A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1530 กระบี่บินใหม่

เห็นเพียงกระบี่เล่มเล็กเจ็ดสิบสองเล่มพุ่งออกมาจากแขนเสื้อ แค่กระพริบวาบจางๆ ก็จมหายเข้าไปในไผ่สีเขียวมรกตเหล่านั้นจนหมด

 

 

จากนั้นหานลี่พลันใช้มือหนึ่งร่ายอาคม ปากพลันพ่นคำว่า “ขึ้น” ออกมา

 

 

ฉากที่น่าตื่นตาตื่นใจพลันปรากฎขึ้น

 

 

เห็นเพียงไผ่อัสนีทองทั้งหมดระเบิดเสียงฟ้าร้องออกมา พริบตานั้นไม่ว่าจะเป็นผิวของลำไผ่หรือว่าใบไผ่ล้วนเปลี่ยนจากสีเขียวมรกตเป็นสีเหลืองกรอบ จากนั้นพลันสั่นเทา สีเปลี่ยนกายเป็นสีเทาขาว ราวกับตายแล้วอย่างไรอย่างนั้น

 

 

ครานี้พายุอ่อนๆ ลุกหนึ่งพลันพัดผ่านมา ชั่วพริบตานั้นไผ่อัสนีทองก็กลายเป็นเถ้าถ่านหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

 

ส่วนที่เดิมจึงเหลือเพียงกระบี่บินยาวสองสามฉื่อสีเขียวเจ็ดสิบสองเล่ม ลอยอยู่เหนือพื้นไปสองสามฉื่อ ทุกเล่มต่างเผยท่าทีดุดันน่าเกรงขามออกมา

 

 

แขนมายาข้างหนึ่งกวักเรียกกลางอากาศ

 

 

เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น กระบี่บินเล่มหนึ่งเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบหมุนคว้างพุ่งออกไป ถูกคว้าเอาไว้ในมือ อ

 

 

หานลี่จ้องเขม็งกระบี่บินสีเขียวในมือชั่วครู่ ฉับพลันนั้นอีกมือหนึ่งก็ร่ายอาคมไปที่หลังกระบี่เบาๆ

 

 

ชั่วขณะนั้นลำแสงสีเขียวบนผิวกระบี่พลันพลิ้วไหว เปล่งเสียงร้องยาวๆ ราวกับมังกรคำรามออกมา

 

 

กระบี่บินพลันพลิ้วไหว สั่นเทาไม่หยุดราวกับมังกรวารีสีเขียวตัวหนึ่ง

 

 

หานลี่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แววตาเปล่งประกายสองครั้ง ฉับพลันนั้นฝ่ามือที่กุมกระบี่บินไว้พลันเปล่งแสงสว่างจ้า พลังวิญญาณที่น่าตกตะลึงถูกบีบเข้าไปในตัวกระบี่

 

 

ชั่วขณะนั้นกระบี่บินพลันเปล่งแสงสีเขียวอย่างบ้าคลั่ง ตัวกระบี่ที่เดิมทีดูชัดเจนแข็งแรงพลันเริ่มรางเลือนไป

 

 

หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง ยื่นนิ้วเปล่านิ้วหนึ่งออกไปแตะที่ตัวกระบี่

 

 

เห็นเพียงกระบี่บินเปล่งแสงสว่างวาบเล็กน้อย นิ้วทะลวงผ่านตัวกระบี่ไปไม่มีแรงต้านทานเลยัสกนิด

 

 

ราวกับว่ากระบี่บินเล่มนี้ไม่ใช่ของจริง เป็นแค่ภาพลวงตาอย่างไรอย่างนั้น

 

 

หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้พลันรู้สึกยินดี ทันใดนั้นสองมือพลันร่ายอาคม รวบรวมจิตสัมผัสกระตุ้นกระบี่บินทั้งหมดที่อยู่เบื้องหน้า

 

 

กระบี่บินทั้งเจ็ดสิบสองเล่มหมุนวนพวยพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ หลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง ก็ทยอยกันจมเข้าไปในร่างของหานลี่อย่างไร้ร่องรอย

 

 

ร่างของหานลี่มีลำแสงสีเขียวสว่างวาบ กลายเป็นสายรุ้งสายหนึ่งบินออกจากสวนสมุนไพร หลังจากกระพริบวาบสองสามครั้ง ก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

 

 

