“ต่อให้ลงมือ แต่ก็ไม่ใช่เผ่าศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง พลังยุทธ์ของพวกเราสองคนเท่ากับเผ่าศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่ง แต่ตอนที่บรรลุระดับได้อาศัยเคล็ดวิชาลับของเหล่าอาวุโสสิบกว่าคนผลัดกันบรรจุเข้าร่าง ถึงได้โชคดีทะลวงจุดคอขวดได้ แต่ในด้านจิตสัมผัสและเคล็ดวิชานั้นกลับสู้ไม่ได้ หากไม่ตั้งใจฝึกฝนสักสองสามพันปี ก็ไม่อาจเทียบกับเผ่าศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงได้ ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะพวกเรามีกำลังพลไม่พอ แต่คิดดูแล้วเหล่าอาวุโสคงไม่ย้ายพวกเรามาอย่างเร่งด่วนหรอก” ชายชราสั่นศีรษะ
“นั่นมันก็ใช่ทว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น พวกเราสองคนร่วมมือกันต่อให้เป็นเผ่าศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงระดับสอง คิดดูแล้วก็มีกำลังต้านทาน ส่วนโอกาสที่เผ่าศักดิ์สิทธิ์จะปรากฏตัวในเมืองแสงมรกตนั้น ช่างน้อยนิดนัก” ชายวัยกลางคนพยักหน้าขณะเอ่ย
“ทว่า เจ้าเด็กหงเมี่ยนั้นช่างน่าเสียดายจริงๆ!” ชายชราไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นมาได้ ก็เผยสีหน้าเสียดายออกมา
“ข้าได้ยินว่าเจ้าเด็กนั้นมีเลือดเนื้อของเผ่าเพลิงจันทราและเผ่าหนอนมีเขาในเวลาเดียวกัน และยิ่งไปกว่านั้นเลือดเนื้อของเผ่าหนอนมีเขา หรือว่าเกี่ยวข้องกับเผ่าเพลิงของพวกเจ้า หรือว่ามีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่ถู?” ชายวัยกลางคนได้ยินพลันฉีกยิ้ม
“ผู้แซ่ถูทำให้พี่หนิงเห็นเรื่องขบขันแล้ว จะว่าไปแล้วเจ้าเด็กนั่นเป็นชนรุ่นหลังของผู้กับญาติห่างๆ ของข้า ตอนแรกนั้นตามหาเขาพบได้โดยความบังเอิญ จึงให้เขาคอยแอบอยู่ในเหล่าอาวุโสเมฆาสวรรค์ ทว่าพลังยุทธ์ของเขาสูงส่งเกินไป อาจจะมีสักวันที่ขึ้นมาอยู่ในระดับของข้า และอาวุโสตระกูลเพลิงของพวกเราก็เตรียมการเอาไว้แล้ว รอให้เขาทำภารกิจสายลับเสร็จ กลับมาจะล้างไขกระดูกโลหิตให้เขา เปลี่ยนกายเนื้อให้กลายเป็นเผ่าหนอนมีเขาของพวกเรา แต่คิดไม่ถึงว่าจะเกิดความวุ่นวายขึ้นในขณะที่ภารกิจกำลังจะสำเร็จแล้ว” ชายชรามีสีหน้าเคร่งขรึม
“หึๆ พี่ถูไม่ต้องเสียดาย อีกเดี๋ยวเราไปสับฆาตกรที่ฆ่าเขาเป็นหมื่นๆ ชิ้นก็ได้แล้ว น่าเสียดายเพราะกลัวว่าเขาจะถูกคนจับได้ พวกเราจึงไม่ได้ลงอาคมไว้บนร่างของเขา มิเช่นนั้นก็สามารถตามหาฆาตกรที่ฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย ทว่าไม่เป็นไรพวกเราส่งกำลังพลบนเรือสงครามกว่าครึ่งไปแล้ว พวกเขาไม่มีทางหนีออกจากที่นี่ได้แน่” ชายวัยกลางคนหัวเราะน้อยๆ ขณะเอ่ย
“มีจานตาข่ายสวรรค์ทมิฬที่เหล่าอาวุโสมอบให้กับมือ แน่นอนว่าย่อมไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องที่พวกเขาจะหนีไป ปัญหาเดียวก็คือสิ่งเหล่านั้นไม่ได้มีเพียงชิ้นเดียวและยิ่งไปกว่านั้นไม่รู้ว่าอยู่ในมือของเผ่าหมื่นโบราณหรือไม่ พวกเราก็ไม่อาจทำให้พวกเขาร้อนใจจนสูญเสียของเหล่านี้ไป เหล่าอาวุโสมอบหมายมาอย่างชัดเจนแล้วว่าต้องนำของเหล่านั้นกลับมาอย่างสมบูรณ์แบบ” ชายชราขบคิดแล้วเอ่ย
“จุดนี้ข้าย่อมรู้ดี มิเช่นนั้นเราสองคนจะหลบอยู่ในเรือสงครามเพื่ออันใด ก็แค่อย่ายืนยันเป้าหมายก่อนค่อยลงมือแย่งชิงอย่างรวดเร็ว ไม่ปล่อยโอกาสให้พวกเขาได้รู้สึกตัว! ตามแผนเดิมคือให้หงเมี่ยว่าของอยู่ในมือของผู้ใดจากนั้นค่อยทำเครื่องหมายเอาไว้ รายงานให้พวกเราลงมือ ตอนนี้หงเมี่ยเพลี่ยงพล้ำไปแล้วของสิ่งนั้นอยู่ในมือของผู้ใดก็ไม่แน่ชัด มันยุ่งยากไปหน่อยจริงๆ!” ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วมุ่น
“จัดการยากจริงๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ของสิ่งนั้นสำคัญขนาดนั้น คิดดูแล้วภายใต้สถานการณ์ที่กองทัพของพวกเราเข้าประชิดเขตแดนเช่นนี้คงไม่มีทางมอบให้ผู้ที่มีพลังยุทธ์ต่ำต้อยแน่ ถึงอย่างไรเสียพวกเราก็เคลื่อนไหวจำนวนมากขนาดนี้ ก็เพราะต้องการทอดแหใส่ผู้บำเพ็ญเพียรในเมืองแสงมรกตทุกคน ผู้บำเพ็ญเพียรระดับต่ำล้วนไม่มีโอกาสหนี หากคนผู้นั้นโง่เขลานำของสิ่งนี้ไปมอบให้ผู้บำเพ็ญเพียรระดับต่ำเก็บรักษาพวกเราก็ได้เปรียบแล้ว เช่นนี้ขอบเขตที่กว้างใหญ่ก็หดเล็กลงแล้ว ข้าเดาว่าน่าจะอยู่ในมือของชนชั้นสูงของเผ่า แน่นอนว่าหากมีเผ่าศักดิ์สิทธิ์อยู่จริงๆ ของก็ต้องอยู่ในมือของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย” ชายชราวิเคราะห์อย่างเนิบช้า
“กล่าวเช่นนี้ก็ถูก หากขอบเขตเช่นนี้จริงๆ เป้าหมายก็ลดลงเป็นอย่างมากระดับชนชั้นกลางของเผ่ามอบให้อวี่เจียวจัดการก็แล้วกัน ส่วนชนชั้นสูงเหล่านั้นพวกเราต้องออกโรงเอง ให้คนอื่นๆ มาช่วยประสาน” ชายวัยกลางคนพยักหน้าเห็นด้วย
“หัวหน้าหกคนเหลือสองคนเอาไว้เฝ้าเรือสงครามคนอื่นๆ ส่งออกไปให้หมดเถิด คำนวณเวลาดูพวกระดับต่ำที่อยู่ด้านนอกคงจัดการไปพอสมควรแล้ว ไม่มีพวกชั้นต่ำมาคอยรบกวนใช้จานตาข่ายสวรรค์ทมิฬที่อาวุโสประทานให้ ก็น่าจะหาตำแหน่งที่แม่นยำของชนชั้นสูงเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย” สุดท้ายชายชราพลันเอ่ยพึมพำ
ชายวัยกลางคนได้ยินก็ไม่ได้ตอบรับ แต่แววตากลับเปล่งประกายเผยสีหน้ามีแผนการออกมา
……
ยามนี้รอบๆ เมืองแสงมรกต หลังจากถูกเหล่าอินทรีย์ยักษ์และนักรบชุดเกราะสีเงินบนเรือไม้ค้นหาไปสองสามครั้งก็ดึงผู้บำเพ็ญเพียรชนต่างเผ่าออกมาจากในเมืองมาสังหารบ้างหรือเป็นเชลยบ้างได้แปดเก้าส่วนแล้ว มีเพียงผู้ที่มีเคล็ดวิชาอำพรางสูงส่งจำนวนเล็กน้อยที่ยังซ่อนตัวอยู่และหวังว่าจะหนีรอดได้
นอกจากนี้ผู้ที่ระดับสูงกว่าสองสามคนก็อาศัยพลังลมปราณที่ลึกล้ำหนีออกไปอย่างไร้ร่องรอย แต่มังกรวารีติดปีกเหล่านั้นกลับไล่ตามไปด้านหลังอย่างไม่ลดละ ส่วนจะตามทันหรือไม่ก็มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้
ทว่าเมื่อเห็นว่านักรบชุดเกราะและอินทรีย์สองหัวยังคงวนเวียนอยู่รอบๆ ไม่มีเจตนาจะเรียกใช้อสูรวิญญาณเหล่านั้นเป็นทัพเสริม ก็รู้ได้ว่าสิ่งที่เรียกว่า ‘มังกรวารีขนนก’ น่ากลัวแค่ไหน
ส่วนอินทรีย์สองหัวเหล่านั้นและนักรบชุดเกราะต่างก็ตรวจสอบซ้ำไปซ้ำมาทุกตารางนิ้วบนยอดเขาใกล้เคียงไม่ก็ในป่าทึบ บางครั้งก็มีลำแสงหลีกหนีสายสองสายบินออกมาจากแดนลับ จากนั้นอินทรีย์สองหัวฝูงใหญ่หรือเรือไม้สองสามลำก็กรูกันเข้าไปในทันที เสียงร้องน่าอนาถดังขึ้น การโจมตีต่างๆ กลืนกินลำแสงหลีกหนีไปอย่างไร้ร่องรอย
ส่วนหานลี่ในยามนี้ก็หนีออกมาจากเมืองแสงมรกตได้เจ็ดสิบแปดสิบลี้แล้ว
ก่อนหน้านี้ไม่นานเขาได้ต่อสู้กับกบฏเผ่าเพลิงจันทราไปรอบหนึ่ง ดูเหมือนรุนแรงมากและส่งเสียงดังสนั่น แต่ความจริงแล้วเมื่อวางเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์ ระลอกคลื่นไอวิญญาณสักนิดก็ไม่เล็ดลอดออกมาจากเขตอาคมกระบี่
แม้กระทั่งสุดท้ายที่ชาวเพลิงจันทราใช้ระฆังสัมฤทธิ์ปล่อยคลื่นเสียงออกมาก็ถูกอานุภาพลึกลับของเขตอาคมหลากวสันต์ดูดซับเอาไว้อย่างง่ายดาย
ดังนั้นแม้ว่าการต่อสู้ของทั้งสองจะอยู่ใกล้กับเมืองแสงมรกตแค่คืบ ชาวเผ่าหนอนมีเขาเหล่านั้นกลับไม่พบร่องรอยเลยสักกระผีก
และหลังจากที่หานลี่ทำลายจิตวิญญาณดั้งเดิมของชาวเผ่าเพลิงจันทราไปแล้วก็ค้นหากล่องหยกอีกใบและยาลูกกลอนโลหิตสีทองเม็ดนั้นบนร่างของเขาทันที
จากนั้นก็เผาร่างจนเป็นจุณ
จากอานุภาพของยันต์ชำระพิสุทธิ์ แม้ว่าจะอยู่ในระดับเดียวกันกับหานลี่ก็ยังพบร่องรอยได้ยาก
ดังนั้นทหารไล่ล่าของเผ่าหนอนมีเขาที่ค้นหาไปทั่วทั้งสารทิศย่อมไม่อาจทำลายประสิทธิภาพของยันต์วิเศษชนิดนี้ได้
ผลคือหานลี่จึงบินผ่านอินทรีย์สองหัวและเรือไม้อย่างทะนงองอาจไปหลายครั้ง
ทหารไล่ล่าของเผ่าหนอนมีเขาเหล่านี้กลับไม่รู้ตัวเลยสักกระผีก
ส่วนชายหัวโตและชายผิวสีเขียวก็ไม่รู้ว่าหนีไปที่ใดแล้วในตอนที่หานลี่เสียเวลาไป
ทว่าในเมื่อต้องอำพรางกายความเร็วของพวกเขาจึงไม่อาจรวดเร็วนัก กว่าครึ่งคงอยู่ในรัศมีสองสามร้อยลี้
หานลี่ครุ่นคิดในใจคนกลับไม่หยุดพักเลยสักนิด ตรวจสอบสถานการณ์โดยรอบไปพลาง บินไปทางที่มีทหารไล่ล่าน้อยที่สุดไปพลาง
ชั่วครู่หานลี่พลันบินออกห่างเมืองแสงมรกตไปสองสามร้อยลี้ ตาเนื้อมองเห็นว่าในบริเวณรอบไม่มีเงาของศัตรูใดๆ อีก
เขาผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ แต่ยังคงไม่กล้าหยุดใช้ยันต์ชำระพิสุทธิ์ ผู้ใดจะรู้ว่าคนของเผ่าหนอนมีเขาจะมีเคล็ดวิชาลับหรือใช้สมบัติลับอะไรที่สามารถตรวจสอบในระยะพันลี้ได้หรือไม่
หานลี่กลับไม่รู้ว่าการระมัดระวังตัวเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่เปล่าประโยชน์
ในยามที่เขาเห็นเมืองแสงมรกตห่างออกไปมากเท่าไหร่ เกาะยักษ์สีเขียวเงินกลางอากาศก็มีเงาสีดำหกสายลอยอยู่
สองคนในนั้นคือชายชราและชายวัยกลางคนที่พูดคุยกันในวิหารบนเกาะก่อนหน้า
อีกสี่คนที่เหลือกลับเป็นผู้ที่มีร่างกายสูงใหญ่ผอมบางแตกต่างกัน ดูเหมือนว่าจะมีฐานะไม่ธรรมดา
และยามนั้นตรงใจกลางที่ทั้งหกล้อมรอบอยู่ สมบัติสีทองรูปร่างคล้ายจานตาข่ายก็ลอยอยู่กลางอากาศ กำลังหมุนวนไปมาไม่หยุด
ตรงกลางสมบัติชิ้นนั้นมีหัวศรขนาดสองสามชุ่นยืดและหดไปมาไม่หยุด บนจานสลักลวดลายประหลาดคล้ายขีดบอกทิศทางเป็นวงกลมอยู่ ในเวลาเดียวกันก็มีอักขระสีทองทะลักออกมาจากจานลอยพลิ้วไหวไปมา
ทั้งหกคนจ้องเขม็งไปด้วยตาไม่กะพริบ หัวศรหมุนวนสองสามรอบ ฉับพลันนั้นพลันสั่นเทาแล้วหยุดลง
หัวศรยืดและหดแล้วพลันหยุดอยู่ตรงกลางระหว่างขีดประหลาดสองขีด และกะพริบวาบเรืองๆ
“เอาล่ะ ชี้เป้าผู้แข็งแกร่งทั้งสี่แล้ว พวกเจ้าสี่คนแบ่งออกเป็นสองกลุ่มไปค้นหาสองตำแหน่งนี้ที่บอกพวกเจ้า ส่วนที่เหลืออีกสองคนมอบให้พวกเราสองคนก็แล้วกัน จากระดับความแข็งแกร่งแล้วพวกเขาน่าจะเป็นชนชั้นสูงระดับสาม ทว่าหลังจากพวกเจ้าหาตัวพบแล้วก็พยายามอย่าเพิ่งลงมือ รอให้พวกเราจัดการที่เหลืออีกสองคนก่อนค่อยมารวมตัวกับพวกเจ้า จำเอาไว้ หากพวกเจ้าคิดจะทำลายอะไรจะต้องไม่เสียดายของมีค่าอะไร พวกเจ้าสี่คนเอามังกรวารีขนนกไปคนละสองตัว เช่นนั้นก็จะไม่เป็นไรแล้ว” ชายชราเลื่อนสายตาออกมาจากจานตาข่ายแล้วสำทับอย่างเยือกเย็น
“ขอรับ!” คนทั้งสี่รีบค้อมกายตอบรับอย่างพร้อมเพรียงด้วยสีหน้านอบน้อมเป็นอย่างยิ่ง
“อืม ในเมื่อจำเป้าหมายของตนเองได้แล้วก็ลงมือเถิด แม้ว่าคนที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ยังอยู่ห่างไปสองสามร้อยลี้” ชายวัยกลางคนเองก็สำทับอยู่ด้านข้าง
แน่นอนว่าสี่คนนั้นพลันพยักหน้าพัลวัน จากนั้นเห็นชายชราผิวปาก ชั่วขณะนั้นเกราะสีเงินยักษ์ด้านหน้าพลันเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ มังกรวารีขนนกสีทองบินออกมาทีเดียวสิบกว่าตัว หลังจากกะพริบวาบก็มาอยู่เหนือหัวคนทั้งหกแล้ว พลันบินฉวัดเฉวียนไปมา
ชายชราใช้มือหนึ่งโบกไปมาด้วยสีหน้าราบเรียบ ชั่วขณะนั้นเงาร่างสี่สายด้านข้างพลันกลายเป็นลำแสงหลีกหนีสี่สายพุ่งออกไป มังกรวารีขนนกแปดในสิบตัวนั้นพลันตามคนทั้งสี่ไป
ที่เดิมจึงเหลือเพียงมังกรวารีสองตัวลอยนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างเชื่อฟัง
เมื่อเห็นลูกน้องของตัวเองลงมือแล้ว สายตาของชายชราพลันกวาดไปที่จานตาข่ายแวบหนึ่งใบหน้าเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา ฉับพลันนั้นมือหนึ่งพลันร่ายอาคมปล่อยลำแสงสีแดงสายหนึ่งออกไป
ผลคืออาคมสีแดงเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในจานตาข่ายเข็มตรงกลางหมุนวนอีกครั้ง แต่สมบัตินี้หมุนวนอย่างช้าๆ สองครั้งเข็มก็ชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง
จุดที่หัวศรชี้ไปนั้นนั่นก็คือตำแหน่งที่หานลี่หลบหนีไป!