A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1531 เมฆโลหิต

ท้องฟ้าที่แต่เดิมกำลังแจ่มใสไร้กลุ่มเมฆ จุดที่ไกลออกไปพลันกลายเป็นสีแดงสดราวกับยามที่พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า  

 

 

จากนั้น เมฆโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนก็ม้วนวนมาจากทางนั้น ชั่วครู่ก็มาถึงเหนือศีรษะของหานลี่อย่างเงียบเชียบ และทอดตัวแผ่ขยายไปยังจุดที่ไกลออกไปอย่างรวดเร็ว 

 

 

ชั่วพริบตาในครรลองสายตาของหานลี่ก็กลายเป็นสีแดงโลหิต กลางอากาศมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ราวกับว่าร่างทั้งร่างไปอยู่ในแดนที่ไม่คุ้นเคยในพริบตาอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

หานลี่สูดดมกลิ่นคาวเลือดไปสองครั้ง ใบหน้าพลันซีดเผือดไปเล็กน้อย 

 

 

กลิ่นอายนี้คือกลิ่นคาวโลหิตสดๆ อย่างแน่นอน! 

 

 

เมฆโลหิตจำนวนมากขนาดนี้ ต้องมีโลหิตสดๆ จำนวนมากขนาดไหนถึงได้มีปรากฎการณ์ที่น่าตกตะลึงตรงหน้าได้ 

 

 

ครานี้หานลี่ระมัดระวังตัวขึ้นเป็นอย่างมาก! 

 

 

เขาหยุดลำแสงหลีกหนี ชุดคลุมอัสนีบนร่างปรากฎขึ้น และชั่วครู่ก็กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวชั้นหนึ่ง แล่นเปรี๊ยะปร้าง แทบจะในเวลาเดียวกันบนผิวหนังก็มีลำแสงสีทองปรากฎขึ้นจางๆ เกราะเกล็ดสีทองปรากฎขึ้น แผ่นหลังมีภาพลวงตาสามเศียรหกหัตถ์ปรากฎขึ้น 

 

 

หานลี่เองกลับเอาสองมือกอดอก เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า สองตาหรี่ลงลำแสงสีฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบลางๆ 

 

 

ปรากฎการณ์ประหลาดเบื้องหน้า ทำให้เขาจำใจต้องสงสัยว่าตนเองถูกอะไรจับจ้องอยู่หรือไม่ โชคดีจากพลังยุทธ์ของเขาและอิทธิฤทธิ์ใหม่ของเขาในครานี้ ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมร่างลงมือ ก็ไม่ถึงกับว่าจะไม่มีโอกาสหนี ดังนั้นเขาจึงยังคงเผยสีหน้าสุขุมเยือกเย็นเป็นพิเศษออกมา 

 

 

แน่นอนว่าชั่วพริบตานั้นเขาพลันแผ่จิตสัมผัสออกไป แผ่ขยายครอบคลุมไปรอบด้าน หมายจะตามหาศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ 

 

 

แต่สิ่งที่ทำให้หานลี่รู้สึกหนักอึ้งพลันปรากฎขึ้น 

 

 

เมื่อหานลี่แผ่จิตสัมผัสออกไปในระยะหมื่นลี้ในพริบตา ก็ไม่อาจหาศัตรูที่คาดเอาไว้พบ แต่กลับพบว่าท้องฟ้าที่ห่างออกไปหมื่นลี้ก็เป็นเหมือนกับที่เขาอยู่อย่างไรอย่างนั้นจากจิตสัมผัส ทุกแห่งหนล้วนถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยเมฆโลหิตสีแดงสด  

 

 

หานลี่สูดลมหายใจอันเย็นเยียบเข้าไปเฮือกหนึ่ง  

 

 

หรือว่าไม่ได้ถูกใครจับจ้องอยู่ แต่ตกอยู่ในเขตอาคมลึกลับ 

 

 

หานลี่อดที่จะขบคิดเช่นนี้ไม่ได้! 