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ตีนเขาลูกยักษ์ซึ่งเป็นที่ตั้งของถ้ำพำนักหานลี่พลันมีสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า หนีไปยังทิศทางตรงข้ามกับหมอกอเวจีทมิฬ

 

 

จากจิตสัมผัสที่แข็งแกร่งของระดับหลอมร่างทั้งสามตน ต่อให้หานลี่อำพรางกายก็ไม่อาจปิดบังได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ปิดบังเลยสักนิด ขับเคลื่อนลำแสงหลีกหนีหนีไปยังขอบฟ้า

 

 

เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังออกมาจากที่ไกลออกไป ปลายขอบฟ้ามีม่านลำแสงปรากฎขึ้นในบางครั้ง ต่อให้เผ่าประหลาดทั้งสองตนสนใจเขา ครานี้ก็ไม่อาจปลีกตัวออกมาได้

 

 

หานลี่จึงมองเห็นโอกาสงามๆ ในครั้งนี้ แล้วถึงได้หนีเตลิดไปอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

 

 

ท่ามกลางการต่อสู้ที่อยู่ไกลออกไป ชายหนุ่มเขาเดี่ยวที่แปลงกายเป็นสัตว์ประหลาดเขี้ยวยาวตนหนึ่งปล่อยประจุไฟฟ้าสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาจากมือทั้งสอง โจมตีไปยังวิหคกระดูกที่พุ่งเข้ามาจนล่าถอยออกไป ปากก็เปล่งเสียงอุทานว่า “เอ๋” ออกมา หันหน้าไปมองทิศทางที่หานลี่หนีไปวูบหนึ่ง แววตาฉายแววเย็นชา

 

 

“พี่หมิ่นไม่ต้องสนใจเรื่องอื่น ออกแรงสังหารเจ้าเดรัจฉานตนนี้ให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน พวกเราออกแรงอีกหน่อย ก็ทำให้มันบาดเจ็บหนักได้แล้ว” อีกด้านหนึ่งมนุษย์ปลายักษ์ที่ถือสามง่ามในมือเอ่ยด้วยเสียงอู้อี้ออกมา

 

 

ดูแล้วเผ่าประหลาดตนนี้คงพบว่าหานลี่หนีไปแล้วเช่นกัน แต่ก็เอ่ยปากเตือนสติ

 

 

“ไม่ต้องให้เจ้าบอก ข้าก็รู้อยู่แล้ว” ชายหนุ่มเขาเดี่ยวที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดแค่นเสียงอย่างเย็นชาพลางตอบกลับไป เขาแหลมบนศีรษะเปล่งเสียงอัสนีฟ้าฟาดออกมา ประจุไฟฟ้าสีเขียวขนาดความหนาเท่าถังน้ำสายหนึ่งพุ่งออกมา หลังจากกระพริบวาบหนึ่งครั้ง ก็กลายเป็นมีดอัสนียักษ์เล่มหนึ่ง สับลงมาที่วิหคกระดูกตรงข้ามอย่างแรง

 

 

ส่วนวิหคกระดูกยักษ์ก็เปล่งเสียงร้องแหลมสูงออกมาอย่างไม่ยอมสำแดงความอ่อนแอ ชูกรงเล็บข้างหนึ่งขึ้นตะปบออกไปกลางอากาศ

 

 

กรงเล็บยักษ์ที่ดูพิสดารข้างหนึ่งมีไอสีดำพัวพันอยู่ปรากฎขึ้น และพุ่งไปยังมีดอัสนีตรงๆ

 

 

เสียงระเบิดอันน่าตกตะลึงพลันดังขึ้น ทันใดนั้นไอน้ำพลันกระจายตัวออกไปรอบๆ

 

 

มนุษย์ปลายักษ์เห็นเช่นนั้นพลันหัวเราะอย่างเ**้ยมเกรียมออกมา โบกสามง่ามในมือ พ่นแท่งน้ำแข็ง พายุใต้ฝุ่นและประจุไฟฟ้าสีขาวออกมาพร้อมกัน ตนเองก็พลิ้วไหวร่างกายพุ่งออกไป

 

 

การต่อสู้ของทั้งสามดูเหมือนว่าจะรุนแรงขึ้นหลายส่วนในชั่วพริบตา!

 

 

……

 

 

คราแรกหานลี่ขับเคลื่อนลำแสงหลีกหนีไปทางในแผ่นดินของเผ่าวิหคสวรรค์ แต่หลังจากหนีไปได้แสนลี้ก็เปลี่ยนทิศทางอ้อมไปในส่วนลึกของมหาสมุทร

 

 

นี่เป็นการที่เขาระมัดระวังตัวมาก ถึงได้ทำเช่นนี้

 

 

เพื่อไม่ให้เผ่าประหลาดทั้งสองตนสังหารวิหคกระดูกเก้าหัวได้ในระยะเวลาอันสั้น แล้วไล่ตามมาจากด้านหลัง

 

 

แน่นอนว่าการหลอกล่อเช่นนี้ ย่อมไม่มีความผิดพลาดแน่

 

 

ทว่าต่อให้เป็นเช่นนั้นในสิบวันแรกหานลี่ก็ยังคงไม่กล้าหยุดพักเลยสักนิด แค่หนีเข้าไปยังส่วนลึกของมหาสมุทรอย่างเต็มอัตราโดยไม่หยุดพัก หลังจากที่ไม่รู้ว่าบินหนีมาได้กี่หมื่นลี้ เมื่อมั่นใจว่าตนเองจะไม่ซวยพบกับเผ่าประหลาดทั้งสองแล้ว ถึงได้ผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง เปลี่ยนทิศทางทันที

 

 

เขาบินไปตามแนวของชายฝั่งอย่างช้าๆ

 

 

โดยปกติแล้วอสูรทะเลที่โหดเ**้ยมและภัยธรรมชาติต่างๆ ในส่วนลึกของมหาสมุทร มักจะมีมากกว่าบนแผ่นดินใหญ่หลายส่วน แม้ว่าพลังยุทธ์ของเขาจะอยู่ในระดับหลอมสูญ แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าจะเข้ามาลึกถึงเพียงนี้

 

 

ถึงอย่างไรเสียก็มีอันตรายที่ไม่รู้จักมากเกินไป

 

 

ทว่าหานลี่เองก็ไม่คิดจะอยู่ในอาณาเขตการควบคุมของเผ่าวิญญาณเหาะเหินต่อไป

 

 

ประการหนึ่งเป็นเพราะเผ่าวิหคสวรรค์ อีกด้านหนึ่งเป็นเพราะการมาถึงของเผ่าประหลาดระดับหลอมร่างทั้งสองตน ทำให้เขารู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดี นั่นจึงทำให้เขาตัดสินใจว่าจะหนีไปให้ไกลแสนไกลอย่างไม่ต้องขบคิดให้มากความ

 

 

เขาเตรียมตัวจะบินไปตามชายฝั่งของมหาสมุทรไปเรื่อยๆ ออกจากแดนของเผ่าวิญญาณเหาะเหินให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน

 

 

ประการแรกตามชายฝั่งไม่มีอสูรทะเลที่แข็งแกร่งอะไร ประการที่สองคนคือปกติแล้วของเผ่าวิญญาณมักจะเกลียดชังมหาสมุทร จึงไม่มีทางมาปรากฎตัวแถวนี้ง่ายๆ

 

 

หากเป็นเช่นนั้นล่ะก็ เขาก็จะหลบหลีกปัญหาไปได้จำนวนมาก

 

 

หานลี่วางแผนการอันเหมาะสมอยู่ในใจขณะห้อตะบึงไปข้างหน้า

 

 

จากพลังยุทธ์ของเขาในครานี้ แม้ว่าจะควบคุมความเร็วของตนเอง วันหนึ่งบินได้ระยะทางสองสามล้านลี้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เปลืองแรงอะไร

 

 

หานลี่บินไปพลาง หยิบกระบี่บินสีเขียวออกมาเล่มหนึ่งไปพลาง ใช้มือหนึ่งลูบไปมาพลางขบคิดอะไรสักอย่าง

 

 

กระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาธาตุไม้ที่กลายเป็นสีเขียวบริสุทธิ์ เปล่งแสงสีเขียวระยิบระยับ เริ่มลางเลือนลง และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อบรรจุพลังปราณเข้าไป ก็สามารถเปลี่ยนกลับมาเป็นของจริงได้ท่ามกลางลำแสง

 

 

หานลี่ใช้มือหนึ่งกุมด้ามกระบี่เอาไว้ หลังจากบรรจุลมปราณเข้าไปแล้วก็ตวัดเบาๆ

 

 

ลำแสงสีเขียวผืนใหญ่ระเบิดออกที่เบื้องหน้า ราวกับนกยูงรำแพงอย่างไรอย่างนั้น แต่เมื่อสะบัดข้อมือ ลำแสงสีเขียวทั้งหมดก็หม่นแสงลงกลับคืนเป็นกระบี่ยาวสีเขียวทันที ความเร็วของมันแทบจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ!

 

 

แน่นอนว่าใบหน้าของหานลี่ย่อมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง

 

 

เมื่อครู่ที่เขาตวัดกระบี่บิน แทบจะไม่รู้สึกถึงน้ำหนักและพลังแรงต้านใดๆ เลย นั่นหมายความว่าความแหลมและความเบาของกระบี่บินเล่มนี้อยู่ในจุดที่ผู้คนได้ยินเป็นต้องตื่นตะลึงแล้ว

 

 

เช่นนั้นหากควบคุมกระบี่บินเล่มนี้ล่ะก็ แค่ขบคิดก็สามารถพุ่งออกไปสองสามลี้และสังหารผู้คนได้ด้วยความคิดแล้ว

 

 

ทว่าหานลี่พลันขมวดคิ้วในทันใด

 

 

กระบี่บินเล่มนี้เปลี่ยนเป็นเบาหวิวและยิ่งไปกว่านั้นยังมีธาตุเดียว เกรงว่าระดับความแข็งแกร่งคงเทียบกับก่อนหน้าไม่ได้แล้วกระมัง

 

 

เมื่อขบคิดเช่นนี้ หลังจากที่หานลี่ลังเลเล็กน้อย อีกมือหนึ่งก็พลิกฝ่ามือ กระบี่บินที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วอีกเล่มปรากฎขึ้น

 

 

กระบี่บินสองเล่มพลิ้วไหว คาดไม่ถึงว่าจะตัดสลับกันเป็นกากบาท

 

 

ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ เสียงเคร้งดังออกมา

 

 

“แย่แล้ว!” หานลี่ตกใจจนสะดุ้ง ทันใดนั้นก็ร้องอุทานออกมา เพ่งสมาธิมองด้วยความร้อนใจ ชั่วขณะนั้นสีหน้าพลันดูไม่ได้ไปเล็กน้อย

 

 

เห็นเพียงจุดที่กระบี่บินสองเล่มปะทะกัน แยกออกเป็นสองส่วน กระบี่บินทั้งสองส่วนลอยอยู่ตรงหน้าเขา

 

 

คิดไม่ถึงว่าความแข็งแกร่งของกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาที่เพิ่งหลอมใหม่ จะเหนือกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้

 

 

“ไม่สิ กระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาเป็นสมบัติประจำกายของตน หากได้รับความเสียหาย ตนจะปลอดภัยได้อย่างไร” หานลี่รู้สึกตกตะลึงระคนสงสัยในทันที แต่เมื่อขบคิดอีกทีแล้ว ก็โยนกระบี่บินทั้งสองส่วนออกไป ในเวลาเดียวกันมือหนึ่งก็ร่ายอาคม

 

 

ฉากที่แปลกประหลาดพลันปรากฎขึ้น!

 

 

กระบี่บินทั้งสี่ส่วนสั่นเทาพร้อมกัน ฉับพลันนั้นสองส่วนพลันประสานเข้าด้วยกัน จากนั้นลำแสงสีเขียวพลันสว่างวาบ กระบี่บินนสองเล่มที่สมบูรณ์ไร้ความเสียหายพลันปรากฎขึ้นเบื้องหน้า

 

 

“กระบี่วิญญาณมายา!” หานลี่แววตาเปล่งประกาย ร้องออกอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง พลังลมปราณแต่เดิมที่เขาใส่ลงไปในกระบี่บินทำให้ตัวกระบี่เลือนราง ในใจจึงรู้สึกฉงนไปเล็กน้อย ครานี้นับว่ากระจ่างชัดแล้ว

 

 

นี่คือหนึ่งในอิทธิฤทธิ์ที่น่าเหลือเชื่อชนิดหนึ่งของผู้ฝึกกระบี่ในเผ่ามนุษย์!

 

 

หานลี่เคยได้ยินมาโดยตลอด แต่ไม่เคยเห็นหรือว่าได้ยินว่ากระบี่บินของผู้ฝึกกระบี่ระดับสูงผู้ใดมีอิทธิฤทธิ์ที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้

 

 

คิดไม่ถึงว่าหลังจากตัวเองใช้เคล็ดวิชาลับปลูกกระบี่ไปครั้งหนึ่ง กระบี่บินของตนเองจะมีอิทธิฤทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้

 

 

ว่ากันว่ากระบี่บินที่มีอิทธิฤทธิ์เช่นนี้ สามารถทำให้กระบี่บินอยู่ในสภาวะที่ไร้รูปร่าง และสามารถแยกออกเป็นหลายๆ ส่วนนับไม่ถ้วนได้ตามแต่ประสงค์ จากนั้นก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นดังเดิมได้อีกครั้ง

 

 

เช่นนั้นกระบี่บินที่มีอิทธิฤทธิ์นี้ก็สามารถกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งที่คงกระพัน นอกจากสมบัติพิเศษแล้ว ก็แทบจะไม่มีอะไรทำลายมันได้

 

 

แน่นอนว่านี่เป็นแค่ทฤษฎีเท่านั้น ทุกครั้งที่กระบี่บินแยกตัวออกแล้วรวมตัวกันอีกครั้ง แน่นอนว่าย่อมต้องเสียหายไปเล็กน้อย ในเวลาเดียวกันเจ้านายของกระบี่บินก็จะสูญเสียพลังลมปราณไปไม่น้อย

 

 

หากผ่านการแยกตัวออกหลายๆ ครั้ง หรือลมปราณของนายกระบี่บินหมดลง แม้ว่าจะมียุทธภัณฑ์กระบี่มายา กระบี่บินเหล่านี้ย่อมถูกทำลายอยู่ดี

 

 

แต่เช่นนั้นหานลี่ก็ยังรู้สึกดีอกดีใจเป็นอย่างยิ่ง

 

 

ครานี้เขาจึงเข้าใจขึ้นมาแล้วว่าเหตุใดชายชราแซ่เจียงเห็นวัตถุดิบที่เขาผสมเข้าไปในกระบี่บินของเขาแล้ว ถึงได้ไม่แยแสเช่นนั้น

 

 

เกรงว่ากระบี่บินของชายชราเองคงมีอิทธิฤทธิ์ที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้เช่นกัน ทว่าชายชราแซ่เจียงไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาปลูกกระบี่ กระบี่บินก็มีอิทธิฤทธิ์นี้ ไม่รู้ว่าต้องหลอมให้บริสุทธิ์นานแค่ไหนถึงได้มีอิทธิฤทธิ์เช่นนี้ได้

 

 

ไหนเลยจะเหมือนเขาที่อาศัยพลังของไผ่อัสนีทองและขวดเล็ก แค่ร้อยกว่าปีก็สามารถหลอมกระบี่บินให้บริสุทธิ์ถึงขั้นนี้ได้

 

 

อ้าปากออกพ่นม่านลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งออกมาจากปาก

 

 

กระบี่บินสองเล่มหมุนติ้วๆ อยู่กลางม่านหมอกสีเขียว ชั่วพริบตาก็หดเล็กลงเป็นสิบเท่า จนมีขนาดแค่สองสามชุ่น

 

 

จากนั้นม่านลำแสงพลันม้วนวน ชั่วขณะนั้นกระบี่บินพลันถูกหานลี่ดูดเข้ามาอยู่ในร่าง

 

 

หากอยากให้กระบี่บินเหล่านี้บริสุทธิ์มากกว่านี้อีกขั้น ไปอยู่ในขั้นที่สามารถเชื่อมโยงจิตใจกับกระบี่ได้ ล้วนไม่อาจอาศัยสิ่งของภายนอกได้ มีเพียงต้องอาศัยพลังปราณแท้ของตนเอง ค่อยๆ ฝึกฝนอย่างช้าๆ

 

 

หานลี่อารมณ์สุนทรีย์เป็นอย่างมาก ขับเคลื่อนลำแสงหลีกหนีบินตรงไปไม่หยุดไปพลาง เรียนรู้เขตอาคมกระบี่หลากวสันต์ต่อไปพลาง

 

 

วันเวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป หานลี่บินไปตามชายฝั่งเช่นนั้นกว่าครึ่งปี….

 

 

วันนี้หานลี่เพิ่งจะออกคำสั่งกับกระบี่บินสองสามเล่ม กระบี่ลำแสงพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วบินออกมาจากก้นทะเล สับงูเหลือมทะเลที่หมายจะโจมตีเขาออกเป็นหลายส่วน ฉับพลันนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกด้านหนึ่ง

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Type: Author: ,
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset