อสูรมหาสมุทรร่างคล้ายปลาวาฬเห็นเช่นนั้นพลันตกตะลึงสุดขีด
ลำแสงสีฟ้าที่มันพ่นออกมาก่อนหน้า ดูเหมือนจะไม่ค่อยสะดุดตานักแต่กลับรวบรวมจิตวิญญาณบริสุทธิ์ในวารีที่ฝึกฝนออกมาเป็นความสามารถป้องกันตัวเอง อานุภาพยิ่งใหญ่ก่อนหน้าเคยช่วยชีวิตมันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
ยามนี้กลับถูกลำแสงสีทองสามสายโจมตีจนสลายไปได้อย่างง่ายดายทำให้มันตระหนก ชั่วขณะนั้นพลันสัมผัสได้ว่าแย่แล้ว
มันกลับไม่ได้ใส่ใจลำแสงสีทองที่สร้างความบาดเจ็บให้มันเลย
ร่างกายอันใหญ่โตราวกับภูผาของมันเพียงพลิ้วไหว กลางระลอกคลื่นบนผิวน้ำพลันมีลำแสงสีฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา ชั่วพริบตาบาดแผลของมันก็ถูกเติมเต็ม จากนั้นลำแสงพลันเปล่งประกาย บาดแผลของอสูรยักษ์ถูกทะลวงผ่านแล้วฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติในทันที
หานลี่เห็นเช่นนั้น พลันหรี่ตาทั้งสองข้างลง
อีกด้านเสาลำแสงสีทองอีกสามสายกะพริบวาบ แล้วจมหายเข้าไปในเปลวเพลิงลำแสงสีโลหิตเช่นเดียวกัน
แม้ว่าพวกมันจะแยกลำแสงนี้ออกได้อย่างง่ายดาย แต่การโจมตีไปยังเปลือกแข็งๆ สีแดงโลหิตของกุ้งยักษ์นั้น กลับเห็นเพียงลำแสงสีโลหิตสว่างวาบ เสาลำแสงเล็กลงไปเป็นอย่างมาก อานุภาพลดลงไปครึ่งหนึ่ง
เสียง ปัง ดังขึ้นสามครั้ง ร่างของกุ้งยักษ์สีโลหิตสั่นเทา คาดไม่ถึงว่าจะถูกโจมตีจนลอยออกไปจากหินโสโครก
แต่เปลือกของกุ้งยักษ์กลับมีเพียงรอยเว้าลงไปสองสามชุ่นแค่สามรอย ไม่ได้ถูกเสาลำแสงสีทองทะลวงผ่าน
หานลี่เห็นฉากนั้นพลันตกตะลึง ทว่าทันใดนั้นก็ฟื้นฟูสีหน้ากลับมาเป็นปกติ
ส่วนภูเขาน้อยสีดำที่ตามมาด้านหลัง ก็กดทับลงไปบนร่างของกุ้งโลหิต
ส่วนก้ามทั้งสองของกุ้งยักษ์สีโลหิตพลันเปล่งแสงสีโลหิตสว่างวาบ ฉับพลันนั้นพลันขยายใหญ่ขึ้นสองสามเท่า และออกแรงยกขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะคิดอาศัยพลังมหาศาลของตนเองรับภูเขาเทวะดูดปราณไว้
มิน่าล่ะอสูรตัวนี้ถึงได้ประมาทถึงเพียงนี้ จากความยาวสองร้อยจั้งของมัน เผชิญหน้ากับภูเขาสีดำขนาดร้อยจั้งเศษ ก็ดูเหมือนว่าน่าจะโจมตีจนกระเด็นได้อย่างแน่นอน
เมื่อก้ามยักษ์ขนาดเท่าบ้านสัมผัสกับตีนเขาสีดำ ผิวของภูเขาขนาดย่อมมีลำแสงสีเทาเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วขณะนั้นเสียง “ตึง” พลันดังขึ้นสองครั้ง
ก้ามยักษ์คู่นั้นสั่นคลอน ถูกพลังมหาศาลที่ไม่อาจต้านทานได้กดลงมาจนเป็นสี่ส่วน ก้ามยักษ์แตกออกเป็นเสี่ยงๆ จากตรงใจกลาง