 

 

หลังจากที่มีสีหน้าเคร่งขรึมสลับกับสดใสชั่วครู่แล้ว ฉับพลันนั้นเขาพลันกลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกไป หลังจากกระพริบวาบสองสามครั้ง ก็หายไปจากขอบฟ้า 

 

 

ไม่ว่าเหตุใดถึงมีปรากฎการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น เขาก็ควรจะหนีไปให้ไกลจะดีกว่า 

 

 

จากพลังยุทธ์ของหานลี่ในครานี้ เมื่อดำเนินการเต็มอัตรา สายรุ้งสีเขียวก็กลายเป็นเส้นไหมสีเขียวพุ่งแหวกอากาศไปภายในพริบตา ท้องฟ้าด้านนี้มีเสียงดังขึ้น ครู่ต่อมาก็มาปรากฎที่ปลายของขอบฟ้าอีกฝั่ง ชั่วพริบตาก็หนีออกไปร้อยจั้ง 

 

 

ความเร็วเช่นนี้ แทบจะไม่ด้อยไปกว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมร่าง 

 

 

ถึงเจ้าสิ่งนี้จะเป็นสาเหตุที่ทำให้หานลี่พลังยุทธ์ของหานลี่พัฒนาขึ้นในครานี้ก็ตาม แต่สาเหตุสำคัญก็ยังเป็นเพราะความเร็วที่น่าตกตะลึงของกระบี่บินเจ็ดสิบสองเล่มที่หลอมขึ้นใหม่ มันบางเบาและเหมือนล่องหนได้ 

 

 

หานลี่บินด้วยกระบี่บินเล่มหนึ่ง ถึงได้สำแดงความสามารถที่น่าตกตะลึงเช่นนี้ออกมาได้ 

 

 

หานลี่รู้สึกตกตะลึงกับความเร็วของกระบี่ตนเองเป็นอย่างมาก และรู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย ทันใดนั้นก็ทั้งดีใจสลับกับตื่นตะลึง  

 

 

แต่รอยยิ้มที่ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของหานลี่กลับคงอยู่ได้ไม่นานนัก ครู่ต่อมาก็แข็งค้าง สุดท้ายก็หายวับไปอย่างไม่เห็นเงา สีหน้ายากจะเหลือเชื่อพลันปรากฎขึ้นแทน  

 

 

เห็นเพียงเขาบินออกมาล้านลี้ภายในอึดใจเดียว คาดไม่ว่ายังคงถูกเมฆสีโลหิตประหลาดปกคลุมเอาไว้ ไม่มีท่าทีจะสุดปลายทางเลยสักนิด 

 

 

หานลี่พลันรู้สึกตื่นตกใจ ยิ่งกระตุ้นความเร็วของลำแสงหลีกหนีให้รวดเร็วยิ่งขึ้น 

 

 

เมื่อหานลี่บินอย่างต่อเนื่องมาได้กว่าครึ่งชั่วยาม สีแดงโลหิตกลางอากาศก็ยังคงเหมือนเก่า ในที่สุดลำแสงสีเขียวก็หม่นแสงลง เผยร่างของตนเองออกมาจากลำแสงหลีกหนีอีกครั้ง 

 

 

หานลี่ในครานี้มีสีหน้าเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก 

 

 

เห็นได้ชัดว่าเขาตกอยู่ในเขตอาคมประหลาดอะไรสักอย่าง ราวกับว่าไม่มีเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้ แต่เขตอาคมกว้างใหญ่ขนาดนี้ ช่างเป็นสิ่งที่น่าตกใจจริงๆ 

 

 

หานลี่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ ขบคิดหาวิธีหนีออกไปอย่างรวดเร็ว 

 

 

แต่ไม่รอให้หานลี่คิดอะไรออก ฉับพลันนั้นเมฆโลหิตกลางอากาศก็หมุนวน คาดไม่ถึงว่าจะมีกอักขระสีโลหิตขนาดเท่ากำปั้นปรากฎออกมา อักขระเหล่านี้หมุนติ้วๆ อยู่ใต้ก้อนเมฆ แล้วเปล่งเสียงร้องทุ้มต่ำออกมา 

 

 

เสียงทุ้มต่ำนี้ดังขึ้นเรื่อยๆ แล้วเริ่มแสบแก้วหูขึ้นเรื่อยๆ 

 

 

หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ พลันใจหายวาบ ไม่ทันต้องขบคิด สองมือพลันร่ายอาคม ลำแสงสีเขียวบนร่างสว่างวาบ กระบี่บินสีเขียวเจ็ดสิบสองเล่มพุ่งออกมาจากส่วนต่างๆ ของร่างกาย ลอยวนล้อมหานลี่เอาไว้ ฉับพลันนั้นพลันกลายเป็นดอกบัวสีเขียวเจ็ดสิบสองดอก บินเริงระบำขึ้นลงไปมา 

 

 

แต่หานลี่กลับไม่หยุดแค่นั้น หลังจากปล่อยกระบี่บินออกมาแล้ว มือหนึ่งพลันตะปบออกไปกลางอากาศ เงาสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ ภูเขาขนาดสองสามชุ่นลูกหนึ่งปรากฎขึ้นบนมือ 

 

 

โยนออกไปอย่างไม่ต้องขบคิด! 

