ในตอนที่ชายวัยกลางคนสำแดงอิทธิฤทธิ์นั้น อีกด้านหนึ่งชายผิวสีเขียวกลายเป็นเงาเลือนรางกลุ่มหนึ่ง อำพรางกายกระโดดหนีไปบนพื้นดินราวกับกำลังเหาะเหิน
เพราะเขาไม่อาจบินหนีได้ จึงยังคงอยู่ในระยะสองสามร้อยลี้ของเมืองแสงมรกต
ทว่าใบหน้าของชายผิวสีเขียวไม่เผยสีหน้าเป็นกังวลออกมาเท่าใดนัก รู้สึกมั่นใจกับพรสวรรค์ในการอำพรางตัวของเผ่าตัวเองเป็นอย่างมาก
นอกเสียจากจะอยู่ในระดับเผ่าศักดิ์สิทธิ์ มิเช่นนั้นเผ่าแมลงมีเขาก็ไม่มีทางหาเขาพบอย่างแน่นอน
ดังนั้นหลังจากที่ชายผิวสีเขียวดำผู้นี้แยกจากหานลี่และพวก ก็เอาแต่ขบคิดถึงกล่องหยกที่ชายหัวโตแบ่งให้คนอื่นๆ ไม่หยุด เขาคาดเดาว่าในกล่องมีอะไรกันแน่ไม่หยุด คิดไม่ถึงว่าจะสามารถนำไปแลกกับ ‘ยาลูกกลอนมหัศจรรย์’ ที่เขาใฝ่ฝันถึงได้ ในเวลาเดียวกันก็แอบขบคิดว่าหากสามารถเปิดกล่องหยกได้ล่ะก็ จะได้ประโยชน์มากกว่าหรือไม่
ชายผิวสีเขียวไม่รู้สึกว่าใต้ดินด้านหลังเขา มีเงาสีม่วงกลุ่มหนึ่งไล่ตามเขามาอย่างเงียบเชียบ ด้านในมีดวงตาเย็นชาคู่หนึ่งจ้องมองการเคลื่อนไหวของเขาด้วยตาที่ไม่กะพริบ
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เงาสีม่วงก็ดูเหมือนว่าจะสังเกตการณ์เสร็จแล้ว ร่างกายบิดเบี้ยว กลายเป็นเส้นสีม่วงหลบซ่อนอยู่ใต้ร่างชายผิวสีเขียว
ยามนี้ชายผิวสีเขียวทะยานขึ้นไป สองเท้าแตะลงที่พื้นอีกครั้งพอดี
เสียงอึกทึกดังสนั่นขึ้น พื้นดินระเบิดออกทันที!
มือยักษ์คู่หนึ่งเปล่งแสงสีแดงสดสว่างวาบ ชั่วครู่ก็กำข้อเท้าของชายผิวสีเขียวเอาไว้
แน่นอนว่าชาวเผ่าผิวสีเขียวเข้มผู้นี้พลันตะลึงงัน แต่ปฏิกิริยาตอบสนองก็ไม่เชื่องช้า เปล่งแสงสว่างวาบ ร่างกายบิดเบี้ยว คิดจะขับเคลื่อนลำแสงหลีกหนีไปให้หลุดพ้น
แต่ฝ่ามือที่คว้าขาทั้งสองเอาไว้นั้นดูธรรมดาเป็นอย่างมาก แต่กลับแข็งแกร่งดุจห่วงเหล็ก
ชายผิวสีเขียวรู้สึกเพียงว่าสองเท้ามีความเจ็บปวดแล่นขึ้นมา ไม่อาจขยับได้เลยสักกระผีก
ยามนี้ในที่สุดเขาพลันหน้าเปลี่ยนสี อ้าปากออกในทันใด ลำแสงสีขาวสายหนึ่งพุ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสับลงบนข้อมือ
แต่ได้ยินเพียงเสียง “เกร๊ง” ของทองคำกระทบกัน ลำแสงสีขาวหม่นแสง กระบี่เล่มเล็กขนาดสองสามชุ่นดีดตัวออก
คิดไม่ถึงว่ากระบี่บินจะทำอันตรายต่อมือคู่นี้ไม่ได้เลยสักกระผีกริ้น
ชาวผิวสีเขียวสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกตะลึง แต่ทันใดนั้นสองมือพลันร่ายอาคม ดูเหมือนอยากจะสำแดงเคล็ดวิชาที่ทรงพลังอะไรสักอย่าง
แต่ยามนี้กลับสายไปเสียแล้ว
เสียงแค่นเสียงอันเย็นชาที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น ลำแสงสีแดงประหลาดเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นบนมือ ชั่วพริบตาก็ห่อหุ้มชายผิวสีเขียวเอาไว้
ทุกจุดที่ลำแสงสีแดงกวาดผ่าน พื้นดินรอบด้านจะหลอมละลายกลายเป็นสีแดงท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนฉ่า กลายเป็นดินแดนลาวา!
ชั่วขณะนั้นเสียงกรีดร้องน่าเวทนาดังขึ้น
ลำแสงคุ้มครองร่างของชายผิวสีเขียวดำผู้นี้กะพริบวาบ ลุกไหม้ท่ามกลางลำแสงสีแดง…
แทบจะในเวลาเดียวกัน ในปากลึกอีกแห่งหนึ่ง เผ่าแมลงมีเขาระดับหลอมสุญตาสองคนก็หยุดอยู่กลางอากาศ พลางซุบซิบอะไรกันด้วยเสียงแผ่วเบา
มังกรวารีขนนกสี่ตัวอยู่ห่างออกไป กำลังหมุนวนโคจรไปมา ค้นหาอะไรสักอย่างอยู่
“คนผู้นี้ช่างเจ้าเล่ห์นัก พวกเราเพิ่งจะเข้าใกล้ที่นี่ กลิ่นอายของเขาก็หายไป แม้แต่มังกรวารีขนนกก็ไม่อาจหาตำแหน่งของเขาได้ เช่นนั้นก็ยุ่งยากหน่อยแล้ว” หนึ่งในนั้นเห็นมังกรวารีขนนกหาอะไรไม่พบ ใบหน้าก็เผยสีหน้า้รอนใจออกมา
“ไม่ต้องกังวล คนผู้นั้นอยู่ในระดับเดียวกับเจ้าและข้าเท่านั้น อำพรางกลิ่นอายโดยไม่เหลือร่องรอยเลยเช่นนี้ จะต้องซ่อนตัวอยู่แถวๆ นี้แน่ หากเป็นเช่นนั้น พวกเราก็เสียเวลากับเขาสักหน่อย รอให้อีกสองท่านมาถึง แล้วค่อยดูว่าเขาจะไปซ่อนตัวที่ใด” อีกคนหนึ่งกลับเยือกเย็นสุขุม พลางเอ่ยแล้วฉีกยิ้มบางๆ
“เกรงว่าจะทำได้เพียงเช่นนี้!” คนแรกรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้า
และภายในต้นไม้ใหญ่กลางป่าลึกล้ำที่ไม่สะดุดตาต้นหนึ่ง ชายหัวโตกำลังขมวดคิ้วแน่นอยู่ด้านใน ร่างกายมีผ้าคลุมสีเทาคลุมอยู่ กลบกลิ่นอายของเขาไว้อย่างมิดชิด
……
ณ จุดอื่นบนภูเขาชีพจรวิญญาณ สายรุ้งจางๆ สายหนึ่งกำลังบินตรงไปข้างหน้า
ท่ามกลางลำแสงหลีกหนี ชนต่างเผ่าร่างกายมีเกล็ดมัจฉา ศีรษะเหมือนจระเข้กำลังขับเคลื่อนลำแสงหลีกหนีเต็มอัตรา
ด้านหลังของเขาห่างออกไปสองสามลี้ เผ่าแมลงมีเขาระดับหลอมสุญตาอีกสองคน นั่งอยู่บนรถเหาะความยาวสองสามจั้งคันหนึ่ง ลดระดับลงมาจากที่ไกลออกไปขณะอำพรางกาย
ด้านหลังรถเหาะไกลออกไป มังกรวารีขนนกสี่ตัวกำลังลดระดับลงมาอยู่ด้านหลังอย่างระมัดระวัง
……
ทั้งสี่ทิศจากใจกลางของเมืองแสงมรกต ชนต่างเผ่าระดับหลอมสุญตากำลังถูกชนชั้นสูงของเผ่าแมลงมีเขาไล่สังหารและสะกดรอยอยู่แทบจะในเวลาเดียวกัน
หานลี่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เช่นกัน
ยามนี้เขาลอยตัวอยู่กลางอากาศ จ้องเขม็งไปยังจุดที่ต่ำกว่าด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
มังกรวารีขนนกสองตัวกำลังบินวนไปมาห่างออกไปยี่สิบกว่าจั้ง
เขาเพิ่งเคยเห็นมังกรวารีขนนกประหลาดสองตัวนี้เป็นครั้งแรก และยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจะรู้ว่าเขาอยู่ใกล้ๆ มันกำลังค้นหาอะไรสักอย่างไปรอบด้าน
ทว่าร่างของหานลี่ในยามนี้ยังคงอยู่ในยันต์ชำระพิสุทธิ์ มังกรวารีประหลาดทั้งสองจึงไม่อาจค้นหาตำแหน่งของเขาได้
ทำได้เพียงบินวนไปมาอยู่รอบๆ ราวกับแมลงวันไร้หัว
หานลี่ลูบใต้คาง สายตาสอดส่ายไปทั่ว ไม่พบทหารไล่ล่าคนอื่นๆ ของเผ่าแมลงมีเขา ใบหน้าพลันฉายแววโหดเ**้ยม ขบคิดว่าจะลงมือกำจัดตัวยุ่งยากทั้งสองตัวนี้หรือไม่โดยไม่ทันตั้งตัว
มังกรวารีขนนกสองตัวอยู่ในระดับเทพแปลงเท่านั้น ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของเขาในตอนนี้ได้
แต่เขาในตอนนี้เพิ่งจะบินออกมาจากเมืองแสงมรกตได้แค่พันกว่าลี้ หากในเผ่าแมลงมีเขามีสิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์จริงๆ และยังคงใช้จิตสัมผัสตรวจสอบมาทางนี้ หากลงมือเกรงว่าคงจะเสี่ยงเผยร่องรอยออกมา
หลังจากที่หานลี่ขบคิดซ้ำไปซ้ำมาแล้ว สุดท้ายก็ยังสั่นศีรษะกำจัดความคิดนี้ออกไป
เขาเคลื่อนไหวกาย หมายจะหายไปอย่างไม่สนใจสิ่งใดอีก
แต่ฉากที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายพลันปรากฏขึ้น
เมื่อหานลี่บินออกมาได้สิบจั้งเศษ ผิวพลันมีลำแสงสีม่วงเปล่งแสงสว่างวาบ ร่างกายที่ถูกอำพรางอยู่ค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมาเป็นดังเดิม เผยร่างออกมา
คาดไม่ถึงว่ายันต์ชำระพิสุทธิ์ที่ใช้จะหมดประสิทธิภาพในยามนี้
เหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น ทำให้หานลี่ตะลึงงัน
ในเวลาเดียวกันที่หานลี่ปรากฏตัว ชั่วขณะนั้นมังกรวารีขนนกทั้งสองก็มองมาทางนี้ตามสัญชาตญาณพร้อมกัน มองเห็นหานลี่ทุกกระเบียดนิ้ว
ทันใดนั้นทั้งสองก็เปล่งเสียงร้องยาวๆ ด้วยความยินดีออกมา กระพือปีกทั้งสอง กระโจนเข้ามาหาหานลี่อย่างดุดัน
หานลี่รู้สึกกลัดกลุ้มเล็กน้อย แต่พลันมีสีหน้าเคร่งขรึม มือหนึ่งร่ายอาคม แผ่นหลังมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น เผยปีกขนนกแวววาวคู่หนึ่งออกมา
จากนั้นพลันจ้องเขม็งไปยังมังกรวารีประหลาดสองตัวด้านล่าง แค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชาออกมา
เสียงแค่นเสียงดูเหมือนจะธรรมดา แต่เมื่อเข้าหูของมังกรวารีขนนกทั้งสอง กลับราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ก็ไม่ปาน
ทันใดนั้นในหัวดูเหมือนจะมีความเจ็บปวดที่สามารถผ่าออกเป็นสองส่วนได้แล่นขึ้นมา เปล่งเสียงร้องอย่างน่าอนาถออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างกายหมุนคว้างตกลงสู่เบื้องล่าง
และหานลี่ในยามนี้ ปีกที่แผ่นหลังกลับกระพือ ชั่วขณะพลันกลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวสายหนึ่งหายวับไปจากจุดที่ไกลออกไป
ครู่ต่อมาด้านล่างมังกรวารีขนนกตัวหนึ่ง ระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ร่างของหานลี่ปรากฏออกมา เห็นเพียงมือข้างหนึ่งของเขาโบกสะบัดไปทางมังกรวารีขนนก
ชั่วขณะนั้นกระบี่ลำแสงสีเขียวเล่มหนึ่งพลันปรากฏขึ้นกลางอากาศ วนล้อมรอบมังกรวารีขนนก สับมันออกเป็นสองส่วน แม้แต่จิตวิญญาณบริสุทธิ์ก็ยังหายไปท่ามกลางกระบี่ลำแสง!
ร่างของหานลี่บิดเบี้ยว กลายเป็นเส้นไหมสีเขียวสายหนึ่งแล้วหายวับไปอีกครั้ง
ครู่ต่อมามังกรวารีขนนกอีกตัวหนึ่งและระลอกคลื่นข้างกายพลันรวมตัวกัน หานลี่แทบจะปรากฏตัวติดๆ กับอสูรตัวนั้น
ฝ่ามือสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหยกข้างหนึ่งกดลงไปบนร่างของมังกรวารีประหลาด ชั่วขณะนั้นเปลวลำแสงห้าสีกลุ่มหนึ่งพลันหมุนวน พริบตาก็กลายเป็นน้ำแข็งยักษ์ห้าสีก้อนหนึ่ง
จากนั้นนิ้วทั้งห้าของหานลี่พลันเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ ประจุไฟฟ้าสีทองสองสามสายพุ่งออกไปติดๆ ชั่วครู่ก็ห่อหุ้มก้อนน้ำแข็งเอาไว้ข้างใน
มังกรวารีขนนกและน้ำแข็งเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ แล้วแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ซากศพที่แหลกละเอียดในลำแสงสีเขียวพยายามจะอาศัยโอกาสนี้หนีไป กลับถูกประจุไฟฟ้าสีทองสายหนึ่งโจมตีไปอย่างไม่ทันตั้งตัว แล้วสลายหายไป
เช่นนั้นหานลี่ก็สังหารมังกรวารีขนนกสองตัวนั้นได้ในชั่วอึดใจ
จากนั้นร่างกายพลันไม่หยุดพัก กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งไปยังขอบฟ้า ไม่มีเจตนาจะอำพรางกายอีก
ในความคิดของเขาหากเผ่าแมลงมีเขาไม่มีผู้ที่อยู่ในระดับผสานอินทรีย์อยู่ ก็ไม่อาจพบร่องรอยของเขาได้ แน่นอนว่าจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร
หากมีแม้ว่าการลงมือเมื่อครู่จะรวดเร็วขนาดไหน เกรงว่าก็ไปรบกวนสิ่งมีชีวิตระดับนั้นแล้ว ต่อให้ใช้ยันต์ชำระพิสุทธิ์อีกก็ไร้ประโยชน์ ไม่สู้หนีไปด้วยความเร็วที่เพิ่มมากขึ้นจะดีกว่า
ยามที่มังกรวารีขนนกตกลงสู่พื้นนั้น ชายชราและชายวัยกลางคนเผ่าแมลงมีเขาที่แยกกันไป ก็มองไปทางตำแหน่งของหานลี่พร้อมกันตามความรู้สึก
ใต้เท้าของชายชรามีกองสิ่งของกองอยู่อย่างระเกะระกะ มือข้างหนึ่งคว้ากล่องหยกเอาไว้
ชายชราหรี่ตาทั้งสองข้างลง เผยสีหน้าครุ่นคิดออกมาขณะมองไปยังทิศทางของหานลี่
แต่หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาก็สะบัดแขนเสื้อ ชั่วขณะนั้นกองสิ่งของใต้ฝ่าเท้าและกล่องหยกในมือหายวับไปท่ามกลางหมอกลำแสง
จากนั้นเขาพลันหมุนตัวพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ กลายเป็นลำแสงสีแดงสายหนึ่งพุ่งตรงไปยังทิศทางของหานลี่
ส่วนชายวัยกลางคนที่อยู่อีกด้านเป็นเพราะจัดการได้ค่อนข้างรวดเร็ว จึงพุ่งไปอีกทาง
แม้ว่าเขาในยามนี้จะหันไปมองทิศทางของหานลี่ไม่หยุด แต่สุดท้ายก็ยังสั่นศีรษะ ยังคงพุ่งตรงไปยังทิศทางเดิม แต่ความเร็วพลันเพิ่มขึ้นกว่าครึ่งอย่างไม่รู้ตัว
ตอนนี้เขาใกล้จะถึงอีกเป้าหมายแล้ว แน่นอนว่าจึงไม่มีทางปล่อยมือกลับไปทางหานลี่ คิดจะจัดการเป้าหมายตรงหน้าให้เสร็จก่อน แล้วค่อยกลับไปก็ยังไม่สาย
ดังนั้นทหารไล่ล่าที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าแมลงมีเขาสองคน จึงมีเพียงคนเดียวที่ไล่ตามหานลี่ไป
ภายใต้ความเร็วเต็มอัตราของสิ่งมีชีวิตระดับนี้ ความเร็วของมันจึงน่าเหลือเชื่อ
เมื่อหานลี่สังหารมังกรวารีขนนกเสร็จ พลันกลายเป็นสายรุ้งสายหนึ่งหนีไปไม่ถึงครึ่งเค่อ ก็หันกลับไปตามความรู้สึก ใบหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
เห็นเพียงตรงขอบฟ้าที่ไกลออกไปมีลำแสงสีแดงสว่างวาบ ลำแสงหลีกหนีสีแดงสดสายหนึ่งพุ่งไล่ตามตนมา
ลำแสงสีแดงนี้ดูเหมือนภูตผีก็ไม่ปาน เปล่งแสงสว่างวาบก็มาปรากฏตัวห่างออกไปร้อยจั้งเศษ กะพริบระยิบระยับ ความเร็วเหนือกว่าหานลี่ในตอนนี้สองสามเท่า
แววตาของหานลี่เปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ มองเห็นเงาร่างคนรางๆ ด้านในอย่างชัดเจน
ชั่วพริบตานั้นก็แผ่จิตสัมผัสไป ใจหายวาบอย่างอดไม่ไหว
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นระดับผสานอินทรีย์ผู้หนึ่ง! โชคดีที่อยู่ในระดับผสานอินทรีย์ขั้นต้น แม้ว่าจะไม่อาจต่อสู้ได้ แต่ก็หนีได้อย่างไม่มีปัญหา
หานลี่ครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตานั้นสีหน้าก็กลับมาเป็นปกติ