ยอดเขาสีดำตกลงมาอย่างไม่หยุดพัก เปล่งเสียงตึงๆ ดังสนั่นออกมา กดทับร่างของกุ้งยักษ์ที่ไม่ทันได้ระวังตัวเอาไว้บนหินโสโครก
หินโสโครกทั้งก้อนสั่นคลอน และจมลงไปสองสามจั้ง
ปล่อยให้กุ้งโลหิตเปล่งเสียงร้องคำรามด้วยความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวออกมา พยายามดิ้นส่วนบนของร่างกายที่อยู่ด้านนอกอย่างสุดชีวิต แต่ภูเขาขนาดย่อมสีดำกลับไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด ราวกับรวมร่างกับหินโสโครกอย่างไรอย่างนั้น
กุ้งยักษ์แค่ประมือก็ถูกหานลี่กดจนไม่อาจหลบหนีได้
อสูรมหาสมุทรอีกตัวเหลือบสายตามาเห็นฉากนี้ พลันฉายแววหวาดกลัวออกมา ทันใดนั้นพลันสะบัดหางยักษ์ลงบนผิวน้ำอย่างไม่ลังเลอีก
บนผิวนั้นมีระลอกคลื่นหมุนวน เสียง ฟิ้วๆ ดังขึ้น กรวยวารียางสองสามจั้งจำนวนนับไม่ถ้วน ทยอยกันบินเข้ามาราวกับฝนธนู ตรงมาหาหานลี่
ลำแสงสีฟ้าหนาแน่ปกคลุมท้องฟ้าเอาไว้ราวกับพายุระเบิดฝนคลั่ง
แทบจะในเวลาเดียวกันในผิวน้ำใกล้กัน พลันมีดวงไฟสีฟ้าบินออกมาจำนวนมาก ชั่วครู่ก็ห่อหุ้มเรือนร่างอันใหญ่โตของอสูรมหาสมุทรเอาไว้ และเริ่มกะพริบระยิบระยับ
อสูรตัวนี้เจ้าเล่ห์เพทุบายเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเห็นว่าหานลี่ดูน่ากลัว ก็ไม่สู้แต่คิดจะสำแดงเคล็ดวิชาหลีกหนีหนีกระเจิงไปในทันที
เมื่อเห็นเช่นนั้น แววตาที่หานลี่มองยังไปอสูรตัวนั้นพลันเผยแววแปลกประหลาดออกมา จากนั้นพลันสะบัดแขนเสื้อไปเบื้องหน้า
ลำแสงสีเทาผืนใหญ่ปรากฏขึ้น ก่อตัวกันเป็นรัศมีลำแสงสีเทาขนาดสองสามจั้ง
รัศมีแสงนี้หมุนคว้าง พุ่งไปหาทวนวารีทั้งหมด ชั่วขณะนั้นพลันจมหายเข้าไปราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ทยอยกันหายไปอย่างไร้เงา
ลำแสงเทวะดูดปราณมีพลังควบคุมเคล็ดวิชาเบญจธาตุ การกำจัดทวนวารีเหล่านี้จึงเป็นเรื่องที่ง่ายดายสำหรับหานลี่
ทว่าสายตาของหานลี่ไม่ได้เหลือบไปมองทวนวารีเลยสักแวบ ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนจ้องเขม็งไปยังลำแสงสีฟ้าที่แผ่ออกมาจากร่างอสูรมหาสมุทร
ผู้ใดก็ไม่รู้ว่าในเวลาเดียวกันที่เขาสำแดงลำแสงเทวะดูดปราณออกมา ในใจกลับร่ายคาถาด้วยความตื่นตะลึง
เห็นเพียงร่างของอสูรมหาสมุทรคลายวาฬยักษ์เริ่มรางเลือน แล้วเปล่งแสงสว่างวาบหมายจะหลบหนีไป
ห่างจากอสูรมหาสมุทรไปสองสามร้อยจั้งพลันมีลำแสงวิญญาณสีเขียวปรากฏขึ้น เปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นดอกบัวสีเขียวขนาดเท่ากำปั้นเจ็ดสิบสองดอก
ดอกบัวเหล่านี้รางเลือนไปเล็กน้อย แล้วสร้างภาพลวงตาขึ้นอีกสองร้อยดอก
ดังนั้นดอกบัวสีเขียวทั้งหมดแค่หมุนคว้าง ชั่วขณะนั้นลำแสงสีเขียวพลันพุ่งออกมาจากดอกบัวเป็นกลุ่มกลุ่ม ชั่วพริบตาก็ผนึกเข้าด้วยกันกลายเป็นม่านลำแสงสีเขียว
พริบตานั้นไอวิญญาณพฤกษาที่เข้มข้นก็ปรากฏขึ้นบนม่านลำแสง ชั่วครู่ก็กักอสูรมหาสมุทรรูปร่างคล้ายปลาวาฬยักษ์เอาไว้ข้างใน
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น
แต่ในเมื่ออสูรมหาสมุทรตัวนี้หลบหลีกการล่าสังหารของเผ่าต่างๆ มาได้จนถึงทุกวันนี้ แน่นอนว่าย่อมมีสติปัญญาสูงส่ง
เมื่อมันเห็นเหตุการณ์นั้น แน่นอนว่าย่อมรู้ว่าท่าไม่ดีแล้ว ดวงตาสีเงินเคลื่อนไหว ลำแสงสีฟ้าบนผิวระเบิดออก กลายเป็นลำแสงวิญญาณเจิดจ้ากลุ่มหนึ่ง
จากนั้นแค่พลิ้วกาย ร่างอันใหญ่มหึมาก็สลายหายไปท่ามกลางลำแสงราวกับฟองสบู่
ครู่ต่อมาบนม่านลำแสงสีเขียวพลันมีลำแสงสีฟ้าเจิดจ้าระเบิดออก จากนั้นเสียงคำรามต่ำๆ พลันดังขึ้น ปลาวาฬขนาดจิ๋วแค่สองสามจั้งปรากฏขึ้นท่ามกลางลำแสงสีฟ้า ท่าทางเหมือนถูกม่านลำแสงสีเขียวกักตัวไว้
วารีหลีกหนีของอสูรมหาสมุทรถูกระงับเอาไว้ แน่นอนว่าทั้งตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว!
อ้าปากออก เสียงฟ้าร้องดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีฟ้าใสหนึ่งถูกพ่นออกมาโจมตีไปยังม่านลำแสงสีเขียว
แต่ผิวของม่านลำแสงแค่ไหวกระเพื่อม ไม่มีท่าทีผิดปกติเลยสักนิด
ด้วยความร้อนใจของปลาวาฬจิ๋ว มันสะบัดหัวบน ส่วนกะโหลกเปิดออก รัศมีลำแสงสีแดงกลุ่มหนึ่งบินออกมา
ด้านในมีก้อนอิฐสีแดงเพลิงสี่เหลี่ยมอยู่ก้อนหนึ่งมันเป็นแสนสดใสแวววาวผิวเรียบลื่นดุจหยก
ชั่วพริบตานั้นก้อนอิฐก็ขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดสองสามฉื่อ แค่กะพริบวาบก็เปล่งเสียงฟ้าร้องแล้วโจมตีไปยังม่านลำแสงสีเขียว
หลังจากเสียงดังสนั่นขึ้น เปลวเพลิงอันร้อนแรงพลันโรมรันกับลำแสงสีเขียว แต่ผลก็เหมือนกับก่อนหน้าทุกกระเบียดนิ้ว
ม่านลำแสงสีเขียวกะพริบวาบสองหน ก็รับเอาไว้ได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
ยามนี้อสูรตนนี้จึงเริ่มร้อนรน
ร่างกายพลิ้วไหวขยายขนาดจนเท่าภูเขาลูกย่อมๆ อีกครั้ง จากนั้นลำแสงสีฟ้าพลันสว่างจ้า ใช้ร่างกายอันมหึมาปะทะเข้ากับเบื้องหน้า
หานลี่เห็นทุกอย่างอยู่กลางอากาศ มุมปากกลับเผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา
“เขตอาคมกระบี่หลากวสันต์เป็นไปดังที่คิดไว้ แม้นว่าจะใช้เคล็ดวิชาลวงตาเป็นหลัก แต่การกักเคล็ดวิชาหลีกหนีต่างๆ ก็เหนือกว่าเขตอาคมมหากระบี่ทองคำเป็นอย่างมาก
แม้นว่าเคล็ดวิชาวารีหลีกหนีของอสูรมหาสมุทรตัวนี้จะค่อนข้างพิสดาร แต่ก็ยังคงถูกเขตอาคมกระบี่ที่ตัวเองวางเอาไว้อย่างรวดเร็วกักเอาไว้
ในเมื่ออสูรตัวนี้เข้ามาในเขตอาคมกระบี่โดยไม่ทันระวังตัว จะเป็นหรือตายย่อมขึ้นอยู่กับความคิดของตนแล้ว แต่เขตอาคมกระบี่นี้ยังไม่ได้กระตุ้นอานุภาพของมันเลยสักนิด ได้ลองใช้กับอสูรตัวนี้พอดี
เมื่อขบคิดเช่นนั้น ทันใดนั้นหานลี่พลันชูมือขึ้น นิ้วทั้งห้าร่ายอาคมอย่างรวดเร็ว ปากพลันร่ายคาถาอะไรเบาๆ ออกมา
ชั่วขณะนั้นคลื่นประหลาดที่ปรากฏขึ้นบนม่านลำแสงสีเขียวที่อยู่ไกลออกไปก็รางเลือน
และกลายเป็นอสูรมหาสมุทรรูปร่างคล้ายปลาวาฬยักษ์อีกครั้ง หัวกระโจนเข้ามาหาม่านลำแสง
ฉากที่น่าตื่นตะลึงพลันปรากฏขึ้น
เมื่อร่างมหึมาของอสูรมหาสมุทรสัมผัสกับลำแสงสีเขียว คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจต้านทานได้เลยสักนิด ราวกับกระโจนผ่านอากาศว่างเปล่าเข้ามาข้างใน
อสูรยักษ์ทั้งตัวราวกับถูกม่านลำแสงสีเขียวกลืนกินไปอย่างไรอย่างนั้น
หานลี่ที่อยู่กลางอากาศมองเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจน!
เห็นเพียงลำแสงสีเขียวสว่างวาบ ร่างอสูรยักษ์พลิ้วไหวแล้วหายไปจากเบื้องหน้า ครู่ต่อมากลับมาปรากฏตัวอีกครั้งที่ม่านลำแสงสีเขียวอีกด้าน
อสูรมหาสมุทรพลันตื่นตะลึง แต่ทันใดนั้นดวงตาพลันเปล่งประกายเปลี่ยนทิศทาง พุ่งตรงเข้าไปในเขตอาคมอีกครั้ง
เหตุการณ์ที่ไม่ต่างอะไรกันนักสองสามครั้ง อสูรตัวนี้รู้ว่าท่าไม่ดีแล้ว ในที่สุดจึงหยุดลำแสงหลีกหนี
และในตอนนั้นเอง หานลี่กลับกระตุ้นเขตอาคมกระบี่
เห็นเพียงม่านลำแสงสีเขียวรอบด้านเปล่งแสงเจิดจ้า ฉับพลันนั้นพลันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นท้องฟ้าพลันมีลำแสงสีมรกตสว่างจ้า รอบด้านมีแต่กลิ่นอายวัชพืช ร่างทั้งร่างตกอยู่ท่ามกลางเสียงวิหคเพรียกและกลิ่นหอมของหมู่มวลดอกไม้
ในแววตาของอสูรมหาสมุทรมันติดอยู่ในป่ารกทึบเสมือนจริงจนแทบจะไม่อาจแยกแยะความจริงได้!
เงาลำแสงของหมู่พืชพรรณปกคลุมอยู่ จิตสังหารปรากขึ้นอย่างเงียบเชียบ
เมื่ออสูรตัวนี้ก้มหน้าลง ถึงได้พบด้วยความตกใจว่า ใต้เท้าของมันมีดอกบัวสีเขียวขนาดยักษ์ดอกหนึ่งปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อใดก็สุดจะรู้ได้ ขนาดเกือบร้อยจั้ง กลีบดอกเป็นสีเขียว เปล่งแสงระยิบระยับ!
อสูรยักษ์ร้องว่าแย่แล้วออกมา ไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง จากนั้นกลีบดอกพลันค่อยๆ หมุนวน
ม่านลำแสงสีเขียวปรากฏขึ้นกลางอากาศในบริเวณนั้น แค่ล้อมรอบร่างของอสูรยักษ์เอาไว้ ชั่วขณะนั้นพลังมหาศาลไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งพลันมาประชิดร่างของอสูรตัวนี้
พลังมหาศาลนี้ทำให้ร่างของอสูรยักษ์แข็งค้าง ไม่อาจกระดิกกระเดี้ยได้เลยสักนิด
ครู่ต่อมาลำแสงสีเขียวพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ทันใดนั้นงูเหลือมสีเขียวขนาดเท่าปากชามยี่สิบกว่าตัวพลันกระโจนเข้าไปหาอสูรยักษ์
พวกมันอ้าปากออก เผยเขี้ยวแหลมคมเต็มปากออกมา ทุกตัวล้วนมีท่าทางโหดเ**้ยมดุดัน!
……
ครู่ต่อมาสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพลันพุ่งออกจากผืนน้ำในบริเวณใกล้ๆ ตรงไปยังท้องฟ้าที่ไกลออกไปแล้วหายวับไป ส่วนที่เหลือไว้บนผิวน้ำ ร่องรอยทุกอย่างล้วนหายวับไป
มีเพียงหินโสโครกก้อนยักษ์ก้อนนั้นที่จมลงไปสองสามจั้ง และมีร่องรอยการต่อสู้เมื่อครู่อยู่
สองปีผ่านไป พลันแพร่ไปทั่วหมู่เกาะปะการังเพลิงทั้งเกาะ!
เขตอาคมส่งตัวที่พังไปตั้งไม่รู้กี่ปีแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะถูกซ่อมคืนดังเก่า และมีคนใช้เขตอาคมส่งตัว ส่งกลับไปแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนี
ชั่วขณะนั้นเผ่าเบื้องบนที่บรรลุต่างก็ดีอกดีใจเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นก็รวมตัวกันไปที่เขตอาคมส่งตัว
……
หานลี่เปลือกตาขยับ ในที่สุดก็ได้สติขึ้นมาจากความมึนงง
เขากวาดสายตาไปรอบๆ แล้วพลันรู้สึกผ่อนคลายลง
คาดไม่ถึงว่าเขาจะอยู่ในวิหารความกว้างร้อยจั้งเศษ บรรยากาศรอบด้านเงียบสงัด ไม่มีแม้แต่เงาร่างคนแม้แต่ร่างเดียว
แต่กำแพงรอบด้านกลับเปล่งแสงสีขาวเรืองๆ ของเขตอาคม ประตูหินบานหนึ่งปิดสนิทแน่นอยู่
ทั้งสี่มุมของห้องโถงมีเสาหินสูงสองสามจั้ง ด้านบนมีศิลานิรนามเปล่งแสงระยิบระยับฝังอยู่ สะท้อนทั้งห้องโถงให้ชัดเจน
เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย ใต้ฝ่าเท้ามีเขตอาคมส่งตัวยักษ์ที่เหมือนกับอีกด้านทุกกระเบียดนิ้ว
หานลี่พ่นลมหายใจยาวๆ ออกมาเฮือกหนึ่ง เดินออกจากเขตอาคมไปอย่างไม่ลังเล และตรงไปยังประตูหิน
มือหนึ่งออกแรงผลัก ประตูหินที่ดูหนักอึ้งกลับถูกผลักออก ราวกับไม่หนักเลยสักนิด
ในเวลาเดียวกันเสียงจ้อกแจ้กจอแจราวกับย่านร้านค้าพลันเข้ามาปะทะใบหน้า ทำให้หานลี่ที่ไม่ทันระวังตัว รู้สึกตื่นตกใจไปเล็กๆ!