 

 

ภูเขาขนาดย่อมสีดำพลันพลิ้วไหว ชั่วพริบตาก็มีความสูงสิบจั้งเศษ ต้านทานอยู่บนศีรษะของหานลี่ ปกป้องด้านบนเอาไว้อย่างแน่นหนา 

 

 

แม้ว่าจะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่หานลี่ก็ยังคงทำการป้องกันหลายชั้นในชั่วพริบตา 

 

 

ในคราที่หานลี่เหมือนกำลังเผชิญหน้ากับศึกใหญ่นั้น อักขระสีโลหิตกลางอากาศก็ลดต่ำลงพร้อมกัน ราวกับว่าหาเป้าหมายเจออย่างไรอย่างนั้น เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งเข้ามาหานลี่พร้อมกัน 

 

 

เหนือศีรษะยังพอว่า มีภูเขาเทวะดูดปราณขนาดมหึมาต้านทานอยู่ อักขระเหล่านั้นไม่อาจผ่านเข้ามาได้ แต่รอบด้านและด้านล่างที่มีอักขระสีโลหิตปรากฎขึ้น กลับพุ่งเข้ามาหาหานลี่อย่างบ้าคลั่ง 

 

 

หานลี่หน้าเปลี่ยนสี ชี้ไปที่ดอกบัวสีเขียวรอบด้านอย่างไม่ต้องขบคิด 

 

 

ชั่วขณะนั้นดอกบัวเหล่านี้พลันหมุนคว้าง ชั่วครู่ก็สร้างภาพมายากระบี่ลำแสงสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้น สับลงไปที่อักขระสีโลหิตรอบด้านอย่างรุนแรง 

 

 

เสียง “ฉับๆ” ดังขึ้น อักขระทั้งหมดถูกสับออกกลายเป็นหมอกโลหิตในพริบตา พริบตานั้นพลันระเบิดออกรอบด้าน หมอกโลหิตเหล่านั้นหมุนวน คาดไม่ถึงว่าจะม้วนเข้ามาทางช่องว่างของกระบี่ลำแสงสีเขียว 

 

 

แต่หานลี่พลันคำรามเสียงต่ำๆ ออกมา ประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวบนร่างเปล่งแสงขึ้นพร้อมกัน รวมตัวกันกลายเป็นตาข่ายไฟฟ้ายักษ์ชั้นหนึ่งท่ามกลางเสียงฟ้าผ่า ชั่วครู่ก็ทยอยกันดีดหมอกโลหิตที่เข้ามาประชิดออกไป 

 

 

ในคราที่หานลี่กำลังรู้สึกผ่อนคลายนั้น ชั่วพริบตานั้นก็จมหายเข้าไปในเมฆโลหิตกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย 

 

 

ชั่วขณะนั้นเมฆโลหิตพลันสั่นเทาอย่างรุนแรง หลังจากเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น ยันต์โลหิตความกว้างสามสิบจั้งก็ลดระดับลงมาจากหมู่เมฆ แล้วเผยร่างออกมา  

 

 

ยันต์โลหิตชนาดใหญ่เช่นนี้ แม้ว่าจะเป็นหานลี่เห็นเข้าก็ยังมีสีหน้าเขียวคล้ำ 

 

 

สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง เขาชี้ไปที่ภูเขาสีดำเหนือศีรษะ 

 

 

หลังจากภูเขาลูกนี้เปล่งเสียงคำรามออกมา เส้นไหมลำแสงสีเทาจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมา ตัดสลับกันไปมา คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นตาข่ายสีเทายักษ์ผืนหนึ่งเหนือศีรษะ เตรียมประจัญหน้ากับยันต์โลหิตยักษ์ที่กำลังลดระดับลงมา 

 

 

แต่ฉากที่ทำให้หานลี่ตกตะลึงพลันปรากฎขึ้น! 

 

 

ยันต์ยักษ์ไม่ได้ลดระดับลงมาอย่างที่เขาจินตนาการเอาไว้ แต่หมุนวนอยู่ใต้เมฆโลหิต ในเวลาเดียวกันผิวของยันต์ก็มีลำแสงสีโลหิตประหลาดๆ โลดแล่นไปมา 

 

 

หานลี่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเป็นเวลาหนึ่งถ้วยน้ำชา แต่ก็ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น! 

 

 

ขมวดคิ้วมุ่น เขารู้สึกงุนงงกับเจตนาของยันต์ยักษ์ไปเล็กน้อย  

 

 

แต่ทันใดนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี หานลี่ดูเหมือนว่าจะพบอะไรเข้า มือหนึ่งตบไปที่กำไลเก็บของที่มืออีกข้าง 

 

 

ชั่วขณะนั้นม่านลำแสงสีเขียวพลันเปล่งแสงสว่างวาบ กล่องหยกใบหนึ่งบินออกมา หลังจากหมุนวนรอบหนึ่งก็ร่อนลงในมือ 

 

 

บนฝ่ากล่องหยกมียันต์หลากสีสันสองสามแผ่นแปะอยู่ แต่ในครานี้ล้วนสั่นกระพืออยู่บนฝากล่องไม่หยุด ในเวลาเดียวกันก็เปล่งแสงระยิบระยับออกมา 

 

 

สิ่งที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าก็คือ ชั่วพริบตาที่หานลี่พินิจมองดีๆ อักขระสีโลหิตกลางอากาศก็ดูเหมือนว่าจะสัมผัสอะไรได้ พลางเปล่งแสงสว่างวาบ 

 

 

เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น ยันต์วิเศษสองสามแผ่นลุกไหม้ในชั่วพริบตา กลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา แล้วหายวับไป แทบจะในเวลาเดียวกัน เสียง “ตูม” ก็ดังสนั่นขึ้น 

 

 

ผิวของกล่องหยกมีลำแสงประหลาดเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นลำแสงสีขาวแล้วระเบิดออก สะเก็ดจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา 

 

 

หากเป็นผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดา เกรงว่าคงได้รับบาดเจ็บหนักไม่น้อย 

 

 

 แต่กายเนื้อของหานลี่แข็งแกร่งจนถึงระดับสูงสุด สะเก็ดเหล่านี้พุ่งมาถึงมือและร่างกายเขาแล้ว ก็ทยอยกันร่วงลงไปราวกับกระทบกับเหล็กล้าไร้สนิม 

 

 

ทว่าลำแสงสีขาวพลันหม่นแสงลง หลังจากระเบิดออก สิ่งหนึ่งก็ปรากฎนิ่งอยู่ตรงนั้น 

 

 

ผิวออกเหลือง แต่มีลวดลายดอกไม้สีเขียวดำเป็นเส้นๆ จารึกอยู่ มันเรียวบางราวกับกระบองไม้กระบองหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

คาดไม่ถึงว่าจะเป็นผลทมิฬสวรรค์ของหานลี่!  

 

 

เมื่อเห็นผลทมิฬสวรรค์ ชั่วขณะนั้นยันต์สีโลหิตกลางอากาศก็สั่นคลอนอย่างรุนแรง จากนั้นลำแสงสีโลหิตพลันเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าเสียงปังจะดังขึ้น สลายหายไปจากกลางอากาศ 

 

 

หานลี่หน้าเปลี่ยนสีไปสองสามครั้ง เผยสีหน้าตกตะลึงระคนสงสัยเป็นอย่างยิ่งออกมา  

 

 

ทุกอย่างที่อยู่เบื้องหน้าช่างน่าอัศจรรย์นัก! หรือว่าเมฆโลหิตเหล่านี้มาเพราะผลทมิฬสวรรค์ผลนี้! 

 

 

เขาอดที่จะขบคิดเช่นนี้ไม่ได้ 

 

 

แต่ไม่รอให้เขาได้ขบคิดถึงต้นสายปลายเหตุของทุกอย่าง ฉับพลันนั้นเสียงดังสนั่นก็ดังออกมาจากเมฆโลหิตกลางอากาศ 

 

 

หานลี่พลันตกตะลึง รีบร้อนเงยหน้าไปมอง 

 

 

ผลคือสถานการณ์ที่ปรากฎขึ้น ทำให้เขาตกใจจนสะดุ้งโหยง  

 

 

เห็นเพียงเมฆโลหิตกลางอากาศมีเสียงอึกทึกดังขึ้น ชั่วครู่ก็สร้างภาพลวงตาขึ้น ภาพลวงตาเหล่านั้นกว่าครึ่งล้วนเป็นเงาอสูรปีศาจชนิดต่างๆ ส่วนน้อยเป็นคนของเผ่าประหลาดที่หานลี่ไม่เคยเห็นมาก่อน หนึ่งในนั้นยังมีคนของเผ่าวิญญาณเหาะเหินอยู่ไม่น้อย 

 

 

แต่ไม่ว่าเงาอสูรหรือว่าเงาลวงตาของคนเผ่าประหลาด ทุกคนล้วนมีสีหน้าบิดเบี้ยว ดูเหมือนว่าจะเป็นเจ็บปวดยากจะรับไหว 

 

 

“บวงสรวงโลหิต!” จากประสบการณ์ของหานลี่ แค่มองสองสามวูบก็ดูอะไรออก ชั่วครู่ก็ร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง 

 

 

และในตอนนั้นเอง เงาลวงตาโลหิตทั้งหมดก็รวมตัวกันในเมฆโลหิต จากนั้นลำแสงสีโลหิตก็เปล่งแสงสว่างวาบ เขตอาคมลำแสงสีโลหิตที่แทบจะปกคลุมกว่าครึ่งของท้องฟ้า ค่อยๆ ปรากฎขึ้น 

 

 

หานลี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ฉับพลันนั้นพลันพลิกฝ่ามือคว้าผลทมิฬสวรรค์เอาไว้ จากนั้นร่างกายพลันเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ ชั่วพริบตาก็กลายเป็นเส้นไหมสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกไปร้อยกว่าลี้ 

 

 

เมื่อเขาเห็นสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล ก็รีบถอนตัวหนีไปทันที 

 

 

หลังจากกระพริบวาบสองสามครั้ง เส้นไหมสีเขียวก็หายวับไปจากขอบฟ้าอย่างไร้ร่องรอย 

 

 

ส่วนใจกลางเขตอาคมลำสแงยักษ์ในรัศมีสองสามลี้ กลับยังคงก่อตัวขึ้นอย่างไม่ร้อนรน ไม่มีท่าทีจะหยุดเพียงเพราะหานลี่หนีออกมาเลยสักนิด  

 

 

หลังจากผ่านไปหนึ่งมื้ออาหาร ภายใต้การเหาะเหินเต็มอัตรา หานลี่ออกมาในรัศมีล้านลี้ได้ในชั่วอึดใจ แต่ก็ยังคงอยู่ในอาณาเขตปกคลุมของเมฆโลหิต  

 

 

แต่เขตอาคมลำแสงยักษ์นั้นกลับถูกสลัดออกไปอย่างไม่เห็นเงา  

 

 

หานลี่พ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ลำแสงหลีกหนีพลันหยุดชะงักไปเล็กน้อย ในที่สุดก็ลดระดับความเร็วลงชั่วคราว 

 

 

พริบตานี้เมฆโลหิตที่อยู่กลางอากาศพลันเกิดเสียงอึกทึกขึ้น! 

 

 

หานลี่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ ก็จิตใจหนักอึ้ง เงยหน้าขึ้นอย่างรีบร้อน  

 

 

เห็นเพียงเมฆสีโลหิตที่แต่เดิมเงียบสงบ พลันสลายออกในทันที จากนั้นท้องฟ้ากว่าครึ่งพลันบิดเบี้ยว ลำแสงสีโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบ เขตอาคมลำแสงขนาดยักษ์ปรากฎขึ้น 

 

 

เขตอาคมลำแสงที่ลึกลับเช่นนี้พลันหมุนวน ห่อหุ้มหานลี่เอาไว้ในใจกลางของเขตอาคมลำแสง  

 

 

หานลี่มีสีหน้าซีดขาวไร้สีโลหิต  

 

 

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเขตอาคมลำแสงนี้มีประโยชน์ใด แต่เขตอาคมยักษ์ที่น่าตกตะลึงเช่นนี้ไล่ตามมาติดๆ อย่างไม่ลดละ แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่เรื่องดีอะไร  

 

 

ทันใดนั้นร่างของหานลี่พลันเปล่งแสงสีเขียวออกมาอย่างไม่ต้องขบคิด หมายจะหลีกหนีไปอีกครั้ง  

 

 

ในตอนนั้นเองเขตอาคมลำแสงสีโลหิตกลางอากาศกลับเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น!  

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Type: Author: ,
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset