ผิวกระจกเปล่งแสงสีเงินระยิบระยับ ชั่วครู่สูบหมอกโลหิตเข้าไปข้างในกระจก
กระจกที่แต่เดิมเป็นสีเงินระยิบระยับ ชั่วพริบตาก็กลายเป็นสีแดงสดไร้ที่เปรียบ
จากนั้นม่านลำแสงสีเงินที่พ่นออกมาพลันสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย แล้วพ่นหมอกลำแสงห้าสีออกมาอีกครั้ง
ฉากที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฎขึ้น
ชั่วพริบตาที่หมอกลำแสงห้าสีประกอบตัวกันขึ้นอีกครั้ง ผิวของมันพลันมีหมอกวิญญาณสีขาวนวลเป็นกลุ่มๆ พ่นออกมา
หมอกเหล่านี้หมุนวนกายเป็นภาพวาดประหลาดที่ชัดเจน
ทุกสิ่งในภาพวาดแผ่นนี้ล้วนเหมือนถูกสร้างขึ้นจากม่านหมอกอย่างไรอย่างนั้น! นอกจากขนาดที่หดเล็กลงกว่าด้านนอกสองสามเท่าแล้ว ทุกอย่างก็ดูเสมือนจริง สมจริงเป็นอย่างยิ่ง
หานลี่มองรูปภาพในม่านหมอก รูม่านตากลับหดเล็กลง
ทัศนียภาพในภาพวาดช่างคุ้นตานัก ภูเขาขนาดย่อมบริเวณใกล้เคียงกับริมทะเลหมอกอเวจีทมิฬ บนยอดเขามีเผ่าประหลาดแต่งกายแตกต่างกันสองคนยืนเคียงไหล่กันอยู่ตรงนั้น
เผ่าประหลาดทั้งสองคนนั้นดูคล้ายคลึงกับเผ่ามนุษย์ คนหนึ่งร่างกายสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลา บนศีรษะมีเขาเดี่ยวสีเงินระยิบระยับงอกออกมา ราวกับชายหนุ่มที่อายุเพิ่งจะสามสิบปีเศษ อีกคนหนึ่งมีเรือนผมสีแดงสดยาวถึงเอว มีดวงตาของมัจฉาไร้ชีวิต ตรงโหนกแก้มมีเกล็ดที่คล้ายกับเกล็ดของมัจฉาอยู่รางๆ สวมชุดหนังอสูรสีเขียว
ครานี้ทั้งสองคนกำลังหันหน้าไปทางทะเลหมอกอเวจีทมิฬ กำลังปรึกษาอะไรกันอยู่ด้วยเสียงแผ่วเบา
ภาพที่หมอกสีขาวสร้างขึ้นกลับไม่อาจมีผลในการถ่ายทอดเสียงได้ จึงไม่อาจได้ยินคำพูดต่างๆ ได้เลยสักนิด
หานลี่แค่มองทั้งสองคนก็รู้ว่าไม่ใช่คนของเผ่าวิญญาณเหาะเหิน ในใจจึงรู้สึกหนักอึ้งไปเล็กน้อย
หากเป็นคนของเผ่าวิญญาณเหาะเหิน เขาใช้ฐานะของบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าวิหคสวรรค์ออกโรงไป คิดดูแล้วก็คงจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่เมื่อเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวของเผ่าประหลาดเผ่าอื่น ทุกอย่างจึงพูดยากแล้ว
ตัวประหลาดเฒ่าเหล่านี้ล้วนเป็นคนคุ้มดีคุ้มร้าย หากถูกอีกฝ่ายลงมือสังหารอย่างไร้มูลเหตุ จะไม่เป็นการตายอย่างไม่เป็นธรรมหรือ แต่หากออกจากที่นี่ แล้วไปซ่อนตัวสักระยะ ทำให้อีกฝ่ายตกใจ จะเป็นการทำให้อีกฝ่ายโกรธาหรือไม่นะ หานลี่ครุ่นคิดด้วยสีหน้าลังเล
ในตอนนั้นเอง ความเปลี่ยนแปลงพลันปะทุขึ้น
ชายหนุ่มสวมอารมณ์สีขาวมีเขางอกออกมาเขาหนึ่งซึ่งกำลังพูดคุยอยู่นั้น พลันหันมาประสานสายตากับหานลี่ด้วยสีหน้ามีเลศนัย ทันใดนั้นสองตาก็ระเบิดลำแสงสีเงินเจิดจ้าออกมา
หานลี่รู้สึกเพียงว่าดวงตาทั้งสองข้างเจ็ดปวด ถอยกรูดไปสองก้าวด้วยความร้อนลน หลับตาทั้งสองข้างลงด้วยความตื่นตระหนก
แทบจะในเวลาเดียวกัน ใบหน้าที่แต่เดิมชัดเจนก็ลางเลือน หลังจากเสียงหึ่งๆ ดังขึ้น ก็ระเบิดออกท่ามกลางลำแสงสีเงิน
หลังจากเสียง “ปัง” ดังขึ้น ก็กลายเป็นหมอกสีขาวเป็นกลุ่มๆ แล้วสลายหายไป
หานลี่ยืนตะลึงงันอยู่ที่เดิม เผยสีหน้าประหวั่นออกมา
ทุกอย่างที่มองเห็นเมื่อครู่ เป็นสิ่งที่เขากระตุ้นไข่มุกมังกรที่มีอิทธิฤทธิ์มหัศจรรย์อย่างไม่เสียดายปราณแท้สร้างขึ้น
สามารถอาศัยไข่มุกสองสามเม็ดที่ฝังอยู่ในบริเวณรอบ ถ่ายทอดสถานการณ์รอบๆ มาได้ชั่วคราว และยิ่งไปกว่านั้นยังซ่อนเร้นอำพรางได้เป็นอย่างดี
แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า จิตสัมผัสของชายหนุ่มเผ่าประหลาดเขาเดี่ยวผู้นั้นจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แค่มองสองสามวูบ ก็ถูกอีกฝ่ายมองออก จากนั้นก็สำแดงอิทธิฤทธิ์ทำลายเขตต้องห้ามของตน
สองคนนี้อยู่ในระดับหลอมร่างอย่างแน่นอน แม้กระทั่งอาจจะอยู่ในระดับขั้นสูงส่งอย่างระดับขั้นกลาง
ครานี้อีกฝ่ายรู้ว่าตนเองลงมือแล้ว จะต้องหนีไปในทันทีหรือไม่? หานลี่รู้สึกลังเลไม่แน่ใจ
นั่นไม่ใช่เพราะว่าหานลี่คิดว่าอาจจะโชคดีอะไร แต่เพราะกลัวว่าการเคลื่อนไหวอย่างสะเพร่าของตนเอง จะทำให้หายนะอย่างการถูกสังหารเข้ามาหาตน
ในคราที่หานลี่กำลังลังเลใจไม่แน่นอนนั้น ห่างออกไปสองสามพันลี้ จุดที่มีทัศนียภาพเหมือนในรูปภาพ ลำแสงสีฟ้าบนดวงตาของชายหนุ่มเผ่าประหลาดเขาเดี่ยวผู้นั้นพลันสลายหายไป
“สหายหมิ่น เจ้าพบอะไรหรือ?” ดวงตาปลาตายของเผ่าประหลาดเอ่ยปากถามขึ้น
“ไม่มีอะไร เมื่อครู่มีคนใช้เขตอาคมชนิดหนึ่งแอบสังเกตการณ์พวกเรา แต่ถูกข้าทำลายไปแล้ว เขตอาคมเหล่านี้ค่อนข้างน่าสนใจ” ชายหนุ่มเขาเดี่ยวหัวเราะน้อยๆ ออกมา มือหนึ่งตะปบไปกลางอากาศในบริเวณนั้น!
เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น ไข่มุกสีขาวที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินของยอดเขาถูกสูบขึ้นมา แล้วตกลงในมือของชายหนุ่มเขาเดี่ยว
เผ่าประหลาดผู้งดงามคว้าไข่มุกเม็ดนั้นเอาไว้ในมือ วางอยู่ในระดับสายตา ปากก็เอ่ยชื่นชมในความมหัศจรรย์ของมัน
“คิดไม่ถึงว่าที่นี่จะมียุทธภัณฑ์ตรวจตราที่มีฝีมือละเอียดและงดงามชนิดนี้ แม้นว่าจะอยู่ในระดับต่ำ แต่ก็ใช้การได้จริง ต่อให้เป็นเผ่าของเจ้าและข้าก็มีผู้ที่เชี่ยวชาญยุทธภัณฑ์ประเภทนี้อยู่น้อยมาก”
“พี่หมิ่นวิจารณ์สิ่งนี้สูงส่งถึงเพียงนี้! ของที่ฝังอยู่ที่นี่คงไม่ได้มีแค่เม็ดเดียวสินะ” เผ่าประหลาดตาปลาพลันตกตะลึง กวาดจิตสัมผัสไปในบริเวณนอบ ลำแสงสีฟ้าบนร่างเปล่งแสงสว่างวาบ ฉับพลันนั้นก็หายไปจากที่เดิม
ครู่ต่อมาคนก็มาปรากฎตัวในจุดที่ไกลแสนไกล ตะปบมือไปที่พื้นดินเบาๆ เช่นกัน
‘ไข่มุกหมื่นมังกร’ อีกเม็ดหนึ่งพุ่งออกมา ตกอยู่ในมือของคนผู้นี้
เผ่าประหลาดตาปลาร่างกายพลิ้วไหวอีกครั้ง แล้วหายวับไปอีกครั้ง กลับมาอยู่ที่เดิมอย่างเงียบเชียบ
“แม้ว่าจะค่อนข้างพิเศษ แต่เจ้าสิ่งนี้ไม่มีผลอะไรกับสองเผ่าอย่างพวกเรานัก ในเผ่าของพวกเราก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มียุทธภัณฑ์ตรวจตราที่ดีกว่านี้” หลังจากที่เผ่าประหลาดตาปลาพิจารณาเสร็จแล้ว กลับหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา ในมือเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ ไข่มุกหมื่นมังกรกลายเป็นน้ำแข็งในชั่วพริบตา
จากนั้นเสียง “ปัง” ก็ดังขึ้น ไข่มุกระเบิดออกกลายเป็นเศษน้ำแข็งกองหนึ่ง แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
“พี่เจี่ยนกล่าวผิดแล้ว! แม้นว่าในเผ่าของพวกเราจะไม่ได้ไม่มีของประเภทนี้ และยิ่งไปกว่านั้นยังมีช่องโหว่มากมายด้วย แต่ก็เพียงพอที่จะกล่าวได้ว่าความสามารถในการหลอมยุทธภัณฑ์ของเผ่าวิญญาณเหาะเหินดูเหมือนจะสูงส่งกว่าในตำนานเป็นอย่างมาก ดูแล้วการคาดการณ์เผ่าวิญญาณเหาะเหินเดิมของเผ่า จะคลาดเคลื่อนแล้ว!” ชายหนุ่มเผ่าประหลาดเขาเดี่ยวกลับเอ่ยอย่างราบเรียบออกมา
“อ๋อ ในเมื่อสหายกล่าวเช่นนี้ พวกเราก็ไปจับคนผู้นั้นกันเถิด ลองสอบถามสักหน่อยเป็นอย่างไร” มนุษย์ตาปลากลอกตาไปมา มุมปากเผยรอยยิ้มเ**้ยมเกรียมขึ้น
“ช่างเถิด ครั้งนี้พวกเรามาเพื่อเจรจรากับเผ่าวิญญาณเหาะเหิน ไม่ได้มาเพื่อก่อสงคราม เคล็ดวิชาหลอมยุทธภัณฑ์ของคนเผ่าวิญญาณเหาะเหินจะเป็นอย่างไร รอจนพวกเราเข้าไปในพื้นที่ของพวกเขา มองปราดเดียวก็รู้แล้ว เหตุใดต้องทำอะไรให้วุ่นวาย พลังยุทธ์ของคนผู้นี้ไม่ได้อ่อนแอ หากเป็นญาติห่างๆ ของตัวประหลาดเฒ่าแห่งเผ่าวิญญาณเหาะเหินเหล่านั้นล่ะก็ อาจจะทำให้พวกเราพลาดเรื่องใหญ่ไปก็เป็นได้ และยิ่งไปกว่านั้นพวกเราก็ได้ประโยชน์ที่คาดไม่ถึงมาหนึ่งอย่างมิใช่หรือ?” ชายหนุ่มเขาเดี่ยวเอ่ยไปพลาง แววตาที่ฉายแสงประหลาดๆ จ้องเขม็งไปยังหมอกสีดำ เผยสีหน้าละโมบออกมา
“เหอๆ พี่เจี่ยนพูดมีเหตุผล คนของเผ่าวิญญาณเหาะเหินเหล่านี้ช่างไม่รู้จักของดีจริงๆ ไอทมิฬเที่ยงแท้ที่ล้ำค่าขนาดนี้ คาดไม่ถึงว่าจะเอามาไว้ในจุดที่ไม่มีคนดูแลเช่นนี้ จะได้สะดวกต่อเจ้าและข้าพอดี” มนุษย์ตาปลาได้ยินสหายร่วมทางกล่าวเช่นนี้ ก็เผยแววตาตื่นเต้นออกมาเช่นกัน
“คนเผ่าวิญญาณธรรมดาๆ นั้นพูดยาก แต่ตัวประหลาดเฒ่าสองสามคนในเผ่าวิญญาณเหาะเหินนั้นไม่มีทางไม่รู้ประโยชน์ของหมอกผืนนี้แน่ เจ้ากับข้าระวังหน่อยจะดีกว่า! ว่ากันตามตรงแล้วหากไม่ใช่เพราะตอนนี้ต้องการสิ่งนี้จริงๆ ข้าก็ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับคนเผ่าวิญญาณเหาะเหิน” ชายหนุ่มเขาเดี่ยวชักสายตากลับมา แล้วเผยสีหน้าลังเลออกมา
“ฮ่าๆ พี่หมิ่นยังกลัวว่าเผ่าวิญญาณเหาะเหินจะกล้าลงมือกับพวกเราสองคนอีกหรือ? ที่เราสองคนมาในครั้งนี้ เป็นตัวแทนของทั้งสองเผ่า นอกเสียจากตัวประหลาดเฒ่าของเผ่าวิญญาณเหาะเหินเหล่านั้นจะเสียสติ อยากให้เผ่าของพวกเขาถูกสังหารในแดนวิญญาณ มิเช่นนั้นต่อให้รู้ว่าพวกเราเอาไอทมิฬเหล่านี้ไป ก็ไม่กล้าทำอะไรพวกเราอยู่ดี” มนุษย์ตาปลากลับหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมาอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
“อาจจะกระมัง ทว่าที่พวกเราสองคนข้ามมหาสมุทรมาในครั้งนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ เดิมทีคราที่ตรวจสอบตำแหน่งที่กระบี่สับวิญญาณสวรรค์ทมิฬปรากฎตัว หลังจากบวงสรวงโลหิตแล้วคิดไม่ถึงว่าจะไม่อาจเรียกสมบัติสวรรค์ทมิฬนี้ออกมาได้ หากไม่ใช่เพราะมหาปุโรหิตของเผ่าทำการทำนายอีกครั้งล่ะก็ พวกเราก็ไม่รู้ว่าสมบัติชิ้นนี้ถูกคนนำมาที่เผ่าวิญญาณเหาะเหินแล้ว นั่นมันแปลกไปหน่อย หรือว่ากระบี่สับวิญญาณสวรรค์ทมิฬตกอยู่ในมือของคนเผ่าวิญญาณเหาะเหินอยู่ก่อนแล้ว” ชายหนุ่มเขาเดี่ยวถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“น่าจะเป็นเช่นนั้นกระมัง หากไม่ใช่เพราะเผ่าเล็กเหล่านั้นจงใจส่งคนไปนำสมบัติสวรรค์ทมิฬนี้ออกจากแหล่งกำเนิด มาอยู่ที่เผ่าวิญญาณเหาะเหิน แต่มันก็ไม่แตกต่างอะไรกันสำหรับพวกเรา” มนุษย์ตาปลาเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นชา
“ไม่แตกต่างอะไรกันอย่างแน่นอน การร่วมมือกันของสองเผ่าอย่างพวกเราในครั้งนี้ต้องสูญเสีญศิลาวิญญาณไปมากโข ถึงได้ส่งตัวพวกเราข้ามมหาสมุทรมายังแผ่นดินใหญ่นี้ได้ ไม่มีทางปล่อยให้กระบี่สับวิญญาณสวรรค์ทมิฬตกไปอยู่ในมือของเผ่าอื่นแน่ หากเป็นสมบัติสวรรค์ทมิฬปกติก็ช่างเถิด แต่เมื่อกระบี่สับวิญญาณสวรรค์ทมิฬปรากฎตัว ก็จัดอยู่ในอันดับสาม สมบัติสวรรค์ทมิฬที่มีอานุภาพเช่นนี้ ไม่อาจปล่อยให้ตกอยู่ในมือของเผ่าอื่นได้ ไม่ว่าเผ่าใดในแผ่นดินใหญ่เทียนหยวนที่กล้าปฏิเสธที่จะมอบกระบี่เล่มนี้ได้ ล้วนต้องถูกเจ้าและข้าร่วมมือกันสังหารทิ้ง เผ่าวิญญาณเหาะเหินนี้นับว่ามีอำนาจอยู่บ้างในแผ่นดินใหญ่เทียนหยวน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับทั้งสองเผ่าที่ไม่อ่อนแออย่างพวกเราแล้ว แต่แค่การส่งคนข้ามมหาสมุทรมานั้น มันยุ่งยากไปหน่อยจริงๆ มิเช่นนั้นจะเกรงใจพวกเขาเช่นนี้หรือ” แววตาของชายหนุ่มเขาเดี่ยวฉายแววเย็นชา เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงเอาไว้ด้วยจิตสังหาร
“แน่นอน แม้ว่าจะนำกำลังของเผ่าเขาแมลงของพวกเจ้าและเผ่าราชันย์มหาสมุทรของพวกเจ้ามาแค่หนึ่งในสิบส่วน ก็สามารถล้มล้างเผ่าวิญญาณเหาะเหินได้อย่างง่ายดาย แต่การส่งกองทัพจากทางไกลนั้น อาจจะนำโอกาสมาสู่เผ่าเหล่านั้น ทางที่ดีที่สุดให้เผ่าวิญญาณเหาะเหินยอมเชื่อฟังดีๆ จะดีกว่า!” เผ่าประหลาดตาปลาหัวเราะอย่างน่ากลัว
“เอาล่ะ! ในเมื่อเจ้าและข้าไม่อยากทิ้งไอทมิฬเที่ยงแท้เหล่านี้ไป เช่นนั้นก็รีบลงมือเถิด จากนั้นก็รีบเดินทางไปเยี่ยมเยียนตัวประหลาดเฒ่าของเผ่าวิญญาณเหาะเหินเหล่านั้นอีกครั้ง” ชายหนุ่มเขาเดี่ยวพ่นลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็เอ่ยอย่างตัดสินใจ
“ฮ่าๆ พี่หมิ่นพูดถูกแล้ว” มนุษย์ตาปลาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สองมือรวบเข้าด้วยกัน ฉับพลันนั้นร่างกายพลันมีลวดลายสีฟ้าเป็นชั้นๆ ปรากฎขึ้น ชั่วพริบตาก็ขยายออกไปสองสามร้อยหมู่ แทบจะกินพื้นที่ครึ่งท้องฟ้า
ทันใดนั้นลำแสงวิญญาณพลันสว่างวาบ ชั่วพริบตานั้นลายสีฟ้าก็กลายเป็นคลื่นสีฟ้า
มนุษย์ตาปลาพลันอ้าปากออกพ่นน้ำเต้าสูงสองสามชุ่นสีสันแวววาวออกมาหนึ่งลูก ถือเอาไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง และพลิ้วไหวอยู่ท่ามกลางระลอกคลื่น
เสียงอึกทึกดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชั่วพริบตานั้นระลอกคลื่นน้ำรอบด้านก็หมุนวนอย่างบ้าคลั่งโดยมีน้ำเต้าเป็นศูนย์กลาง คลื่นรอบด้านสูงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายพลันพัดกระพือจนสูงถึงยี่สิบสามสิบจั้ง ห่อหุ้มมนุษย์ตาปลาเอาไว้ข้างใน
ชายหนุ่มเขาเดี่ยวที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนี้พลันยิ้มน้อยๆ ออกมา มือหนึ่งตบไปที่หน้าผากของตน
เสียงหวีดร้องดังขึ้น!
พายุใต้ฝุ่นสีเขียวกลุ่มหนึ่งม้วนออกมาจากหน้าผากของชายหนุ่ม ทันใดนั้นก็ขยายใหญ่ออกไป หลังจากกระพริบวาบสองสามครั้ง ก็กลายเป็นขนาดมหึมาเส้นผ่าศูนย์กลางสองสามจั้ง พวยพุ่งขึ้นไปสุดขอบฟ้า
เสียงหวีดร้องยาวๆ ดังออกมาจากพายุใต้ฝุ่น พายุที่บ้าคลั่งพลันหยุดลง คาดไม่ถึงว่าสลายออกบางเบาลง ตัวประหลาดมีเขาเปล่งแสงสีเขียวระยิบระยับสูงร้อยจั้งปรากฎขึ้นกลางอากาศ
ตัวประหลาดนี้มีเขายาวสีเงิน มีเขี้ยวงอกออกจากปาก สวมชุดเกราะทองแดงสีเขียว ขาหนาผอมบาง ขาหลังอ้วนสั้น มือถือใบมีดประหลาดสีดำเล่มหนึ่งเอาไว้ อีกมือหนึ่งถือขวดหยกสีเขียวขวดหนึ่ง