A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1535 มนุษย์อสรพิษ

แม้ว่าปูยักษ์ตัวนั้นจะมีขนาดใหญ่ แต่ความเร็วในการเดินกลับไม่มากนัก ชั่วครู่ก็มาอยู่ห่างจากหานลี่ไปแค่เจ็ดแปดจั้ง หลังจากที่แทบจะถลาเข้ามาอีกครั้ง ก้ามยักษ์ทั้งสองก็สามารถโจมตีหานลี่ได้ 

 

 

แววตาของหานลี่ฉายแววโหดเ**้ยม ท้องน้อยนูนขึ้นเล็กน้อย ในเวลาเดียวกันริมฝีปากพลันขยับ ดูเหมือนหมายจะพ่นอะไรสักอย่างออกมา 

 

 

แต่ในตอนนั้นเอง ฉับพลันนั้นเสียงแหลมสูงแหวกอากาศพลันดังขึ้น ต่อมาลำแสงสีเงินสายหนึ่งพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ของสิ่งหนึ่งพุ่งออกมาจากจุดที่ไกลออกไป ชั่วครู่ก็ทะลวงร่างอันใหญ่โตของปูยักษ์ 

 

 

เกราะแหลมสีเขียวอ่อนที่ดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งจนไม่อาจทำลายได้บนร่างของปูตัวนั้น ในเวลาเดียวกันที่ลำแสงสีเงินมาประชิดตัว พลันมีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะทะลวงผ่านเกราะแหลมทะลุเข้าไปในเกราะ 

 

 

โลหิตสดๆ สีเขียวไหลออกมา 

 

 

ส่วนลำแสงสีเงินสายนั้นที่โผล่มากะทันหันนคือสามง่ามสีเงินความยาวสองสามจั้ง แต่กว่าครึ่งของมันปักอยู่บนหลังของปูยักษ์ เผยแค่ครึ่งหนึ่งที่กำลังสั่นระริกออกมาอยู่ด้านนอก 

 

 

ภายใต้ความเจ็บปวดของปูยักษ์ เสียงร้องสะเทือนเลื่อนลั่นพลันดังขึ้น ร่างกายที่โถมเข้ามาหยุดชะงัก เปลี่ยนทิศทางตรงไปทางเข้าหุบเขาทันที 

 

 

การโจมตีเมื่อครู่ไม่ได้ทำให้เจ้าสิ่งมีชีวิตยักษ์ตัวนี้ได้รับบาดเจ็บมากนัก กลับไปกระตุ้นความโกรธเกรี้ยวของมันเสียมากกว่า 

 

 

เมื่อเห็นฉากนี้ปรากฏขึ้น หานลี่พลันตะลึงงัน รีบร้อนหันหน้าไปมองทางเข้าหุบเขา 

 

 

เห็นเพียงตรงทางเข้าหุบเขา มีเงาร่างคนสูงใหญ่ไม่เท่ากันสิบกว่าสายยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อใดก็สุดจะรู้ได้ 

 

 

เงาร่างคนเหล่านั้นท่อนบนดูแล้วมีทั้งบุรุษและสตรี ในมือของทุกคนล้วนถืออาวุธขว้างจำพวกหลาว สามง่ามบินสีเงินเปล่งประกาย บุรุษนั้นเปลือยไหล่กำยำทั้งสองข้างออกมา ส่วนสตรีนั้นสวมชุดหนังสั้นแนบตัว ล้วนเผยกลิ่นอายความอาจหาญออกมา  

 

 

หลังจากที่สายตาของหานลี่กวาดไปยังกายท่อนล่างของเงาร่างคนเหล่านั้น ชั่วขณะนั้นใบหน้าพลันเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา 

 

 

คาดไม่ถึงว่าตั้งแต่ช่วงเอวลงไปของคนเหล่านั้นจะไม่ใช่ขาคู่หนึ่ง แต่เป็นหางอสรพิษตัวเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน สีสันแตกต่างกันไป และยังมีเกล็ดบางๆ ที่มองเห็นได้รางๆ 

 

 

นี่คือชนต่างเผ่า ดูเหมือนว่าจะเป็นต่างเผ่าที่เขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน! 

 

 

หานลี่วินิจฉัยในใจทันที! 

 

 

ไม่รอให้เขาได้ขบคิดอย่างละเอียด ปูยักษ์ตัวนั้นก็ไปอยู่ห่างไม่ไกลจากบุรุษและสตรีต่างเผ่าเหล่านั้น 

 

 

แต่ภายใต้เสียงคำรามต่ำๆ ของชายร่างใหญ่ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้นำกลุ่มแล้ว เงาร่างคนก็พลิ้วไหวอย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่าจะยืนเรียงเป็นสองแถวทันที บุรุษหกคนอยู่เบื้องหน้า สตรีเจ็ดคนอยู่ด้านหลัง 

 

 

ชายร่างใหญ่ร้องตะโกนออกมา ชั่วขณะนั้นคนแถวหน้าก็ออกแรงขว้างหลาวสีเงินในมือออกมาพร้อมกัน 

 

 

ชั่วขณะนั้นลำแสงสีเงินหกสายพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ทยอยกันโจมตีมายังร่างอันใหญ่ยักษ์ของปูยักษ์ แต่ในเวลาเดียวกันก็แค่จมหายเข้าไปในร่างของปูครึ่งหนึ่ง ไม่อาจทำให้มันบาดเจ็บหนักได้ แต่ว่าเมื่อโลหิตสีเขียวไหลออกมา กลับทำให้ปูยักษ์เสียสติ อ้าปากออกพ่นฟองสีขาวที่มีกลิ่นคาวคละคลุ้งออกมา 

 

 

ชายร่างใหญ่ที่เป็นผู้นำเห็นฟองสีขาว พลันหน้าเปลี่ยนสี ปากก็เอ่ยพึมพำกับตนเองสองประโยคอย่างรวดเร็ว แฝงเอาไว้ด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่มือหนึ่งกลับควานไปที่แผ่นหลัง ควักแผ่นหินกลมๆ สีเทาขาวออกมา ด้านบนมีลำแสงระยิบระยับ ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ของธรรมดา 

 

 

แต่ชายร่างใหญ่กลับโยนของในมือออกไปหาฟองสีขาวอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด 

 

 

ชั่วพริบตาที่แผ่นหินหลุดออกจากมือ พลันกลายเป็นลำแสงสีแดงกลุ่มหนึ่งบินออกมา และหลังจากปะทะเข้ากับฟองสีขาว ก็เปล่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นเขย่าปฐพีขึ้น 

 

 

ฟองสีขาวถูกเปลวเพลิงร้อนแรงกลุ่มหนึ่งห่อหุ้มเอาไว้ ครู่ต่อมาทั้งสองก็หายวับไปพร้อมกัน 

 

 

ปูยักษ์กลับถือโอกาสนี้พุ่งเข้าไปหาชนต่างเผ่าเหล่านั้นที่อยู่ห่างออกไปสิบจั้งเศษ แต่ในครานั้นเอง ทั้งหกคนที่อยู่แถวแรกก็พลิ้วไหวกายแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม พุ่งมาจากทั้งสองด้าน จากนั้นพลันสะบัดข้อมือพร้อมกัน ร่างกายโน้มไปด้านหลัง ร่างปูยักษ์ที่เดิมทีกำลังโถมเข้ามาด้วยความดุดันพลันหยุดชะงัก คาดไม่ถึงว่าจะหยุดนิ่งอยู่ที่เดิม 

 

 

ดวงตาของหานลี่เปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ! ครานี้ถึงได้มองออกว่าระหว่างข้อมือข้างหนึ่งของคนเหล่านี้และปูยักษ์มีนิ้วหกนิ้วกึ่งโปร่งแสงอยู่ และต่างเผ่าทั้งหกก็ใช้มือข้างหนึ่งออกแรงบีบแน่นขึ้นพร้อมกัน 

 

 

เห็นได้ชัดว่าบุรุษต่างเผ่าทั้งหกคนมีพลังแขนเหนือมนุษย์ ทว่าสิ่งที่ทำให้หานลี่ยิ่งรู้สึกสนใจก็คือ เครื่องป้องกันสีเหลืองที่พวกเขาสวมอยู่บนข้อมือ ผิวของมันเปล่งแสงระยิบระยับ ดูเหมือนว่าจะเป็นยุทธภัณฑ์ระดับต่ำชิ้นหนึ่ง ทั้งหกคนใช้พลังมหาศาลของตนประกอบกับความช่วยเหลือจากเครื่องป้องกันที่ข้อมือ คาดไม่ถึงว่าจะทำให้ปูยักษ์ที่พุ่งเข้ามาด้วยท่าทีดุดันหยุดลงได้ 

 

 

ทว่าการชะงักนี้หยุดลงเพียงชั่วครู่เท่านั้น ก้ามยักษ์ทั้งสองของปูยักษ์ตัวนั้นยื่นออกไปอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า 

 

 

ชั่วขณะนั้นเสียง ปังๆ พลันดังสนั่นขึ้น เล็บบางๆ ทั้งหกพลันถูกตัดออกมากกว่าสองเล็บ บาดแผลเรียบสนิทดุจใช้มีดตัด ทำให้บุรุษต่างเผ่าที่แต่เดิมพยายามออกแรงกระเด็นออกไปในพริบตา 

 

 

หลังจากที่เห็นก้ามยักษ์ของปูตัวนั้นโบกสะบัดอีกครั้ง ก็สามารถหลุดจากพันธนาการได้ 

 

 

แต่ในครานั้นสตรีแถวที่สองของชนต่างเผ่าพลันขว้างสามง่ามสีเงินในมือออกมาอย่างพอดิบพอดี 

 

 

หลังจากเสียงอึกทึกดังขึ้น ปูยักษ์พลันเปล่งเสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาออกมา บนข้อต่อกระดูกขาทั้งเจ็ดมีวัตถุสีเงินวิบวับปักลงไปพร้อมกัน ชั่วขณะนั้นพลันงอลงพร้อมกัน เหลือไว้เพียงขาหลังสุดท้ายที่ยังไม่ได้รับบาดเจ็บ 

 

 

แต่ไม่อาจรักษาสมดุลของร่างกายได้ 

 

 

เสียง ปัง ดังสนั่นขึ้น ร่างกายอันใหญ่ยักษ์ของปูยักษ์ล้มลงกับพื้น ทำให้พื้นหญ้าในบริเวณโดยรอบเว้าลงไปกลายเป็นหลุมลึกสองสามฉื่อ  

 

 

ครานี้ชนต่างเผ่าที่เดิมมีสีหน้าตึงเครียด พลันร้องไชโยด้วยความยินดีออกมาทันที ดูเหมือนว่าจะกุมชัยชนะเอาไว้ได้แล้ว 

 

 

ส่วนปูยักษ์ที่สูญเสียกำลังการเคลื่อนไหวนั้น ก็ไม่มีทางสู้กลับอย่างแน่นอน 

 

 

ชนต่างเผ่าเหล่านั้นกรูกันเข้ามาอย่างไม่แยกชายหญิง เมื่อห่างจากปูยักษ์ไปสองสามจั้งก็ชักอาวุธที่เตรียมพร้อมเอาไว้ที่แผ่นหลังออกมา แล้วพากันขว้างไปยังจุดสำคัญตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย 

 

 

ระยะใกล้แค่นี้ประกอบกับที่ปูยักษ์ไม่อาจหยัดกายลุกขึ้นได้ การโจมตีของคนเหล่านี้จึงไม่สูญเปล่าแม้แต่คนเดียว 

 

 

ชั่วครู่ปูยักษ์พลันถูกหลาวสีเงินและสามง่ามบินหลายสิบอันปักทะลุร่าง สิ้นลมอยู่ตรงนั้น  

 

 

หานลี่นอนมองทุกอย่างอยู่บนพื้น สีหน้าราบเรียบ แต่ในใจกลับมีความคิดแล่นผ่านไปมาอย่างรวดเร็ว 

 

 

วิธีการโจมตีปูยักษ์ของชนต่างเผ่าเหล่านี้และอาวุธยุทธภัณฑ์ระดับต่ำที่ใช้ดูเหมือนว่ามีประวัติความเป็นมา ทว่าหากเป็นเพียงความสามารถในยามนี้ ต่อให้เขาในตอนนี้ไม่อาจหยัดกายลุกขึ้นได้ ก็ไม่อาจทำอันตรายใดๆ เขาได้ 

 

 

แต่ถึงแม้ว่าชนต่างเผ่าเหล่านี้จะเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว แต่บนร่างกลับไม่มีกลิ่นอายวิญญาณแผ่ออกมาเลยสักนิด ดูแล้วคงไม่เหมือนกับผู้บำเพ็ญเพียรเป็นเซียน กลับเป็นเหมือนผู้ฝึกตนในเผ่ามนุษย์อย่างไรอย่างนั้น  

 

 

ขณะที่หานลี่กำลังขบคิดนั้น เงาร่างชนต่างเผ่าเหล่านี้พลันฉีกร่างของปูยักษ์ตัวนั้นออกในพริบตา นำเนื้อปูและไข่ปูที่กินได้ออกมาเรียงไว้บนพื้นด้วยท่าทีชำนิชำนาญ เห็นได้ชัดว่าการโจมตีสังหารสัตว์ประหลาดประเภทนี้ ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกเขาเป็นครั้งแรก  

 

 

เวลานี้ชนต่างเผ่ารูปโฉมงดงาม ส่วนเอวเห็นได้ชัดว่าค่อนข้างอ่อนช้อยพลันบิดตัวเลื้อยขึ้นมาอยู่ด้านข้างชายร่างใหญ่ผู้ซึ่งเป็นผู้นำ จากนั้นก็ใช้นิ้วมือชี้ไปยังหานลี่ซึ่งนอนอยู่บนพื้นไม่ไกลนัก ปากพลันเอ่ยเสียงไพเราะเสนาะหูออกมา ดูคล้ายกับภาษามนุษย์ แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดแล้วกลับไม่เป็นเช่นนั้น และยิ่งไปกว่านั้นยังฟังดูคลุมเครืออยู่สามส่วน  

 

 

ชายร่างใหญ่ผู้นั้นมีผิวหนังสีน้ำตาลแก่ ไม่เพียงร่างกายจะใหญ่โตที่สุดในบรรดาชนต่างเผ่า ยังเป็นคนเดียวที่ร่างอสรพิษท่อนล่างเป็นสีดำเข้มราวกับน้ำหมึก  

 

 

ท่อนล่างของคนที่เหลือหากไม่ใช่สีเขียวอ่อนก็เป็นสีขาวอ่อน ไม่เหมือนกับชายร่างใหญ่เลยสักนิด  

 

 

ชายร่างใหญ่ได้ยินคำพูดของสตรี สายตาเปล่งประกายคู่หนึ่งก็มองมาทางหานลี่ในพริบตา ประสานสายตาเข้ากับสายตาจืดจางของหานลี่อย่างพอดิบพอดี 

 

 

เมื่อเห็นว่าสายตาของหานลี่ราบเรียบดุจสายธาร ชายร่างใหญ่พลันใจหายวาบ หลังจากที่มองไปยังสองเท้าตรงครึ่งท่อนล่างของหานลี่ พลันหน้าเปลี่ยนสีไปยกใหญ่ หลังจากเอ่ยกับสตรีสองประโยคอย่างร้อนรนแล้วก็รีบเลื้อยมาทางนี้  

 

 

อย่ามองว่ากายท่อนล่างของชายร่างใหญ่เป็นอสรพิษ แต่การเคลื่อนไหวกลับรวดเร็วเป็นพิเศษ แค่เลื้อยสองครั้งก็อยู่ห่างออกไปสิบจั้งเศษ แค่ไม่กี่ชั่วลมหายใจ ชายร่างใหญ่ก็มาอยู่ตรงหน้าหานลี่ 

 

 

หานลี่มองชนต่างเผ่าตรงหน้านิ่ง ไม่ได้เอ่ยปากอะไรออกมา แต่หากพิจารณาอย่างละเอียดจะพบว่าท้องน้อยที่นูนขึ้นมาของเขายังไม่กลับมาอยู่ในท่าทีปกติ ยังคงนูนขึ้นเล็กน้อย 

 

 

แน่นอนว่าชายร่างใหญ่เพิ่งเห็นหานลี่เป็นครั้งแรก แน่นอนว่าย่อมไม่เห็นความแตกต่าง 

 

 

ทว่าชายร่างใหญ่กลับหยุดชะงักอยู่เบื้องหน้าของหานลี่ ฉับพลันนั้นพลันค้อมกายลง แขนข้างหนึ่งวางลงบนทรวงอก คาดไม่ถึงว่าจะมีท่าทีทำความเคารพ ในเวลาเดียวกันปากก็เอ่ยสิ่งที่หานลี่ไม่อาจฟังออกออกมา  

 

 

หานลี่เบ้ปาก เผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา  

 

 

แม้ว่าคราที่เขาอยู่ในเมืองเทวะสวรรค์จะเรียนรู้ภาษาต่างเผ่าที่เผ่ามนุษย์รู้จักทั้งหมดไปเกือบหมดแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าภาษาของชายร่างใหญ่เบื้องหน้าไม่ใช่หนึ่งในภาษาใดที่เขารู้จัก  

