กลางอากาศเท่าหนึ่ง
เมื่อลำแสงสีแดงกวาดผ่านไป ดินเหล่านั้นไม่เพียงจะไม่ขัดขวาง กลับมีลำแสงสีเหลืองปลิวไสวจมเข้าไปในลำแสงสีแดง ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์
หานลี่เหาะเต็มอัตรา ก็ยังคงถูกเขาเข้ามาประชิดจากใต้ดิน
หานลี่รู้สึกตะลึงงันไปเล็กน้อย แต่ก็ยังคงไม่มีเจตนาจะหยุดพัก
ชายชราแซ่ถูที่สำแดงเคล็ดวิชาหลีกหนีประหลาดด้านล่าง กลับรู้สึกกลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก
เดิมทีเขาคิดว่าอีกฝ่ายจะร้อนรนทำตัวไม่ถูกเมื่อตนเองหายไป หรือไม่ก็ยังหนีต่อไปอย่างไม่สนใจ แต่หลังจากบินมาได้ระยะหนึ่งก็จะเริ่มลดความเร็วลง แม้กระทั่งหยุดลงในบางครั้ง
แต่หานลี่ไม่เพียงจะหักหนีอย่างไม่ลังเล หลังจากบินมาได้พักหนึ่งก็ยังคงไม่มีท่าทีจะช้าลงเลยสักนิด
นี่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาเป็นอย่างมาก
แต่ชายชราก็มั่นอกมั่นใจในอิทธิฤทธิ์การอำพรางกายของตนเองเป็นอย่างมาก
สำหรับเขาแล้วหากใช้อิทธิฤทธิ์นี้ต่อกับผู้ที่มีพลังยุทธ์สูงกว่าหรือระดับเดียวกันนั้นก็พูดยาก บางทีอาจจะถูกอีกฝ่ายที่มีจิตสัมผัสแข็งแกร่งดูออก แต่ผู้ที่มีพลังยุทธ์ด้อยกว่าตนเองอย่างระดับเผ่าเบื้องบนนั้น โดยปกติแล้วมันไม่มีทางเป็นไปได้
นอกเสียจากว่าอีกฝ่ายจะใช้เนตรวิญญาณอะไรสักอย่างในตำนาน แต่อัตราความเป็นไปได้มันเล็กจนแทบมองข้ามไปได้
ยามนี้เห็นหานลี่ไม่ติดกับ ชายชราจึงทำได้เพียงใช้เคล็ดวิชาหลีกหนีไล่ตามเขาไปติดๆ ด้วยความจนปัญญา
แน่นอนว่าเขาย่อมดูออกว่า ความเร็วของตนเองที่อยู่ใต้ดินนั้นเร็วกว่าหานลี่เล็กน้อย
แน่นอนว่าย่อมไม่มีทางหลุดมือไปง่ายๆ!
ดังนั้นทั้งสองคนหนึ่งมีความมุ่งมั่น คนหนึ่งฉงนสงสัย คาดไม่ถึงว่าหนีไปไกลเป็นหมื่นลี้
หานลี่เห็นเงาสีม่วงใต้ดินไล่ตามเข้ามาใกล้เรื่อยๆ สีหน้าอดที่จะเคร่งขรึมไม่ได้ สายตาเริ่มมองไปทางซ้ายทีขวาทีไม่หยุด!
ฉับพลันนั้นเบื้องหน้าพลันมีภูเขาสูงใหญ่สองลูกตั้งขนาบข้างกัน ผิวเป็นสีเขียวขจี ยอดเขาสูงชันเป็นอย่างมาก
ตรงใจกลางภูเขาทั้งสองลูกเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นป่ารกทึบ
หานลี่เห็นที่นี่พลันใจเต้น ทันใดนั้นแววตาพลันเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบพลางมองไปด้านล่างแวบหนึ่ง
เห็นเพียงเงาสีม่วงกลุ่มนั้นมาอยู่ห่างจากเขาไปไม่ถึงร้อยจั้งเศษแล้ว เกรงว่าขอแค่เขาสะเพร่าเล็กน้อย ก็จะถูกอีกฝ่ายเปล่งแสงสว่างวาบแล้วไล่ตามมาทัน
หานลี่สูดลมหายใจเข้าไปเฮือกหนึ่ง ฉับพลันนั้นลำแสงหลีกหนีพลันเปลี่ยนไป ตรงไปหาผืนป่า
เห็นเพียงเสียงแหวกอากาศหยุดลง เส้นไหมสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ จมหายเข้าไปในผืนป่า
ลำแสงหลีกหนีหม่นแสงลง ร่างของหานลี่ปรากฏขึ้น แต่ครู่ต่อมา ก็สะบัดแขนเสื้อ กระบี่เล่มเล็กยี่สิบกว่าเล่มเปล่งเสียงกรีดร้องแล้วบินออกมา
มือหนึ่งพลันร่ายอาคม กระบี่เล่มเล็กทั้งหมดสั่นระริก กลายเป็นเส้นไหมสีเขียวยี่สิบกว่าสายพุ่งไปด้านล่าง
เสียงแหวกอากาศดังขึ้น เส้นไหมสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนพลันเริงระบำ ด้านหลังที่เป็นผืนป่ารกทึบ มีลำแสงสีเขียวตัดออกเป็นระยะๆ
ชั่วพริบตากลางอากาศในระยะสองสามร้อยลี้ก็ปรากฏความว่างเปล่าขึ้น
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ร่างของหานลี่พลันพลิ้วไหว ปรากฏตัวบนต้นไม้สูงสองสามจั้งต้นหนึ่งที่ด้านล่าง ในเวลาเดียวกันพลันดีดนิ้วด้วยสีหน้าราบเรียบ
ลำแสงสีเขียวหายวับไป เส้นไหมสีเขียวทั้งหมดทยอยกันจมหายไปกลางอากาศอย่างไร้เงา
หานลี่ใช้มือหนึ่งร่ายอาคม ชั่วขณะนั้นเสียงฟ้าผ่าพลันดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองเงินบางๆ จำนวนนับไม่ถ้วนพลันดีดตัวออก จากนั้นพลันรวมตัวกันกลายเป็นชุดคลุมยาวสีทองเงินชุดหนึ่งคลุมอยู่บนเรือนร่าง
จากนั้นไอสีดำพลันหมุนติ้วๆ ในชุดคลุมยาวมีเกราะทมิฬสีดำสนิทชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้น
สุดท้ายหานลี่พลันอ้าปากออกอีกครั้ง โล่ใบเล็กสีสันแวววาวพุ่งออกมา วนล้อมรอบเขาอย่างรวดเร็ว
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น หานลี่พลันเอาสองมือไพล่หลัง เงยหน้าขึ้นจ้องเขม็งไปบนท้องฟ้า ร่างกายนิ่งค้าง
ลึกลงไปใต้ดินด้านล่างต้นไม้ที่หานลี่ยืนอยู่ ชายชราแซ่ถูจับจ้องการกระทำของหานลี่ด้วยสีหน้าแปลกประหลาด แววตาฉายแววโหดเ**้ยมออกมาเล็กน้อย
ยามนี้เขาไล่ตามหานลี่จนมาอยู่ใกล้แค่คืบแล้ว แต่กลับไม่ได้รีบร้อนลงมือ
ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ระดับแทบจะต่างกับเขามากกว่าสามเท่า ชายชราก็ไม่อาจอดทนต่อไปได้อีก
เขากวาดจิตสัมผัสไปรอบๆ เมื่อมั่นใจว่าที่นี่มีหานลี่อยู่เพียงคนเดียว และไม่มีกับดักอะไร ชายชราพลันมีสีหน้าโหดเ**้ยม ร่างกายบิดเบี้ยว คาดไม่ถึงว่าจะสลายหายไปกลางดินโคลน
ครู่ต่อมาฉากที่เหมือนกันก็ปรากฏขึ้นตรงที่หานลี่อยู่
หลังจากที่เสียงสั่นคลอนสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น ต้นไม้ที่หานลี่ยืนอยู่ก็ระเบิดออก มือยักษ์สีแดงสดคู่หนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งออกมาจากใต้ดิน ตะปบสองเท้าของหานลี่เอาไว้
คาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่แยแสเกราะป้องกันสามชั้นที่หานลี่วางไว้ ท่าทางดุดันสะเทือนเลื่อนลั่น!
หานลี่ดูเหมือนว่าจะคาดเดาการโจมตีนี้เอาไว้ตั้งนานแล้ว ร่างกายรางเลือนอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน เปล่งแสงสว่างวาบแล้ว คนก็มาปรากฏอีกแห่งห่างออกไปสิบจั้งเศษ
เสียงแค่นเสียงด้วยความเย็นชาดังขึ้น ร่างของหานลี่เพิ่งปรากฏตัว ด้านล่างพลันมีลำแสงสีแดงสว่างวาบ ชายชราแซ่ถูเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน
ชายชรามีสีหน้าโหดเ**้ยมฉายแวบผ่าน สองแขนขยับ เงากำปั้นสีแดงสดสองกลุ่มปรากฏขึ้น โจมตีไปยังหานลี่พร้อมกับอุณหภูมิที่ร้อนระอุ
คิดไม่ถึงว่าชนชั้นสูงของเผ่าแมลงมีเขาผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นผู้ฝึกตนคู่บำเพ็ญเพียรเช่นกัน
หานลี่แววฉายแววตกตะลึง ฝ่ามือสีดำสนิทข้างหนึ่งยื่นออกมาอย่างเงียบเชียบ กดลงไปกลางอากาศด้านล่าง
เงาสีดำจุดหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบบินออกมาจากฝ่ามือ จากนั้นพลันหมุนคว้าง กลายเป็นภูเขาขนาดสองสามจั้งลูกหนึ่ง กดลงมาอย่างเงียบเชียบ
โจมตีไปยังกำปั้นเงาสีแดงด้านล่าง
ชายชราแซ่ถูเห็นเช่นนั้น มุมปากกระตุก ไม่เพียงไม่เปลี่ยนการโจมตี กลับเผยสีหน้าเยาะเย้ยออกมา ในเวลาเดียวกันก็ขบคิดพร้อมกับหัวเราะอย่างเย็นชาในใจ
กำปั้นคู่นั้นของเขาแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่ เกรงว่ามีเพียงตอนที่อีกฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ถึงจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ได้
เมื่อครุ่นคิดเช่นนี้ ชายชราพลันร่ายคาถา เงากำปั้นขยายใหญ่ขึ้นสองสามเท่าท่ามกลางลำแสงสีแดง จนมีขนาดเท่าศีรษะ ส่วนผิวสีแดงของเงากำปั้นพลันเจิดจ้าแผดเผาขึ้นราวกับลาวา แม้แต่บรรยากาศรอบด้านก็ดูเหมือนจะถูกย้อมจนเป็นสีแดง อุณหภูมิที่แผ่ออกมาทำให้อากาศบิดเบี้ยวผิดรูป
คาดไม่ถึงว่าเขาจะตัดสินใจใช้กำปั้นคู่หนึ่งโจมตีภูเขาเทวะดูดปราณจนแหลกละเอียด
หานลี่เห็นฉากนี้ แววตากลับเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
และในตอนนั้นเอง เงากำปั้นและตีนเขาสีดำพลันปะทะกัน
เมื่อทั้งสองสัมผัสกัน คาดไม่ถึงว่าจะเงียบเชียบไร้เสียง! เงากำปั้นและภูเขาขนาดเล็กสั่นคลอน ราวกับเวลาหยุดค้างอยู่กลางอากาศ แต่ทันใดนั้นดวงอาทิตย์สีเทาแดงที่ตัดสลับกันไปมาปรากฏขึ้น จากนั้นพลันกลายเป็นคลื่นลำแสงพุ่งออกทั้งสี่ทิศ
หานลี่รู้สึกเพียงว่าหูทั้งสองข้างสั่นคลอน เสียงดังสนั่นราวกับฟ้าถล่มดินทลายดังเข้ามาในโสตประสาท ต้นไม้เตี้ยแคระในบริเวณนั้นและระลอกคลื่นสัมผัสกัน ชั่วพริบตาพลันกลายเป็นฝุ่นไม้แล้วสลายหายไป พื้นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง คาดไม่ถึงว่าจะมีหลุมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางยี่สิบสามสิบจั้ง ลึกลงไปสองสามจั้งปรากฏขึ้น
หานลี่พลันตื่นตะลึง ลำแสงสีฟ้าสว่างวาบในแววตาพลางจ้องเขม็งไปเบื้องล่าง
เห็นเพียงภูเขาเทวะดูดปราณยังคงลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ แต่เงากำปั้นยักษ์ที่อยู่ด้านล่างกลับแตกละเอียดออก แต่พลันมีกำปั้นที่ดูเหมือนธรรมดาซึ่งกำลังรองภูเขาขนาดย่อมเอาไว้ไม่ให้มันตกลงมาได้คู่นั้นเพิ่มขึ้นมา
ส่วนเจ้าของฝ่ามือคู่นั้น นั่นก็คือชายชราแซ่ถู
แขนของเขาในยามนี้บิดเบี้ยวไปเล็กน้อย สีหน้าแดงก่ำดุจโลหิต คาดไม่ถึงว่าจะใช้ฝ่ามือคู่หนึ่งรับภูเขาเทวะดูดปราณเอาไว้ได้จริงๆ