เสาลำแสงหนาๆ สายหนึ่งพ่นออกมาจากใจกลางของเขตอาคม มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณร้อยจั้งเศษ กะพริบวาบแล้วปกคลุมหานลี่เอาไว้ข้างใน
ความเร็วขนาดนั้น หานลี่ไม่อาจหลบหลีกได้เลย
หานลี่พลันตะลึงงัน
และไม่รู้ว่าเสาลำแสงนี้มีประสิทธิภาพที่มหัศจรรย์อย่างไร คาดไม่ถึงว่าจะทะลวงผ่านอากาศเหนือภูเขาเทวะดูดปราณได้ แล้วตรงมาหาเขา
รอบด้านล้วนเป็นหมอกสีโลหิต!
ในเวลาเดียวกันรอบกายของหานลี่พลันถูกรัดแน่น แม้แต่นิ้วก็ยังกระดิกไม่ได้
หานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสี ร่ายอาคมในใจ
ชั่วขณะนั้นดอกบัวสีเขียวที่กำลังลอยคว้างอยู่รอบกายพลันกะพริบวาบคราหนึ่ง แล้วกลับคืนรูปเดิมเป็นกระบี่บินความยาวสองสามฉื่อ ภายใต้แสงสาดประกาย ก็กลายเป็นกระบี่ลำแสงเป็นสายๆ สับลงมายังจุดเดียวกันอย่างโหดเ**้ยม
กระบี่ลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ ทะลวงผ่านและบินออกไปอย่างง่ายดาย ราวกับว่าเสาลำแสงยักษ์ทั้งเสาเป็นแค่ภาพลวงตาอย่างไรอย่างนั้น
แต่หานลี่ยังคงไม่อาจกระดิกตัวได้ บรรยากาศโดยรอบล้วนแข็งกร้าวราวกับเหล็กกล้าไร้สนิม ตรึงแขนขาทั้งสี่และร่างกายของเขาเอาไว้แน่น
หานลี่สูดลมหายใจอันเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่ง!
เห็นเพียงเขตอาคมลำแสงเหนือศีรษะมีอักขระสีโลหิตขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากันปรากฏขึ้น ดูเหมือนว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเขาพลันไม่สนใจจะรักษากิริยาเอาไว้อีก
ร้องตะโกนออกมาเสียงหนึ่ง ผิวของหานลี่มีลำแสงสีทองเรืองรองปรากฏขึ้น เหนือศีรษะมีรูปเทวรูปมารสามเศียรหกหัตถ์ปรากฏขึ้น
เทวรูปองค์นี้นั่งขัดสมาธิ แขนทั้งหกร่ายอาคมพร้อมกัน
รัศมีสีทองเป็นวงแผ่ออกมาจากร่างเทวรูป
ทุกแห่งที่รัศมีกวาดผ่านไป เสาลำแสงสีโลหิตที่แต่เดิมนิ่งสงบพลันมีลำแสงสว่างวาบ ราวกับว่ามีระลอกคลื่นเกิดขึ้นเล็กน้อย
แทบจะในเวลาเดียวกันหานลี่พลันสัมผัสได้ว่าบรรยากาศรอบด้านอ่อนเบาลง ราวกับว่าผ่อนคลายออกไปส่วนหนึ่ง
ขณะที่กำลังดีอกดีใจ หานลี่พลันบริกรรมคาถา ลมปราณในร่างกายโคจรไปมาไม่หยุด หมายจะกระตุ้นเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้ให้ถึงขีดสุด
แต่ในตอนนั้นเอง เขตอาคมลำแสงสีโลหิตที่อยู่สูงขึ้นไปพลันเปล่งแสงสว่างวาบ
ฉับพลันนั้นใจกลางของเขตอาคมพลันมีอักขระสีโลหิตแผ่ออกมา จู่ๆ หลุมสีดำสนิทหลุมหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ขนาดประมาณยี่สิบสามสิบจั้ง ด้านในมีเสียงร้องคร่ำครวญของภูตผีดังขึ้น เงาโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนหมุนวนไปมาอยู่ในนั้น
เสาลำแสงสีโลหิตสายนั้นพลันหมุนวนอย่างรวดเร็ว
หานลี่รู้สึกเพียงว่าผิวกายหนักอึ้ง พลังที่เพิ่งได้รับมาพลันสลายหายไปในทันที
ในเวลาเดียวกันท่ามกลางลำแสงสีโลหิตรอบด้าน อักขระจำนวนนับไม่ถ้วนพลันปรากฏขึ้น พุ่งเข้ามาหาเรือนร่างของหานลี่ทั้งหมด
“เหวอ”
หานลี่ที่ในยามปกติจะเยือกเย็นสงบนิ่ง ครานี้ใบหน้าพลันซีดขาวไร้สีเลือด
แม้จะไม่รู้ว่าอักขระเหล่านี้มีอานุภาพอย่างไร แต่ตอนนี้เขาถูกควบคุมอยู่ ไม่อาจขยับตัวได้เลยสักนิด จะไม่เป็นได้เพียงเป้านิ่งหรือ
ภายใต้ความร้อนใจของหานลี่ เขาพลันร่ายอาคมกระบี่ในใจ กระบี่บินรอบกายพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ปรากฏขึ้นรอบทิศทางแล้วหมุนวนโคจร กระบี่ลำแสงสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนสะบั้นลงมาจากทั้งสี่ทิศแปดด้านดุจขุนเขา
แต่ทุกแห่งที่ลำแสงสีเขียวกวาดไป อักขระเหล่านั้นจะพลิ้วไหว ล้วนปลอดภัยไร้อันตราย
พริบตานั้นพวกมันพลันทะลุผ่านกระบี่ลำแสงตรงไปเบื้องหน้าของหานลี่
หานลี่กัดฟัน บนร่างมีไอสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ เกราะทมิฬสีดำสนิทชั้นหนึ่งปรากฏขึ้น ในเวลาเดียวกันก็ขับเคลื่อนจิตสัมผัส ชั่วขณะนั้นพลันเชื่อมโยงกับแมลงกลืนทองในถุงอสูรวิญญาณ
เขามีสีหน้าโหดเ**้ยมฉายวาบผ่าน หมายจะปล่อยแมลงกลืนทองนับพันตัวด้านในออกมาพร้อมกัน
ต่อให้เขตอาคมเบื้องหน้าแปลกพิสดารขนาดไหน จะสามารถต้านทานแมลงกลืนทองโตเต็มวัยจำนวนมากขนาดนี้ได้หรือ
ส่วนอักขระเหล่านั้นแน่นอนว่าก็ทำได้เพียงอาศัยเกราะทมิฬบนร่างและความแข็งแกร่งของกายเนื้อต้านทานไป
ทว่าต่อให้เขาพัฒนาระดับจนอยู่ในระดับหลอมสุญตาแล้ว แมลงกลืนทองจำนวนมากขนาดนี้ก็ทำได้เพียงต้านทานเอาไว้ชั่วครู่ ยามนี้อันตรายมาเยือนอยู่ตรงหน้า จึงทำได้เพียงค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเท่านั้น
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นก็ทำให้หานลี่ตกตะลึง ชั่วขณะนั้นพลันหยุดเรียกแมลงกลืนทองออกมา
ในตอนที่อักขระเหล่านั้นโจมตีลงบนร่างเขา กลับหันเปลี่ยนทิศทางในฉับพลัน แล้วทยอยกันกลายเป็นจุดแสงวิญญาณจมหายเข้าไปในวัตถุที่เขากุมอยู่บนมือ
หานลี่รู้สึกเพียงว่าฝ่ามือร้อนฉ่า คาดไม่ถึงว่าผลสวรรค์ทมิฬที่แต่เดิมกำแน่นอยู่จะสั่นสะท้านแล้วหลุดออกจากการจับกุมของนิ้วทั้งห้า กลายเป็นลำแสงสีขาวก้อนหนึ่งพวยพุ่งขึ้นไปบนฟ้า
แค่กะพริบวาบสองสามครั้ง เจ้าผลนี้ก็บินสูงขึ้นไปร้อยกว่าจั้งขณะที่มีอักขระโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนล้อมรอบอยู่
แต่ทันใดนั้นผลสวรรค์ทมิฬพลันหมุนติ้วๆ ขนาดขยายใหญ่ขึ้นสองสามเท่า อักขระโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนสั่นสะท้านแล้วแผ่ขยายออก จากนั้นก็เปล่งแสงสีขาวเจิดจ้าราวกับไอกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วน เหล่าอักขระทยอยกันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วถูกตีให้เข้ากันจนแตกออกเป็นชิ้นๆ
เมื่อแสงหม่นแสงลง ลำแสงสีขาวพลันสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หลังจากที่ผลสวรรค์ทมิฬเปลี่ยนรูปร่างไปแล้ว ก็ลอยคว้างอยู่กลางอากาศไม่ขยับเขยื้อน
ได้เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หานลี่ตกตะลึงจนตาค้าง
แต่เขาก็ได้สติขึ้นมาในทันที ชั่วขณะนั้นพลังปราณที่เก็บสั่งสมไว้พลันทะลักออกมาจากยอดเศียรเทวรูป ราวกับกระแสน้ำอย่างไรอย่างนั้น
ชั่วขณะนั้นร่างเทวรูปพลันสั่นเทา หลังจากรัศมีสีทองเรืองรองบนร่างหมุนโคจรไปมาแล้ว ก็เปล่งแสงสว่างวาบและขยายออกไปทั้งสี่ทิศแปดด้าน
ครั้งนี้รัศมีเรืองรองพลันลอยขึ้นเหนือศีรษะของหานลี่ราวกับพระอาทิตย์สีทองดวงหนึ่ง
“มารศักดิ์สิทธิ์ขี่ตะวัน!”
วลีอันน่าพิศวงถูกถ่ายทอดออกมาจากปากของหานลี่
ทันใดนั้นเศียรทั้งสามของเทวรูปก็ยืดออกพร้อมกัน แขนทั้งหกโบกสะบัดไปรอบด้าน เสียงกรีดร้องต่ำๆ ยาวๆ ดังออกมาจากปาก
ดวงอาทิตย์สีทองขยายใหญ่และหดเล็กลง แล้วพลันระเบิดออก
หลังจากเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น ระลอกคลื่นสีทองเป็นวงๆ พลันซัดกระเพื่อมออกมาราวกับมีรูปร่างจับต้องได้
ทุกแห่งที่ระลอกคลื่นสีทองกวาดผ่านไป ลำแสงสีทองที่แต่เดิมดูเหมือนลายแพรไหมไม่ขยับเขยื้อนพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ทันใดนั้นก็ล่าถอยไปด้านหลัง
ในรัศมีสิบจั้งเศษซากของลำแสงสีทองล้วนถูกบีบให้ถอยออกไปโดยมีหานลี่เป็นใจกลาง
เขาได้อิสระภาพคืนมาในพริบตา
อิทธิฤทธิ์ที่เรียกว่ามารศักดิ์สิทธิ์ขี่ตะวันนี้ คือเคล็ดวิชาลับชนิดหนึ่งที่หานลี่เรียนรู้ด้วยตนเองจากเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ หลังจากบรรลุระดับหลอมสุญตา
ความจริงแล้วมันเป็นแค่การอาศัยพลังของเทวรูป นำอานุภาพของเคล็ดวิชาทั้งหมดมารวมเอาไว้ในจุดเดียว แล้วค่อยปล่อยออกมา
การโจมตีที่ดูธรรมดาเมื่อครู่ ความจริงแล้วได้สำแดงพลังปราณกว่าครึ่งของหานลี่ไปจนเกลี้ยงแล้ว
แน่นอนว่าหานลี่ไม่รู้ว่าหากเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ผสมเข้ากับเคล็ดวิชาเทวรูปมารในเวลาเดียวกัน จะเป็นธาตุที่พิเศษอย่างสุดๆ และเปลี่ยนเป็นเคล็ดวิชาอีกชนิดหนึ่งได้ เกรงว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ก็ไม่อาจสลัดการควบคุมของลำแสงโลหิตได้
ไม่พูดไม่ได้ว่าดวงของเขาช่างดีไม่เลวจริงๆ
ในเวลาเดียวกันกับที่หลุดพ้นจากพันธนาการ หานลี่ก็สูญเสียพละกำลังไปมหาศาลแล้ว
หลุมดำในเขตอาคมลำแสงสีโลหิตกลางอากาศพลันเปล่งเสียงกรีดร้องออกมา เส้นไหมโลหิตสีแดงสดจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา เพียงกะพริบวาบ ก็ห่อหุ้มผลสวรรค์ทมิฬด้านล่างเอาไว้ได้แล้ว
ผลสวรรค์ทมิฬกลับดูเหมือนว่าจะมีจิตวิญญาณอย่างไรอย่างนั้น ผิวของมันสั่นเทาเบาๆ แล้วเปล่งแสงสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วนออกมา
พริบตานั้น เมื่อลำแสงสีขาวและเส้นไหมโลหิตตัดสลับกันไปมา ก็เปล่งเสียงระเบิดดังเปรี๊ยะๆ ไม่หยุด แม้ว่าลำแสงสีขาวจะคมกริบเป็นพิเศษ ตัดเส้นไหมโลหิตกว่าครึ่งออกเป็นชิ้นๆ แต่ก็ดูเหมือนว่าตอนท้ายจะแผ่วกำลังลง หลังจากหม่นแสงลง เส้นไหมโลหิตที่ไม่สมบูรณ์ก็ยังรัดผลทมิฬสวรรค์เอาไว้อย่างแน่นหนา ราวกับรังไหมโลหิตยักษ์รังหนึ่ง!
แม้ว่าผลสวรรค์ทมิฬจะพยายามต่อสู้ดิ้นรนอยู่ในเส้นไหมโลหิต มันสั่นเทาไม่หยุด แต่ลำแสงสีขาวสองระลอกที่ปล่อยออกมาก่อนหน้า ก็เห็นได้ว่าทำให้มันสูญเสียพละกำลังไปจนหมดแล้ว หลังจากถูกเส้นไหมโลหิตดึงลากไป เจ้าผลนี้ก็ยังคงพุ่งเข้าไปในหลุมสีดำสนิท
แต่ในตอนนั้นเอง ฉับพลันนั้นด้านล่างลำแสงโลหิตพลันมีลำแสงสีทองระเบิดออกมา ทำให้ลำแสงโลหิตส่วนใหญ่กระจายตัวออก
ทันใดนั้นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งก็พุ่งแหวกลำแสงโลหิตออกมา แค่กะพริบวาบครั้งหนึ่งก็มาอยู่ใกล้กับรังไหมโลหิต ลำแสงวิญญาณกะพริบวาบ พลันกลายเป็นมือยักษ์สีเขียวตะปบลงมา
เสียง ปัง ดังขึ้น มือยักษ์สีเขียวคว้ารังไหมโลหิตเอาไว้แน่น ในมือยักษ์มีกระบี่ลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบจำนวนนับไม่ถ้วน ตวัดตัดลงไปยังเส้นไหมโลหิตเหล่านั้น
แต่เหตุการณ์แปลกประหลาดพลันเกิดขึ้น กระบี่ลำแสงชะงักค้างอยู่เหนือเส้นไหมโลหิต กะพริบแสงสว่างวาบราวกับภาพมายาก็ไม่ปาน ไม่อาจทำอะไรเส้นไหมโลหิตเหล่านั้นได้เลยสักนิด ลำแสงสีเขียวหม่นแสงลง มือยักษ์สีเขียวกลายเป็นเงาร่างของหานลี่ แขนเสื้อของเขาข้างหนึ่งกะพริบแสงสีเขียววาบ แล้วเข้าพันรัดผลทมิฬสวรรค์ทมิฬเอาไว้
แต่เส้นไหมโลหิตเหล่านั้นมีแรงดึงมหาศาลกว่าที่หานลี่จินตนาการเอาไว้ แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ผลสวรรค์ทมิฬก็ยังลอยสูงขึ้นไปอย่างช้าๆ หากไม่ใช่เพราะตัวของผลสวรรค์ทมิฬเองพยายามดิ้นรนขัดขืน และต่อต้านพลังมหาศาลของเส้นไหมโลหิต เกรงว่าแค่กะพริบวาบสองสามครั้งก็ถูกดึงเข้าไปในหลุมดำกลางอากาศแล้ว
แต่เช่นนั้น การที่ผลสวรรค์ทมิฬจะถูกดึงเข้าไปในหลุมดำก็เป็นเพียงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอีกชั่วครู่เท่านั้น
หานลี่รู้สึกร้อนใจ ฉับพลันนั้นอีกมือหนึ่งพลันชี้ไปที่กระบี่บินสีเขียวเล่มหนึ่ง
หลังจากที่กระบี่บินเล่มนั้นเปล่งเสียงร้องยาวๆ ออกมา ฉับพลันนั้นตัวกระบี่ก็รางเลือนไป คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นรอยสีเขียวจางๆ ราวกับว่าหายตัวไปอย่างไรอย่างนั้น
นี่คืออิทธิฤทธิ์ระดับหลอมสุญตาของกระบี่วิญญาณ
ทันใดนั้นก็เห็นรอยสีเขียวเปล่งแสงสว่างจ้า เสียง ฉับๆ ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เส้นไหมโลหิตที่ดูเหมือนจะล่องหนไปเช่นกันนั้นพลันถูกสับออกจนนับไม่ถ้วน
หานลี่พลันดีอกดีใจ สะบัดแขนเสื้อไปอย่างไม่ต้องขบคิด ชั่วครู่ก็กลายเป็นเส้นไหมสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกไป ในเวลาเดียวกันกระบี่บินเล่มอื่นๆ ก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วไล่ตามมาข้างหลังของหานลี่ จมหายเข้าไปในร่างของเขาอย่างไร้เงา
จากความเร็วของหานลี่ แค่กะพริบวาบสองครั้งก็มาอยู่ห่างออกไปสองร้อยจั้งแล้ว เมื่อกะพริบวาบอีกสองสามครั้ง ก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
หานลี่ที่อยู่ท่ามกลางลำแสงหลีกหนี ผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ในที่สุดก็คิดว่าโชคดีรอดพ้นมาได้แล้ว
แต่ในตอนนั้นเอง กลางอากาศพลันมีสิ่งแปลกพิกลปรากฏขึ้น!
หลุมดำในเขตอาคมลำแสงสีโลหิตหดเล็กลงกลางหลุมดำ หมอกสีแดงโลหิตสายหนึ่งพุ่งออกมา เพียงเลือนหายไปก็ข้ามผ่านระยะทางสองร้อยจั้งด้วยพลังมหาศาลได้อย่างแปลกประหลาด ไล่ตามมาอยู่ข้างกายของหานลี่
หานลี่พลันตะลึงงัน หมอกสายนี้รวดเร็วเกินไปแล้ว
เขาไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร ก็รู้สึกว่าเบื้องหน้ามีลำแสงสีโลหิตสว่างวาบ แม้แต่คนและผลสวรรค์ทมิฬก็ถูกม้วนเข้าไปในสีแดงโลหิต
ทันใดนั้นผิวหนังของหมอกก็มีลำแสงสีโลหิตสว่างวาบ เปลี่ยนทิศทางพุ่งกลับไป
ความเร็วของมันน่าเหลือเชื่อเช่นกัน หลังจากกะพริบวาบก็จมหายเข้าไปในหลุมดำ
ชั่วพริบตาที่หมอกกระโจนเข้าไปในหลุมดำ เขตอาคมลำแสงสีโลหิตกลางอากาศก็ส่งเสียงอึกทึกดังสนั่นออกมา ชั่วขณะนั้นเมฆโลหิตรอบด้านพลันหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ในเวลาเดียวกันพลันมีอัสนีสีโลหิตเป็นสายๆ ปรากฏขึ้น
หลังจากที่เขตอาคมลำแสงมีอักขระจำนวนมากทะลักออกมา ก็เริ่มรางเลือนไม่ชัดเจน
หานลี่ที่ถูกหมอกล้อมรอบอยู่พลันรู้สึกว่าศีรษะหนักอึ้งแต่เท้าเบาหวิว ชั่วครู่ก็สูญเสียพลังในการบิน จึงพ่นกระบี่บินเล่มหนึ่งออกมาสับไปทางหมอกสายนั้น แต่กลับถูกดีดกลับมาอย่างไม่เป็นผล
ครั้งนี้เกรงว่าต่อให้เขาสำแดงกระบี่บินระดับกระบี่วิญญาณหลอมสุญตาออกมา ก็ยังคงไม่อาจแหวกผ่านหมอกผืนนี้ไปได้
ในตอนนั้นเอง ลำแสงรอบด้านพลันหม่นแสงลง ทันใดนั้นพลันมีเสียงกรีดร้องโหยหวนของภูตผีดังขึ้น
จากนั้นระลอกคลื่นที่แข็งแกร่งพลันปรากฏขึ้นรอบด้าน
หานลี่ร้องอุทานว่า ‘แย่แล้ว’ ในใจ หัวใจตกลงไปถึงตาตุ่ม