 

 

หลังจากลังเลไปเล็กน้อย หานลี่พลันใช้ภาษาที่มักจะใช้กันอย่างแพร่หลายในแดนเฟิงหยวนพูดออกไปสองประโยค แต่เมื่อเห็นท่าทางงงงวยของชายร่างใหญ่ เห็นได้ชัดว่าฟังไม่ออก  

 

 

พลันขมวดคิ้วแน่น เขาพลันเปลี่ยนเป็นภาษาต่างเผ่าอีกสองสามภาษา แต่ชายร่างใหญ่แค่ใช้แขนข้างหนึ่งเกาศีรษะเบาๆ เห็นได้ชัดว่าไม่อาจเข้าใจได้เช่นกัน  

 

 

หานลี่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ไม่ได้กล่าวอะไรอีก  

 

 

แต่ในครานี้ชายร่างใหญ่พลันพิจารณารูปร่างของหานลี่ในตอนนี้ ดูเหมือนจะมองออกว่าหานลี่ไม่อาจขยับตัวได้ ฉับพลันนั้นพลันหันไปร้องเรียกชนต่างเผ่าคนอื่นๆ  

 

 

ชั่วขณะนั้นสตรีสี่คนของชนต่างเผ่าพลันผละจากเรื่องที่ทำอยู่ แล้วเลื้อยเข้ามาอย่างรวดเร็ว 

 

 

ชายร่างใหญ่ออกคำสั่งอะไรสักอย่างกับสตรีต่างเผ่าสองสามคนสองสามประโยคด้วยสีหน้าเคร่งครัด สตรีสองสามคนนั้นเผยสีหน้าตกตะลึงออกมาขณะมองไปยังหานลี่สองสามปราด ทันใดนั้นก็เผยสีหน้าเคารพนับถือออกมา 

 

 

หลังจากที่สตรีเหล่านี้ทำความเคารพหานลี่ครั้งหนึ่ง ก็ทยอยกันเดินไปทางต้นไม้ใหญ่ที่มีเพียงสิบกว่าต้นบนหุบเขา 

 

 

เห็นเพียงลำแสงสีเงินสว่างวาบ พวกนางปล่อยมีดสีเงินประหลาดชนิดหนึ่งออกจากมือมุ่งไปทางต้นไม้ที่ค่อนข้างเล็กสองสามต้น 

 

 

มีดสีเงินในมือของสตรีต่างเผ่าเหล่านั้นเริงระบำระลอกหนึ่ง ชั่วครู่พลันใช้ต้นไม้เหล่านี้และหนังอสูรที่พกติดตัวมา สร้างเป็นสิ่งที่คล้ายกับเปลหามอันหนึ่ง 

 

 

จากนั้นสตรีต่างเผ่าเหล่านี้ก็ใช้สองแขนยกขึ้น เลื้อยมาทางนี้อย่างรวดเร็ว 

 

 

เวลานี้หานลี่จึงมองออกว่า ‘มนุษย์อสรพิษ’ เหล่านี้ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรกับตนเอง ชั่วขณะนั้นท้องน้อยที่นูนขึ้นมาจึงคืนกลับมาสู่สภาพเดิม  

 

 

จากนั้นอสรพิษหญิงทั้งสี่ก็วาง ‘เปลหาม’ ลงตรงหน้า สตรีสองคนเลื้อยออกมา เอ่ยอะไรบางอย่างด้วยความเคารพนบน้อม และซักถามอะไรสักอย่าง 

 

 

ต่อให้มีปัญหาเรื่องภาษา หานลี่ในครานี้ก็รู้เจตนาของพวกนาง หลังจากขบคิดเล็กน้อยก็พยักหน้าเบาๆ  

 

 

ชั่วขณะนั้นมนุษย์อสรพิษสองสามคนเบื้องหน้าพลันเผยสีหน้ายินดีออกมา 

 

 

หลังจากที่อสรพิษหญิงสองคนนั้นทำความเคารพด้วยความนอบน้อมอีกครั้ง ถึงได้ยกสองเท้าและกายท่อนบนของหานลี่ขึ้น วางเขาลงบน ‘เปลหาม’ อย่างแผ่วเบา 

 

 

สตรีทั้งสองช่วยจัดท่าทางของหานลี่ให้อย่างเอาใจใส่ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าจะไม่ทำให้หานลี่รู้สึกไม่สบายตัว 

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Type: Author: ,
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset