วิหคกระดูกพลันตะลึงงัน แต่กลับไม่ลนลาน กรงเล็บยักษ์ขนาดเท่าบ้านคู่หนึ่ง ตบปะไปที่หมอกสีฟ้าที่กำลังกระโจนเข้ามาอย่างรุนแรง
เสียง “สวบๆ” ดังขึ้น กรงเล็บลำแสงสีดำสนิทยี่สิบสามสิบสายปรากฎขึ้นกลางอากาศ ราวกับกระบี่ลำแสงยี่สิบสามสิบสายสับลงมาพร้อมกัน
หลังจากกระพริบวาบ ก็สับลงมาที่ม่านลำแสงสีฟ้าอย่างพอดิบพอดี
เสียงอึกทึกดังสนั่นขึ้น!
เมื่อม่านลำแสงสีฟ้าและลำแสงสีดำสัมผัสกัน ก็ถูกสับออกเป็นรอยแยกยี่สิบกว่าสายพร้อมกันราวกับผ้าขาด
แต่หลังจากลำแสงกระพริบวาบ ลำแสงสีฟ้าก็ประสานกันดังเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น กรงเล็บลำแสงสีดำยี่สิบสามสิบสากลับถูกหมอกลำแสงสีฟ้ากักเอาไว้ข้างใน และยิ่งไปกว่านั้นภายใต้ลำแสงสีฟ้าที่เปล่งแสงสว่างวาบ พลันถูกแช่แข็งจนกลายเป็นก้อนน้ำแข็งสีฟ้าก้อนหนึ่ง
ม่านลำแสงม้วนออกมาอีกครั้ง มาถึงเหนือหัวของวิหคกระดูกยักษ์ ทอดตัวลงมาอย่างน่าเกรงขาม
หัวที่อยู่ตรงกลางสุดของวิหคกระดูกเปล่งเสียงร้องแหลมสูงด้วยความโกรธเกรี้ยวออกมา ปีกกระดูกยักษ์สองข้างพลันสยายออกกลางอากาศพร้อมกัน
ไอสีเทาสองกลุ่มลอยออกมาจากปีกกระดูก โจมตีไปยังม่านลำแสงสีฟ้าที่กำลังลดระดับลงมาอย่างพอดิบพอดี
เมื่อทั้งสองปะทะกัน ลำแสงสีฟ้าและไอสีดำพลันตัดสลับพัวพันกัน เปล่งเสียงกึกก้องราวกับฟ้าผ่า ทันใดนั้นลำแสงสีฟ้าพลันเปล่งแสงเจิดจ้าขึ้น หลังจากหมุนวนสองสามรอบ ก็กลืนไอสีเทาเข้าไปข้างใน และกายเป็นก้อนน้ำแข็งขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากัน ปรากฎขึ้นกลางอากาศ
แต่เมื่อม่านลำแสงสีฟ้าไม่อาจลดระดับลงมาได้ด้วยเหตุนี้ ครานี้พลันถูกไอสีเทาต้านทานเอาไว้กลางอากาศไม่หยุด
แต่สถานการณ์ที่น่าตกตะลึงพลันปรากฎขึ้นนทันใด!
ท่ามกลางเสียงร้องอันเ**้ยมเกรียมของวิหคกระดูกเก้าหัว ก้อนน้ำแข็งทั้งหมดพลันเปล่งแสงประหลาด ผิวเรียบลื่นมีรูเล็กๆ ปรากฎขึ้นเต็มไปหมด ไอสีเทาทะลักออกมาจากรูเหล่านั้น ชั่วพริบตาก็กลืนก้อนน้ำแข็งเข้าไปข้างใน และทำให้พวกมันหายไป
คิดไม่ถึงว่าไอสีเทานี้จะมีการกัดกร่อนที่รุนแรงผิดปกติ แค่ไม่กี่อึดใจ ก็กลืนก้อนน้ำแข็งและกำปั้นลำแสงสีฟ้าไปจนเกลี้ยง
“ยังมีจิตสังหารของวิหคเก้าหัวตอนที่มีชีวิตอยู่ดังคาด ข้าอยากดูว่าจะยังหลงเหลือเอาไว้กี่ส่วน” มนุษย์ตาปลาที่อยู่ในลำแสงสีฟ้าซึ่งอยู่ไกลออกไปเปล่งเสียงอย่างเย็นชาออกมา
ทันใดนั้นพลันเห็นลำแสงสีฟ้าตรงนั้นสั่นเทาอย่างรุนแรง ขณะที่ลำแสงสาดส่องลงมาก็มีเสียงแหวกผ่านอากาศดังขึ้น ลูกบอลลำแสงสีฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากด้านใน
ลูกบอลลำแสงเหล่านี้มีขนาดเท่ากำปั้น ใสแวววาวราวกับของจริง หลังจากที่ถูกพ่นออกมา ก็เปล่งเสียงร้องประหลาดๆ แล้วตรงเข้าไปหาวิหคกระดูก
ก่อนหน้านี้วิหคกระดูกยักษ์ตัวนั้นได้ลิ้มรสความร้ายกาจของม่านลำแสงสีฟ้าแล้ว แน่นอนว่าย่อมไม่ดูแคลนการโจมตีต่อจากนี้ของศัตรูที่อยู่ตรงข้ามอีก ทันใดนั้นหัวตรงกลางพลันอ้าปากออก พ่นไอสีเทาที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วออกมา
ปีกกระดูกทั้งสองข้างเปล่งแสงสว่างวาบ ไอสีเทาสามกลุ่มผนึกเข้าด้วยกัน หมุนวนติ้วๆ เมื่อสัมผัสกับการโจมตีของอีกฝ่ายที่อยู่ตรงข้าม ลูกบอลลำแสงสีฟ้าก็เปล่งแสงสว่างวาบขณะที่ถูกกลืนกิน ทันใดนั้นเสียงระเบิดพลันดังขึ้น
ด้านในลูกบอลลำแสงทั้งหมดพลันกลายเป็นลำแสงวิญญาณราวกับดอกบัวน้ำแข็ง แต่ทันใดนั้นพลันเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วถูกไอสีเทาเหล่านี้กลืนกินไปอย่างไร้ร่องรอย
ไม่อาจสำแดงอิทธิฤทธิ์อะไรได้เท่าไหร่นัก!
แต่ลูกบอลลำแสงสีฟ้ากลับเรียงรายอยู่เต็มไปหมดราวกับไม่มีวันหมดสิ้นอย่างไรอย่างนั้น เมื่อลูกบอลลำแสงจำนวนมากขนาดนี้ระเบิดออก ทำให้ไอสีเทาที่กำลังม้วนวนเข้ามาหยุดชะงัก ถูกต้านทานเอาไว้ที่เดิม
“มีจิตสังหารไม่น้อยดังคาด ข้าจะลองดูอีกครั้ง!” เสียงของชายหนุ่มเขาเดี่ยวดังออกมาจากลำแสงสีฟ้า ทันใดนั้นลำแสงวิญญาณด้านในพลันพลิ้วไหว เงาร่างคนสายหนึ่งปรากฎขึ้น
นั่นก็คือชายหนุ่มเขาเดี่ยวผู้สง่างามผู้นั้น
เขาในครานี้สองมือกำลังร่ายอาคม เขาสั้นสีขาวบนหัวยาวขึ้นสองสามเท่าในชั่วพริบตา ในเวลาเดียวกันเงาลวงตาที่แผ่นหลังพลันพลิ้วไหว ตัวประหลาดยักษ์แปลงกายเหมือนก่อนหน้าพลันปรากฎขึ้น
เสียงฟ้าผ่าพลันดังขึ้น!
ประจุไฟฟ้าสีเขียวสายหนึ่งปรากฎขึ้นบนหัว
ชายหนุ่มก้มหน้าลงต่ำ ประจุไฟฟ้าสีเขียวดีดตัวพุ่งออกมาจากเขาเดี่ยว และเปลี่ยนเป็นหนาเท่าปากชาม ความยาวสิบจั้งเศษ
เขาสะบัดศีรษะไปมาอีกครั้ง ประจุไฟฟ้ายักษ์ลางเลือน ชั่วพริบตาก็แบ่งตัวจากหนึ่งส่วนเป็นสองส่วน สองส่วนเป็นสี่ส่วน สี่ส่วนเป็นแปดส่วน
ชั่วพวริบตากว่าครึ่งของท้องฟ้าก็มีประจุไฟฟ้าสีเขียวทอตัวอยู่เต็มไปหมด เสียงกรีดร้องแหบพร่าแสบแก้วหูพลันดังขึ้น ล้วนโจมตีไปยังวิหคกระดูกอย่างบ้าคลั่ง
วิหคกระดูกยักษ์เห็นสถานการณ์เช่นนั้นพลันตะลึงงัน แต่หัวที่อยู่ตรงกลางพลันเปลี่ยนทิศทางในการพ่นไอสีเทาอย่างไม่ต้องขบคิด หันไปทางประจุไฟฟ้าอันน่าตกตะลึงที่พุ่งเข้ามา
ชั่วพริบตาที่ทั้งสองกระทบกันอย่างดุเดือด ประจุไฟฟ้าส่วนใหญ่พลันเปล่งแสงสว่างวาบ ทยอยกันกลายเป็นตาข่ายไฟฟ้าสีเขียว
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น
ลำแสงสีเขียวและไอสีเทาตัดสลับกันไปมากลางอากาศ ด้านหนึ่งคือไอสีเทาเข้ม พายุทมิฬพลันเข้ามาเป็นระลอกๆ ด้านหนึ่งคือประจุไฟฟ้า เปล่งเสียงฟ้าฟาดออกไม่ไม่หยุดหย่อน
อิทธิฤทธิ์ทั้งสองต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน
แต่หลังจากผ่านไปชั่วครู่ชายหนุ่มที่อยู่ไกลออกไปพลันเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา มือหนึ่งพลันร่ายคาถา เขาเดี่ยวบนหัวพลันมีประจุไฟฟ้าสายหนึ่งดีดออกมา
ฉากที่เหมือนกันพลันปรากฎขึ้น ประจุไฟฟ้าสีเขียวสองสามร้อยสายโจมตีออกไปพร้อมกันในชั่วพริบตา
ชั่วพริบตาความสมดุลที่เปราะบางพลันถูกทำลายลง
ลำแสงไฟฟ้าสีเขียวพลันสั่นเทา ชั่วขณะนั้นพลันบีบจนไอสีเทาต้องล่าถอยไป ขณะที่ประจุไฟฟ้าสีเขียวพลันเปล่งเสียงครืนๆ ออกมา ก็เริ่มกลายเป็นมังกรวารีและงูเหลือมอัสนีไฟฟ้า กระโจนหมุนวนไปมาอยู่กลางไอสีเทาไม่หยุด
วิหคกระดูกยักษ์เห็นเช่นนี้ หัวทั้งเก้าก็ชูขึ้นเปล่งเสียงร้องพร้อมกัน จากนั้นพลันอ้าปากออกพร้อมกัน คาดไม่ถึงว่าจะพ่นเสาลำแสงสีดำเป็นสายๆ ออกมา
ความเร็วช่างน่าอัศจรรย์ใจนัก!
ประจุไฟฟ้าสีเขียวห้าสายแล่นไปมากลางอากาศ อีกสี่สายพุ่งไปหาลำแสงสีฟ้าด้านล่าง
กลางอากาศที่เสาลำแสงกวาดผ่านไปรอบๆ พลันมีไอร้อนฉ่าระอุขึ้น ไม่ว่าประจุไฟฟ้าหรือลำแสงสีฟ้าก็ทยอยกันสลายหายไปหลังจากถูกเสาลำแสงกวาดผ่าน ราวกับไม่อาจรับมือไหวอย่างไรอย่างนั้น
แค่เปล่งแสงสว่างวาบ เสาลำแสงเก้าสายก็พากันปรากฎตัวหน้าชายหนุ่มเขาเดี่ยวและมนุษย์ตาปลาที่ซ่อนอยู่ในลำแสงสีฟ้า แล้วทะลุผ่านไปในเวลาเดียวกัน
แต่ชั่วพริบตาที่ร่างของเผ่าประหลาดทั้งสองถูกเสาำแสงโจมตีผ่าน กลับแตกออกแล้วสลายหายไปราวกับฟองสบู่
คาดไม่ถึงว่าทั้งสองจะเป็นเงาลวงตาสองสายเท่านั้น
ครู่ต่อมาห่างออกไปอีกร้อยจั้งเศษ ระลอกคลื่นปรากฎขึ้น เงาร่างคนจางๆ สองสายเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฎขึ้น
นั่นก็คือร่างเดิมของเผ่าประหลาดทั้งสอง
“เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าคิดว่าจิตสังหารบนร่างของมันยังเหลืออยู่กี่ส่วน?” ชายหนุ่มเขาเดี่ยวพ่นลมหายใจยาวๆ ออกมา แล้วเอ่ยถามสหายร่วมทาง
“น่าจะไม่ถึงครึ่ง มีแค่หนึ่งในสามส่วนเท่านั้น!” มนุษย์ตาปลาหรี่ตาทั้งสองข้างลง เอ่ยถามอย่างไม่ต้องขบคิด
“อืม ไม่ต่างอะไรจากที่ข้าคิดมากนัก หากมีจิตสังหารเต็มเปี่ยมขณะที่ประมือกันคงไม่ถึงกับต้องพ่นลำแสงเทวะทลายวิญญาณออกมาไวเช่นนี้” ชายหนุ่มเขาเดี่ยวเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
“ดูท่าทางแล้ว พี่หมิ่นคงไม่ยอมทิ้งไอทมิฬวิญญาณเที่ยงแท้ และเตรียมรับมือการต่อสู้ครั้งนี้แล้วสินะ” มนุษย์ตาปลาเปล่งเสียงหัวเราะต่ำๆ ออกมา
“ในเมื่อซากอเวจีวิหคเก้าหัวตัวนี้มีจิตสังหารไม่เพียงพอ แน่นอนว่าข้าย่อมไม่มีทางทิ้งไอทมิฬเที่ยงแท้ไปแน่ ทว่าแปลกไปหน่อย ดูจากซากอเวจีตัวนี้แล้ว เหมือนว่าจะไม่ได้มีศักยภาพกระตุ้นไอทมิฬวิญญาณเที่ยงแท้บริสุทธิ์ในจำนวนมากเช่นนี้ได้” ชายหนุ่มเขาเดี่ยวมองทะเลหมอกสีดำที่ยังคงกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา แล้วพลันขมวดคิ้วขณะเอ่ย
“ใช่น่าฉงนนัก แต่ขอแค่ไม่มีซากอเวจีตนที่สองในไอทมิฬวิญญาณเที่ยงแท้ แล้วจะเกี่ยวอะไรกับพวกเรา? หากน้อยไปหน่อยล่ะก็ เจ้ากับข้าก็แบ่งกันยากหน่อย” มนุษย์ตาปลากลับหัวเราะหึๆ ออกมา
“สหายพูดถูก ข้าจะทำเต็มที่ก็แล้วกัน พยายามสังหารเจ้าเดรัจฉานนี้ให้ได้ในระยะเวลาอันสั้น!” หลังจากที่ชายหนุ่มเขาเดี่ยวขบคิดแล้ว ก็พยักหน้าสนับสนุน
“ข้าน้อยก็คิดเช่นนี้เช่นกัน” ใบหน้าของมนุษย์ตาปลามีความโหดเ**้ยมฉายแวบผ่าน
ครานี้วิหคกระดูกเก้าหัวที่อยู่ไกลออกไปเห็นการโจมตีของตนเองล้มเหลว ก็โกรธจนเนื้อเต้น สองปีกเปล่งแสงสว่างวาบไปด้านล่าง ร่างยักษ์พุ่งเข้าไปในทะเลหมอก ทันใดนั้นหลังจากเสียงร้องยาวๆ ดังขึ้น เงายักษ์สีดำก็บินออกมาจากด้านล่าง
ในรัศมีสองสามลี้ของม่านหมอก ล้วนถูกวิหคกระดูกหอบไป กายเป็นขนสีดำสนิทบนร่าง พุ่งกระโจนเข้าไปชายหนุ่มเขาเดี่ยวทั้งสองคนอย่างดุดัน
เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ เผ่าประหลาดทั้งสองคนที่มั่นใจมากว่าตนเป็นฝ่ายชนะ ก็อดที่จะใจหายวาบไม่ได้
ชายหนุ่มเขาเดี่ยวตบไปที่หน้าผากตนเองโดยไม่ปริปากใดๆ ชั่วครู่ก็กลายเป็นตัวประหลาดเกราะทองแดงสูงร้อยจั้ง ประจุไฟฟ้าสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฎขึ้นบนร่าง กระโจนเข้ามาอย่างไม่หวาดกลัวเลยสักนิด
ส่วนมนุษย์ตาปลากลับใช้มือหนึ่งตะปบออกไปกลางอากาศ ชั่วขณะนั้นในมือพลันมีสามง่ามสีทองเรืองรองปรากฎขึ้น
แค่ชูมือหนึ่งขึ้นสามง่ามพลันพลิ้วไหว
ชั่วขณะนั้นตรงปลายแหลมของสามง่ามพลันมีลำแสงวิญญาณสีฟ้า ขาวเหลืองสามสีที่ไม่เหมือนกันปรากฎขึ้น
ผิวของมนุษย์ตาปลาเองก็เปล่งแสงสีฟ้าออกมา กลายเป็นตัวประหลาดยักษ์หัวเป็นคนตัวเป็นมนุษย์ตนหนึ่ง จากนั้นร่างกายและสามง่ามในมือก็ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า กลายเป็นครึ่งมนุษย์ยักษ์
ตัวประหลาดยักษ์ตนนี้แค่สะบัดสามง่ามในมือ ชั่วขณะนั้นม่านลำแสงสามสีที่อยู่กลางอากาศก็เปล่งเสียงร้องพร้อมปรากฎขึ้น จากนั้นพลันกลายเป็นระลอกคลื่นสีฟ้า พายุที่บ้าคลั่งสีขาวและประจุไฟฟ้าสีเขียวเปล่งประกายสามชนิด
มันเคลื่อนย้ายกาย สามง่ามที่ถืออยู่เองก็กระโจนไปยังการต่อสู้เบื้องหน้า
ชั่วขณะนั้นเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นพลันดังขึ้น เสียงอัสนีระเบิดออกพลันดังขึ้น ท้องฟ้าและพื้นดินล้วนถูกสั่นคลอน เสียงการต่อสู้ดังออกไปไกลถึงหมื่นลี้…
การเคลื่อนไหวที่รุนแรงเช่นนี้ นอกเสียจากหานลี่จะหูหนวกก็ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่รู้สึก
แทบจะไม่ต้องขบคิด หานลี่กระตุ้นเขตอาคมต้องห้ามของไข่มุกหมื่นมังกรอยู่ในถ้ำพำนักอีกครั้ง มองดูสถานการณ์การต่อสู้ที่ห่างออกไปร้อยกว่าลี้คร่าวๆ จากไกลๆ
เมื่อเห็นกระดูกเก้าหัวในทะเลหมอกสีดำตนนั้นปรากฎกายอันใหญ่โตออกมา หานลี่ก็สูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าไปเฮือกหนึ่ง
นึกไม่ถึงเลยว่าในหมอกอเวจีทมิฬจะมีสิ่งที่น่ากลัวขนาดซ่อนตัวอยู่ ครั้งที่แล้วที่เขาออกมาจากหมอกแห่งนี้ คิดไม่ถึงว่าจะไม่ได้ไปรบกวนเจ้าสิ่งนี้ นับว่าโชคดีโดยแท้
มิเช่นนั้นจากอิทธิฤทธิ์ในการต่อกรกับระดับหลอมร่างสองตนของวิหคกระดูกตัวนี้ หากลงมือกับเขาแล้ว เขาคงมีแต่ต้องตายเพียงเท่านั้น
มองดูระลอกคลื่นยักษ์ที่ขยายใหญ่ขึ้นและทะเลหมอกด้านล่างที่หมุนวนไม่หยุดจากผลกระทบของการต่อสู้ของระดับหลอมร่างสามตน
รูม่านตาของหานลี่หดเล็กลง จ้องเขม็งไปยังยักษ์สาตนที่อยู่ท่ามกลางการต่อสู้ สีหน้าเคร่งขรึมสลับกับสดใสไม่แน่นอน
จากพลังของดวงตาเขาแน่นอนว่าย่อมมองออกได้ไม่ยาก เผ่าประหลาดทั้งสองตนดูเหมือนจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ และยิ่งไปกว่านั้นการต่อสู้ก็ดูเหมือนว่าจะกำลังเคลื่อนมายังจุดที่ถ้ำพำนักของตนเองตั้งอยู่
“แย่แล้ว ไม่อาจอยู่ที่นี่ต่อไปได้แล้ว ไม่ว่าการต่อสู้ของพวกมันจะกระทบกับถ้ำพำนักข้าหรือไม่ ครานี้เป็นโอกาสงามในการจากไป มิเช่นนั้นรอจนพวกมันตัดสินว่าผู้ใดเป็นฝ่ายแพ้ชนะ แล้วค่อยไปก็สายไปเสียแล้ว” หานลี่ขบคิดอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็ตัดสินใจ
ทันใดนั้นก็ไม่ลังเลอีก ร่างกายพลิ้วไหว ชั่วพริบตาก็กลายเป็นสายรุ้งสายหนึ่งพุ่งออกไป หลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง ก็สลายหายไปจากในห้องด๔ง
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ลำแสงสีเขียวพลันหม่นแสงลง หานลี่มาปรากฎตัวในสวนสมุนไพร
เบื้องหน้าของเขามีไผ่อัสนีทองหมื่นปีปลูกเรียงกันอยู่สองสามต้น ทุกต้นล้วนเป็นสีเขียวขจี
หานลี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง สองแขนออกแรงสะบัดไปทางต้นไผ่เหล่านั้น